เช้ามาสมองตื้อ อ่านข่าวนี้เข้าไปมึนตึ๊บเลย วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 18:23:58 น. วันที่ 18 ม.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์I′mNo.5 เปรียบเทียบถึงกระบวนการพิจารณาคดีต่างกรรม ต่างวาระกัน ระหว่างโครงการ “โรงพักทดแทน 396 แห่ง” ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ “โครงการรับจำนำข้าว” ในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดังนี้ สองโครงการ สองฝั่ง สองมาตรฐาน หากผมไม่เขียนเรื่องนี้ก็จะดูไม่มีความยุติธรรม พูดอย่างตรงไปตรงมาต้องเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างของสองโครงการสำคัญ แม้จะแตกต่างกันด้วยความเดือดร้อนหรือจำนวนเงินที่เสียหายแต่หากจะพูดถึงการคอรัปชั่น ที่ทั้งสองโครงการมีเรื่องฉาวโฉ่ทั้งคู่ ผลลัพธ์กลับออกมาคนละเรื่อง “โครงการรับจำนำข้าว” ที่การตรวจสอบทุจริตเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีการลงมติถอดถอน ไม่มีการประนีประนอม ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม จะเอาผิดกันให้ได้ ทั้งที่ปากบอกว่าจะให้ความยุติธรรมและดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา แต่อีกโครงการคือ “โรงพักทดแทน 396 แห่ง” ที่มีเอกสารหลักฐานชัดเจน ซากร้างโผล่ให้เห็นอยู่ทนโท่ทั่วประเทศ มีลายเซ็นผู้อนุมัติ มีคู่สัญญา มีผู้ควบคุมโครงการ ไม่มีความสลับซับซ้อนใดๆ กลับไม่มีข่าวคราวผู้กระทำความผิดให้เห็น ซ้ำยังเพิ่มงบประมาณให้สร้างต่อจนเสร็จ โดยไม่พูดถึงผู้ที่ปล่อยปละละเลยให้โครงการพังพินาศ ทีเรื่องนี้ล่ะปล่อยให้แล้วๆ กันไป หาผู้รับเหมามาสร้างใหม่ ไม่ไปตามจิก ตามล้วง ตามถอดถอน ทั้งสองโครงการล้วนมีความเกี่ยวเนื่องกับการคอรัปชั่น และใช้ตัวบทกฎหมายฉบับเดียวกัน แต่กลับมีความแตกต่างกันอย่างเหลือเชื่อ หากจะกำจัดคอรัปชั่นต้องทำด้วยความเท่าเทียมเสมอภาคไม่เห็นแก่หน้าอินทร์หน้าพรหมว่าฝั่งไหนเป็นฝั่งไหน เลือกที่รักมักที่ชังแบบนี้ แล้วจะให้ประชาชนที่ไหนไปไว้วางใจ? ถึงถอดถอนยิ่งลักษณ์กระเด็นไป คอรัปชั่นก็ยังอยู่เหมือนเดิม
ลากไปเรื่องโรงพักระวังนะเมิง เด๊ยวไปเจอตอเข้าละลบแทบไม่ทัน 5555 “เสี่ยอ่าง”มัด“พงศพัศ-อดุลย์”-โชว์หลักฐานเอี่ยวโกงโรงพักฉาว โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 15 กุมภาพันธ์ 2556 02:03 น. ASTVผู้จัดการรายวัน-ชูวิทย์”โชว์หลักฐานทุจริตสร้างโรงพัก ลั่น “พงศพัศ-อดุลย์” ต้องรับผิดชอบ พร้อมควัก 4 แสน.ทำป้ายติดประจานทั่วกรุง “เหลิม” ป้องจูดี้ ไม่โกง ปชป.แฉ'พีซีซี'ทิ้งงาน เจอทหารบอกเลิกสัญญา ด้านที่ปรึกษา (สบ 10) ระบุ ไม่พบหลักฐานฉ้อโกงสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง ตามดีเอสไออ้าง วานนี้ (14 ก.