ในเมื่อลูกเค้าไม่ต้องการ ก็อย่าไปให้ความสำคัญยกย่องกันให้มากนักเลย ปล่อยให้หายไปกับวันเวลา ว่าแต่อ่านไปอ่านมาเหมือนกับสํานวนสุภาษิต"ตีวัวกระทบคราด" จังเลย "พ่อไม่ใช่ปูชนียบุคคล! ผมรังเกียจการบูชาพ่อผม" เสียงจากลูก"ป๋วย อึ๊งภากรณ์" วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 19:00:04 น. คนไทยน่าจะรู้จัก ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย เคยเป็นผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย สมาชิกขบวนการเสรีไทย และอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับ รางวัลแมกไซไซ สาขาบริการสาธารณะ ในปี พ.ศ. 2508 และเป็นเจ้าของข้อเขียน "คุณภาพชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน" นอกจากนี้ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ยังเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับประวัติศาสตรการเมืองไทยครั้งสำคัญหลายครั้ง ตั้งแต่การเป็นเสรีไทย การปกครองช่วงเผด็จการทหาร เหตุการณ์ 14 ตุลา และ เหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นต้น จนมีอนุสาวรีย์ ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ขึ้นที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และในทุกๆปีก็จะมีการจัดงานรำลึกถึงป๋วย อึ๊งภากรณ์ ในฐานะบุคคลสำคัญทางวิชาการและสังคมของไทย ล่าสุดคือการจัด สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชิญ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และ ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษา คสช. มาร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานรำลึก 100 ปีชาติกาล ป๋วย อึ๊งภากรณ์ จนถูกคัดค้าน เพราะมองว่าทั้งสองคนไม่เหมาะ เพราะรับใช้รัฐบาลทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ ดร.ป๋วย คัดค้านมาโดยตลอด ที่ผ่านมามีการตีความ ช่วงชิงความหมายและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จาก ป๋วย อึ๊งภากรณ์เรื่อยมา ไม่ว่าจะมอง ป๋วย อึ้งภากรณ์ จากมุมไหนก็ตาม แต่เสียงที่สำคัญที่ไม่ควรละเลย คือเสียงของบุตร ป๋วย อึ้งภากรณ์เอง คนแรกคือจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย แสดงความคิดเห็นเนื่องในโอกาส วันครบรอบ 99 ปี “ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์” ไว้ว่า ไม่อยากให้สังคมไทยยกย่องพ่อของตน ในฐานะปูชนียบุคคล ที่ต้องสรรเสริญ เพราะอยากให้คุณพ่อเป็นคนธรรมดา ที่สามารถวิพากษ์ วิจารณ์ได้ "ผมไม่อยากให้สังคมไทยเอาพ่อผมไปบูชา ยกย่อง สรรเสริญ เพราะนั่นเป็นการทำลายคุณพ่อ บิดเบือนคุณพ่อ หากินจากชื่อคุณพ่อ ผมอยากให้สังคมเอาคุณพ่อผมมาศึกษา เรียนรู้ วิพากษ์วิจารณ์ ถกเถียง นั่นทำให้คุณพ่อผมยังมีชีวิตอยู่ยั่งยืน เป็นคนในสามมิติ ไม่ใช่สองมิติ" "คุณพ่อผมไม่ใช่ปูชนียบุคคล แต่เป็นคนธรรมดาที่มีความสามารถ อุดมการณ์ ความซื่อสัตย์ ความกล้าหาญ ความขยันและอดทน และบังเอิญได้รับโอกาสการสนับสนุนจากทั้งรัฐและจากคุณแม่ของผม จึงสามารถสร้างผลงานที่ยั่งยืนและเป็นที่ประจักษ์ จึงเป็นคนที่น่าศึกษาเรียนรู้" "แต่ขณะเดียวกันคุณพ่อมีจุดอ่อนหลายอย่าง บางครั้งก็ไม่กล้าพอ อุดมการณ์และโลกทัศน์ของคุณพ่อมีวิวัฒนการที่ชัดเจนและน่าจะสุกงอมที่สุด(ในมุมมองของผม)หลังเหตุการณ์หกตุลาในหลายเรื่องคุณพ่อยังมีความคิดอนุรักษ์เสมอ" "สิ่งที่ผมรังเกียจคือการบูชาคุณพ่อผม การบิดเบือนคุณพ่อผม การหากินจากชื่อของคุณพ่อผมและการเปลืองงบประมาณมาสร้างวัตถุไร้สาระในนามการระลึกถึงคุณพ่อผม" สิ่งที่ผมสนับสนุนคือการนำผลงานและข้อเขียนของคุณพ่อมาศึกษา วิพากษ์วิจารณ์ ถกเถียง และเผยแพร่ให้สังคมได้เรียนรู้คุณพ่อต่อไป จอน อึ๊งภากรณ์ ขณะที่ใจ อึ๊งภากรณ์ นักเคลื่อนไหวทางวิชาการและการเมือง อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร เพราะเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงของไทย แสดงความคิดเห็นในเฟสบุ๊กส่วนตัวสอดคล้องกันว่า ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นคนธรรมดา และไม่ใช่นักปลุกระดมประชาธิปไตย แต่เป็นประชาธิปไตยโดยปัจเจก ไม่เคยรับตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลใดๆและไม่เห็นด้วยกับการแสดงความเคารพป๋วย อึ๊งภากรณ์ ในลักษณะรูปเคารพ และที่สำคัญคือ ป๋วย อึ๊งภากรณ์มีอุดมการณ์ที่ต่อต้านการคอร์รับชั่นของทหารและข้าราชการอื่นๆ โดยไม่มีข้อยกเว้น เขาไม่เคยรับเงินเดือนจากสองหรือสามตำแหน่งพร้อมกัน "ผมไม่ค่อยชอบการที่ธรรมศาสตร์สร้างรูปปั้นพ่อผมขึ้นมา ลึกๆ แล้วอยากให้ทุบทิ้ง เพราะในบริบทสังคมไทยมันเป็นการยกระดับพ่อผมเป็นเทวดา มีคนไปจุดธูปไหว้ อาจขอหวย อาจขอคะแนนดีๆ ในวันสอบ แต่พ่อผมไม่เคยเชื่อในเทวดา เมื่อแปดปีก่อน มีเพื่อนผมจากมาเลเซียคนหนึ่งมองขึ้นไปที่รูปปั้นนั้นแล้วพูดหยอกผมว่า “คิดว่าเป็นรูปปั้น เหมา เจ๋อ ตุง” ..." นอกจากนี้ ใจ ยังไม่เห็นด้วยกับการมองว่า ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ใจกว้างยอมรับอำนาจที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เพราะเป็นการพยายามยัดเยียดคำพูดและความคิดใส่คนที่เสียชีวิตไปแล้ว "การมาคาดเดาว่าถ้า ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ยังมีชีวิตอยู่ในยุคนี้ เขาจะคิดอย่างไรกับวิกฤตการเมืองไทย เป็นเรื่องไร้สาระ และเป็นการพยายามยัดคำพูดและความคิดใส่คนที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ใครที่จะมาอ้างว่า ป๋วย เห็นด้วย หรือพร้อมจะ “ใจกว้างยอมรับ” กับการก่อรัฐประหาร เผด็จการทหาร หรือการทำลายประชาธิปไตย ก็คงเป็นคนที่โกหกเพื่อแสวงความชอบธรรมให้ตนเอง ไม่ว่าประวัติศาสตร์ว่าด้วยเรื่อง "ป๋วย อึ๊งภากรณ์" จะถูกมองและตีความไปในแง่มุมใดๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการย้อนกับไปอ่านงานของป๋วย ด้วยตนเอง และมองหาคุณความดีที่คนในอดีตทิ้งไว้ เพื่อนำมาปรับใช้กับปัจจุบัน โดยเฉพาะเเนวคิดสำคัญของป๋วย คือคิดเพื่อผู้อื่นเสมอ แม้ตอนสิ้นชีวิต ดังคำกล่าวสำคัญ จากข้อเขียน "คุณภาพชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน" ที่ว่า "ตายแล้ว เผาผมเถิด อย่าฝัง คนอื่นจะได้มีที่ดินอาศัยและทำกิน และอย่าทำพิธีรีตองในงานศพให้วุ่นวายไป"
มันก็พยายามโยงไปให้เกี่ยวกับคนอื่นอยู่ดี ทั้งๆที่มันก็ไม่เหมือนกัน พวกล้มเจ้านี้นิสัยเสียทุกตัว หาเรื่องเสียดสีไปได้เรื่อยๆ
