คำต่อคำ2 พยานแฉ"สุเทพ"จ้างให้การเท็จยุบไทยรักไทย เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตรองผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาย ใน (กอ.รมน.) ได้นำนายสุขสันต์ ชัยเทศ อดีตผู้อำนวยการพรรคพัฒนาชาติไทย และนายชวการ โตสวัสดิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพัฒนาชาติไทย ซึ่งเป็นพยานปากเอกคดียุบพรรค ไทยรักไทย ร่วมแถลงข่าวถึงเบื้องหลังการยุบพรรคไทยรักไทย โดยยอม รับว่าได้ให้การเท็จในคดีดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้ พล.อ.พัลลภา ต้องขอบคุณสื่อมวล ชนที่มาตามคำเชิญเพื่อให้สังคมได้รับรู้ข้อเท็จจริงเพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับคนพรรค ไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีกลาโหม โดยพยานปากเอกที่จะนำมาชี้แจงในวันนี้ทั้งสองคนให้การเท็จต่อศาลจนนำมาสู่การยุบพรรคไทยรักไทย แต่วันนี้เขาทั้งสองสำนึกผิดจึงได้มาพบเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ แม้ว่าตัวเองจะติดคุกโดยการเป็นพยานเท็จหรือแม้จะตายเขาก็ยอม สองคนนี้คือนายสุขสันต์ ชัยเทศ อดีตผู้อำนวยการพรรคพัฒนาชาติไทย และนายชวการ โตสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครแบบเขต พรรคพัฒนาชาติไทย ......นายสุขสันต์า ผมทั้งสองคนสำนึกผิดอยากกราบขอโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 ท่าน และรวมถึงสมาชิกพรรคไทยรักไทยทุกคน ตามที่ผมและคุณชวการได้ให้การต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นพยานให้กับอัยการสูงสุด (อสส.) และให้การกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จนเป็นเหตุให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยนั้น ผมขอเรียนว่าผมและคุณชวการถูกจ้างวานให้การเท็จ ถูกจ้างวานให้เป็นตัวละคร โดยผู้จ้างวานคือคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งรายละเอียด ผมจะขอเปิดเผยให้ทราบโดยทั่วกันดังนี้ เริ่มตั้งแต่เมื่อเช้าวันที่ 4 มีนาคม 49 มีคนซึ่งผมรู้จักดีมาพบผมที่โรงแรมกานต์มณี โดยบอกว่าถ้าอยากได้เงินสนับสนุนการเลือกตั้งให้พาหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย หัวหน้าพรรคเล็ก 2-3 พรรคไปพบคุณสุเทพ ซึ่งในขณะนั้นผมกับพวกกำลังจัดทำเอกสารให้กับผู้สมัครเขตวันสุดท้ายในการสมัคร คือวันที่ 8 มีนาคม 49 ต่อมาวันที่ 15 มีนาคม 49 หลังจากส่งผู้สมัครเรียบ ร้อยแล้ว ผมกับคุณชวการก็ได้เข้าไปพบกับคุณสุเทพที่พรรคประชาธิปัตย์ตามที่นัดหมาย กันไว้ประมาณสี่ทุ่มกว่า โดยคนนำเข้าไปพบก็เป็นคนเดิมที่ติดต่อกับผมที่โรงแรมกานต์มณี เมื่อพบกันคุณสุเทพขอร้องขอความร่วมมือให้ผมช่วยทำงานร่วมกัน โดยเป้าหมายอยู่ที่การยุบพรรคไทยรักไทยเป็นหลัก แนวทางการทำงานนั้น 1.ให้ร่วมแถลงข่าวว่าพรรคไทยรักไทยจ้างวานให้ส่งผู้สมัครเหมือนกับพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าที่คุณสุเทพได้นำแถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ในวันที่ 8 มีนาคม 49 2.ให้ยืนยันต่อ กกต. อสส. และคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่าพรรคไทยรักไทยเป็นผู้จ้างวานพวกผมส่งผู้สมัครลงสมัคร โดยมีเงื่อนไขในการทำงานและข้อตกลงในสัญญาคือ 1.คุณสุเทพจะดูแลความปลอดภัยให้ผมและครอบครัว 2.จะช่วยเหลือในทางคดีไม่ให้ได้รับโทษใดๆทั้งสิ้น 3.จะให้เงินค่าจ้างคนละ 15 ล้านบาท เป็นเรื่องจริง และ 4.ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่จะส่งสมัคร ส.ส. ให้ได้เป็น ส.ส. หรือถ้าหากพรรคได้รับชัย ชนะในการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลก็จะได้รับตำแหน่งทางการเมืองเหมือนกับคำให้การที่คุณธติมา ภาวลี ได้ให้การไว้กับตุลาการรัฐธรรมนูญในการให้การในครั้งนั้น และถ้าหากไม่ให้ความร่วมมือหรือเข้าทำงานร่วม พวกผมจะถูกดำเนินคดีอาญาเรื่องของการปลอมแปลงเอกสารและการแก้ไขข้อมูลของ กกต. และพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้คนไปแจ้งความไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว .....เรื่องการแก้ไขข้อมูลผมเรียนให้สื่อได้ทราบว่า พรรคของพวกผมได้มีการแก้ไขตั้งแต่ปี 48 ที่มีการเลือกตั้ง ผมแก้ไขให้คุณทนง ศิริปรีชาพงษ์ กับคุณสุทีป นาแก เขต 4 ก็ส่งลงสมัคร ตอนนั้นผมกับคุณชวการไม่มีทางเลือกในขณะนั้น เพราะเข้าไปอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์คุยกันถึงตี 2 จึงยินยอมด้วยความจำเป็น และได้ต่อรองกับคุณบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคก่อน แต่คุณสุเทพบอกว่าไม่ต้อง ผมไปด้วย ไปคืนนี้เลย คุณสุเทพให้เหตุผลว่าผมกับคุณชวการไปพูดเขาไม่เชื่อหรอก ต้องให้ผมไปพูดเอง จึงนั่งรถโฟล์คตู้สีดำ เลขทะเบียนหมายเลข 7 กรุงเทพฯ เมื่อถึงบ้านคุณบุญทวีศักดิ์ก็เป็นเวลา ตี 2 ของวันที่ 16 มีนาคม 49 คุยกันอยู่ถึงตี 4 ผมจึงเชิญคุณบุญทวีศักดิ์ไปคุยกับคุณสุเทพในรถตู้ และผมกับคุณชวการก็อยู่ด้วย ในระหว่างการพูดคุยนั้นคุณสุเทพได้บอกคุณบุญทวีศักดิ์ว่า คุณสุขสันต์และคุณชว- การได้รับปากทำงานร่วมกันกับคุณสุเทพไปแล้ว โดยข้อตกลงเงื่อนไขที่ผมได้เรียนไปแล้วว่า หากคุณบุญทวีศักดิ์ร่วมทำงานผม (สุเทพ) ก็จะยินยอมจ่ายเงินให้ 15 ล้านบาท ตามที่คุณบุญทวีศักดิ์ได้ให้การกับทาง กกต. และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว แต่คุณบุญทวีศักดิ์ได้บอกคุณสุเทพว่าเอาไว้คิดดูก่อน พรุ่งนี้เช้าจะให้คำตอบ หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อคุณบุญทวีศักดิ์ได้เลยจนถึงวันที่ 18 มีนาคม 49 คุณสุเทพได้ให้ผมและคุณชวการไปพบด่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ และให้ไปรับเงินล่วงหน้าก่อนคนละ 1 ล้านบาท และรีบจัดให้มีการแถลงข่าวใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยว่า พล.อ.ธรรมรักษ์เป็นคนจ้างในวันนั้นเลย หลังจากแถลงข่าวเสร็จคุณสุเทพให้คนมารับผมและคุณ ชวการเดินทางไปสุราษฎร์ธานี และทีนี้ในระหว่างพักอยู่ที่สุราษฎร์ธานีและภูเก็ต ผมกับคุณชวการอยู่ในความควบคุมของคุณสุเทพโดยตลอด แม้กระทั่งการไปให้การกับ กกต. และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็มีคนควบคุมไปตลอด ขณะนั้นผมและคุณชวการไม่สามารถให้การเป็นอย่างอื่นได้ การที่ผมกับคุณชวการมาเปิดเผยความจริงทั้งหมดในวันนี้ คุณสุเทพไม่ได้ดำเนินการตามสัญญาที่ให้ไว้กับพวกผมเรื่องเงิน เรื่องตำแหน่งทางการเมือง เรื่องเป็น ส.