พ.56) เวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย แถลงข่าวว่าตนได้จัดทำโปสเตอร์ขนาดใหญ่เพื่อประจานถึงกรณีการทุจริตในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน ) จำนวน 396 แห่ง ทั่วประเทศ วงเงิน 5,848 ล้านบาท โดยมีข้อความว่า อาทิ “โครงการโรงพัก จำนวน396 แห่ง ทั่วประเทศ วงเงิน 5,848 ล้านบาท อีกโครงการอัปยศ อย่าปล่อยให้คอร์รัปชั่นลอยนวล ” โดยมีภาพประกอบเป็นภาพโรงพักที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ซึ่งป้ายดังกล่าวกระจายทั่วกรุงเทพมหานคร จำนวน 2,000ป้าย โดยนายชูวิทย์เปิดเผยว่า ได้ลงทุนเงินส่วนตัวไปกว่า 1 ล้านบาท และในวันนี้จะขึ้นป้ายคัตเอ้าท์ขนาดใหญ่บริเวณทางด่วนมักกะสัน เพื่อต้องการสื่อสารกับประชาชนให้ทราบ โดยนายชูวิทย์ปฎิเธว่าไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. แต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้ความรู้แก่ประชาชนให้เข้าใจว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นถึงขนาดนี้ ทั้งนี้ยืนยันว่าจะติดตั้งป้ายประจานดังกล่าวต่อเนื่องไปจนกว่าจะหาผู้กระทำผิดได้รวมทั้งมีผู้ออกมารับผิดชอบในเรื่องนี้ ทั้งนี้ เรื่องการทุจริตในโครงการก่อสร้างโรงพัก (ทดแทน)ต้องบอกกับพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่าไม่เกี่ยวกับยศฐาบรรดาศักดิ์ หรือศักดิ์ศรี แต่เป็นเรื่องของความถูกต้อง และความรับผิดชอบ เพราะเป็นการบริหารสัญญาที่ชุ่ย ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้นพล.ต.อ.อดุลย์ อย่าแกล้งหลงประเด็น ตำรวจถนัดเรื่องเบี่ยงเบนประเด็น เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังสือสัญญา แต่อยู่ที่การบริหารสัญญา และขอฝากไปยังนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ว่านายธาริตก็ไม่มีความชอบธรรม เลือกที่รัก มักที่ชัง ตนเห็นว่านายธาริต เป็นคนขยัน ทำงานถึงวันอาทิตย์ ก็อยากให้เชิญตนไปให้ข้อมูล เพื่อจะได้เอาหลักฐานไปให้ ส่วนการต่อสัญญาก่อสร้างรอบที่ 3 ให้กับบริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ตามมติครม.วันที่ 7 สิงหาคม 2555 ระยะเวลา 60 วัน โดยมีกำหนดส่งมอบงานในวันที่ 14 มีนาคม 2556 ว่า หนังสือดังกล่าวลงนามโดย พล.ต.ท.สุพร พันธ์เสือ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนผบ.ตร. แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)กลับมีการตัดหลักเกณฑ์ที่เป็นโทษต่อผู้รับเหมาออก เหลือเพียงหลักเกณฑ์ที่เป็นคุณต่อผู้รับเหมาไว้ อาทิ ช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้เนื่องจากประสบอุทกภัย ใน 10 จังหวัด แต่สตช.กับใช้หลักการนี้เป็นสัญญาเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังไม่ปฏิบัติตามมติครม.วันที่ 7 สิงหาคม 2555 ข้อ 1.6 ที่ระบุว่า หากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาและยังไม่เคยเข้ามาในทำงาน ในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันควร จนกระทั่งเกิดเหตุอุทกภัย ผู้รับจ้างไม่อาจของรับความช่วยเหลือได้ ยังคงให้ถือปฏิบัติตามเดิม ก็ไม่ต้องขยายสัญญาและยกเลิกสัญญาได้ "เหตุใดสตช.