ราคาหุ้นในญี่ปุ่นร่วงลงต่อเนื่องกันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ 6 วันต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ของจีนที่ดิ่งลงไม่หยุด สถานีโทรทัศน์ NHKรายงานว่า ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวร่วงเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน อันเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน โดยในวันอังคารที่ 12 มกราคม ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวร่วงทั้งกระดาน ดัชนีนิคเคอิปิดตลาดที่ 17,218 จุด ปรับลดลง 479 จุด จากที่ปิดตลาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นับเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นยุคหลังสงครามที่ดัชนีนิคเคอิปรับลดลง 6 วัน ที่มีการซื้อขายติดต่อกันนับตั้งแต่เริ่มต้นปี โดยดัชนีนิคเคอิปรับลดลงรวมแล้วกว่า 1,800 จุดในปีนี้ นักวิเคราะห์ตลาดระบุว่า ความกังวลที่หยั่งรากลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนส่งผลสะเทือนทำให้ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวลดลงมากกว่า 10% แล้วในปีนี้ และสภาวะขาดเสถียรภาพนี้จะยังคงอยู่ต่อไป เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจีนจะสามารถหยุดยั้งวิกฤตตลาดหุ้นได้หรือไม่? ทางด้าน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 3,000 จุด ซึ่งเป็นระดับสำคัญในการซื้อขายช่วงหนึ่งในวันอังคารที่ 12 มกราคม และนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนกันยายน ปีที่แล้วที่ดัชนีลดลงต่ำกว่า 3,000 จุด ดัชนีคอมโพสิตของเซี่ยงไฮ้ร่วงลงไปประมาณร้อยละ 10 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วและลดลงกว่าร้อยละ 5 เมื่อวันจันทร์ที่ 11 มกราคม แหล่งข่าวภายในประเทศจีน ระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังใช้ความพยายามอย่างมากในการแทรกแซงตลาดหุ้น และเพื่อหยุดยั้งการอ่อนค่ามากเกินไปของเงินหยวน แต่ดูเหมือนว่ากำลังมีการ “ประลองกำลังทางการเมือง” ในแดนมังกรโดยผ่านตลาดหุ้น ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนยังทำให้ราคาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าในตลาดโตเกียวดิ่งลงต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี ในวันอังคารที่ 12 มกราคม ราคาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าที่ส่งมอบในเดือนมิถุนายนปิดตลาดที่ 22,790 เยนต่อกิโลลิตร ร่วงลง 3,190 เยนหรือคิดเป็นร้อยละ 12 จากที่ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดสหรัฐฯที่ร่วงลงเช่นเดียวกัน บรรดานักลงทุนมีความกังวล ว่า ความต้องการน้ำมันดิบอาจลดลง เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน และเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าราคาจะปรับตัวลงต่ำสุดเมื่อใด ทำให้บรรดานักลงทุนกำลังพากันถอนตัวจากตลาดน้ำมันดิบเพื่อลดความเสี่ยง ปล ตกทั่วโลกเลย แล้วโดยมากก็โทษจีน แต่ไม่โทษตัวเอง
ผมเข้าใจประชาชนที่โทษรัฐบาลประยุทธ ที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ทันใจประชาชน ด้วยเหตุที่ลุงตู่พยายามไม่ใช้ประชานิยมขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหมือนปูหรือแม้ว การใช้ประชานิยมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มันเหมือนดาบ 2 คม ถ้าใช้โดยไม่ดูพละกำลังของตัวเอง นั่นหมายถึงเงินทุนสำรองของประเทศ แต่รัฐบาลกินที่วัด มีวัตถุประสงค์หลักในการทำประชานิยมเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ 1. เงินที่ใช้ลงไปในโครงการประชานิยมนั้น จะต้องกลับมาเข้ากระเป๋าตัวเองและพวกพ้อง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม 2. เงินที่ใช้ลงไปในโครงการประชานิยมนั้น จะต้องเป็นการซื้อเสียงโดยทางอ้อม เพื่อการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ส่วนผลประโยชน์ที่จะลงไปถึงประชาชนจริงๆนั้น มันไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักในการคิดโครงการประชานิยมของพรรคนี้ แต่ก็ยังต้องมี การทำประชานิยมโดยวางเป้าหมายไว้แบบนี้ มันเหมือนหลอกให้ยาสเตอรอยด์ กับคนไข้ คนไข้จะดูแข็งแรงในช่วงระยะแรกๆ แต่ไม่นาน ก็จะมีโรคแทรกซ้อน และอาการจะยิ่งหนักขึ้น เพียงแต่มันต้องใช้ระยะเวลาจึงจะแสดงผล คนไทยส่วนใหญ่ ก็มองไม่เห็นอันตรายที่จะเกิดขึ้น รวมทั้ง ความไม่มีวินัยที่จะรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศของคนไทยก็ต่ำ เพราะคนไทยอยู่กับความไม่เอาจริงเอาจังกับผู้รักษากฏหมายมานาน ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยละเลยความล่มสลายของประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ทำให้คนไทยยอมรับแม้ว โดยที่ผมไม่เคลือบแคลงสงสัยเลย ผมเชี่อว่าลุงตู่ หรือทุกพรรค ก็สามารถบริหารประเทศโดยให้ยาสเตอรอยด์ประชานิยม แบบที่แม้วทำได้ และก็ทำได้ดีกว่าด้วย มันไม่ใช่เรื่องยาก เงินไม่พอ ก็กู้ โยกย้ายถ่ายเท เล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งนักการเมืองพวกนี้สามารถทำได้อยู่แล้ว เมื่อประชาชนที่รักชาติ ออกมาต่อต้านหนักๆ ก็ยุบสภา เลือกตั้งฟอกตัวเข้ามาใหม่ มันเป็นวงจรอุบาทว์ที่ประเทศติดหล่มมานับสิบปี บ้านเมืองจะหลุดจากหล่มวงจรอุบาทว์ได้ ต้องมีประชนที่ต่อต้านการโกงกิน คอรัปชั่นมากกว่าการคนกลาง และคนกลวงครับ