นักข่าวที่ไม่ดีเขาหาว่า ดร.โสภณ หาผลประโยชน์ใส่ตัว เรื่อง "ฉาวโฉ่" นี้เป็นอย่างไรกันแน่มาดูกัน มาช่วยกันเปิดเผยความจริง! สืบเนื่องมาจาก ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) "มีเรื่อง" กับนักข่าว (เน้นเฉพาะนักข่าวที่ไม่ดีนะครับ ไม่ใช่นักข่าวทั้งผอง)* ในทุกวงการ ก็ย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดี ไม่ได้กล่าวหาทั้งวงการ พอดี ดร.โสภณ เป็น "หมูไม่กลัวน้ำร้อน" เสียด้วย จึงขอยกเป็นอุทาหรณ์ไว้จัดการกับสถานการณ์เยี่ยงนี้ ปรากฏว่ามีนักข่าวดีๆ ส่งข้อความมาให้กำลังใจมากมาย และมีอยู่ท่านหนึ่งได้แอบเตือนว่า "ทะเลาะกับนักข่าวและบรรณาธิการข่าว ถ้าไม่มีแผลก็ดีไป แต่ถ้ามีแผลต้องระวัง กรณีของอาจารย์ เขาลือว่า สร้างภาพ ทำตัวเป็นอาจารย์ เป็นผู้สอน เพื่อหาประโยชน์และชื่อเสียงเข้าบริษัทประเมินฯ และ บริษัทที่รับอบรม ต้องระวังตรงนี้" ข้อนี้เป็นสิ่งที่ ดร.โสภณ ขอขอบพระคุณที่จะได้มีโอกาสในการชี้แจง ดังนี้: 1. ดร.โสภณเป็นอาจารย์สอนด้านอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ตั้งศูนย์ข้อมูลฯ AREA (www.area.co.th) มาเมื่อปี 2534 ทั้งที่จุฬาฯ ธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนหลักสูตรขององค์การสหประชาชาติ สอนตั้งแต่อาจารย์ส่วนมากยังเป็นนักศึกษาอยู่ ทุกวันนี้ยังสอนไปถึงอาฟริกา อาเซียน ยุโรปและอนุทวีป 2. ศูนย์ข้อมูลฯ AREA จัดตั้งโรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.trebs.ac.th) ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ปี 2545 แล้ว และเป็นสถาบันที่ได้รับการรับรองให้จัดการศึกษาให้แก่นักวิชาชีพด้านบัญชี วิศวกรรม นายหน้า เป็นต้น แม้โรงเรียนไม่ได้ใช้สมบัติของสาธารณะ แต่ก็จัดการศึกษาโดยคิดค่าใช้จ่ายแบบประหยัดเพื่อประโยชน์ของผู้เรียน และถือผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่ผู้สอนเป็นศูนย์กลาง 3. ดร.โสภณ ไม่เคยหาผลประโยชน์ใส่ตัวด้วยการอาศัยตำแหน่งหน้าที่ ความเป็นอาจารย์ มาโกงเวลานักศึกษา มารับงานหากิน หรือจูงใจให้คนมาใช้บริการ ดร.โสภณ ยังรักษาจรรยาบรรณและความเป็นกลางโดยเคร่งครัด โดยไม่ประกอบธุรกิจนายหน้าหรือพัฒนาที่ดินเอง ทั้งที่มีข้อมูลมากมายอยู่ในมือ ดร.โสภณ ก็ไม่เคยไปเกาะนายทุนนักพัฒนาที่ดินรายใหญ่หากินโดยเป็นกระบอกเสียงใคร ไม่ไปมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกค้ารายใด 4. ความเป็นกลางที่ ดร.