จึงไม่ยกยกเลิกสัญญา เพราะมีเหตุให้เชื่อได้ว่า ผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานได้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยหัวหน้าส่วนราชการสามารถบอกยกเลิกได้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2552 ข้อที่ 137 แต่กลับใช้ระเบียบข้อที่ 139 โดยการงดหรือลดค่าปรับให้กับคู่สัญญา ซึ่งเป็นเงินวันละ 5.8ล้านบาท ถือว่าเป็นคุณกับผู้รับเหมา" นายชูวิทย์ กล่าว วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี โดย นายศิริโชค ได้นำเอกสารการประมูล มาชี้แจงในที่ประชุม พร้อมถามว่า จากเอกสารที่มีตัวเลขการประมูลที่ไม่แตกต่างกันมากนัก จะมีการฮั้วประมูลได้อย่างไร อีกทั้ง มีเอกสารที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในสมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ทำหนังสือขอความเห็นชอบโครงการจากการประมูลรายภาค รวบเป็นรายเดียว ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ตอบกระทู้ด้วยถ้อยคำสาปแช่ง กลางสภา ว่า กลุ่มพวกใดที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ ขอให้เกิดแต่ความหายนะ พร้อมปฏิเสธว่าตนเองปกป้อง พล.ต.อ.พงศพัศ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาโครงการ แต่ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะจะกระทบต่อการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครa หลังจากนั้นนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยได้ตั้งกระทู้ถามสดต่อว่ากรณีดังกล่าวใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ร.ต.อ.เฉลิมจึงตอบว่าฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง และหากมีการฉ้อโกงจะมีการดำเนินคดีกับบริษัทที่รับเหมาด้วย ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกและส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลง โดยจากหลักฐานที่ได้รับมาเป็นหนังสือด่วนที่สุด ที่ 001/2552 และ002/2552 เมื่อวันที่13 พ.ย. 2552 เป็นหนังสือที่ผู้สนใจร่วมประกวดราคารับเหมาก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน ได้ลงชื่อร่วมกันทั้งบริษัทและ หจก.8 บริษัท ในหนังสือผู้สนใจร่วมประกวดราคาได้ร่วมกันคัดค้านการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 369 แห่งรวมถึงอาคารที่พักอาศัยที่ตำรวจ โดยระบุว่า "ถ้าหาก ตร.จะขออนุมัติเปลี่ยนแปลงนโยบายจากเดิมที่นายกฯ ได้ลงนามไว้แล้ว เป็นการจัดจ้างแบบรวมรายการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 369 หลังเป็นสัญญาเดียว หรือการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย 163 แห่งเป็นสัญญาเดียวก็ตาม พวกข้าพเจ้าใคร่ขอความกรุณาจากนายกรัฐมนตรี โปรดอย่าได้ลงนามอนุมัติหรือเห็นชอบโดยเด็ดขาด" แต่การคัดค้านดังกล่าวไม่เป็นผลเพราะนายสุเทพ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในฐานะปฏิบัติราชการแทนนายอภิสิทธิ์ ได้ลงนามอนุมัติเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2552 เพื่อให้ ตร.เป็นหน่วยงานจัดจ้างก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนและที่พักอาศัยทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียว อีกด้านนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) กิจการสภาฯ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมว่าคณะกรรมาธิการฯ ได้รับทราบถึงปัญหาการก่อสร้างบ้านพักขนส่งทหารบกที่ย้ายไปอยู่ที่บริเวณสะพานแดงพบว่า การก่อสร้างล่าช้า เพราะบริษัทที่ประมูลได้คือ บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ไม่สามารถสร้างได้เสร็จตามสัญญา แม้ว่ากรมขนส่งทางบกได้ต่อสัญญา ให้ถึงเดือนพ.