ยึดติดไป ผมว่านะ พี่จอน แกจะไป ยุ่งกะ คนอื่นเค้าทำไม คนไหน เค้าเคารพคุณพ่อ เค้าก็เคารพ ด้วยเหตุผลของเค้า จะว่าไป ผมว่า มันเป็นเรื่อง ของความคิดส่วนบุคคล ด้วยนะ เค้าจะนับถือ อาจารย์ป๋วย ด้วยสาเหตุอะไร แต่ละคน เค้าก็มีเหตุผลอยู่แล้ว พี่แก จะมาทำเป็นเด็กไม่รู้จักโต พ่อผม คนอื่น จะเอาไปทำอะไร ไม่ได้นะ คือ มันไร้สาระ ไปหน่อยอะ ก็เห็น ๆ อยู่ ว่าเรื่องพวกนี้ เวลาคนเค้าเคารพกัน เค้าไม่เอาไปใช้ประโยชน์ อะไรหรอก นอกจาก เค้าจะอยากทำ เพราะเค้ารู้สึก ขอบคุณ บูชา หรือ เลื่อมใสจริงจัง จริง ๆ เป็นลูกที่ดี ต้องใจกว้าง คนเห็นต่างจะเคารพ นั่นเพราะความดี ส่วนที่เค้าเห็นอะนะ เอ่อ ถ้า พ่อ ไม่มีอะไรให้คนอื่นเคารพ นั่นน่าจะ ปวดใจกว่านะ คือ ผมว่า พี่แกโตแล้วนะ ผมก็โตแล้ว 41 แล้ว ผมยังคิดได้อะ พี่ก็โตแล้ว พี่คิดง่าย ๆ อย่าซับซ้อน
อ่ะนะครับ ก็คงเหมือนไอ้คนไม่เต็มบาทบางคนที่อยากเถียงชนะซะจนยอมด่าแม่ตัวเองให้คนอื่นฟัง ถ้ามันรังเกียจที่คนอื่นเคารพพ่อมันนัก ก็น่าจะบอกซะหน่อยนะว่าที่พ่อมันโดนตบกบาลด้วยปืนสมัยเผ่าเนี่ยสมควรโดนแล้ว ว่าแต่ไอ้เจ๊กสันชาติฝรั่งมาเสือกอะไรกับประเทศไทยครับ ทุกวันนี้มันตอบคำถามนี้ได้ยัง
เคยได้ยินพวกล้มเจ้ามันบอกว่า ฉันเป็นพลเมืองอเมริกา อยู่อเมริกา ไม่ได้ทำผิดกฏหมายของอเมริกา โพสข้อความในเว็บของServerอเมริกา แล้วคนไทยมาเจือกโพสอะไร ในเว็บที่เป็น Server ของอเมริกา
เออ....นึกว่า แทนที่จะดีใจ ภูมิใจ ที่มีคนเชิดชูพ่อเป็นบุคคลสำคัญที่มีคุณูปการต่อเศรษฐกิจไทย เป็นถึงผู้ว่าฯ แบงค์ชาติ เป็นถึงอธิการฯ ธรรมศาสตร์ นี่อะไรกัน.... ลูกต้องปกป้องชื่อเสียงของพ่อ มีใครพาดพิงพ่อเราเสียๆ หายๆ เรายอมมั้ยล่ะ การสร้างรูปปั้นบุคคลเพื่อแสดงความเคารพนับถือ เชิดชู ให้เกียรติ เราก็ไปรับอิทธิพลจากตะวันตกมา เพราะความเชื่อโบราณ คนไทยไม่นิยมปั้นรูปบุคคล ไม่ถ่ายภาพบุคคล เพราะเชื่อว่าทำให้อายุสั้น แต่มุมมองคนไทยส่วนหนึ่งนี่เองที่มองผิด กลายเป็นเทวรูปเพื่อขอพร จุดธูป กราบไหว้ ในขณะที่ต่างประเทศ อย่างดีก็วางดอกไม้
ผมว่างี่เง่าไปนะ (แต่พวกล้มเจ้าก็พวกงี่เง่าอยู่แล้วนี่นา) คนเค้าจะทำรูปปั้นให้คุณพ่อ ด้วยเคารพ เลื่อมใส นับถือ อะไรก็เรื่องของเค้าไม่ใช่หรือ จอนใจ ก็ไม่ได้มีสิทธิออกมาบอกว่าห้ามทำนะสักหน่อย แล้วมันไม่ดีตรงไหน มีคนมาสรรเสริญพ่อตัวเองเนี่ย ต้องการให้เค้าด่าพ่องมรึงรึไง รูปปั้นก็ถือว่าเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์แบบหนึ่งให้คนรุ่นหลังสนใจ มีศึกษาว่า ตาคนนี้มีดีอะไร? ถึงมีรูปปั้นไม่ใช่หรือ? แล้วการวิพากษ์ตาป๋วยก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ซักหน่อย การวิพากษ์ทางวิชาการทำได้เสมอๆ แม้แต่เชื้อพระวงศ์หรืออดีตพระมหากษัตริย์ก็เห็นทำกันอยูโครมๆ แค่เค้าไม่นิยม เฮทสปีท เท่านั้น ตาป๋วยยิ่งแล้วใหญ่ เป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีเหตุผลที่จะวิพากษ์ไม่ได้เลย ทำไมต้องคิดว่า จะมีคนมายกให้พ่อเป็นดังเทพเจ้าด้วย ตาป๋วย ก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ไม่มีสถานะแบบกษัตริย์ มีเหตุผลอะไรต้องมาจุดธูปเทียนกราบไหว้ ยกเว้น จะบังเอิญมีคนอุตริไปขูดเจอเลข แล้วดันถูก นั่นล่ะตาป๋วยถึงจะศักสิทธิ์ขึ้นมา ซึ่งก็ช่วยไม่ได้ เพราะหากเป็นแบบนั้นต่อให้เป็นรูปปั้น หมา แมว คิตตี้ ศิวลึงค์ พวก..... มันก็กราบกันอยู่ดี ใจ จอน ก็แค่พวก และละเมอเพ้อพก ถึงสังคมไทยในจินตนาการ แต่ไม่มีความเข้าใจแม้แต่น้อย