ท่ามกลางเศรษฐกิจตกสะเก็ด ยอดส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ติดลบหนักถึง 6.1% สองเดือนแรกปีนี้ส่งออกติดลบไปแล้ว 4.8% อนาคตยังไม่รู้หมู่หรือจ่า ไทยมีปัญหาที่เสี่ยงต่อการถูก “แซงก์ชั่นทางการค้า” หลายเรื่อง ตอนนี้สายการบิน 4 สายรวมทั้ง การบินไทย ก็เพิ่งถูก องค์การบินพลเรือนญี่ปุ่น สั่งห้ามเพิ่มหรือเปลี่ยนเส้นทางบิน เพราะพบข้อบกพร่องเรื่องความปลอดภัยที่ กรมการบินพลเรือน ละเลยมานาน การเก็บภาษีในประเทศต่ำกว่าเป้า สะท้อนถึงกำลังซื้อและเศรษฐกิจไทยที่กำลังถดถอยอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือน รัฐบาลบิ๊กตู่ จะยังไม่รู้สึกตัวเท่าไร วันก่อนมีข่าว กองทัพเรือ ของ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ แม่ทัพเรือ กำลังขอซื้อ “เรือดำน้ำ” สองลำ วงเงิน 36,000 ล้านบาท โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม ให้การสนับสนุนว่า ไทยต้องมีเรือดำน้ำ เพราะมีความจำเป็น ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ก็มีหมดแล้ว กองทัพเรือจะใช้งบประมาณของตนเองในการจัดซื้อ โดยผูกพันงบประมาณ 4–5 ปี ก็เป็นเหตุผลที่แปลก เพราะภูมิศาสตร์ทางทะเลของไทยแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านโดยสิ้นเชิง พื้นที่ทางทะเลของไทยส่วนใหญ่จะอยู่ใน “อ่าวไทย” ที่มี ความลึกเพียง 80 เมตร เท่านั้น ด้านฝั่งทะเลอันดามัน ก็มีเพียง กระบี่ พังงา ภูเก็ต ไม่กี่จังหวัด ออกไปก็เป็นทะเลลึก มีประเทศอินเดียอยู่ไกลโพ้น ไม่ใช่ศัตรูของไทย คำถามก็คือ กองทัพเรือ จะซื้อ เรือดำน้ำ ไปรบกับใคร? ถ้าบอกว่า ซื้อมาปกป้องทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย ก็คงจะแปลกอีก เพราะ น้ำทะเลในอ่าวไทยมีความลึกเพียง 80 กว่าเมตรเท่านั้น ถือว่าตื้นมาก เหมาะสำหรับ “เรือดำน้ำท่องเที่ยว” แต่ไม่เหมาะกับเรือดำน้ำที่เป็นเรือรบ ระดับน้ำแค่นี้ ต่อให้เรือดำน้ำดำลงไปจอดที่ก้นทะเลอ่าวไทย เครื่องบินข้าศึกก็มองเห็นหมด ทิ้งระเบิดใส่ได้สบาย ( ถ้าท่านออกทะเลไป แล้วมองไม่เห็นก้นทะเลหล่ะก็ แปลว่าเรือดำนํ้าก็มองไม่เห็นเหมือนกัน : ควันหลัง ) เรือดำน้ำจึงไม่เหมาะกับอ่าวไทย ดำได้ไม่กี่สิบเมตร ไม่สามารถรับมือกับข้าศึกบนฟ้าได้ เรือดำน้ำที่ไทยจะซื้อก็ติดขีปนาวุธไม่ได้เสียด้วย ถ้าจะเอาเรือดำน้ำไปไว้ที่ ทะเลอันดามัน ก็ไม่รู้จะไปรบกับใครอีก เพราะไม่มีข้าศึก ดูจากแผนที่ภูเก็ต พังงาออกไปในทะเล ก็มีแต่ อินโดนีเซีย เพื่อนบ้านอาเซียนที่กำลังจะรวมเป็นหนึ่งเดียวในสิ้นปีนี้ ไกลออกไปก็เป็น