ส. ไม่ได้ไม่เป็นไร แต่พวกผมต้องมาโดนคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติและส่งศาลฎีกา และวันที่ 14 พฤศจิกายน 52 นี้จะส่งศาลอาญาร่วมกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ ซึ่งแสดงว่าพวกผมถูกหลอกใช้งาน ให้เป็นเครื่องมือ ซึ่งคนเราศักดิ์ศรียอมกันไม่ได้เมื่อมาโกหกกัน พวกผมต้องอยู่ลำบาก แบบหลบๆซ่อนๆ ติดต่อไม่ได้เลย นายชวการา ประเด็นหลักๆคือการ ลงเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 49 นั้นทางพรรคพัฒนาชาติไทยได้ดำเนินการตามแนว ทางของพรรค เพราะเราเห็นเป็นโอกาสเมื่อพรรคฝ่ายค้านบอยคอต เมื่อสังคมไม่เอาพรรคไทยรักไทยโอกาสน่าจะตกอยู่กับพรรคเล็ก และก็เห็นได้ว่าพรรคคนปลดหนี้ได้ ส.ส. ในภาคใต้ ทั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นในการส่งผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยเลย ประการที่ 2 เป็นความจริงที่คุณสุขสันต์ได้พูดว่าคนของผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ได้ติดต่อพร้อมเสนอตัวเลขค่าใช้จ่าย 7 หลักในวันที่ 4 มีนาคม 49 ซึ่งวันนั้นเรากำลังยุ่งอยู่กับการจัดตัวเราก็เลยขอผัดผ่อน และเป็นความจริงเช่นเดียวกันที่เราได้รับการติดต่ออีกครั้ง พร้อมกับนำข่าวภายใต้การนัดหมายของผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ในคืนวันที่ 15 มีนาคม 49 เพื่อเข้าไปพบคุณสุเทพที่พรรคประชาธิปัตย์ ที่เราเข้าไปเพราะเราคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนภายใต้หลักการของการเลือกตั้งโดยปรกติ แต่เมื่อเข้าไปและพบข้อเท็จจริงว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือการยุบพรรคไทยรักไทยให้ได้ โดยคาดหวังว่าเมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบเลือกตั้งใหม่ พรรคประชาธิปัตย์จะมีโอกาสกลับเข้ามาเป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นในคืนวันที่ 15 มีนาคม 49 ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับพวกได้มีการวางแผนกำหนดเป้าหมาย และยื่นข้อเสนอจริงตามที่คุณสุขสันต์แจ้งให้ทราบแล้ว และยังไม่พอ ยังเดินทางไปพบกับหัวหน้าพรรคจริง เสนอค่าตอบแทนให้จริงด้วยตัวของคุณสุเทพจริง ทั้งผมและคุณสุขสันต์รวมทั้งคนของพรรคประชาธิปัตย์บางท่านรับรู้ด้วยตลอดเวลา ......ในส่วนของผมนั้นขอเรียนว่าถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือเชื่อมโยงตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 49 โดยกล่าวว่าผมได้ร่วมวางแผนกับ พล.อ.ธรรมรักษ์เรื่องการตัดต่อพันธุกรรมนั้น ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริง ผมไม่เคยวางแผนร่วมกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ ไม่เคยพบกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ ไม่เคยเหยียบเข้าไปภายในพรรคไทยรักไทยที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ในคืนวันที่ 2 มีนาคม 49 เลย ส่วนภาพวงจรปิดที่คุณสุเทพนำมาให้ผมดูในเวลาที่ถูกควบคุมตัวที่ภูเก็ตนั้น เป็นภาพที่ผมไปปรากฏตัวจริง แต่ไปเพราะติดรถไปกับเพื่อนที่ชื่อทวี สุวรรณภัทร ซึ่งเป็นนักข่าว เข้าไปทำธุระส่วนตัวในกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ในวันนั้นผมไม่ได้พบกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ ผมไม่เคยรู้จักกับท่านนอกจากผ่านสื่อ และที่สำคัญคือไม่มีการรับเงินใดๆจาก พล.อ. ธรรมรักษ์เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 49 เพื่อไปใช้ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง วันที่ 3 มีนาคมถ้าไปตรวจสอบจะพบว่าวันนั้นเป็นการสมัครปาร์ตี้ลิสต์ พรรคพัฒนาชาติไทยส่งผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ ไม่จำเป็นต้องมีการแก้ไข และเงินค่าใช้จ่ายในการสมัครปาร์ตี้ลิสต์มันไม่มาก และเป็นเงินที่เรารวบรวมกันเอง ........เพราะฉะนั้นภาพที่นำมาใช้จึงเรียกว่าการตัดต่อข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทย นี่คือความจริงที่สังคมจะต้องรับรู้ และที่สำคัญหลังยุบพรรคไทยรักไทยแล้วผมเองอยู่อย่างลำบาก ไม่ได้รับการ ดูแลเหลียวแล ตอนที่จะให้เราร่วมมือเขาก็บอกว่าทำเพื่อชาติเถอะ แม้สังคมจะเข้าใจผิดเราก็ต้องเสียสละเพื่อชาติ เพื่อให้วิกฤตมันจบ แต่ในความเป็นจริงเป็นการแก้ไขวิกฤตด้วยวิธีที่สกปรก บิดเบือนใส่ความ ให้ การเท็จ เสริมแต่งข้อเท็จจริงจนนำไปสู่กระบวนการที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมเบี่ยงเบนนั้น ผมเห็นว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง สุดท้ายเมื่อเราขอให้ช่วยดูแลเรื่องคดีความที่เราถูกกล่าวหาจาก ป.ป.ช. เรากำลังถูกฟ้องคดีอาญา คนที่เคยบอกว่าช่วยชาติกำลังจะติดคุก เพราะการช่วยชาติที่เกิดจากการไม่เอาใจใส่ดูแล ผมจำเป็นต้องออกมาบอกความจริงทั้งหมดให้สังคมได้รับรู้ว่า กระบวนการที่เกิดขึ้นตั้งแต่มีนาคม 49 จนสะสมเป็นวิกฤตขณะนี้เกิดจากกระบวนการที่ไร้จริยธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้มีอำนาจทางการเมืองในปัจจุบัน ภายใต้แผนสมรู้ร่วมคิดกับนักการเมืองอีสานบางคนและทหารบางกลุ่มเพื่อทำให้พรรคไทยรักไทยถูกยุบ เพราะครั้งนั้นเขาบอกแต่เพียงว่ายุบพรรคกรรมการไม่ตัดสิทธิ แล้วเราก็มาลงเลือกตั้งกันใหม่ เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่ผลที่เกิดมันไม่ใช่ ผมและคุณสุขสันต์สำนึกเสียใจตลอดเวลา นี่คือทฤษฎีเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล เสร็จภารกิจเอามันไปไว้ไกลๆ อย่าให้มันเข้ามาใกล้ แล้วปล่อยมันให้ติดคุกซะ ......ผมยังไม่ทราบว่าการที่ผมมาเปิดเผย จะถูกคนของพรรคประชาธิปัตย์ฟ้องอีกกี่สิบคดี ผมยอมครับ ผมรู้ว่าผมมีส่วนผิด ผมจะพึ่งกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ถูกเบี่ยงเบน และฝากประชาชนว่า วันหนึ่งหากผมไม่สามารถประกันตัวได้เพราะการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในขั้นตอนใดก็ตาม หากผมต้องถูกกระทืบตายในคุก ผมมีศัตรูอยู่แค่กลุ่มเดียวคือผู้ที่มีอำนาจรัฐในปัจจุบัน ที่จำเป็นต้องมาเปิดเผยครั้งนี้แม้รู้ว่าเสี่ยง แม้รู้ว่าเป็นอันตราย แม้รู้ว่าต้องเป็นศัตรู แต่ต้องการให้สังคมและประชาชนรู้ว่าแท้ที่จริงใครกันแน่เป็นตัวการ และใครคือผู้ที่ต้องรับผลจากการกระทำที่ฉ้อฉล บิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ...... ท้ายที่สุดผมขอกราบขอโทษต่ออดีต สมาชิกพรรคไทยรักไทยทุกคนที่การกระทำของผมทำให้ท่านต้องได้รับผลกระทบ และขอเรียกร้องว่าอดีตสมาชิกไทยรักไทยทั้งหมดควรออกมาเรียกร้องทวงสิทธิความเป็นธรรม ความชอบธรรมคืนจากระบบที่ถูกบิดเบือน ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับพวก ได้มีการวางแผนกำหนดเป้าหมายและยื่นข้อเสนอจริง ยังไม่พอ ยังเดินทางไปพบกับหัวหน้าพรรคจริง เสนอค่าตอบแทนให้จริงด้วยตัวของคุณสุเทพจริง บรรยายใต้ภาพ ชวการ โตสวัสดิ์ .....โลกวันนี้ http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=239452
นั้นนะซิ ออกมาแฉเรื่องตั้งแต่ปี 2552 แล้ว เมื่อไหร่จะดำเนินคดีกับสุเทพซักทีละ ในข้อหานำสืบพยานเท็จ ถ้ามั่นใจว่าสุเทพว่าจ้างให้ใส่ร้ายพรรค ทรท. จริง ปล่อยเรื่องมาเกือบ 7 ปีแล้ว เรื่องนี้ไปถึงขั้นไหนแล้วละ???? คดีนี้ที่บอกเรื่องการจ้างวานให้ยุบพรรค มันเป็นคดีอาญาคาบเกี่ยวต่อรัฐ เรื่องการเป็นพยานเท็จ ไม่สามารถยอมความได้ ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 180 มาตรา 180 ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จใน การพิจารณาคดี ถ้าเป็นพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดีนั้นต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดี อาญาผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท http://www.kodmhai.com/m2/m2-2/m2-167-199.html แล้วทำไมจึงไม่ฟ้องสุเทพในความผิดมาตรานี้ละ แถมเป็นความผิดทางอาญายอมความไม่ได้ด้วย ถ้าคิดว่าสุเทพผิดจริง เอาพยานอันเป็นเท็จมาเป็นหลักฐานในการพิจารคดี ความผิดมาตรานี้ก็ต้องฟ้องแล้ว ที่ไม่ฟ้องนี้เพราะอะไร????
ทรท. ฟ้องไปแล้ว ที่สุเทพกล่าวหา ทรท.จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง สุดท้ายศาลตัดสินว่าท่านสุเทพ ติชมด้วยความสุจริตเป็นธรรม ... ....คนดีผีคุ้มครองใครๆก็รู้......
เพิ่งรู้แฮะ ว่า "ฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา" กับ "ฟ้องข้อหานำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ" นี่มันใช้มาตราเดียวกัน ??? มาตรา 180 = มาตรา 328 ??? มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท http://www.kodmhai.com/m2/m2-2/m2-326-333.html แสดงว่าไม่เข้าใจเรื่องคดีหมิ่นประมาทนี่เอง คดีหมิ่นประมาท มันเป็นคดีระหว่างประชาชนกับประชาชน ถ้าผู้ถูกพาดพิงรู้สึกว่าตัวเองได้รับความเสียหายก็สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ ก็เหมือนคดีหมอมิ๊งค์ฟ้องสุเทพไงละ หมอมิ๊งค์รู้สึกว่าตัวเองเสียหาย จึงฟ้องร้องต่อศาล แต่หากผู้ถูกพาดพิงไม่ติดใจเอาความ จะไม่ฟ้องก็ได้ เพราะเป็นคดีอาญาระหว่างประชาชนกับประชาชน สามารถยอมความได้ ถ้าสุเทพไม่ติดใจเอาความ จะไม่ฟ้องก็เรื่องของเค้า รัฐจะไปบังคับให้เค้าฟ้องไม่ได้ แม่ค้าด่ากันกลางตลาด นี่ต้องฟ้องหมิ่นประมาทกันทุกคนเปล่าละนี่ ???? ******************************************* ฎีกายกฟ้อง “พระสุเทพ-อภิสิทธิ์-องอาจ” ไม่หมิ่น “หมอมิ้ง” โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 24 กรกฎาคม 2558 12:44 น. ศาลฎีกาพิพากษาแก้ยกฟ้อง “พระสุเทพ” คดีร่วมกับ “อภิสิทธิ์-องอาจ” ไม่หมิ่น “หมอมิ้ง” กรณีกล่าวหาจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง วันนี้ (24 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อ.908/2549 ที่ นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช หรือหมอมิ้ง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพรรคประชาธิปัตย์, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์, พระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานดูหมิ่น และหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 393 โจทก์ยื่นฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2549 ระหว่างการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2549 จำเลยทั้งสี่ร่วมกันแถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยจำเลยที่ 3-4 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ได้ตรวจพบการกระทำและพยานหลักฐานที่ระบุชัดถึงขบวนการทุจริต ในการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. 2549 ซึ่งเป็นขบวนการที่ทรงอิทธิพล แทรกซึมเข้าไปในหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ รวมทั้งองค์กรอิสระ รวมทั้ง กกต.ซึ่งควรเป็นองค์กรอิสระ โดยพบว่าผู้บริหารพรรคไทยรักไทย ในตำแหน่งสำคัญอย่างน้อย 3 คน มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นผู้บงการสั่งการ และก็จ่ายเงิน ให้ขบวนการทุจริต ในการเลือกตั้งให้เป็นไปตามเป้าหมายตามพรรคไทยรักไทยกำหนดไว้ การจัดแถลงข่าวของจำเลยทั้งสี่เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วไปเกิดการเข้าใจผิดว่าโจทก์ พรรคไทยรักไทย และพรรคการเมืองอื่นที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง กระทำการทุจริตในการเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรืองดลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครพรรคไทยรักไทยหรือผู้สมัครพรรคการเมืองอื่นๆ จำเลยทั้งสี่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 2 เม.ย. 2549 ขณะที่จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ต่อสู้คดีว่า ไม่ได้มีการกระทำผิดตามฟ้องของโจทก์ขอให้ยกฟ้อง ส่วนพระสุเทพ จำเลยที่ 3 ต่อสู้คดีว่าไม่มีเจตนาใส่ความโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2552 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าการแถลงข่าวของจำเลยที่ 3 ไม่ได้แต่งเรื่องราวอันเป็นเท็จ แต่ได้รับฟังมาจากนายชวการ โตสวัสดิ์ หนึ่งในผู้เดินทางมาพบผู้บริหารพรรคไทยรักไทย โดยนายชวการอ้างว่าได้ยินคำว่า “หมอมิ้ง” และ “ให้เงินจ้างพรรคเล็กเข้าเลืองตั้ง” กับคำว่า “เป็นคนสายตรงกับหมอมิ้ง” ซึ่งนายชวการยอมให้จำเลยที่ 3 อัดภาพวีซีดีการให้ข้อมูลดังกล่าวไว้ด้วย ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษากันแล้ว เห็นว่า การแถลงข่าวของจำเลยที่ 3 ไม่น่าเชื่อว่ากระทำไปโดยสำคัญผิดหรือมูลเหตุอันควรเชื่อโดยสุจริตใจว่า โจทก์มีส่วนร่วมกับการกระทำผิดของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ตามคำกล่าวอ้างของนายชวการ โตสวัสดิ์ แม้จำเลยที่ 3 มีสิทธิ์จะแถลงข่าวและแสดงความคิดเห็นได้ เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ หรือที่จำเลยเกี่ยวข้องมีส่วนได้เสีย ตามครรลอง แต่จำเลยที่ 3 ก็ต้องแถลงข้อเท็จจริงด้วยความระมัดระวัง และโดยสุจริตใจ ไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด โดยการกรองข่าวหรือวิเคราะห์ข่าวให้แน่นอนก่อนแถลงข่าวว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโจทก์ เป็นดังคำกล่าวอ้างของนายชวการจริงหรือไม่ จำเลย ที่ 3 มีตำแหน่งเป็นถึงเลขาธิการพรรคการเมืองใหญ่ จึงต้องกระทำโดยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น การกระทำของจำเลยที่ 3 ในการแถลงข่าวเกี่ยวกับโจทก์ว่าร่วมกระทำผิดในการจ้างผู้สมัครพรรคการเมืองขนาดเล็กให้ลงแข่งขันกับพรรคไทยรักไทยและร่วมกันแก้ไขข้อมูลเพิ่มรายชื่อผู้สมัครลงในฐานข้อมูลของ กกต.