ย.55 เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม แต่ก็สร้างได้เพียง 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงได้มีการยกเลิกสัญญา และอยู่ระหว่างการหาบริษัทรับเหมาใหม่ คาดว่าจะทำให้การก่อสร้างล่าช้าออกไป 4 เดือน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กล่าวว่า ข้อสรุปเบื้องต้นการสอบปากคำหลายปาก ทำให้เห็นความชัดเจนถึงความเกี่ยวข้อง ในเรื่องดังกล่าวว่า ใครมีส่วนรับผิดชอบในช่วงใด ผ่านสายงานบังคับบัญชาการอย่างไร และมีเหตุผลใดที่เปลี่ยนแปลงการอนุมัติโครงการ โดยเฉพาะในส่วนของพล.ต.อ.ปทีปได้ให้การไว้ครบถ้วน และถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้มีการเปลี่ยนรูปแบบเป็นประมูลแบบรวมสัญญาเดียว “สำหรับกรณีที่พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ระบุว่าความล่าช้าของการก่อสร้างน่าจะมีที่มาจากปัญหาการบริหารสัญญานั้น ทุกประเด็นที่มีคำให้การต้องนำมาพิจารณา เพราะมีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น ส่วนกลุ่มที่จะเรียกเข้าให้ข้อมูลเป็นกลุ่มต่อไปยังต้องรอการวิเคราะห์เอกสารและพิจารณาความจำเป็นก่อน เพราะบางประเด็นมีเอกสารหลักฐานชัดเจนถึงตัวบุคคลอยู่แล้ว”นายธานินทร์ กล่าวและว่าพนักงานสอบสวนได้รับการติดต่อจากพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม อดีตผบตร.ว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ก.พ.)เกี่ยวกับรายละเอียดของโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน ในเวลาประมาณ 09.30 น. เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องในฐานะที่หัวหน้าหน่วยงานช่วงที่มีการเสนอนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ลงนามอนุมัติสัญญาจัดจ้าง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.เจตน์ มงคลหัตถี ที่ปรึกษา (สบ 10) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน ว่า วันนี้ได้นำเอกสารในการจัดซื้อจัดจ้างการทำทีโออาร์โครงการมาตรวจสอบ จากตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่มีในขณะนี้ เบื้องต้นยังไม่พบจุดใดที่เข้าข่ายว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติถูกฉ้อโกงในกรณีนี้ ซึ่งคณะกรรมการได้ทำการตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่ขั้นตอนการร่างทีโออาร์ การประกวดราคา ซึ่งต้องดูข้อมูลหลักฐานตั้งแต่เริ่มต้น การจะฉ้อโกงจะต้องมีเจตนาตั้งแต่ต้นหรือไม่ จะมาจับว่าตอนหลังทิ้งงานแล้วถือว่าฉ้อโกงคงไม่ได้ ในการทางกฎหมายจะเข้าข่ายกล่าวหาฉ้อโกงเราต้องกลับไปดูแต่แรกว่ามีจุดใดส่อเจตนาหรือไม่ ส่วนกรณีบริษัทผิดสัญญา ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จหรือทิ้งงานก็ต้องดำเนินการฟ้องแพ่ง ซึ่งคณะทำงานของตนยังไม่ตรวจสอบครอบคลุมจุดนี้ ทั้งนี้จะขอข้อมูลจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่ามีหลักฐานอะไรที่ระบุว่ากรณีนี้เข้าข่ายว่าเป็นการฉ้อโกง ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ สั่งการให้ตนตรวจสอบตามข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่มี ไม่ได้ให้ธงไว้ว่าต้องสรุปออกมาอย่างไร หากท้ายที่สุดเมื่อพยานหลักฐานครบถ้วนแล้วยังไม่พบว่าเข้าข่ายฉ้อโกง ตนก็จะสรุปไปอย่างนั้น ไม่ทำตามกระแสหรือแรงกดดันใด ทั้งนี้ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ จะประชุมเพื่อพิจารณาพยานหลักฐานอีกครั้ง ที่มา http://www.manager.co.th/daily/viewnews.aspx?NewsID=9560000019413
ไอ้เสี่ยค้าประเวณีตีกิน เรื่องโรงพัก ตอนแรกบอกว่า ไม่เกี่ยวกับ ปชป ตอนนี้จะโทษ ปชป ล่ะ คดีจำนำข้าว กับ คดีโรงพักมันเหมือนกันยังไง เอามาเปรียบเทียบ เพื่อจะตีกินอย่างเดียว กะจะถล่ม ปชป เพื่อมันจะได้คะแนนเสียงเท่านั้น สมเพชความคิดมันจริงๆ
ไอ้ชูวิด นี่เหมาะไปผสมพันธุ์กับ ไอ้สัดแป๊ะ ยิ่งนัก คือใครจะโกงยังไง ประเทศจะเสียหายแค่ไหน ....กรูไม่สน ขอให้ได้เห่ากัด ปชป. ทหาร รัฐบาลประยุทธ์....ได้เป็นพอ เลี้ยงหมาขี้เรื้อนสักตัว ให้ข้าวให้น้ำ บางทีมันยังช่วยเฝ้าบ้าน ปกป้องคนมาทำร้ายได้บ้าง แต่เลี้ยงเดรัจฉานอย่าง ไอ้ชูวิด กับ สัดแป๊ะ เปลืองข้าวสุกแล้วเผลอ ๆ มันยังพาโจรเข้ามาปล้นบ้านซะอีกด้วย อัปรีย์จัญไรจริง ๆ
ท่าน ผู้อาวุโสโอเค ข้าน้อยขอตัดข้อความมานะครับ ปี 56 ชูวิทย์บอก " เหตุใดสตช.จึงไม่ยกยกเลิกสัญญา เพราะมีเหตุให้เชื่อได้ว่า ผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานได้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยหัวหน้าส่วนราชการสามารถบอกยกเลิกได้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2552 ข้อที่ 137 แต่กลับใช้ระเบียบข้อที่ 139 โดยการงดหรือลดค่าปรับให้กับคู่สัญญา ซึ่งเป็นเงินวันละ 5.8ล้านบาท ถือว่าเป็นคุณกับผู้รับเหมา" นายชูวิทย์ กล่าว " วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี โดย นายศิริโชค ได้นำเอกสารการประมูล มาชี้แจงในที่ประชุม พร้อมถามว่า จากเอกสารที่มีตัวเลขการประมูลที่ไม่แตกต่างกันมากนัก จะมีการฮั้วประมูลได้อย่างไร อีกทั้ง มีเอกสารที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในสมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ทำหนังสือขอความเห็นชอบโครงการจากการประมูลรายภาค รวบเป็นรายเดียว"
ไม่แปลกใจทำไมตรรกะมันพิกลพิการ เป็นพ่อเล้า เอาผู้หญิงมาขายตัว จนมันร่ำรวย จะเปลี่ยนสันดานให้เป็นคนดีคงยาก คนที่ทำอาชีพค้ามนุษย์ได้ จิตใจมันต้องไร้จริยธรรมมากๆ ต่างประเทศเขาแอนตี้คนแบบนี้มาก แต่คนไทยกลับยอมรับมันได้
ที่ผมแปลกใจคือ แถกทั้ง ๆ ที่รู้เรื่องดีกว่าคนอื่นเยอะ หรือลืมไปว่าครั้งหนึ่งมันเคยประจานเรื่องนี้จนเป็นข่าวดัง การเปลี่ยนท่าทีของชูวิทย์ไม่ได้ส่งผลดีกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย การคิดว่าพยายามทำตัวให้เป็นข่าวนาทีนี้ หากไม่ใช่เพราะอามิสสินจ้าง ผมคิดเป็นประเด็นอื่นไม่ออกจริง ๆ ทั้งจังหวะเวลาและเนื้อหาช่างสอดคล้องกับ การกระทำของกลุ่มขี้ข้าแม้ว กลยุทธ์ขี่ม้าเลียบค่าย หาช่องเข้าตี นาทีนี้ทำได้ยากไม่เหมือนช่วงที่รัฐบาลปูอยู่