อินเดีย ที่เป็นมิตรกับไทย ( แล้วพม่าหล่ะ?? รวมกันเป็นอาเซียน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รบกัน ขนาดจีนที่เป็นพี่ใหญ่ในภูมิภาค ยังถูกพม่าลูบคมได้เฉยเลย : ควันหลง ) จึงยังมองไม่เห็นเหตุผลที่กองทัพเรือจะซื้อเรือดำน้ำไปปกป้องอธิปไตยที่ไหน เรือดำน้ำ ไม่ใช่เรือธรรมดา เป็นเรือที่มีราคาแพงมาก เพราะต้องใช้เทคโนโลยีสูงในการสร้าง เพื่อรองรับแรงกดดันใต้น้ำมหาศาล อย่าง เรือดำน้ำรุ่นเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ ลำหนึ่งตกประมาณ 2,600 ล้านเหรียญ เกือบ 90,000 ล้านบาท แต่เรือดำน้ำสองลำที่มีข่าวว่า กองทัพเรือ จะไปซื้อมาจาก ประเทศจีน นั้น ราคาลำละประมาณ 18,000 ล้านบาท สองลำก็ 36,000 ล้านบาท ราคาถูกเพราะใช้เครื่องยนต์ดีเซล ไปดำที่ไหนก็ถูกจับได้ง่าย เครื่องยนต์เสียงดัง แต่ก็ถือว่าแพงสำหรับเศรษฐกิจไทยยามนี้ ( เรือดำนํ้าดีเซลไฟฟ้ายุคใหม่ อย่านึกว่าเป็นดีเซลเสียมันจะต้องดัง เพราะเวลาดำนํ้าจริงๆ จะใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ หรือระบบ AIP (ถ้ามี) ซึ่งเงียบมากๆ เงียบกว่าเรือดำนํ้าพลังงานนิวเคลียร์ซะอีกครับ : ควันหลง ) แม้จะเพิ่งมีข่าวว่ากองทัพเรือจะซื้อเรือดำน้ำ แต่ก็มีข่าวว่า กองทัพเรือได้สร้างฐานทัพเรือดำน้ำและศูนย์ฝึกมูลค่า 540 ล้านบาทเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่จังหวัดชลบุรี ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2554 กองทัพเรือก็พยายามจะซื้อเรือดำน้ำมาแล้ว โดยจะซื้อเรือดำน้ำเก่าจากเยอรมัน 6 ลำ มูลค่า 7,700 ล้านบาท แต่ไม่สำเร็จ จึงเปลี่ยนใจจะไปซื้อเรือดำน้ำขนาดใหญ่ขึ้นจากเกาหลีใต้ 2 ลำ ก็ไม่สำเร็จอีก ก็เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะต้องคิดให้รอบคอบ เราจะซื้อเรือดำน้ำไปรบกับใคร เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทยยามนี้หรือไม่ เพราะเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในขาลง การส่งออกก็ตกต่ำ ภาษีก็เก็บไม่ได้ตามเป้า ราคาพืชผลก็ไม่ดี เกษตรกรเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า จนรัฐบาลขู่จะขึ้นภาษี แต่กลับเอาเงินภาษี 36,000 ล้านบาท ไปซื้อเรือดำน้ำ ด้วยเหตุผลว่าเพื่อนบ้านก็มี ต้องคิดให้รอบคอบครับ. “ลม เปลี่ยนทิศ” อ้างอิง : http://www.thairath.co.th/content/489841 ------------------------------------------------------------------------------------------------ ผมว่าแกเข้าใจผิดๆอยู่เยอะมากครับ โดยเฉพาะเรื่องเรือดำนํ้ากับความลึก