โดยทุจริต ย่อมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังว่าเป็นนักการเมืองที่กระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณา ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ 1 นายอภิสิทธิ์ จำเลยที่ 2 และนายองอาจ จำเลยที่ 4 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 3 ด้วยหรือไม่นั้น ศาลเห็นว่าขณะจำเลยที่ 3 แถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์ จำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคไม่ได้นั่งแถลงข่าวด้วย ขณะที่นายองอาจจำเลยที่ 4 ในฐานะโฆษกพรรค นั่งอยู่ด้วย แต่ไม่ได้ร่วมแถลงข่าวแต่อย่างใด พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักไม่เพียงพอ นอกจากนี้โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นแน่ชัดว่าจำเลยทั้งสามดังกล่าวมีส่วนร่วมกระทำผิดอย่างไร ศาลอุทธรณ์เห็นควรพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ ตาม ม.328 ให้จำคุก 6 เดือนและปรับ 3 ,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยที่ 3 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 4 เดือนและปรับ 2,000 บาท ขณะที่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 1 ปี และให้จำเลยที่ 3 ประกาศคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ไทยรัฐ และมติชน เป็นเวลา 3 วัน ในหน้า 1 หรือหน้า 3 โดยให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วย ส่วนจำเลยที่ 1, 2 และ4 ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ให้ยกฟ้อง ต่อมาจำเลยที่ 3 ยื่นฎีกาขอให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีประต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่และจำเลยที่ 1,2 และ 4 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 3 ด้วยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 3 ได้แถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำนองว่าโจทก์กระทำการทุจริต โดยมีการว่าจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้ง และมีการแก้ไขข้อมูลกับทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครมีสิทธิ์ลงเลือกตั้งได้ ต่อมาภายหลังการแถลงข่าวจำเลยที่ 3 ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยนำหลักฐานเป็นเอกสารการจ่ายเงินไปมอบให้กับทางกกต. จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลมีถ้อยคำที่จำเลยที่ 3 ได้เข้าร้องเรียนรวมอยู่ด้วย ข้อความที่จำเลยที่ 3 แถลงข่าวพาดพิงโจทก์ เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่จำเลยได้ข้อมูลมา ไม่ได้เป็นการเสริมแต่งขึ้นเองเพื่อให้ร้ายโจทก์แต่อย่างใด ซึ่งจำเลยที่ 3 ในฐานะประชาชนและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่สามารถเปิดเผยแสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนและประเทศชาติ การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นแสดงความคิดเห็นโยสุจริต การติชมด้วยความเป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 อนุมาตรา1และ 3 จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 3 ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทแล้วจำเลยที่ 1,2 แล ะ4 ย่อมไม่มีความผิดฐานดังกล่าวด้วยฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังขึ้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 ส่วนจำเลยที่ 1,2 และ 4 พิพากษายื่นตามศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง ภายหลังศาลมีคำพิพากษาเสร็จแล้วพระสุเทพ นายอภิสิทธิ์ พร้อมทั้งนายองอาจได้ขึ้นรถยนต์เดินทางกลับทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000083832
ถ้าฟ้องข้อหานำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ คนที่ออกมาแฉสุเทพจ้างให้การเท็จโดนติดคุกแน่ๆ ....ฟ้องข้อหานี้กับสุเทพไม่ได้ เพราะสุเทพไปจ้างพรรคเล็กให้การเท็จ ทรท. คงไม่หักหลังพรรคเล็กที่ออกมาแฉสุเทพหรอก
ถ้าต้องการช่วยพรรคเล็กจริงๆ ก็ยิ่งต้องฟ้องสุเทพเข้าไปอีก เพราะถ้าฟ้องสุเทพได้แล้วมีความผิดจริง คนที่โดนจ้างจะถูกกันเป็นพยาน แถมคนที่โดนสุเทพจ้างสามารถลดโทษให้น้อยกว่ามาตรากำหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือจะไม่โดนลงโทษเลยก็ไม่ผิด ออกมาแฉเรื่องตั้งแต่ปี 2552 ถ้าฟ้องสุเทพตั้งแต่ตอนนั้น ก่อนศาลฏีกามีคำตัดสินปี 2559 ตอนนี้ก็ไม่ต้องโดนติดคุกไปแล้ว ถามจริงเหอะ พรรค ทรท. นี่เค้าไม่มีฝ่ายกฏหมายกันหรือไง ??? "ประมวลกฏหมายอาญา" นี่มันเรื่องธรรมดาที่นิติศาสตร์บัญฑิตทุกคนต้องรู้อยู่แล้ว ที่ไม่ฟ้องนี่เพราะอะไรกันแน่ ??? จากที่ดูๆ มาทุกข้อกฏหมายยิ่งสนับสนุนให้ฟ้องสุเทพมาก มาตรา 183 ผู้ใดกระทำความผิดตาม มาตรา 177มาตรา 178 หรือ มาตรา 180 แล้วลุแก่โทษและกลับแจ้งความจริงต่อศาลหรือ เจ้าพนักงานก่อนมีคำพิพากษาและก่อนตนถูกฟ้องในความผิดที่ได้กระทำศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิด นั้นเพียงใดก็ได้ http://www.kodmhai.com/m2/m2-2/m2-167-199.html
ว่าแต่ ไอ้คนที่เขียนเรื่องนี้ถ้าที่เขียนมันเป็นความจริง แล้ว ชวการ โตสวัสดิ์ มันหนีทำไมเหรอครับ จขกท.ช่วยตอบหน่อยได้ไหม คนที่เขียนเรื่องนี้ โดนศาลออกหมายจับ ข่าวเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 ศาลออกหมายจับ 'ชวการ' จำเลยในคดี 'ธรรมรักษ์' จ้างพรรคเล็กลง ลต. ข่าวเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 ศาลฎีกาสั่งจำคุกอดีต จนท.กกต.พร้อม “3 ปลาซิว” แก้ข้อมูลสมัคร ส.ส.ปี 49 เมื่อถึงเวลานัด นายอมรวิทย์ อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยฯ กกต. จำเลยที่ 2 ซึ่งได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล ขณะที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวนายบุญทวีศักดิ์ อดีตหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย จำเลยที่ 5 มาจากเรือนจำ สำหรับ พล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 คดีถึงที่สุดในชั้นอุทธรณ์แล้วที่ให้ยกฟ้อง และอัยการโจทก์ไม่ฎีกา ส่วนนายชวการ จำเลยที่ 3 และนายสุขสันต์ จำเลยที่ 4 ซึ่งศาลได้ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ขณะนี้ครบกำหนด 1 เดือนแล้วยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวจำเลยได้ จึงอ่านคำพิพากษาในวันนี้ น่าแปลกนะครับ ควายแดงนี่ ไม่เชื่อศาล เชื่อแต่พวกหนีคุก ไหนเคยบอกว่าศาลเป็นที่พึ่งของประชาชน
ว่าแต่ ไอ้คนที่เขียนเรื่องนี้ถ้าที่เขียนมันเป็นความจริง แล้ว ชวการ โตสวัสดิ์ มันหนีทำไมเหรอครับ จขกท.ช่วยตอบหน่อยได้ไหม คนที่เขียนเรื่องนี้ โดนศาลออกหมายจับ เด็กน้อยเอ่ย เด็กน้อย ความรู้เจ้ายังด้อยต้องเร่งศีกษาแล้วนะ..... ที่หนีก็หนีความผิดติดคุกสิครับ ทำผิดแก้ไขข้อมูลไว้แล้ว //////การที่เค้าออกมาแฉ ออกมามาเขียนเรื่องจริง ก็ไม่ได้ช่วยให้พ้นผิดข้อนี้นะครับ มันเลยไม่เกี่ยวกันเลยกับ >>ถ้าที่เขียนมันเป็นความจริง แล้ว ชวการ โตสวัสดิ์ มันหนีทำไม ...... เข้าใจยัง........
ก็หมอมิงค์ฟ้องลุงกำนันไปแล้ว ที่แกโกนหัวห่อผ้าเหลืองเหมือนคนบวชขึ้นศาลไม่ได้อ่านข่าวเรอะ ลุงกำนันแกติชมด้วยความสุจริตอย่างเป็นธรรม มีความรักชาติรักแผ่นดิน ศาลเลยยกฟ้องไง ..... สรุปเรื่องจริงใช่ไหม เค้าก็ฟ้องแล้ว .....
เปิดใจ! อุทาหรณ์สาวก กปปส. คลั่งม็อบ ถูกตุ๋นสูญนับแสน จากพวกเดียวกันเอง!! ( ฮา ) หาเจอยัง ..... ไม่เจอไปหาในมู้นี้นะ นายทำหล่นไว้ใน #32..... ปลวกหลอกปลวก หลอกตุ๋นปลวกพวกเดียวกันเอง.....
กกต.ยกคำร้อง กรณี พยานยุบ ทรท.กลับคำให้การ? ?ชี้ ไม่มี กม.ใดรื้อฟื้นคดีหลัง ศาลฟันแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง แจ้งวัฒนะว่า นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. แถลงว่า ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณากรณีที่นายวุฒิ สุนทรเดช พล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปะวณิช ?และนายบุญมี วงศ์สีดา ร้องให้ กกต.ตรวจสอบกรณีจ้างพยานให้การเท็จต่อ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ จนทำให้ต้องมีการยุบพรรคไทยรักไทย หลังจากนายชวการ โตสวัสดิ์? และนายสุขสันต์ ชัยเทศ ยอมรับว่าได้เบิกความเท็จต่อ กกต.และศาลว่ารับสินบนจาก พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นมูลเหตุจนต้องมีการยุบพรรคไทยรักไทย ทั้งนี้ กกต.ได้ตั้งแต่งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องคัดค้านและปัญหาข้อโต้แย้งดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งทางคณะอนุกรรมการฯ ได้มีความเห็นว่า คำให้การของนายชวการ และนายสุขสันต์ที่ให้การต่อกกต.จะแตกต่างจากที่เคยให้การต่อกกตงในคดียุบพรรคไทยรักไทย? เป็นเพียงกรณีที่พยานกลับคำให้การนอกศาลภายหลังซึ่งไม่ใช่หลักฐานใหม่ รวมทั้งยังไม่มีคำพิพากษาในคดีอาญาที่พิพากษาจนถึงที่สุดว่า ทั้ง 2 คนให้การเท็จต่อคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงของ กกต.หรือเบิกความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญจนเป็นเหตุตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคไทยรักไทย "เพื่อแม้ว"เดินเกมนำพยานยุบ ทรท.แถลงข่าวซัด"เทือก"ที่นครพนม "ถาวร"ลั่นปิดชื่อชายชุดดำไว้สู้คดี | เดลินิวส์ „จากการที่นายสุขสันต์ ไชยเทศ อดีตผู้อำนวยการพรรคพัฒนาชาติไทย และนายชวการ โตสวัสดิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพัฒนาชาติไทย ถูกหักหลักจากพรรคไทยรักไทยจนกระทั่งทนไม่ได้จึงนำข้อมูลมาบอกตน และได้ใช้ข้อมูลนี้ไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งมีการยุบพรรคไทยรักไทย “ ถ้าเป็นจริง ทำไม่ไม่กลับคำให้การในศาลล่ะครับ แต่ไปแถ-ลง ข่าว แทน กรูขรรรม อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/266838
"ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา มาตรา 328" กับ "ฟ้องข้อหานำสืบพยานอันเป็นเท็จ มาตรา 180" มันเหมือนกันตรงไหน วานบอก ???
ก็ฟ้องกับสุเทพซิ ไปดูมาตรา 180 กันอีกครั้ง มาตรา 180 ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จใน การพิจารณาคดี ถ้าเป็นพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดีนั้นต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดี อาญาผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท http://www.kodmhai.com/m2/m2-2/m2-167-199.html "นำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ" เพราะถ้าสุเทพว่าจ้างคนพรรคเล็กให้เป็นพยานในการกล่าวหาพรรค ทรท. จริง ก็สุเทพนั้นละ เป็นคนแสดงพยานหลักฐานอันเท็จในการพิจารณาคดียุบพรร ทรท. จะไปฟ้องคนพรรคเล็กทำไม เพราะคนพรรคเล็กก็อยู่ในฐานะพยานหลักฐานนี่ ไม่ได้เป็นผู้นำพยานหลักฐานไปแสดงต่อศาลซักหน่อย
สรุป ทนายความของควายแดงนี่ โง่ทุกตัวเลยเหรอ ต้องให้ลูกน้องมาถามที่บอร์ดเสรีไทยว่าขั้นตอนต่อไปต้องทำอย่างไร ต้องฟ้องใคร ขรรมจัง
มาตรานี้ มันต้องเป็นคนที่นําพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ในการพิจารณาคดีมาแสดงต่อศาล สุเทพมันให้การและนำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จไปแสดงต่อศาลที่ไหน ไม่เข้าข่าย....
ผมจะเชื่อ Hot Boy ก็ต่อเมื่อ คน 111 ออกมาฟ้องร้อง หรือ ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ออกมาฟ้องร้องต่อศาล เท่านั้น ครับ ไอ้พวกใต้ดินเนี้ย ผมไม่ให้ค่าอะไร เพราะถ้าพวกมันไปไม่เป็น ก็จะมี คำเเถต่างๆเช่น "ใครๆก็รู้" ซึ่งมันไม่มีค่าห่าอะไรเลย เเละอีกอย่าง การโกหกในประเด็นต่างๆเช่น การกู้เงิน imf หรือ โครงการ โฮปเวล คนในพรรคเพื่อไทยไม่เคยพูดออกสื่อ เเต่น่าเเปลกเรื่องเเบบนี้กลับออกมาจาก กลุ่มคนเสื้อเเดง อย่าง Hot Boy
อ้างจะเชื่อ อ้างถ้าพูดจริง ต้องกล้าฟ้องสุเทพ หมอมิงค์ หนึ่งใน 111 ก็ฟ้องหมิ่นสุเทพกับมาร์คไปแล้วนิครับ.... ที่สุเทพกล่าวหาว่า หมอมิงค์จ้างพรรคเล็ก ฟ้องแล้วครับ ไปอยู่ไหนมา.....
สุเทพไม่นำหลักฐานอันเป็นเท็จมาแสดงต่อศาลเหรอ ??? ไปดูไทม์ไลน์คดีก่อนไหม ??? สุเทพเป็นคนเอาพยานทั้ง 3 ปากไปแถลงข่าว ต่อมาก็เอาข้อมูลและพยานทั้งหมดไปแจ้งต่อ กกต. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่โดยตรง ต่อ กกต. ตั้งกรรมการสอบ เห็นว่าผิดจริง จึงส่งให้อัยการยุบพรรค สุเทพไม่ได้เป็นผู้นำเสนอพยานหลักฐานต่อศาลเหรอ ??? http://www.fpps.or.th/news.php?detail=n1182722490.news
หรือว่าถ้ายังสะใจไม่พอ เอาผิดสุเทพเรื่องแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน อีกหนึ่งกระทงก็ได้ เอาให้ติดคุกหัวโตไปเลย มาตรา 137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจ ทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ http://www.lawdd.net/lawddblog/?tag=แจ้งความเท็จ
เหนื่อยนะ ... Siriwanna Jill ตบปากหมา ..... ศาลยกฟ้อง ทรท.จ้างพรรคเล็ก ไม่แย้งคำพิพากษายุบพรรค ถือเป็นคนละเรื่อง นิติกรวิษณุ แจงยุบพรรค เรื่องหนึ่ง กรณีการรับผิด อีกเรื่องหนึ่ง และเรื่องการยุบพรรค ถือว่าจบไปแล้ว แม้จะเป็นกรรมเดียว วาระเดียว แต่มูลเหตุและเหตุผล ที่ใช้ในการพิจารณา คนละหลักกัน “ยกตัวอย่างเช่น คุณชกหน้าผม ในทางอาญา ผมสามารถฟ้องคุณ ข้อหาทำร้ายร่างกาย ก็ไปอีกศาลและใช่กฎหมายหนึ่ง ขณะเดียวกัน ผมสามารถไปฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย ที่ศาลแพ่ง เพราะทำให้ผมฟันหักปากฉีก เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และสามคุณเป็นข้าราชการ แล้วมาชกผมก็ถือว่ามีความผิด ทางวินัย สามารถไล่คุณออกได้ โดยไม่สนใจสองศาลแรกว่า ตัดสินอย่างไร แต่บังเอิญว่าคุณมาชก ผมที่เป็นรัฐมนตรี และเป็นข้าราชการ โดยมีมูลเหตุจูงใจชก เพื่อล้มล้างรัฐบาล เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะไปสู่การพิจารณา ของอีกศาลหนึ่ง ชกทีเดียวไปได้ทั้งหมด ดังนั้นไม่สามารถ เอามาเทียบเคียงกันได้ เป็นคนละเรื่อง" ขัดเจนดี!
ถ้าเป็นจริง ทำไมไม่กลับคำให้การในศาลล่ะครับ แต่ไปแถ-ลง ข่าว แทน กรูขรรรม ไม่คิดจะตอบเม้นนี้หน่อยเหรอ หน้าโยนี
อันนี้เอาข่าวเต็มๆ มาให้เฉยๆ นะครับ ไม่เกี่ยวกับเจ้าของกระทู้ “วิษณุ”ชี้ ยกฟ้อง ทรท.จ้างพรรคเล็ก ไม่แย้งคำพิพากษายุบพรรค เหตุคนละเรื่อง วันที่: 6 ก.พ. 59 “วิษณุ” แจง ศาลฏีกา ยกฟ้อง ทรท.จ้างพรรคเล็ก ไม่แย้งคำพิพากษายุบพรรค ศาลรธน. เหตุเทียบเคียงกันไม่ได้ เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ หลังศาลฎีกาพิพากษาว่ายกฟ้องกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้งปี2549 ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคไทยรักไทยก่อนหน้านี้ว่า ความจริงมันเป็นคนละเรื่องกัน ไม่สามารถจะพูดได้ว่าใครถูกหรือใครผิด และไม่รู้เรื่องใครถูกหรือผิดด้วย เพราะมันเป็นคนละเรื่องกัน มีมากไปที่ข้อหาเดียวทำความผิดอันเดียวฟ้องได้ทั้งอาญาและแพ่ง ปรากฎว่าอาญาผิดแต่แพ่งไม่ผิดก็มี ยุบพรรคก็เรื่องหนึ่งกรณี การรับผิดก็อีกเรื่องหนึ่ง จึงถือเป็นคนละเรื่อง และเรื่องการยุบพรรคถือว่าจบไปแล้วแม้จะเป็นกรรมเดียว วาระเดียว แต่มูลเหตุและเหตุผลที่ใช้ในการพิจารณา คนละหลักกัน เมื่อถามว่าศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกาใช่กฎหมายตัวเดียวกันในการพิจารณาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นการฟ้องคนละเรื่องกัน เพราะคดีแพ่งและคดีอาญาตัดสินในศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ การทำความผิดอย่างเดียวมีโทษทั้งทางแพ่ง อาญา ปกครอง มีทั้งรัฐธรรมนูญ “ยกตัวอย่างเช่น คุณชกหน้าผม ในทางอาญา ผมสามารถฟ้องคุณข้อหาทำร้ายร่างกาย ก็ไปอีกศาลและใช่กฎหมายหนึ่ง ขณะเดียวกัน ผมสามารถไปฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายที่ศาลแพ่ง เพราะทำให้ผมฟันหักปากฉีก เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และสามคุณเป็นข้าราชการแล้วมาชกผมก็ถือว่ามีความผิดทางวินัย สามารถไล่คุณออกได้ โดยไม่สนใจสองศาลแรกว่าตัดสินอย่างไร แต่บังเอิญว่าคุณมาชกผมที่เป็นรัฐมนตรี และเป็นข้าราชการโดยมีมูลเหตุจูงใจชกเพื่อล้มล้างรัฐบาลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะไปสู่การพิจารณาของอีกศาลหนึ่ง ชกทีเดียวไปได้ทั้งหมด ดังนั้นไม่สามารถเอามาเทียบเคียงกันได้เป็นคนละเรื่อง” http://www.matichon.co.th/news/28258
ชัดเจนดีจริงๆ กับมนุษย์ที่ชื่อวิษณุ การแถแบบสะเปะสะปะวัดมวยแก้ต่างให้ ไม่เหลือหลักกฎหมายเลย เพลีย....
ไหนๆ ก็มาแล้วงั้นช่วยตอบหน่อย ถ้ามั่นใจว่าสุเทพว่าจ้างพรรคเล็กเพื่อยุบพรรค ทรท. แล้วทำไมไม่ฟ้องสุเทพข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเท็จหรือนำแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จละ ????
สุเทพกล่าวหาใส่ร้าย นพ.พรหมินทร์ และนายพงษ์ศักดิ์ มีส่วนในการจ้างวานพรรคเล็ก นพ.พรหมินทร์ ก็ได้ฟ้องดำเนินคดีั้หมิ่นประมาท ตั้งแต่21-22 มี.ค. ปี 49 แล้ว ณ. ตอนนั้นเลยไม่ฟ้องสุเทพ ข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จหรือนำแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เพราะได้ฟ้องคดีหมิ่นประมาทไปแล้ว ศาลชั้นต้น ศาลศาลอุทธรณ์ ก็พิพากษาสุเทพตามกรรมที่ก่อไว้แล้ว เลยไม่คิดจะดำเนินคดีนี้ เพราะผู้ที่ออกมาแฉจะโดนด้วย พอต่อสู้กันมาถึงปี 59 สุเทพรอด เค้าอาจจะฟ้อง สุเทพในข้อหานี้ก็ได้ ....... การที่ไม่ฟ้องสุเทพข้อหานี้ เลยพากันคิดว่าสุเทพไม่ได้นำพยานและหลักฐานเท็จใส่ความคนอื่นสินะ ตอนนั้น ถ้าหมอมิงค์ไม่ฟ้องหมิ่นสุเทพ คงจะถามสินะ ทำไมไม่ฟ้อง ทำไมไม่ฟ้อง ถ้าไม่ได้จ้าง พอฟ้องหมิ่นไปแล้ว ก็กลับมีข้ออ้าง ทำไมไม่ฟ้อง ทำไมไม่ฟ้อง ข้อหานี้
สรุปยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าสุเทพไปแจ้งข้อความอันเป็นเท็จหรือว่านำแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อใช้ในการฟ้องยุบพรรค ทรท. ใช่หรือไม่ ??? แต่มีข้อพิสูจน์แล้วสุเทพว่าไม่ได้หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาในกรณีแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีการทุจริตการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน 2549 ใช่หรือไม่ ???
ไม่ใช่.. มีข้อพิสูจน์แล้วว่าสุเทพไปแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ นำแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อใช้ในการฟ้องยุบพรรค ทรท. ....นั้นก็คือการออกมาแฉจากคนที่สุเทพไปจ้างให้ใส่ร้าย...... >>>>ส่วนคดีที่สุเทพถูกฟ้องหมิ่น ที่ไปกล่าวหาหมอมิงค์จ้างพรรคเล็ก ศาลยกฟ้อง ที่ยกฟ้องไม่ใช่หมอมิงค์จ้างจริง ไม่ใช่สุเทพมันพูดความจริง สิ่งทีพูดหมอมิงค์ ไม่ได้ทำ ศาลบอกสุเทพมันพูดติชมด้วยความสุจริตอย่างเป็นธรรม โดยสุเทพมันอ้างได้ข้อมูลเรื่องจ้างพรรคเล็กมาอีกที.....
การออกมาแฉของคนที่อ้างว่าโดนสุเทพจ้างคือข้อพิสูจน์แล้วว่าสุเทพไปแจ้งข้อความอันเป็นเท็จและนำแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อใช้ในการฟ้องยุบพรรค ทรท. ??? งั้นคำถามต่อมา ใครเป็นคนพิสูจน์ข้อกล่าวหานี้ ??? ศาล ??? คำตัดสิน ??? คดีหมายเลข ??? คิดเอง ??? คดีที่สุเทพถูกฟ้องหมิ่น ที่ไปกล่าวหาหมอมิงค์จ้างพรรคเล็ก ??? สุเทพเคยไปบอกว่าหมอมิ๊งค์จ้างพรรคเล็ก จริงเหรอ ??? กลับไปดูข้อหาตอนฟ้องใหม่ดีไหม ??? โจทก์ยื่นฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2549 ระหว่างการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2549 จำเลยทั้งสี่ร่วมกันแถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยจำเลยที่ 3-4 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ได้ตรวจพบการกระทำและพยานหลักฐานที่ระบุชัดถึงขบวนการทุจริต ในการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. 2549 ซึ่งเป็นขบวนการที่ทรงอิทธิพล แทรกซึมเข้าไปในหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ รวมทั้งองค์กรอิสระ รวมทั้ง กกต.ซึ่งควรเป็นองค์กรอิสระ โดยพบว่าผู้บริหารพรรคไทยรักไทย ในตำแหน่งสำคัญอย่างน้อย 3 คน มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นผู้บงการสั่งการ และก็จ่ายเงิน ให้ขบวนการทุจริต ในการเลือกตั้งให้เป็นไปตามเป้าหมายตามพรรคไทยรักไทยกำหนดไว้ การจัดแถลงข่าวของจำเลยทั้งสี่เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วไปเกิดการเข้าใจผิดว่าโจทก์ พรรคไทยรักไทย และพรรคการเมืองอื่นที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง กระทำการทุจริตในการเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรืองดลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครพรรคไทยรักไทยหรือผู้สมัครพรรคการเมืองอื่นๆ จำเลยทั้งสี่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 2 เม.ย. 2549 http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000083832
การที่เค้าออกมาแฉสุเทพจ้าง15ล้าน ให้ใส่ร้าย ทรท. จริงแท้แน่นอน สุเทพได้รับความเสียหายแบบนี้ ทำไมไม่กล้าฟ้องปกป้องชื่อเสียงตัวเอง ว่าไม่ได้ทำ...
ยกมาเฉยๆ ไม่ได้กล่าวหาใคร ---------------------------------------------------------------------------
แสดงว่าไม่เข้าใจเรื่องคดีหมิ่นประมาทนี่เอง คดีหมิ่นประมาท มันเป็นคดีระหว่างประชาชนกับประชาชน ถ้าผู้ถูกพาดพิงรู้สึกว่าตัวเองได้รับความเสียหายก็สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ ก็เหมือนคดีหมอมิ๊งค์ฟ้องสุเทพไงละ หมอมิ๊งค์รู้สึกว่าตัวเองเสียหาย จึงฟ้องร้องต่อศาล แต่หากผู้ถูกพาดพิงไม่ติดใจเอาความ จะไม่ฟ้องก็ได้ เพราะเป็นคดีอาญาระหว่างประชาชนกับประชาชน สามารถยอมความได้ ถ้าสุเทพไม่ติดใจเอาความ จะไม่ฟ้องก็เรื่องของเค้า รัฐจะไปบังคับให้เค้าฟ้องไม่ได้ แม่ค้าด่ากันกลางตลาด นี่ต้องฟ้องหมิ่นประมาทกันทุกคนเปล่านี่ ???? แต่ปัญหาคดีนี้ที่บอกเรื่องการจ้างวานให้ยุบพรรค มันเป็นคดีอาญาคาบเกี่ยวต่อรัฐ เรื่องการเป็นพยานเท็จ ไม่สามารถยอมความได้ ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 180 หรือว่าจะใช้มาตรา 137 แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงาน มาตรา 180 ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จใน การพิจารณาคดี ถ้าเป็นพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดีนั้นต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดี อาญาผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท http://www.kodmhai.com/m2/m2-2/m2-167-199.html มาตรา 137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจ ทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ http://www.lawdd.net/lawddblog/?tag=แจ้งความเท็จ แล้วทำไมจึงไม่ฟ้องสุเทพในความผิดมาตรานี้ละ แถมเป็นความผิดทางอาญายอมความไม่ได้ด้วย ถ้าคิดว่าสุเทพผิดจริง เอาพยานอันเป็นเท็จมาเป็นหลักฐานในการพิจารคดีหรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงาน ความผิดมาตรานี้ก็ต้องฟ้องอยู่แล้ว อัยการเป็นโจทก์ให้เองด้วย เพราะเป็นความผิดต่อรัฐ ที่ไม่ฟ้องนี้เพราะอะไร ???? ถ้าใช้ตรรกะแบบไม่ฟ้องคือไม่ผิด แล้วที่สุเทพไม่ฟ้องหมิ่นประมาทผู้ที่ออกมาแฉว่าสุเทพจ้างวานให้ใส่ร้าย ทรท. แบบสุเทพยอมรับความผิด งั้นการที่ ทรท. ไม่ฟ้องสุเทพว่าเอาพยานอันเป็นเท็จมาเป็นหลักฐานในการพิจารคดีหรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงาน แสดงว่าสุเทพไม่ได้เอาพยานอันเป็นเท็จมาเป็นหลักฐานในการพิจารคดีหรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานด้วย ใช่หรือไม่ ???
คดีที่สุเทพถูกฟ้องหมิ่น ที่ไปกล่าวหาหมอมิงค์จ้างพรรคเล็ก ??? สุเทพเคยไปบอกว่าหมอมิ๊งค์จ้างพรรคเล็ก จริงเหรอ ??? กลับไปดูข้อหาตอนฟ้องใหม่ดีไหม ??? จริงหรือเปล่าไม่รู้ ...... ...... นำมาแปะเองมิใช่รึ
แล้วทำไมไม่อ่านข่าวตัวเต็มละ คำฟ้องว่าอย่างไรก็เขียนอยู่ แปะให้ดูหลายรอบแล้วไม่ดูเหรอ ??? สุเทพแถลงข่าวบอกว่ามีผู้บริหารพรรค ทรท. อย่างน้อย 3 คน เป็นผู้บ่งการและจ่ายเงิน มีบอกชื่อหมอมิ๊งค์กับพงษ์ศักดิ์ไหม ??? เค้าบอกแค่ว่าผู้บริหารพรรค ทรท. ไม่ได้บอกชื่อใครซักคนหรือยัง ??? เดือดร้อนตัวเองไปฟ้องเองก็นะ โจทก์ยื่นฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2549 ระหว่างการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2549 จำเลยทั้งสี่ร่วมกันแถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยจำเลยที่ 3-4 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ได้ตรวจพบการกระทำและพยานหลักฐานที่ระบุชัดถึงขบวนการทุจริต ในการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. 2549 ซึ่งเป็นขบวนการที่ทรงอิทธิพล แทรกซึมเข้าไปในหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ รวมทั้งองค์กรอิสระ รวมทั้ง กกต.ซึ่งควรเป็นองค์กรอิสระ โดยพบว่าผู้บริหารพรรคไทยรักไทย ในตำแหน่งสำคัญอย่างน้อย 3 คน มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นผู้บงการสั่งการ และก็จ่ายเงิน ให้ขบวนการทุจริต ในการเลือกตั้งให้เป็นไปตามเป้าหมายตามพรรคไทยรักไทยกำหนดไว้ การจัดแถลงข่าวของจำเลยทั้งสี่เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วไปเกิดการเข้าใจผิดว่าโจทก์ พรรคไทยรักไทย และพรรคการเมืองอื่นที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง กระทำการทุจริตในการเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรืองดลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครพรรคไทยรักไทยหรือผู้สมัครพรรคการเมืองอื่นๆ จำเลยทั้งสี่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 2 เม.ย. 2549 http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000083832
แสดงว่าไม่เข้าใจเรื่องคดีหมิ่นประมาทนี่เอง คดีหมิ่นประมาท มันเป็นคดีระหว่างประชาชนกับประชาชน ถ้าผู้ถูกพาดพิงรู้สึกว่าตัวเองได้รับความเสียหายก็สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ ก็เหมือนคดีหมอมิ๊งค์ฟ้องสุเทพไงละ หมอมิ๊งค์รู้สึกว่าตัวเองเสียหาย จึงฟ้องร้องต่อศาล แต่หากผู้ถูกพาดพิงไม่ติดใจเอาความ จะไม่ฟ้องก็ได้ เพราะเป็นคดีอาญาระหว่างประชาชนกับประชาชน สามารถยอมความได้ ถ้าสุเทพไม่ติดใจเอาความ จะไม่ฟ้องก็เรื่องของเค้า รัฐจะไปบังคับให้เค้าฟ้องไม่ได้ แม่ค้าด่ากันกลางตลาด นี่ต้องฟ้องหมิ่นประมาทกันทุกคนเปล่านี่ ???? แต่ปัญหาคดีนี้ที่บอกเรื่องการจ้างวานให้ยุบพรรค มันเป็นคดีอาญาคาบเกี่ยวต่อรัฐ เรื่องการเป็นพยานเท็จ ไม่สามารถยอมความได้ แปลกมาก สุเทพกล่าวหาหมอมิงค์จ้างพรรคเล็ก หมอมิงค์ได้รับความเสียหาย ไม่ได้จ้างพรรคเล็กจริง หมอมิงค์เลยฟ้องสุเทพ .... แต่คนที่ออกมาแฉ สุเทพจ้าง 15 ล้านให้ใส่ร้าย ทรท. สุเทพได้รับความเสียหาย แต่ทำไมสุเทพไม่ติดใจเอาความ ฟ้องคนที่ออกมาแฉ สงสัย สงสัย....
ก็สงสัยเหมือนกันว่า สุเทพแจ้งข้อความอันเท็จต่อเจ้าหน้าที่และนำแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาลในคดียุบ ทรท. พรรค ทรท. ได้รับความเสียหาย แต่ทำไมพรรค ทรท. ไม่ติดใจเอาความ ฟ้องคนที่แจ้งข้อความอันเท็จต่อเจ้าหน้าที่และนำแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาลในคดียุบ ทรท. สงสัย สงสัย.... ทั้งๆ ที่เป็นคดีความอาญาต่อรัฐ ไม่สามารถยอมความได้ อัยการเป็นโจทก์ให้เอง ไม่ต้องจ่ายค่าศาลด้วย สงสัย สงสัย....
จากกรณีเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2549 นายสุเทพ และนายองอาจ ได้ร่วมกันแถลงข่าว ที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวในทำนองว่า พรรคไทยรักไทย ทุจริตการเลือกตั้ง โดยจ้างพรรคเล็กลงสมัคร ทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับความเสียหาย โดยโจทก์นำสืบว่า นายสุเทพ จำเลยที่ 3 แถลงข่าวในที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ 1, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จำเลยที่ 2 และ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ จำเลย4 ต้องร่วมกันรับผิดฐานหมิ่นประมาทไปด้วย อีกทั้งการที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยที่305/2550 ที่สั่งยุบพรรคไทยรักไทยนั้น ก็ไม่มีข้อความระบุถึงตัวโจทก์ ขณะที่นายสุเทพ จำเลยที่3 ต่อสู้คดีว่าไม่มีเจตนาใส่ความโจทก์ และจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ต่อสู้คดีว่า ไม่ได้มีการกระทำผิดตามฟ้องของโจทก์ขอให้ยกฟ้อง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การแถลงข่าวของจำเลยที่ 3 มิได้แต่งเรื่องราวอันเป็นเท็จ แต่ได้รับฟังมาจากนายชวการ โตสวัสดิ์ หนึ่งในผู้เดินทางมาพบผู้บริหารพรรคไทยรักไทย ว่า ผู้บริหารพรรคไทยรักไทยและโจทก์ ร่วมกันส่งคนไปเลือกตั้งและให้เงินกับแก้ไขข้อมูลในคณะกรรมการการเลือกตั้ง ใช้อิทธิพลครอบงำบุคคลต่างๆ โดย นายชวการ อ้างว่าได้ยินคำว่า "หมอมิ้ง" และ "ให้เงินจ้างพรรคเล็กเข้าเลืองตั้ง" กับคำว่า "เป็นคนสายตรงกับหมอมิ้ง" พร้อมกับนายชวการ ยอมให้จำเลยที่ 3 อัดภาพวีซีดีการให้ข้อมูลดังกล่าวไว้ด้วย ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลย ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การแถลงข่าวของจำเลยที่ 3 ไม่น่าเชื่อว่า กระทำไปโดยสุจริตใจ โดยสำคัญผิดหรือมูลเหตุอันควรเชื่อโดยสุจริตใจว่า โจทก์มีส่วนร่วมกับการกระทำผิดของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และนายพงศ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ตามคำกล่าวอ้างของ นายชวการ โตสวัสดิ์ แม้จำเลยที่ 3 มีสิทธิ์จะแถลงข่าวและแสดงความคิดเห็นได้ เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ หรือที่จำเลยเกี่ยวข้องมีส่วนได้เสีย ตามครรลอง แต่จำเลยที่ 3 ก็ต้องแถลงข้อเท็จจริงด้วยความระมัดระวัง และโดยสุจริตใจ ไม่ให้เกิดความเสียหายแกผู้หนึ่งผู้ใด โดยการกรองข่าวหรือวิเคราะห์ข่าวให้แน่นอนก่อนแถลงข่าวว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโจทก์ เป็นดังคำกล่าวอ้างของ นายชวการ จริงหรือไม่ http://www.thairath.co.th/content/278419 ข่าวจากแป๊ะลิ้ม เนื้อหา ชั่งต่างจากไทยรัฐจริงแท้
ได้ข่าวมา กำลังจะฟ้องเทพเมือกเร็วๆนี้ล่ะ หลังจากรอดคดีหมิ่นหมอมิงค์ นึกว่าเมือกไม่รอดแน่ๆ เค้าเลยยังไม่ทันได้ฟ้องคดีนี้ หายสงสัยได้เลยประเด็นนี้