ขนาดแขวนอ่างน้ำ แล้ว ยังเล่น Aliana สะเละเลย วันนี้ (13 ธ.ค. 2554) เวลา 11.45น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่มี ส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีการเปิดอาบอบนวด เอไลน่า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ถนนรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง เนื่องจากเป็นสถานบริการที่ขัดแย้งต่อศีลธรรมอันดีงามของสังคม และค้าประเวณี แต่กลับมาเปิดให้บริการอยู่หน้าสถานศึกษา นอกจากนั้น ยังมีนายพลตำรวจจาก บช.น. ได้ออกใบอนุญาตให้สถานบริการดังกล่าวเปิดบริการได้ ก่อนที่จะถูกโยกย้ายเพียงไม่กี่วัน จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงและรัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไข ปัญหาดังกล่าว นอกจากนั้นตนจะเสนอให้ยกเลิกพ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ. 2509 ประเภท 3 คือ สถานบริการอาบอบนวด เพราะสถานบริการในลักษณะนี้เป็นการให้บริการทางเพศ และเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นซ่องโสเภณีโดยอาศัยใบอนุญาตจากทางราชการบังหน้า หากยังให้อนุญาตให้ดำเนินกิจการได้ เท่ากับรัฐบาลส่งเสริมให้ธุรกิจดังกล่าวอยู่ในประเทศไทย http://www.dailynews.co.th/Content/...quot;นายกฯปู"+สั่งฟัน"เอไลน่า"
ประวัติ"คุณ"ชูวิทย์ อ่านเมื่อไหร่ก็สนุกเมื่อนั้น เรียกชื่อโดยไม่มี"คุณ"ยังโดนซะขนาดนี้ ใครที่เรียก"ไอ้" จะโดนขนาดไหน??? ยังอุตสาห์วางยาหน้าจออีกนะ
อุตสาห์ลงทุนด่า"แม้ว" ชื่นชม"ลุงกำนัน" จะขอเอาหน้าซะหน่อย http://www.thairath.co.th/content/386190 แล้วสุดท้าย มาทำกับ"เฮียชู" แบบนี้ http://www.dailynews.co.th/Content/politics/199418/_+ชูวิทย์+_++เกือบโดนม็อบ
ผมคิดว่า .... ชูวิตนี่แหละ ต้นแบบของนักการเมืองไทยในปัจจุบัน ที่ครบเครื่องที่สุด เจ้าเล่ห์ที่สุด แต่เสียอย่างเดียว อิทธิพลยังน้อยไปหน่อย
สักวันชูวิทยามันจะกลายเป็นศพ แล้วจะไม่มีตำรวจที่ไหนสืบค้นคดี เพราะแม่งกัดเขาไปทั่ว และทุกฝ่ายอยากให้มัน"ตาย"
เคยมีคน วิเคราะห์ ไว้ครับ ว่าคราวก่อนเลือกตั้งคนนี้ดึงคะแนนเสียง ปชป เยอะอยู่ แต่คราวนี้ ที่แสดงออกเปลี่ยนไป คงหวังว่า...แดงจะเลือก แต่คอยดูเหอะ
ตอนเล่นประเด็นตำรวจเพราะเสี่ยทราบดีว่าประชาชนไม่ชอบตำรวจเพราะริดไถประชาชน+เคยโดนริดไถ ดังนั้นตำรวจคือเป้าหมายของชูวิทย์เพราะจะได้สร้างภาพว่าปกป้องผลประโยชน์ประชาชน(ตอนให้ส่วยเสรือกไม่เเฉ) เเต่ตอนหลังลายเริ่มออกตอนชุมนุม กกปส นั้นเเหละ
อิทธิพลก้อพอตัวนะ แต่โฉงฉางไปหน่อย เล่นการเมืองไม่เป๋น เปลืองตัว ! นึกว่าจะเข้าไปเป็นสีสรรสภา แมร่ง เล่นสีซะแหละเลย
เออ ก็ดีเเล้วครับชูวิทย์ เอาไปแจ้ง ปปช.เลย ให้เอาผิดให้หมดเลย ไม่เเน่นะคนที่เสี่ยอยากให้ติดคุกติดตารางอาจจะรอดก็ได้
