ตามอ่านรายละเอียดคำชี้แจงของมานทางเพจหรือจากเวป"ประชาไท"เอาเองนะครับ ผมไม่อยากเอามาลง ให้เป็นเสนียดกระทู้ ศรัทธาสถาบันแต่มรึงสัมภาษณ์"จักรภพ" ขืนตรูเชื่อมรึงก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ
เชื่อจ๊ะว่าแพะ เชื่อว่าจอม ไม่เค๊ย ไม่เคยคิดจะอยู่ในแผนทำหุ้นร่วง กินสตอเบอรี่ไหมค่ะจอม ผลไม้สีแดงด้วย
อยากรู้ว่าจอมพูดอะไร? ลองหาดูในเน็ทปรากฏว่าหายากหาเย็น หาเท่าไรก็ไม่เจอ แสดงว่าคำพูดของเขาไม่ได้เป็นที่แพร่หลายเลย เขาอาจพูดอะไรที่มีผลกระทบทางจิตวิทยา แต่ที่หุ้นตกไม่น่าจะเกี่ยวกับคำพูดของเขา ที่เขาสวนกลับว่า คสช เอาเขาเป็นแพะนั้นก็มีเหตุผล
ไม่ได้มีผลอะไรครับ แต่คนมันบังเอิญ เอ๊ย ไม่ใช่ พยายามจะซวยอยู่แล้ว จังหวะหุ้นตกแรงที่ผ่านมา พวกแมงเม่าก็ปล่อยกันใหญ่ ทำให้หุ้นตก บังเอิญคุณจอมแกช่วงนั้นไปเล่นเรื่องสืบสันตติวงศ์ เรื่องเลยผสมกัน ไปกันใหญ่ วันที่หุ้นร่วง 130 กว่าจุดน่ะครับ หากอยากตามรายละเอียด http://www.tnews.co.th/html/content/120570/
คำชี้แจง จอม เพชรประดับ กรณีถูกกล่าวหา เป็นเหตุทำให้หุ้นไทยร่วงรุนแรง เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2557 กรณี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศไทยว่า ผม (นายจอม เพชรประดับ) เป็นสาเหตุของการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จนสร้างความตื่นตระหนก ทำให้หุ้นไทยร่วงลงอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 6 ปี เรื่องนี้ สร้างความไม่สบายใจและเป็นกังวลให้กับผมอย่างยิ่ง เพื่อความเป็นธรรมในการประกอบวิชาชีพของผมเอง และบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงในการสัมภาษณ์ของผม จึงขอใช้โอกาสนี้ ชี้แจงทำความเข้าใจดังนี้ ประเด็นแรก – เรื่องข่าว “เบื้องหลัง สมเด็จพระบรม ทรงหย่า กับหม่อมศรีรัศมิ์” ที่อยู่ในเวปไซด์ “Thaivoicemedia.com”นั้น เป็นการอ้างแหล่งข่าวระดับสูงในราชวงศ์ ซึ่งข่าวนี้ ผมได้พูดคุยกับบุคคลที่เป็นแหล่งข่าวระดับสูงในราชวงศ์จริง และเหตุที่ได้นำเสนอข่าวนี้ออกไป เพราะเห็นว่า เป็นข้อมูลที่จะทำให้ประชาชนได้เข้าใจกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในราชวงศ์ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่กำลังให้ความสนใจและต้องการที่จะรับรู้อย่างยิ่ง อีกทั้งเห็นว่า เป็นข้อมูลที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจ สมเด็จพระบรมฯ มากยิ่งขึ้น เพราะข่าวที่ออกมาโดยส่วนใหญ่อาจจะทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจได้ว่า “หม่อมศรีรัศม์” เป็นฝ่ายถูกกระทำ รวมทั้งการพูดถึงพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถที่ทรงมีพระอาการดีขึ้นเป็นลำดับแล้วนั้น ก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนไทย ผมตระหนักดีว่า จำเป็นที่จะต้องระบุชื่อแหล่งข่าวอย่างชัดเจน ในทุกข่าวที่นำเสนอ แต่กรณีนี้ผมพิจารณาแล้วเห็นว่า หากระบุชื่อจริงลงไป ก็จะสร้างความเสียหาย และส่งผลกระทบต่อบุคคลที่เป็นแหล่งข่าวอย่างมาก แม้จะเป็นการพูดด้วยความปรารถนาดีและด้วยความรัก ห่วงใยต่อองค์รัชทายาทก็ตาม ซึ่งนี่ก็คือความรับผิดชอบที่สำคัญของสื่อมวลชนด้วยเช่นเดียวกัน ประการที่สอง– เกี่ยวกับ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ผมได้แสดงทรรศนะ ความคิด ความเชื่อของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วหลายครั้ง ผมยืนยันอีกครั้งว่า ผมเป็นคนไทย คนหนึ่ง ที่มีสำนึกรักและศรัทธา สถาบันพระมหากษัตริย์ มาโดยตลอด แต่ในความเป็นสื่อมวลชน ก็ต้องอยู่กับข้อเท็จจริง ความเปลี่ยนแปลงผลิกผันของสังคมโลกยุคใหม่ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยยุคปัจจุบัน ที่ต้องการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบ ในทุกเรื่อง ทุกประเด็นที่ส่งผลและเป็นปัจจัยในการดำเนินชีวิตของพวกเขา “สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย” ซึ่งถูกสร้างให้กลายเป็นศูนย์รวมแห่งความศรัทธาสูงสุดของคนไทยทั้งชาติ เป็นใจกลางของความเป็นประเทศไทย จึงถูกท้าทายด้วยปรากฎการณ์ใหม่นี้ วัฒนธรรมของสังคมใหม่ ที่เน้นการตั้งคำถาม การตรวจสอบ การวิพากษ์วิจารณ์ เป็นปรากฎการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และได้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทั้งภายในประเทศและในต่างประเทศ ในฐานะของสื่อมวลชน ซึ่งต้องทำงานบนพื้นฐานความสนใจและความเปลี่ยนแปลงใน สังคมโลกยุคปัจจุบัน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสำเสนอ หรือพูดถึงปรากฎการณ์ดังกล่าว แม้เป็น“สื่อมวลชน” แต่ด้วยความเป็น “คนไทย” การตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ก็เป็นไปด้วยความรัก ความศรัทธา และด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้ “สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย” ดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงในผืนแผ่นดินไทย การที่คนไทยจำนวนมากให้ความสนใจใคร่รู้ในสถาบันอันเป็นสิ่งศรัทธาสูงสุดเวลานี้ จนนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ การตรวจสอบ การตั้งคำถาม ล้วนแล้วอยู่บนความปรารถนาดีที่ต้องการช่วย พยุงให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปให้ได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง นี่คือความเชื่อมั่นและความรู้สึกนึกคิดของผมต่อ “สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย” ประการที่สาม – การสัมภาษณ์ คุณจักรภพ เพ็ญแข อดีตนักการเมือง ที่ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ ในประเด็น “ความเปราะบางของสถาบันกษัตริย์ไทย” เป็นเหตุผลที่ต่อเนื่องจากคำอธิบายดังกล่าวข้างต้น และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ คุณจักรภพ ให้สัมภาษณ์ในเชิงการตั้งคำถาม การวิพากษ์วิจารณ์ต่อสถาบันกษัตริย์ไทย แต่ได้ทำมาแล้วหลายครั้ง ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยดิ่งร่วงลงอย่างที่สุดแต่อย่างใด ประการที่สี่ – คุณสรรเสริญ แก้วกำเนิด หรือแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐบาลเผด็จการทหารไทย พยายามยัดเยียดให้ผมเป็น “ทาสรับใช้ระบอบทักษิณ” ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชิงชังอย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่ผมพยายามอธิบาย ชี้แจง และได้พิสูจน์ตัวเองในเรื่องนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง การทำหน้าที่สื่อมวลชนของผม ต้องใช้ความอดทน และพยายามอย่างยิ่ง ที่ต้องมั่นคงอยู่กับข้อเท็จจริง สร้างความเป็นธรรม และพยายามรักษาปกป้อง สิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามวิถีทางประชาธิปไตย แต่ก็ไม่วายต้องถูกต้องผลักไสให้ไปอยู่กับฝ่ายฝั่งตรงกันข้ามเสียทุกครั้ง คงจำกันได้ ในยามที่บ้านเมืองอยู่ภายใต้อำนาจของ “ระบอบทักษิณ” ผมเองก็ถูกกระทำและถูกขัดขวางการทำหน้าที่สื่อมวลชน จนไม่อาจปฎิบัติหน้าที่ต่อไปได้จากอำนาจของฝ่าย “ระบอบทักษิณ” ด้วยเหมือนกัน เป็นความไม่เป็นธรรมสำหรับผม อย่างยิ่ง ที่กลุ่มอำนาจทั้งหลายที่ขัดแย้ง และพยายามแย่งอำนาจกันเอง แต่กลับทำให้ผมกลายเป็น “แพะทางการเมือง” เสียทุกครั้ง แม้ในยามนี้ที่ชีวิตของผมต้องประสบกับความยากลำบากอย่างที่สุด ในเวลานี้ ผมไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ จาก คุณทักษิณ ชินวัตร หรือแม้แต่กลุ่มการเมืองใด ๆ เลย มีเพียงเพื่อนพี่น้องคนไทยที่ห่วงใย และรักในบ้านเมืองไทยเท่านั้นเองที่คอยให้ความเมตตาช่วยเหลือผมอยู่ในขณะนี้ ผมขอวิงวอนว่า อย่าทำให้การปฎิบัติหน้าที่สื่อมวลชนของผมไปให้เครดิตกับ ระบอบทักษิณ หรือกลุ่มการเมืองใดอีกเลย ประการสุดท้าย – ความผิดพลาด และล้มเหลวในการบริหารประเทศ ของ รัฐบาลเผด็จการทหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีหลายเรื่อง หลายประเด็น ล้วนแล้วสร้างความเสียหายต่อคนไทยอย่างรุนแรงอยู่ในเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ และบุคคลที่อยู่ในคณะรัฐบาลควรจะหันกลับมาพิจารณาตัวเองมากว่า แทนที่จะโยนความผิดพลาดนี้ให้กับ ผม หรือ บุคคลอื่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อำนาจสูงสุดมาด้วยการทำรัฐประหาร ซึ่งไม่ชอบธรรมอยู่แล้ว แต่หากต้องพิสูจน์ความเสียสละและความจริงใจที่ต้องการทำเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ก็ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ และด้วยจิตใจที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่สำคัญต้องมีความรับผิดชอบในความผิดที่เกิดขึ้น กรณีหุ้นดิ่งลงเหวอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 6 ปี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ในเบื้องต้น พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องโยนความรับผิดชอบนี้ไปที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ในฐานะผู้รับผิดชอบเบื้องต้นมากกว่า แทนที่จะเอา ผม ไปเป็นแพะ เหมือนกับความล้มเหลวอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ท่านมีอำนาจสูงสุดในประเทศ ขอย้ำและขอยืนยันอีกครั้งว่า แม้ผมไม่สามารถอยู่ในประเทศอันเป็นที่รักของผมได้ แต่ก็ยังคงยืนยันที่จะทำหน้าที่สื่อมวลชนไทย เพื่อเรียกร้อง ปกป้อง สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ความเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์ให้กับคนไทยทั้งแผ่นดินต่อไป เพื่อวันหนึ่งคนไทยทั้งประเทศจะได้ภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของประเทศไทยที่แท้จริง แม้สุดท้ายผมเองอาจจะไม่มีวันกลับมาตายในแผ่นดินอันเป็นที่รักของตัวเองก็ตาม ด้วยความรักและความปรารถนาดีต่อทุกคน จอม เพชรประดับ Thai Voice Media เสียงไทย เพื่อสิทธิ - เสรีภาพคนไทย
เอวังด้วยประการฉะนี้ ไม่ชู 3 นิ้วด้วยล่ะครับ จะได้ครบๆ ปล เรื่องหุ้น ผมมองว่าเรื่องข่าวลือก็มีส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แล้วก็ไม่ใช่การบริหารประเทศผิดพลาดด้วย แต่เพราะ WW3 ต่างหาก