โสภณ ให้ความสำคัญนั้น ทุกคนที่เป็นสมาชิกข้อมูลของศูนย์ข้อมูลฯ AREA จะได้ข้อมูลในวันเดียวกัน ไม่มีใครมีอำนาจมาล้วงเอาข้อมูลไปให้ใครไปก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบคนอื่น ไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงการพัฒนาที่ดินรายใด มานั่งเป็นกรรมการของศูนย์ข้อมูลฯ AREA เลย อีกทั้งสร้างความภาคภูมิใจแก่ประเทศชาติในฐานะที่เป็นศูนย์ข้อมูลฯ ที่ใหญ่และมีข้อมูลกว้างขวางและรายงานผลได้ฉับไวที่สุดในอาเซียน 5. ที่สำคัญ ดร.โสภณ ไม่ได้หาลูกค้าด้วยการพาไป "ตีกอล์ฟหลุม 19" "เลี้ยงดูปูเสื่อ" หรือให้อามิสสินจ้างแก่ฝ่ายจัดซื้อเพื่อให้ได้งานมาทำ แต่ที่มีงานทำโดยไม่ต้องขายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และศักดิ์ศรีทางวิชาชีพ ก็เพราะความเป็นกลางทางวิชาชีพโดยแท้ ทุกคนที่เป็นสมาชิกข้อมูลของศูนย์ข้อมูลฯ AREA ได้ข้อมูลในวันเดียวกัน ไม่มีใครมีอำนาจมาล้วงเอาข้อมูลไปให้ใครไปก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบคนอื่น ไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงการพัฒนาที่ดินรายใด มานั่งเป็นกรรมการของศูนย์ข้อมูลฯ AREA เลย 6. ในส่วนของการบำเพ็ญประโยชน์นั้น ในกรณีต่อลูกจ้าง ก็จ่ายค่าจ้างและสวัสดิ์การที่ดีกว่ามาตรฐานทั่วไป (http://bit.ly/1m3ttc7) จนได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมายโดยไม่ได้ไปติดสินบนใครมา (http://bit.ly/1m3ttc7) และต่อส่วนรวม ดร.โสภณ ยังบริจาคเงินปีละหลายแสนบาทเพื่อสังคม ทั้งที่ไม่ได้มีกิจการขนาดใหญ่ ดร.โสภณถือคติว่า "Knowledge Is Not Private Property" มุ่งให้ความรู้ต่อส่วนรวม ยึดมั่นในความดีงาม แต่ "ไม่ดึงฟ้าต่ำ ไม่ทำหินแตก ไม่แยกแผ่นดิน" ไม่อ้างอิงสถาบันใด ๆ เพื่อ "เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น" อย่างแน่นอน มาช่วยกันตรวจสอบ ดร.โสภณ ได้เสมอ ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement2006.htm
เข้าใจว่า ดอกเตอร์คงได้อ่านกระทู้ที่ผมเขียนขึ้น สืบเนื่องจากการเห็นการใช้กระทู้จำนวนมากในบอร์ด ที่เพียงนำข้อความจากในพื้นที่ส่วนตัวมาเผยแพร่ รวมถึงการใส่เครดิตตนเองยืดยาว ขณะที่ไม่คิดมาตอบกระทู้ที่ตั้งไว้เองเลย เหมือนจะใช้พื้นที่ในบอร์ดเป็นเพียงพื้นที่เผยแพร่เครดิตของตนเอง และนำความคิดไปเผยแพร่ หาได้เป็นการตั้งกระทู้เพื่อสนทนาตามความตั้งใจของบอร์ดแต่อย่างใด รวมมาถึงกระทู้นี้ ที่แลดูคล้ายกระทู้แก้ต่าง