ประเทศเพื่อบ้านเขามีหมดแล้วถ้าเราไม่มีใครจะกลัว. ขนาดเขมรที่มีกองทัพง่อยๆยังกล้ารบกับไทย ถ้าวันดีคืนดี มาเลย์/อินโด หรือแม้แต่พม่า มีปัญหาในน่านน้ำไทยถ้ามีเรือดำน้ำแล้วเราจะเอาอะไรไปสู้
คัดลอกมาจากอีกมู้นึง เราเขียนไว้ว่า สื่ออีกแล้ว น่าจะจัดสอบจรรยาบรรณกันบ้าง ถ้าได้คะแนนเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ ได้ทำข่าวต่อ
เรื่องทะเลไทนตื้นไม่เหมาะนี่แสดงลักษณะของนักวิจารณ์คือ พูดได้ทุกเรื่องแต่รู้ไม่จริงซักเรื่อง ถ้าตื้นเขาจะมาได้ยังไงครับ
งั้นทะเลบอลติคที่ลึก 50 เมตร แล้วประเทศสวีเดนจะมีเรือดำน้ำไว้ทำไม เป็นคอลัมนิสต์ก็ไม่ใช่ว่าฉลาดทุกคน บางคนเขียนบทความมากลายเป็นโชว์โง่ให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศรู้ซะงั้น
มีอาวุธดีๆไว้ ไม่ได้หมายความว่าต้องรบ ขาดแคลนอาวุธ อาจโดนลบ จากแผนที่โลก เวลามีสงคราม ไอ้พวกคอลั่มนิด มันจะมาช่วยกันรบมั๊ย
บางอย่างผมก็งงกับแนวคิดนะครับ "ซื้อเรือดำน้ำไปทำไม" อ้าว แล้วเราจะมีทหารไปทำไม หรือมีไว้กู้ภัยเวลาเกิดภัยธรรมชาติ เพื่อนบ้านมีอาวุธ มีกองบินใหม่ ฯลฯ เราก็ปรับตาม ใครจะรู้อนาคต วันไหนจะเกิดกระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้านรึเปล่า ต้องรอให้ถึงเวลานั้นเหรอครับ แล้วค่อยคิดจะซื้อ หืม ? งงจริงๆ
มิน่า สื่อบ้านเราหลายแห่งถึงเสื่อมศรัทธาลงทุกวัน เหมือนหลอกคนติดตามข่าวให้เข้าใจผิด หรือจงใจผิดเพราะไปรับงานใครมา ? ต้องให้เจ้าทุกข์ร้องเรียน แจ้งความ หรือศาลสั่ง ถึงจะออกมาขอโทษ ด้วยข้อความในกรอบนิดเดียว
เสรีภาพครับทุกท่าน สื่อก็ย่อมมีเสรีภาพในการโชว์โง่ ได้ตามหลักการของเสรีภาพสื่อ ถูกต้องทุกอย่าง นี่ผมพูดจริงจังนะครับ
มาเลย์นี่มี Mig 29, F/A18, Su-30 ยังไม่นับว่าอนาคตเห็นสนใจ Pak FA ส่วนเวียดเรานี่มี Su-27, Su-30 ถ้าเทียบกับกริฟเพ่นเรานี่ ก็น่าหวาดๆอยู่เหมือนกันนะครับ เห็นจะซื้อเพิ่ม เดี๋ยวไม่รู้จะมีออกมาโวยวายอีกรึเปล่า ตอนนี้ถ้าเอาจริงๆกองทัพบกเรามีของเจ๋งๆอยู่เยอะสุดแล้วครับ (โดยเฉพาะพวกปืนใหญ่) ส่วนเรือกับอากาศนี่ยังง่อยอยู่ เรือก็คงต้องรอฟริเกตใหม่อีกสองลำจากเกาหลี
เรือรบที่อ่าวเพริลฮาเบอร์จอดอยู่ดีๆ ญี่ปุ่นเอาเครื่องบินข้ามทวีปมาทิ้งระเบิดเสียเฉยเลย แล้วเมกาก้อต้องตอบโต้คืน ส่วนไทย ถ้าเพื่อนบ้านเอาเรือรบบุกมา เราจะต้องบนบานจานบินหรือ บอกแม่ชีให้ปัดระเบิด ดีล่ะ
นานมากครับ สมัยน่าจะ10ปีกว่า ไอ้ลมเปลี่ยนทิศ เคยบอกว่าเครือ่งบินรบที่ทันสมัยสุดของไทย คือ F 18 ไอ้แสรด กรูเขียม ไทยมี F18ตอนไหนวะ
ในสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ ไม่เห็นด้วยที่จะซื้อตอนนี้ เว้นแต่ ซื้อมาแล้ว เลือกตั้งคราวหน้า ชนะเสื้อแดง
การตัดสินใจอะไรต่าง ๆ ในทางเศรษฐศาสตร์ เอิ่ม.. จารย์เจิมแกบอกว่าอาจเป็นไปได้ทั้งสองแนวทางนะครับ ผมก็ขอสมัครเป็นลูกศิษย์จารย์เจิมด้วยคน ถ้าเป็นการส่วนตัว ขอหนับหนุนกองทัพเรือเลยครับ ถ้าราชนาวีไม่มีเรือดำน้ำก็ไม่เป็นราชนาวีที่สมบูรณ์แบบละนะ
คล้าย ๆ คนซื้อประกันภัย ซื้อแล้วไม่เกิดเหตุเภทภัยก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดเหตุร้ายจะได้เงินมาช่วยฟื้นตัว ประเทศชาติยิ่งเสี่ยงไม่ได้ ล้มแล้วฟื้นยาก อะไรเป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติ ซื้อไปเถอะ
ต้องทบทวน การเดินทางเยือนประเทศไทยของนายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย เพื่อฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 120 ปี ไทย–รัสเซีย ถือว่ามาถูกจังหวะเหลือเกิน เพราะประเทศไทยกำลังเป็นโรคขาดเพื่อนพอดี การที่ผู้นำรัฐบาลรัสเซียยื่นใบ สมัครขอเป็นเพื่อนซี้กับไทย จึงสร้างความปลื้มใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯไทยอย่างแรง ฝ่ายนายกฯรัสเซียก็ปลื้มไม่แพ้นายกฯไทย เพราะรัสเซียเองก็กำลังเป็นโรคขาดเพื่อนเหมือนกัน เนื่องจากรัสเซียโดนอเมริกากับกลุ่มยุโรปรวมหัวกันแซงก์ชั่นพอดี การยกระดับความสัมพันธ์ขั้น “ซี้ปึ้ก” จึงเป็นประโยชน์ร่วม กันทั้งไทยและรัสเซีย “แม่ลูกจันทร์” มองแง่ดีว่า การที่รัสเซียรับปากจะซื้อข้าว ยางพารา อาหารแช่แข็งจากไทย เพิ่มขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะทำให้มูลค่าการค้าระหว่างไทย–รัสเซีย ขยายเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ข้อตกลงนี้จะทำให้สัดส่วนการค้า 2 ฝ่าย มีความเป็นธรรมมากกว่าเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาไทยเสียดุลการค้ารัสเซียตะพึดตะพือ อย่างไรก็ตาม “แม่ลูกจันทร์” ไม่เห็นด้วยที่มีคนในรัฐบาลเสนอให้กองทัพไทยสั่งซื้อเฮลิคอปเตอร์ฝูงใหม่ ที่ผลิตจากรัสเซียเพื่อใช้ทดแทนเฮลิคอปเตอร์ที่ไทยเคยซื้อจากอเมริกา เพื่อตอบโต้ที่มหามิตรอเมริกาลดระดับความสัมพันธ์กับไทย “แม่ลูกจันทร์” มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อประโยชน์ในระยะยาว ข้อสำคัญ เงินในกระเป๋ารัฐบาลวันนี้ก็ร่อยหรอเต็มที งบประมาณรายจ่ายประจำปีก็ติดลบตัวแดง รัฐบาลยังต้องการใช้งบประมาณก้อนใหญ่ไปลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ฟุบยาว