อยากรู้ว่าไอ้ชู มันตอบคำถามนักข่าวนิวยอรค์ไทม์ว่าไง "ทำไมกลุ่มชนชั้นนำ หรือ กลุ่มอีลิท (Elite) ถึงเกลียดทักษิณหรือตระกูลชินวัตรนัก" "ชูวิทย์" โพสต์ ตอบ "สังคมหวงห้าม" เปรียบเทียบไทยกับตะวันตก ปมสหรัฐฯ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 06:35:00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ I′m No.5 ว่า วันนี้มีผู้สื่อข่าวจากสำนักพิมพ์นิวยอกร์กไทม์มาสัมภาษณ์ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หนึ่งในหัวข้อสนทนาถามว่า "ทำไมกลุ่มชนชั้นนำ หรือ กลุ่มอีลิท (Elite) ถึงเกลียดทักษิณหรือตระกูลชินวัตรนัก" จึงทำให้นึกถึงคำพูดของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯของไทย ที่เคยพูดไว้ว่า สังคมไทยเป็น "สังคมหวงห้าม" ที่คนชนชั้นข้าราชการ นายทหาร นายพลเป็นใหญ่ ดังนั้นการจะทำอะไรในสังคมไทยต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว หากทำอะไรเกินหน้า ประสบความสำเร็จมากไป รวยเร็วไป หรือก้าวล้ำมากเกินไปก็อาจทำให้ผู้อื่นหมั่นไส้ เพราะผิดกติกาของสังคมหวงห้าม ซึ่งตรงข้ามกับสังคมอเมริกันหรือตะวันตก ที่เป็น "สังคมปล่อยตามใจ" เป็นสังคมที่ใครจะทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครห้าม ไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่มีอะไรที่จะเกินหน้าเกินตา ยิ่งรวยยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะยิ่งมีคนยกย่องนับหน้าถือตา จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่ออุปทูตสหรัฐอเมริกาจะวิพากย์วิจารณ์ประเทศไทย ย่อมมีคนต่อต้าน ไปหาว่าอเมริกาไม่รู้เรื่อง อย่ามาแทรกแซงประเทศไทย ไม่เข้าใจสถานการณ์ไทยดีพอ
เข้าใจแหละ ที่แท้ก็เข้าใจผิดมาโดยตลอดเลยนะเนี่ยว่าชูวิทย์อยากเอาหน้าเข้าร่วมกปปส พอเค้าไม่ต้อนรับก็เลยออกมาให้ร้าย ที่ไหนได้.... "ชูวิทย์" เหน็บ ไม่ได้ทวงคืนอำนาจจาก"คนโกง" เพื่อส่งให้กับ"คนโกง"อีกคน วันที่ 09 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 11:55:28 น. วันที่ 9 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ I′m No.5 ว่า
เมื่อก่อนน้องที่ทำงานเลือกชูวิทย์ ผมด่ามันว่าอ้ายนี่มันกะล่อนตั้งแต่รู้จักตอนเรียนเทพศิรินทร์ ตอนนี้รู้สันดานหมดแล้ว คะแนนที่ได้ก็แบ่งกับพวกเสื้อแดงแล้วกัน
”ไม่ต้องอาศัยคนอื่นให้ตัดสินใจให้ว่า ใครดี ใครชั่ว แล้วจะเหลือใคร เป็นผู้ตัดสิน? ให้คนที่เราคบด้วยนั้นแหละเป็นผู้ตัดสินตัวเขาเอง ว่า เขาเป็นคนดีหรือคนชั่ว ถ้าเขาชั่วเขาก็คงแสดงความชั่วให้ปรากฏจนได้ ไม่ว่าความชั่วของเขาจะลึกสักขนาดใหน แต่ถ้าเขาเป็นคนดี มีปัญญา ความดีและปัญญาของเขาจะแสดงออกให้เห็นโดยง่าย ทั้งนี้ให้ดูที่การกระทำของเขาต่อตัวของของเขาเอง ไม่ใช่ดูที่เขาทำต่อเราหรือแก่เรา คนชั่วก็จะทำชั่วให้เกิดแก่ตัวเอง สร้างเวรสร้างกรรมให้เกิดแก่ตัวเองเรื่อยไป…… ……………………………………………………………………………………………………. คนที่ชั่วแท้ เอาดีไม่ได้นั้นแหละที่ควรจะต้องใช้อุเบกขา วางเฉยเลยครับ อย่าไปโกรธ ไปเกลียด หรือรังเกียจ แกจะอาละวาดอย่างไรก็ช่างแก อย่าไปสนใจ เพราะแกไม่ได้ทำร้ายใคร นอกจากตัวเอง สมเด็จ ท่านสอนผมไว้……” ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
เหมือนท่านพุทธทาสกล่าวไว้แหละครับ หมากัดอย่ากัดตอบ เดี๋ยวจะมีหมาเพิ่มอีกตัว ผมไม่ได้ว่าชูวิทย์นะแค่เปรียบเปรยเฉย ๆ