แต่กลับไม่ตอบต่อข้อสงสัยในกระทู้ กลับแยกออกมาตั้งกระทู้ใหม่ บวกกับเครดิตของตนเองอย่างเต็มที่ไม่ต่างกับเดิม ซึ่งน่าจะรวมถึงการไม่ตอบอีกต่อไป แต่จะตั้งกระทู้อื่นๆ ใหม่ ในมุมกลับ สมมุติว่า ดอกเตอร์เป็นสมาชิกร่วมบอร์ดปกติ หรือบอร์ดของดอกเตอร์เองก็ตาม แล้วมีสมาชิกคนใด ใช้พื้นที่อันเป็นส่วนตัวของดอกเตอร์ หรือพื้นที่อันเป็นสาธารณะ มาใช้ประโยชน์ส่วนตน ในการโฆษณาตนเอง ยกหางตนเอง และไม่มีการแลกเปลี่ยนใดๆ ดอกเตอร์จะรู้สึกเช่นไรครับ ผมเชื่อว่า คำทักของผม คงไม่ใช่คำทักแรก คงมีเพื่อนสมาชิกหลายคนเอือมระอากับการกระทำเช่นนี้ จึงเลือกที่จะไม่ตอบกระทู้ของดอกเตอร์ ทำเป็นเช่นโพสต์ขยะที่ไม่พึงให้ความสำคัญ กระนั้น ดอกเตอร์ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไร นอกจากจะตั้งกระทู้ไปเรื่อยๆ ดังที่เรารู้กันว่า เมื่อคนเราทำชั่วได้ในครั้งแรก ครั้งที่ 2 จะตามมาได้อย่างง่ายดาย คล้ายที่เคยขึ้นรถไฟฟรีมาแล้ว ยังสามารถเอามาอวดได้ว่า เคยโกงค่าโดยสารรถไฟให้เสียชื่อประเทศ จะแปลกอะไรกับการตั้งกระทู้อวยตนเอง ถ้าดอกเตอร์ไม่เกิดความรู้สึกละอาย ผมก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทำอย่างไรให้ดอกเตอร์ได้เข้าใจเสียที
ผมเคยสงสัยว่าคนอย่างนายโสมมเขาจะสอนลูกอย่างไร อะไรคือคุณค่า(value)ที่เขาจะให้ลูกๆยึดถือ แต่พอได้อ่านอุบายขึ้นรถไฟฟรีทั้งครอบครัวที่ญี่ปุ่นที่ลูกสาวแกเขียนโอ้อวดต่อสังคม ผมก็กระจ่างแล้วว่านายโสมมแกถ่ายทอดคุณค่าและมาตรฐานทางจริยธรรมระดับใดให้กับสมาชิกครอบครัว ผมคาดว่าครอบครัวนี้น่าจะประสพความสำเร็จ แต่จะเป็นความสำเร็จที่ได้มาโดยไม่คำนึงถึงหลักจริยธรรม ความสัตย์ซื่อ การให้ และสัมมาทิฏฐิใดๆทั้งสิ้น ก็ขอให้ครอบครัวนายโสมมโชคดีครับ และขอแสดงความเสียใจต่อสังคมไทย เรามีกาฝากแข็งแรงอีกเถาหนึ่งมาช่วยเกาะกินสงคมเรา
แค่ตั้งกระทู้อวยตัวเอง แล้วก็ไม่มาตอบ ไม่มีความรับผิดชอบใด ๆ ก็เป็นคำตอบอย่างดีแล้วว่า หาผลประโยชน์ใส่ตัวเหรอป่าว ?
นักข่าวเขามาเห็นพฤติกรรมในเว็ปสภากาแฟครับ เขาเลยมองออกว่า ดร.โสภณ หาผลประโยชน์์ใส่ตัว แอบเนียนตั้งกระทู้ยกหางตัวเองแอบโฆษณาตัวเองและธุรกิจ โดยไม่รับผิดชอบ หวังแอบเนียนไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา พฤติกรรมเลวๆที่แอบพาทั้งครอบครัวแอบขึ้นรถไฟฟรี ไม่จ่ายตังค์ที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพฤติกรรมโกงเอาประโยชน์ใส่ตัว ที่น่ารังเกียจ ครัช