ยังไม่สมควรจะทุ่มงบประมาณมหาศาลไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม รอให้เศรษฐกิจไทยหายกระด้อกระแด้เสียก่อนก็ยังไม่สายเกินเพล อนึ่ง แม่ลูกจันทร์ ไม่เห็นด้วยที่กองทัพเรือจะรีบร้อนขออนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ จากประเทศจีน ไม่เห็นด้วย แม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะยืนยันว่าโครงการซื้อเรือดำน้ำ... “เป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องมี” พล.อ.ประวิตร ชี้ว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำ จะใช้งบของกองทัพเรือเอง และเป็นงบผูกพันระยะเวลา 5 ปี ปัญหาคือ...ประเทศไทยมีความจำเป็นจริงหรือไม่ ที่จะต้องมีกองเรือดำน้ำ สำหรับปกป้องคุ้มครองพื้นที่ทางทะเลอ่าวไทย? “แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตเชิญพระราชดำรัส “พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว” ที่ทรงรับสั่งไว้เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2550 มาให้ฟังกันลืม พระองค์ท่านรับสั่งว่า สภาพทะเลอ่าวไทยเป็นทะเลตื้น เรือดำน้ำถ้าดำลงไปก็ปักเลนเลย ส่วนทะเลลึกที่ใช้เรือดำน้ำได้ ก็อยู่นอกเขตทะเลไทย เอวังก็มีประการฉะนี้แล. “แม่ลูกจันทร์” อ้างอิง : http://www.thairath.co.th/content/492290 ------------------------------------------------------------------------------------------------- เอาหลังผิงสูงเไปมั้ยครับ งั้นย้อนไปดูพระราชดำรัสฉบับที่ย่อน้อยกว่านี้หน่อย ตัดตอนเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องจาก พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงรับสั่งไว้เมือวันที่ 4 ธันวาคม 2550 "เราสร้างเรือ เราสร้างเรือให้พอเพียง เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง นั่นน่ะมันไม่พอเพียง มันเล็กเกินไป ยังเล็กเกินไป ก็อาจจะ ควรจะใหญ่กว่าหน่อย แต่ถ้าใหญ่เกินไป ไม่พอเพียง ถ้าเล็กเกินไปก็ไม่พอเพียง เรือที่เขาจะทำ เรือดำน้ำ เรือดำน้ำดำลงไป ไปปักเลนเลย ไอ้นี่เขาโกรธ เดี๋ยวเขาโกรธเอา ว่าเรือแล่นๆ ไป ดำน้ำ ไม่พอ ใครมาเครื่องบิน เห็นแจ๋วเลย ต้องไปจมเลนถึงจะไม่เห็น แล่นๆ ไปปักเลน ถ้าอยากไปที่ๆ ลึก ก็ไปอยู่นอกเส้น ก็รู้สึกว้าเหว่ ไกลกัน ไอ้เรือดูแลใกล้ฝั่งนี่ดีกว่า แต่ลำที่เราทำ เราสร้างก็ใช้ได้ดีแล้ว แต่ที่ควรจะสร้างต่อไปให้ใหญ่กว่านี้ ใหญ่กว่านี้หน่อย" ข้อเท็จจริงคือ ในขณะนั้นกองทัพเรือมีโครงการสร้างเรือดำนํ้า หรือจะเรียกว่ายานดำนํ้าก็ได้ เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2549 และมีกำหนดสิ้นสุดโครงการในปี 2552 และในขณะเดียวกัน โครงสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุด ต.991 ก็อยู่ในช่วงสุดท้ายในปีนั้นพอดี กล่าวคือ เพิ่งจะขึ้นระวางประจำการไปไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ส่วนตัวผมจะไม่นำพระราชดำรัสใดๆ มาเป็นข้อสนับสนุน หรือข้อโต้แย้ง การโต้เถียงใดๆของผม เพราะผมทราบดีว่าหากไม่เข้าใจความหมายของพระราชดำรัสเรื่องนั้นอย่างถ่องแท้แล้ว เกิดนำไปใช้ในทางที่ิผิด มันจะเป็นการมิบังควรอย่างยิ่งครับ
บางครั้งผมก็แปลกใจว่าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเค้าจ้างคนดมกาวมาเป็นคอลัมนิสต์หรือไงเนี่ย "ข้อสำคัญ เงินในกระเป๋ารัฐบาลวันนี้ก็ร่อยหรอเต็มที งบประมาณรายจ่ายประจำปีก็ติดลบตัวแดง รัฐบาลยังต้องการใช้งบประมาณก้อนใหญ่ไปลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ฟุบยาว ยังไม่สมควรจะทุ่มงบประมาณมหาศาลไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม" ข่าวสารบ้านเมืองก็ไม่ได้ติดตามเลย เค้าเอายาลที่ค้างไว้ในโครงการจำนำยางของพี่เต้น 120 บาท นี่ละไปแลก ไม่ได้เอาเงินสดไปซื้อ จะเก็บให้เสียค่าโกดังอยู่ทำไมก็ไม่รู้ ขายก็ยาก มีคนอยากได้ก็เอาไปแลกมาซิ แล้วจะเอาอะไรรัสเซียมาแลกดีละ ท่านคนดมกาวนี่อยากเอาสาวรัสเซียมาเต้นเพิ่มที่พัทยาอีกเหรอ รัสเซียเค้าเด่นด้านอาวุธก็เอาอาวุธมาแลกซิ ข่าวประกอบเรื่องยางแลกอาวุธ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1426143862 อันนี้พี่เต้น 120 ดูกันเพลินๆ
อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำไม อเมริกาถึงยังไม่กล้าบุกอีหร่าน เกาหลีเหนือ เพราะทั้งสองประเทศมีนุก..... เกาหลีเหนือประชาชนอดอยากแร้นแค้นแต่ศักยภาพทางทหารถือว่าเยอะ อิหร่านก็ออกท่าทางแข็งกร้าวไม่สนต่อคำขู่ของอเมริกาทั้งๆที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตมานาน(สงครามอ่าวเปอร์เซีย) ภูมิภาคนี้ไม่ว่ามาเลย์ สิงคโปร์ อินโด เวียตนาม มีหมด จึงไม่มีเหตุผลใดที่พี่ไทยจะไม่จัดหาเพื่อเสริมสร้างภาวะความมั่นคงของประเทศ ซื้อเถอะ ถูกกว่าข้าวเน่าเยอะ ดังท่านสมาชิกกล่าวไว้ข้างต้น
อัพเดท http://www.posttoday.com/การเมือง/360997/ผบ-ทร-ชงซื้อเรือดำน้ำให้รัฐบาลแล้วคาดเข้าครม-เร็วๆนี้ ผบ.ทร.ชงซื้อเรือดำน้ำให้รัฐบาลแล้วคาดเข้าครม.เร็วๆนี้ 23 เมษายน 2558 เวลา 21:14 น. ผบ.ทร.เผย เสนอ โครงการซิ้อเรือดำน้ำให้รัฐบาลแล้ว คาดครม.พิจารณาเร็วๆนี้ ตั้ง "พลเรือเอก ณรงค์พล" เป็นประธานคัดเลือกแบบ เร่งให้จบใน3 เดือน เมื่อวันที่ 23 เม.ย. พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดเผยว่า ได้เสนอโครงการจัดหาเรือดำน้ำไปที่รัฐบาลแล้ว คาดว่าคงจะนำเข้าสู่การพิจารณาในคณะรัฐมนตรีเร็ว ๆ นี้ โดยเรื่องอยู่ที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ระหว่างนี้กองทัพเรือ มีคณะกรรมการอำนวยการในการพิจารณาคัดเลือกแบบว่าจะจัดหาจากประเทศใดให้มีความเหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด ทั้งนี้การพิจารณาจะดูในภาพรวมทั้งโครงการ ไม่ได้เจาะจงว่าต้องซื้อกี่ลำ แบบไหน หรือจากประเทศใด แต่ต้องดูในเรื่องระบบ การบำรุงรักษา การฝึกศึกษาด้วย พล.ร.อ.ไกรสร กล่าวว่า หากรัฐบาลอนุมัติให้จัดหาเรือดำน้ำในขณะนี้ ก็ไม่สามารถซื้อแล้วมาใช้ได้ในทันที เพราะต้องมีระยะเวลาในการต่อเรือ เมื่อรวมกับการส่งบุคลากรไปฝึกศึกษาอบรมให้เกิดความเชี่ยวชาญอีก 1-2 ปี รวมเวลา 5-6 ปี ถึงจะนำเข้าประจำการได้ ถ้าไม่เริ่มดำเนินการในตอนนี้ก็คงรอไปอีกนาน ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ก็มีเข้าประจำการมาหลายปีแล้ว เมื่อตนมาอยู่ตรงนี้เห็นว่าเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์แผนพัฒนากองทัพ เป็นหน้าที่ที่ต้องเสนอขึ้นไปให้รัฐบาลได้พิจารณา ส่วนรัฐบาลจะอนุมัติหรือไม่ก็แล้วแต่ โดยการดำเนินการต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส กองทัพเรือ พร้อมอธิบาย ชี้แจงข้อมูลทุกอย่างได้ ผบ.ทร.กล่าวว่า ในการเดินทางไปเยือนประเทศจีน ได้เดินทางไปดูเรือดำน้ำ ชั้นหยวน ซึ่งใช้เทคโนโลยีในการต่อเรือก็มาจาก เรือดำน้ำชั้นKilo ของรัสเซีย มีการติดตั้งระบบ AIP หรือ Air Independent Propulsion ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนเรือดำน้ำรุ่นใหม่ ที่มีแบตเตอรี่อยู่ได้นาน ในขณะที่เรือดำน้ำของเยอรมนี ชั้น U-206 ที่ได้เดินทางไปดูนั้น ไม่ได้มีระบบนี้ แต่จะมีติดตั้งใน ชั้น U-212 และ U-214 ซึ่งเป็นรุ่นที่ใหม่กว่า นอกจากนี้ยังได้เดินทางไปดูเรือดำน้ำในอีกหลายประเทศ ซึ่งเสนอว่าจะขายให้ไทย ไม่ได้เจาะจงดูของประเทศไหนเป็นพิเศษ ทั้งนี้ แหล่งข่าว เปิดเผยว่า ผบ.ทร.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกแบบ เรือดำน้ำ แล้ว โดยให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้ช่วย ผบ.ทร.เป็นประธานคณะกรรมการฯ โดยจะไปดูเรือดำน้ำหลายประเทศ และเร่งสรุป ภายใน 3 เดือน ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่เห็นความสำคัญ โดยจะใช้งบประมาณของกองทัพเรือ 3.6 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดซื้อเรือ 2 ลำ โดยให้ต่อรองในเรื่องการผ่อนระยะยาว ผูกพันงบประมาณ หลายปี โดยคณะกรรมการจะเดินทางไปดูทั้งเรือดำน้ำ เกาหลีใต้ จีน รัสเซีย เยอรมัน และสวีเดน
เหมือนชาว อโยธยา ถามหรือเปล่าครับ ชาวบ้านบางระจัน จะเอาปืนใหญ่ ไปรบกับใคร ยิงปืนใหญ่ ทำไม เสียงดัง ทำให้ตกใจ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว ข้อสงสัยที่มีต่อชาวบ้านบางระจัน ยังพออธิบายได้ เหตุเกิดจากระแวง หรือกลัวเป็นกล ของข้าศึก แต่เหตุ เสียงปืนใหญ่ ที่ทำให้ตกใจ นี่ยากจะอธิบาย ผมก็สงสัยมานาน ตอนมีข้อพิพาท ระหว่างไทย กับ เขมร ตอน ที่ซื้อ หัวรบ 11 หรือ 10กว่า ลูก ทำไมถึงเป็นข่าว เหมือนข่าวรั่วเลยครับ สมัยไม่กี่ปีที่ผ่านมา
อ๋อ ช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ออกข่าว ตอน ที่มีข้อพิพาทกัน เรื่องเขาพระวิหาร ยิงกันอยู่พักหนึ่ง แล้วข่าวก็ออกมา ผมเรียกผิดมั้ง หัวรบ หรือ จรวด สักอย่าง หาข่าวมาเป็นตัวอย่างไม่เจอ แต่ออกข่าวทีวีนะ
หมายถึงเครื่องยิงจรวดเป็นชุดหรือเปล่าครับ รุ่นที่ซื้อจากจีนและร่วมกันพัฒนาจนได้เป็นรุ่น 21 อะไรสักอย่างนี่แหละ เคยเห็นกระทู้แชร์กันในเวป บอกว่าไทยเอาอาวุธชนิดนี้มายิงสั่งสอนเขมร ที่หลังจากนั้นเขมรก็เลิกเปรี้ยวกับไทยด้านประสิทธิภาพของอาวุธในการรบไปเลย ข้อเท็จจริงเป็นยังไงไม่แน่ใจ ก็จำได้คร่าว ๆ ประมาณนี้
ซื้อจากจีนมารุ่น SR-4 ขนาด 122 มม. เหมือนรุ่น BM-21 เพียงแต่ยิงได้ไกลกว่า ตอนนั้นพระเอกคือปืนใหญ่ครับ พวกจรวดหลายลำกล้องนี่ ต้องยิงพื้นที่ใหญ่ขนาดกว้างมากๆครับ เพราะมันไม่แม่น ลูกแรกกับลูงที่สอง อาจจะตกห่างกันได้เป็นร้อยๆเมตรเลย อันนี้ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เขมรยิงอะไรไม่ค่อยถูก ส่วน DTI-1 ตอนนั้น ก็ยังไม่มีระบบนำวิถีเลย จำนวนระบบ ก็มีน้อยนิดเดียว ถ้าเอายิงอะไร คงยากสักหน่อยที่จะถูกใครเค้า พวกของชิ้นใหญ่ๆ สมัยนี้เค้าไม่ปกปิดจำนวนกันแล้วหล่ะครับ ยังมีก็มีวิถีจะนับจำนวนได้ไม่ยากอยู่ดี
เค้าตั้งกระทู้ในท้องนา ดันไปแท็กชวนคนด้วย พอคนมา ควายก็ตกใจเลยต้องบล็อคกระทู้เลย http://pantip.com/topic/33603901
ข้าวเน่าสี่ห้าแสนล้านยังซื้อได้ (อย่างที่เรปบนว่าไว้) กับเงินหมื่นกว่าล้าน เอามาปกป้องทรัพย์สินที่อยู่ในทะเล เป็นมูลค่าหลายล้านล้านบาท ทำไมจะไม่คุ้มละ
เมื่อก่อนพอเกิดเหตุร้ายแล้วแก้ไข คนก็ว่า "วัวหายล้อมคอก" เดี๋ยวนี้พอจะล้อมคอกก่อนวัวหาย คนก็ว่า "โจรไม่มีล้อมคอกไปทำไม"