ปลดอดีตเลขาฯ กพฐ. ออกจากราชการ คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ อ.ก.พ. มีมติยืนตามที่คณะกรรมการสืบสวนวินัยร้ายแรง ให้ปลด นายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ นายไกร เกษทัน อดีตผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติกร ออกจากราชการ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบครูผู้ช่วยเมื่อปี 2556 สำหรับนายชินภัทร ปัจจุบันได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ยังต้องมีคำสั่งลงโทษ เนื่องจากเป็นผู้รับทราบเหตุการณ์ว่ามีการทุจริตในการสอบครูผู้ช่วย แต่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ระงับการสอบ และสั่งให้เร่งเผาทำลายข้อสอบทันที ส่วนนายไกร ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งอยู่ที่สำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ. มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบการเก็บข้อสอบและถือกุญแจตู้นิรภัยที่เก็บข้อสอบ เมื่อมีปัญหาการเฉลยข้อสอบรั่วเกิดขึ้นจึงต้องรับผิดชอบกรณีนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้งนายชินภัทร และนายไกร สามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ภายใน 30 วัน ปัญหาการทุจริตการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย เกิดขึ้นเมื่อปี 2556 โดยพบว่ามีการประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านซ้ำกันใน 2 เขตพื้นที่การศึกษา จึงมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมี DSI ร่วมสอบด้วย จนพบว่ามีข้อสอบรั่วจากส่วนกลาง 33 ชุด และพบผู้เข้าสอบประมาณ 486 คน มีคะแนนสูงผิดปกติ จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงผู้บริหาร และพบความผิดในที่สุด
คสช.ประกาศใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งปลด ผอ.สมศ. ชี้เพื่อให้การพัฒนาระบบการประเมินคุณภาพการศึกษา เป็นไปตามความมุ่งหมาย นักวิชาการเชื่อต้องเลื่อนประกันคุณภาพไป 2 ปีเพื่อปรับปรุงเกณฑ์ประเมิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผานมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ออกประกาศคำสั่งคสช.ที่ 23/2559 เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของผอ.สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. ว่า เพื่อให้การพัฒนาระบบการประเมินคุณภาพภายนอกและการประเมินผลการจัดการศึกษา อันเป็นกลไกสำคัญของการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษาในแต่ละระดับ เป็นไปตามความมุ่งหมายและหลักการตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการศึกษาของประเทศ จึงให้นายชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผอ.สมศ. ระงับการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และให้นายคมศร วงษ์รักษา รอง ผอ.สมศ.รักษาราชการแทน ผอ.สมศ.จนกว่าหัวหน้าคสช.ติจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ศ.ดร.ชาญณรงค์ ระบุยังไม่ทราบว่ามีคำสั่งให้ระงับปฏิบัติหน้าที่ ยังไม่ขอพูดอะไรมาก ด้าน ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า คำสั่งครั้งนี้เป็นการใช้อำนาจที่ถูกจุด และเชื่อว่าคนในวงการศึกษารู้สึกพอใจ เพราะเป็นเจตนาเพื่อแก้ปัญหาให้เกิดการพัฒนา สาเหตุคงเกิดจากความขัดแย้งในทางนโยบาย และแนวทางการทำงานระหว่าง สมศ. และผู้กำกับดูแล สมศ. หรือผู้รับฟังข้อมูลอย่างรัฐมนตรี และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดย สมศ.พยายามปฏิบัติตามกรอบเวลา เพื่อให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 4 ทั้งที่ในส่วนของรัฐมนตรี และ สปท.เห็นว่าการประเมินต้องชะลอออกไปก่อน 2 ปี เพราะที่ผ่านมาสมศ.มีจุดบกพร่องต้องปรับปรุงแก้ไข โดยเชื่อว่าคำสั่งนี้ น่าจะส่งผลให้การประกันคุณภาพต้องเลื่อนออกไปอีก 2 ปี เพื่อปรับปรุงรายละเอียดต่างๆทิศทางการทำงาน ให้มีหลักการคิด แนวคิด และแนวปฏิบัติ ตัวบ่งชี้ต่างๆ ที่น่าจะลดลงสะท้อนการประกันคุณภาพการศึกษาที่ชัดเจนมากขึ้น ข่าว 7 สี - กระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงคำสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการ สมศ.จากปัญหาการประเมินสถานศึกษา พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ย้ำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้พิจารณาอย่างเหมาะสม กรณีระงับการปฏิบัติหน้าที่ของนายชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา หรือ สมศ.เพราะเกิดความบกพร่องในการประเมินผลสถานศึกษาเชื่อว่า เปลี่ยนผู้บริหาร จะทำให้ดีขึ้น และลดภาระครู ในการทำเอกสารการประเมิน ศาสตราจารย์ อมรวิชช์ นาครทรรพ อดีตคณะกรรมการ สมศ. ตั้งข้อสังเกต เป็นไปได้ที่อาจมีความขัดแย้งในแนวทางปฏิบัติงาน กับกระทรวงศึกษาธิการ เพราะที่ผ่านมา นายชาญณรงค์ ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอชะลอการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอก รอบ 4 ที่ต้องประเมินทุกๆ 5 ปี แต่การแก้ปัญหาที่ได้ผลสถานศึกษาควรนำผลประเมินจากสมศ.ไปปรับปรุงพัฒนาด้วย วันนี้ราชกิจจานุเบกษา ยังได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาศัยอำนาจมาตรา 44 ให้พลตำรวจเอกชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รักษาราชการในตำแหน่งเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.โดยไม่ต้องสรรหา
ขอโทษเถอะครับ ผมว่าการข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการน่ะ จะปลดใครก็ตัดสินใจถูกต้องทั้งนั้น เพราะแต่ละคนดูจะคุณภาพต่ำต้อยเหลือเกิน วุฒิการศึกษาระดับดร.เดินชนกันหัวร้างข้างแตกแต่มาตรฐานการศึกษาของไทยก็เป็นอยู่อย่างที่เห็นกัน
มันต้อง ยังงี้... เดินตามบ้าง ถือของให้บ้าง เปิดประตูรถให้บ้าง คอยพยุงบ้าง ถ่ายรูปให้บ้าง ฯลฯ เดี๋ยวก็เจริญเอง... ….. พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย ผู้ช่วยนายเวร (สบ 4) ของ พล.ต.อ.พงศพัศ และเป็นตร.ตามติด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขึ้นเป็นนายเวร (สบ 4)… … ไอ้กระพ๊ม ก็นึกว่า ลาออกไปกินเงินเดือนนายญิ๋ง ซ๊ะแล้ว ที่ไหนได้ ยังเป็นตำหนวดอยู่ แถมก้าวหน้าเอาพรวดๆ... "ทำดี ย่อมได้ดี"... เหล่าไพร่แดง ผู้ภักดีต่อนาย ว่าไว้...
ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้อง กรณีอดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอให้ยกคำร้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมที่ไม่รับเรื่องร้องทุกข์ หลังถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงทุจริตสอบครูผู้ช่วย