คุกตลอดชีวิต‘บอล’ฆ่า‘เอกยุทธ อัญชันบุตร’

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย อู๋ คาลบี้, 30 Dec 2014

  1. อู๋ คาลบี้

    อู๋ คาลบี้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    12,204
    http://www.komchadluek.net/detail/20141230/198590.html

    อาชญากรรม : ข่าวทั่วไป
    วันอังคารที่ 30 ธันวาคม 2557
    คุกตลอดชีวิต‘บอล’ฆ่า‘เอกยุทธ อัญชันบุตร’

    ศาลพิพากษาประหาร "บอล-เบิ้ม"มืออุ้มฆ่า"เอกยุทธ"รับสารภาพเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ชดใช้เงิน 1.9 ล.แก่ทายาทผู้เสียหาย ลูกชายเอกยุทธเผยพอใจคำตัดสิน

    วันที่ 30 ธ.ค.57 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดีที่ 709 - 30 ธ.ค. 57 เวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษา คดีฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง อายุ 23 ปี นายสุทธิพงศ์ หรือ เบิ้ม พิมพิสาร อายุ 28 ปี นายชวลิต หรือเชาว์ วุ่นชุม อายุ 23 ปี นายทิวากร หรือ ทิว เกื้อทอง อายุ 18 ปีเศษ จ.ส.อ. อิทธิพล เพ็งด้วง อายุ 51ปีและนาง จิตอำไพ เพ็งด้วง อายุ 48 ปี บิดา มารดานายสันติภาพ ทั้งหมดเป็นชาว จ.พัทลุง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ, ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, รับของโจร ฯลฯ รวม 8 ข้อหา

    คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 56 โดยบรรยายฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 6 - 9 มิ.ย.56 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ได้ร่วมกันมีอาวุธปืนพกออโต้เมติก ขนาด .380 พร้อมเครื่องกระสุน และอาวุธมีด ปล้นเอาทรัพย์สินของ นายเอกยุทธ รวม 9 รายการ มูลค่า 6.6 ล้านบาท โดยใช้อาวุธทำร้าย และหน่วงเหนี่ยวกักขังบังคับให้นายเอกยุทธ ออกเช็คเบิกถอนเงิน และใช้เชือกรัดคอจนนายเอกยุทธ ถึงแก่ความตาย ก่อนนำศพไปไว้ในรถยนต์ตู้ ทะเบียน ฮพ 9304 และนำศพไปฝังไว้บริเวณเขาจิงโจ้ อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อปกปิดความผิด โดยมีจำเลยที่ 3 - 4 ช่วยขุดหลุมฝังศพ ส่วนจำเลยที่ 5-6 ซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้เก็บเงินสดของผู้ตาย จำนวน 4,242,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 นำไปฝากไว้ โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวนายสันติภาพ พร้อมด้วยจำเลยที่ 2-4 มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขณะที่บุตรชายนายเอกยุทธ พร้อมด้วยญาติเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย

    ศาลพิเคราะห์แล้วมีปัญหาวินิจฉัยประการแรกว่า จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หน่วงเหนี่ยวกักขังปล้นทรัพย์ และปกปิดซ่อนเร้นศพเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดหรือไม่ โจทก์มีพยานแวดล้อมหลายปากเบิกความสอดคล้องกันตั้งแต่ก่อนและหลังเกิดเหตุซึ่งสอดคล้องกับภาพจากกล้องวงจรปิดว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถพาผู้ตายออกจากบริษัทไปกินข้าวที่ร้านครัวกระแต จากนั้นพาไปที่บ้านย่านทาวน์อินทาวน์ สนามบินสุวรรณภูมิ และแวะเติมน้ำมันที่วังมะนาว จ.เพชรบุรี แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นขั้นตอนการฆ่าของจำเลยที่ 1 และ 2 แต่มีพยานแวดล้อมเบิกความเป็นลำดับขั้นตอน อีกทั้งมีพยานเป็นพี่สาวของจำเลยที่ 1 ซึ่งเบิกความยืนยันว่าจำเลยที่ 1 มาหาที่ จ.นครศรีธรรมราชเพื่อหาสถานที่ฝังศพจริง แต่เมื่อหาไม่ได้จึงพากันไปที่จ.พัทลุง โดยมีพยานโจทก์เบิกความว่าขณะกลับจากโรงพยาบาลพัทลุง เวลา 23.00 น. เห็นรถยนต์ 2 คัน คือเก๋งแดวูและโฟลค์ตู้สีดำเลี้ยวเข้าไปในเขาจิงโจ้ซึ่งเป็นสถานที่พบศพ จึงเชื่อว่า เป็นรถที่จำเลยที่ 4 ขับนำรถของผู้ตายไปฝังอำพรางศพ และเมื่อฝังศพแล้วจำเลยที่ 1 ได้ขับรถมาส่งจำเลยที่ 2 เพื่อซื้อตั๋วรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ ตามคำเบิกความของพนักงานขายตั๋ว โดยพยานได้ยืนยันพร้อมกับชี้ภาพจำเลยที่ 2 ได้ถูกต้องชัดเจน สอดคล้องกับคำให้การของจำเลยที่ 1 และ 2

    ในบันทึกการจับกุมจำเลยที่ 1 และ 2 ยังยอมรับว่านำตัวผู้ตายไปกักขัง โดยจำเลยมีอาวุธปืนสั้นและมีด ใช้ขู่บังคับให้ผู้ตายยอมเซ็นเช็คจ่ายเงิน 3 ฉบับ เป็นเงิน 5 ล้านบาท เมื่อได้รับเงินจากเลขาของนายเอกยุทธระหว่างเดินทางออกจากสุวรรณภูมิ นายเอกยุทธพยายามหลบหนีโดยกระโดดลงจากรถยนต์ จำเลยที่ 1 ติดตามมาทันและใช้มือรัดคอแล้วจับตัวกลับขึ้นมาในรถ ก่อนสั่งให้จำเลยที่ 2 ใช้เชือกผูกรองเท้ารัดคอนายเอกยุทธจนเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ศพ แม้จำเลยที่ 1 อ้างว่าในบันทึกจับกุมและภาพชี้จุดเกิดเหตุไม่ถูกต้อง จึงไม่ได้ลงลายมือชื่อกำกับนั้น เชื่อว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้บังคับจำเลยให้นำชี้ที่เกิดเหตุ แต่จำเลยสมัครใจเอง อีกทั้งมีสื่อมวลชนติดตามตลอด ดังนั้นจึงไม่มีเหตุที่จะโกรธเคืองหรือสงสัยว่าจะปรักปรำจำเลย คำเบิกความของโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้

    ส่วนจำเลยที่ 2 ยอมรับว่า อยู่ร่วมกับจำเลยที่ 1 ตลอดเวลา แต่ถูกจำเลยที่ 1 บังคับให้ร่วมกระทำความผิด เมื่อผู้ตายได้กระโดดหนีลงจากรถ ได้ตามทันและพามาที่รถให้จำเลยที่ 2 ใช้เชือกรัดคอสอดคล้องกับการตรวจหลักฐานที่พบเชือกชนิดเดียวกันในที่เกิดเหตุ เชื่อว่าเป็นเชือกที่จำเลยที่ 2 ฆ่าผู้ตาย หากจำเลยที่ 1 ได้ฆ่าผู้ตายก่อนหน้านี้แล้ว ก็ไม่มีเหตุใดที่จำเลยที่ 2 จะรัดคอผู้ตายอีก เห็นว่าในการตรวจพิสูจน์แพทย์ระบุไม่พบรอยบาดแผลที่คอ จึงไม่เชื่อว่าถูกรัดคอ และไม่มีรอยเลือดบนใบหน้า แต่มีแพทย์นิติเวช ยืนยันว่าศพผู้ตายถูกพบเวลา 4 วัน รอยรัดคออาจจางหายได้ จากการอืดบวมของศพ คำเบิกความของจำเลยที่ 2 จึงไม่น่าเชื่อถือ เพราะไม่มีพยานรองรับ เป็นเพียงคำเบิกความลอยๆ เพราะจำเลยที่ 2 มีโอกาสหลบหนีแต่ก็ไม่หลบหนีและไม่ห้ามปรามจำเลยที่ 1 ส่วนที่อ้างว่ากลัวจำเลยที่ 1 จะทำให้เดือดร้อนเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง เพราะหากถูกจับกุมดำเนินคดีฆ่าคนตายจะยิ่งเดือดร้อนยิ่งกว่า พยานหลักฐานรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1-2 ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ลักทรัพย์โดยประทุษร้าย ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิด

    สำหรับจำเลยที่ 3-4 ไม่มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าและร่วมกันชิงทรัพย์ เนื่องจากโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมเบิกความยืนยัน แม้คำเบิกความของจำเลยที่ 1 ระบุว่าชวนจำเลยที่ 3 มาเรียกค่าไถ่นักธุรกิจ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 เข้าร่วมกระทำความผิด อีกทั้งการบันทึกโทรศัพท์ก็ไม่พบว่าจำเลยที่ 1 และ3 ติดต่อกัน ส่วนจำเลยที่ 4 เบิกความว่าไม่รู้จักจำเลยที่ 1-2 มาก่อน และไม่พบรอยนิ้วมือในรถยนต์ของนายเอกยุทธ แต่จำเลยที่ 3-4 มีความผิดฐานร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ จากการร่วมกันขุดหลุมฝังศพนายเอกยุทธที่เขาจิงโจ้

    สำหรับประเด็นที่จำเลยที่ 5-6 ร่วมกันรับของโจรหรือไม่นั้น จำเลยที่ 5 ให้การยอมรับว่าจำเลยที่ 1 นำเงิน 5 ล้านบาทมามอบให้โดยอ้างว่าเป็นเงินที่ได้จากการเล่นพนันฟุตบอล จำเลยที่ 5 และ 6 จึงนำเงินแบ่งเป็น 2 ส่วนไปขุดหลุมฝังดินไว้ที่บ้านญาติ แต่ไม่นำเงินไปฝากธนาคารเพราะตรงกับวันเสาร์ที่ธนาคารปิดทำการ ศาลจึงไม่เชื่อในคำให้การเพราะข้ออ้างจำเลยมีพิรุธ ปัจจุบันหลายธนาคารเปิดทำการตามห้างสรรพสินค้า เชื่อว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้มาจากการลักทรัพย์ หากเก็บไว้กับตัวหรือบ้านจะถูกติดตามจับกุมได้ ความผิดฐานรับของโจรจึงสำเร็จตั้งแต่รับเงิน 5 ล้านจากจำเลยที่ 1
    อย่างไรก็ตาม จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาพอเป็นประโยชน์อยู่บ้าง พิพากษาจำเลยที่ 1 - 2 ให้ประหารชีวิตจากการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์คนละ 18 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 ผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนและซ่อนเร้นอำพรางศพ จำคุก 13 เดือน และให้รวมโทษที่รอการลงอาญาไว้ในคดีเดิมอีก 6 เดือน เป็น 19 เดือน จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานซ่อนเร้นอำพรางศพ จำคุก 8 เดือน ส่วนจำเลยที่ 5-6 ผิดฐานรับของโจร แต่รับสารภาพและช่วยติดตามนำเงินของมาคืนจำนวน 4.2 ล้านบาท พิพากษา จำคุก 1 ปี 4 เดือน และให้จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1.9 ล้านบาทให้กับทายาทของผู้เสียชีวิต

    ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสันติภาพระบุว่าจะปรึกษาทนายความเพื่อยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อไป โดยนายสันติภาพมีใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา ขณะที่ลูกชายของนายเอกยุทธ ระบุว่า พอใจกับคำตัดสิน หลังจากนี้จะหารือกับทนายความว่าจะอุทธรณ์คดีหรือไม่ และขอบคุณสื่อมวลชนที่ติดตามและให้ความสนใจกับคดีมาโดยตลอด
    ----------------------------------------------------------
    ......... เกือบลืมไปแล้วว่ามีข่าวนี้
     
    maya, Anduril และ bookmarks ถูกใจ
  2. ควันหลง

    ควันหลง อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,786
    ผมรอ CSI LA มาแฉคดีอยู่ฮะ :wondering:
     
    bookmarks, ปู่ยง, maya และอีก 4 คน ถูกใจ
  3. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
    แล้วตกลงตัดตอนอยู่แค่นี้ ไม่โยงไปว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องอีกบ้าง....... เอวัง
     
    maya, bookmarks และ อู๋ คาลบี้ ถูกใจ
  4. เพื่อนร่วมชาติ

    เพื่อนร่วมชาติ อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    529
    ไหนล่ะท่าพิเศษในตำนาน
     
    bookmarks และ อู๋ คาลบี้ ถูกใจ.
  5. emujack

    emujack อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    30 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,293
    เเค่ไอ้บอลไม่มีปัญญาหรอก ต้องมีมากกว่านี้
     
    bookmarks และ อู๋ คาลบี้ ถูกใจ.
  6. Ricebeanoil

    Ricebeanoil อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    7 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,482


    ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นสั่งจำคุกตลอดชีวิต “บอล-เบิ้ม” มือฆ่าโหดนักธุรกิจดัง “เอกยุทธ อัญชันบุตร” ขณะที่พ่อ แม่ “บอล” ถูกจำคุก 1 ปี 4 เดือน ข้อหารับของโจร

    วันนี้ ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง และพวกรวม 6 คน กรณีร่วมกันอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนปี 2556 โดยปล้นเอาทรัพย์สินมูลค่ากว่า 6.6 ล้านบาทไป ก่อนนำศพไปฝังบริเวณเขาจิงโจ้ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง

    โดยมีนายชวลิต หรือเชาว์ วุ่นชุม จำเลยที่ 3 และนายทิวากร หรือ ทิว เกื้อทอง จำเลยที่ 4 ช่วยขุดหลุมฝังศพ ขณะที่ จ.ส.อ.อิทธิพล และนางจิตอำไพ เพ็งด้วง พ่อและแม่ของนายสันติภาพ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานรับของโจร เนื่องจากเป็นผู้เก็บเงินกว่า 4.2 ล้านบาท ที่นายสันติภาพ จำเลยที่ 1 นำมาฝากไว้

    โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จะไม่มีประจักษ์พยาน แต่มีพยานแวดล้อม โดยเฉพาะคำเบิกความของพี่เขยของนายสันติภาพ พิพากษาแก้ความผิดของนายสันติภาพ หรือ บอล เพ็งด้วง และนายสุทธิพงษ์ หรือ เบิ้ม พิมพิสาร จำเลยที่ 2 จากความผิดฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นฆ่าโดยเจตนา ส่วนคำพิพากษาอื่นยืนตามศาลชั้นต้น

    โดยให้จำคุกนายสันติภาพ กับนายสุทธิพงศ์ จำเลยที่ 1-2 ตลอดชีวิต พร้อมชดใช้เงินทายาทผู้เสียชีวิต 1.9 ล้านบาท และสั่งจำคุกนายชวลิต จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 13 เดือน ส่วนนายทิวากร จำเลยที่ 4 จำคุก 8 เดือน ขณะที่พ่อและแม่ของนายสันติภาพ หรือ บอล ถูกจำคุก 1 ปี 4 เดือน ข้อหารับของโจร
     
    bookmarks และ อู๋ คาลบี้ ถูกใจ.
  7. มือดี จากพระนคร

    มือดี จากพระนคร อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    3 Jun 2016
    คะแนนถูกใจ:
    64
    upload_2016-7-1_0-28-10.png
    เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
    เราต้องเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้หมด ไม่ว่าจะในนรกหรือบนสวรรค์
    เรียนเชิญคุณสองคน ให้ข้อมูลเรื่องนี้ กับ สน. ที่ใกล้บ้านท่านตรับ
    ....รู้สึกว่าจะพากันแสนรู้ สู่รู้ รู้ดี กันจังเลย:D:D
     
    คนกลาง likes this.
  8. Alamos

    Alamos อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    7,052
    นั้นซิ โดยเฉพาะคนโกหกว่าเป็นเพื่อน แล้วก็ทอดทิ้งเพื่อนเพราะหมดประโยชน์
     
  9. bookmarks

    bookmarks อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    23 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,447
    คดีคุณเอกยุทธ เชื่อได้ว่า ต้องมีอีก ไอ้คนที่เดินถ่ายรูปให้เจ๊โง่นั่นแหละ
     
    emujack และ อู๋ คาลบี้ ถูกใจ.
  10. คนกลาง

    คนกลาง อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 Aug 2015
    คะแนนถูกใจ:
    383
    ก็ว่าอยู่ สรุปคนผิดไม่มีใครอีกแล้วเเหรอ เดี๋ยวก็จะพาลเข้าใจผิดว่าตำรวจเกี๊ยะเซี๊ยะรีบจบคดีนี้อีกนะ
    ที่อุดส่ามโนมาก็จะพังทลายล้มตึงกันไปอีก :D:D:D
     
  11. emujack

    emujack อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    30 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,293
    เวรกรรม การที่จะฆ่าระดับนายเอกยุทธนั้น มันต้องใช้คนมากกว่า 1 คนอยู่เเล้ว (สำนวนการสืบสวน สอบสวนก็ว่าอย่างนั้น) ต่อให้ผมไม่โพสต์ สมาชิกท่านอื่นก็ต้องทราบอยู่ดี
    ปล ผมไม่ได้บอกนะว่าเป็นตำรวจ มันอาจจะเป็นนักการเมืองก็ได้ ใครจะไปรู้
     

Share This Page