ได้ยินคณะนิติเรี่ยราด ก็พูดงี้แหละ ที่ให้ยกเลิกกฎหมาย 112 แล้วบอกว่าเพราะต้องการให้สถาบันคงอยู่ พูดไม่ทันขาดคำ ก็ยุแยงว่าสถาบันชอบเข้ามายุ่งเกี่ยวการเมือง เพื่อเอาตัวรอดจากกฎหมาย ก็ตบหัวแล้วลูบหลัง คิดว่าคนอื่นตามไม่ทันความคิดมัน
อ่านบทความแล้วอยากกระทืบคนเขียนครับ ที่ไปแตะเรืองสืบราชสมบัติอย่างมิบังควร (แคชกูเกิลครับ) http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cacheQER3JazQdUJ:www.thaivoicemedia.com/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81/%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AF%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%8C &cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th
ช่างเหลือเชื่อเสียนี่กระไร เมื่อประโยคเด็ด วลีทอง ได้ถูกเอ่ยเอื้อนมาจากอดีตนักข่าวที่ได้กล่าวกับแม่มะนาว สักวัน สองวันก่อน สร้างความเวียนหัวให้แม่มะนาวยิ่งนัก เด็ดที่ ๑ "ผมตระหนักดีว่า จำเป็นที่จะต้องระบุชื่อแหล่งข่าวอย่างชัดเจน ในทุกข่าวที่นำเสนอ แต่กรณีนี้ผมพิจารณาแล้วเห็นว่า หากระบุชื่อจริงลงไป ก็จะสร้างความเสียหาย และส่งผลกระทบต่อบุคคลที่เป็นแหล่งข่าวอย่างมาก" เด็ดที่ ๒ "เหตุที่ได้นำเสนอข่าวนี้ออกไป เพราะ เห็นว่า เป็นข้อมูลที่จะทำให้ประชาชนได้เข้าใจกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในราชวงศ์ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่กำลังให้ความสนใจและต้องการที่จะรับรู้อย่างยิ่ง" แม่มะนาวถามไปว่า ถ้าสิ่งที่นำเสนอ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคง สื่อจะรับผิดชอบอย่างไร ไม่มีคำตอบ ที่ตรงคำถาม แต่บอกมาอย่างน่าเอ็นดูว่า แม่มะนาวคิดไปเองคนเดียวมั๊ง แถมต่ออีกว่าเป็นความกล้าหาญของสื่อที่กล้านำเสนอ ตอบได้อย่างหน้าด้านๆ เอ๊ยไม่ใช่กล้าหาญฝุดๆ เลยยกตัวอย่างเรื่องซึนามิที่ญี่ปุ่นว่าได้เห็นภาพที่ไม่สมควรออกมาทางสื่อบ้างไหม นั่นคือการให้เกียรติผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ก็ทำมึนไม่ตอบ เพราะไม่กล้าตอบ หรือไม่รู้จะตอบยังไง เวรเอ๊ย....ถ้ามีแหล่งข่าว ออกมาบอกที่ตั้งคุกลับซีไอเอ แม่งจะกล้าเอาลงไหมเนี่ย ใครๆก็อยากรู้นะ ว่ามีจริงหรือเปล่า กระทู้นึงตั้ง มาฟังเพลงพระราชนิพนธ์กัน แต่อีกกระทู้นึงมาปล่อยข่าวที่เป็นเรื่องส่วนตัว ที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง และสนับสนุนสื่อ ว่าเป็นความถูกต้อง กล้าหาญ ใครรู้มั่งคุกลับอยู่ที่ไหน จะได้ส่งไปอยู่เสียเลย อยากเอาแคน เอ๊ยผิดอีกแระ ขลุ่ยขว้างหน้าจังเรย ไอ้พวกปากว่าตาขยิบ ถามไป ก็มีแต่ ไปไหนมา สามวาสองศอก
ผมว่ามันก็รู้แหละว่าคนอื่นคิดทันมัน แต่มันต้องการส่งสารให้พวกกันเอง รักษาพื้นที่ของตัวมันเอง จะได้ไปวางบิลกับพ่อมันเอง
บอกตรงๆ สื่อสารมวลชนของประเทศไทยเป็นส่วนที่สร้างให้ปัญหาลุกลามบานปลาย แถมไม่รับผิดอบ ถ้าเอาสาระมาสื่อไม่ได้ ก็อย่าเรียกตัวเองว่าสื่อสารมวลชน และเมื่อไม่ใช่สื่อสารมวลชน อย่าอ้างฐานันดรที่สี่ อย่าอ้างเรื่องเสรีภาพในการนำเสนอ
เรื่องข้ออ้างที่บอกว่าเป็นกลางก็เหมือนกันอะครับ ผมไม่สนใจหรอกว่ามันจะเป็นกลางหรือปล่าว แต่ถ้านำเสนอข่าวพวกเลวๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้มัน เท่ากับมันเป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยคนเลวทำร้ายประเทศไทย