คุณ Anduril แม่นดีครับ งั้นผมทำนายมั้ง ทำนายว่า 100% ถ้ามีประท้วง อดอาหาร พวกร่างแยกไม่ออกไปช่วยเขาแน่แน่นอน หรือถ้าคนร้ายมีเอี่ยวกับเสื้อแดงหรือพวกอ้างปชต.จริงก็ไม่มีร่างแยกไหนช่วยค่าประกันแม้แต่บาทเดียวแน่ครับ
จะใช้คำสวยหรูดูดีขนาดไหน ยังไงๆมันก็คือการจับตัวไปครับ ศาลอนุมัติหมายจับหนุ่มเชียงใหม่เผาโลตัสเมืองคอน
เดาไม่ยากว่าสมาพันธ์นักกฎหมายฯ เป็นใคร เคยเป็นทนายความให้กลุ่มนปช.มาก่อนตั้งแต่ปี 52 เป็นทนายความให้ผู้ต้องหาคดี 112
ไม่รู้ใครหลอกใครกันแน่ มติชนดันทำข่าวออกมาตรงกับไทยรัฐซะงั้น แต่มีเดลินิวส์อยู่เจ้าเดียวที่โดดออกนอกวงไปเลย มติชน http://www.matichon.co.th/news/249709 ไทยรัฐ http://www.thairath.co.th/content/690151 เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/crime/515826 แถมพี่ไพรัชนี่ก็ให้สัมภาษณ์ไปอีกแบบหนึ่งอีก
น่าจะบอกว่า จะใช้คำสวยหรูดูดีขนาดไหน ยังไงๆมันก็คือมือดีรับจ้างมาโพส ไม่ได้สนใจอะไรชีวิตใครอยู่แล้ว เพื่อนที่ทำเงินให้ติดคุกจะ 10 ปี แล้ว ไม่เห็นทำอะไรซักอย่าง
................................................................ ช่วงนี้อาจคล้ายๆปี 52 - 53 เพียงแต่ผู้นำรัฐบาลต่างกัน ตอนนี้มั่นใจเรื่องความมั่นคงได้มากกว่า เพียงแต่อาจกินเวลานานผมเชื่อมั่นว่าจบในรัฐบาลนี้แน่นอน
กำลังสงสัยว่าสำนักข่าวเดลินิวส์มันฟังคำสัมภาษณ์ ผช.ผบ.ตร. ยังไง ทำไมมันถึงเขียนข่าวออกมาแบบนั้นได้นะ แต่ที่น่าตลกกว่านั้นคือ ดันมีพวกกาสรสีชาดเห็นข่าวแล้วถูกจริตก็รีบแชร์กันใหญ่ โดยไม่ตรวจสอบกับข่าวแหล่งอื่นเลย พนักงานสอบสวนยืนยันมีหลักฐานแน่นหนาในการจับกุมผู้ก่อเหตุวางเพลิงที่ห้างเทสโก้โลตัส จ.นครศรีธรรมราช และจากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายเคยปรากฎตัวที่ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนลงมือก่อเหตุ
พี่ตู่แกออกมาบอกแล้วนะว่า "ระเบิดครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับ นปช." เข้าใจตรงกันนะไอ้พวกสลิ่ม ปล. แต่จะเป็น "แดงเทียม" หรือเปล่า อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ออกแถลงการณ์กรณีเหตุระเบิด 17 จุดใน 7 จังหวัดภาคใต้ ย้ำไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมประณามผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายและทำให้ประชาชนเสียชีวิต นายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมแกนนำกลุ่ม นปช. ออกแถลงการณ์ย้ำไม่มีเหตุเกี่ยวข้องเหตุระเบิดในภาคใต้ ทั้งฝากถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ยุติการสร้างความขัดแย้งในสังคมโดยการชี้นำและดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมระบุต่อจากนี้จะมีการดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทและการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ต่อผู้ที่โพสต์พาดพิงกลุ่ม นปช.กับเหตุระเบิดภาคใต้ โดยท้ายนี้ นายจตุพร ระบุว่า จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกกรณี เพื่อให้มีการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้ ขอเพียงให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่บนหลักฐานและข้อเท็จจริง ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว - 14 ส.ค.59-"นปช." ยัน ไม่เกี่ยวระเบิด-วางเพลิง 7 จังหวัดใต้ อย่าโยนบาป ให้ "ทักษิณ-เสื้อแดง" ท้า "ประยุทธ์-ประวิตร-สุเทพ" สาบานวัดพระแก้ว ซัดผู้มีอำนาจรู้สู้กับใคร ชี้ คนไม่พอใจ ผลประชามติภาคใต้ พื้นที่ประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 13.00 น.นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. และนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช. พร้อมแกนนำนปช. ร่วมกันแถลงถึงกรณี นปช. ถูกเชื่อมโยงและถูกกล่าวหาเกี่ยวกับเหตุระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดภาคใต้ โดยนางธิดา ได้อ่านแถลงการณ์นปช. เรื่องการระเบิดและวางเพลิงสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ ว่า 1. เราขอแสดงความไม่เห็นด้วยและประณามการกระทำความรุนแรงที่ทำให้มีคนเสียชีวิต 4 รายและบาดเจ็บจำนวนมาก จงใจสร้างความวุ่นวายที่กลับจะมีผลให้คณะ คสช.อ้างเป็นเหตุผลได้รักษาอำนาจรัฎฐาธิปัตย์อยู่อีกนานและมิใช่วิถีทางแก้ปัญหาใดๆ ของประเทศนี้ 2.เราขอประณามทั้งฝ่ายรัฐและฝ่ายการเมืองที่ฉวยโอกาสใช้สถานการณ์นี้กล่าวใส่ร้ายผู้มีความเห็นต่างหรือฝ่ายที่ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติว่าเป็นผู้กระทำความรุนแรงครั้งนี้โดยปราศจากหลักฐานและข้อเท็จจริง เจตนาทำลายปรปักษ์ทางการเมืองเพื่อต้องการสนับสนุนอุ้มชูรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ นางธิดา กล่าวว่า 3.เราขอแสดงความไม่เห็นด้วยและคัดค้านการจับกุมคุมขังประชาชนฝ่ายหนึ่งแบบเหวี่ยงแหโดยใช้อำนาจพิเศษไม่เปิดโอกาสให้พิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม 4. จากการตรวจสอบท่าทีและการรายงานของสำนักข่าวระหว่างประเทศ มีความเห็นถึงกลุ่มที่ปฏิบัติการต้องมีศักยภาพและมีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงด้วยความโปร่งใส ไม่ตั้งธงล่วงหน้าและรายงานความคืบหน้าต่อประชาชนอย่างตรงไปตรงมา และนปช.ขอยืนยันว่านโยบายของเราโดยตลอดมาเป็นการเคลื่อนไหวสันติวิธี ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการชี้นำและทำให้มีการวางระเบิดและเผาอาคารในสถานการณ์นี้ และยินดีสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่เพื่อจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุดต่อไป ด้านนายจตุพร กล่าวว่า กรณีเหตุระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ซึ่งได้มีการกล่าวพาดพิง รวมถึงการตามจับตามล่าเพื่อให้คนเสื้อแดงตกเป็นจำเลยของสังคม ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเกิดเหตุหรือเกิดระเบิดที่ไหนต้องเอาเสื้อแดงเป็นแพะก่อนทั้งสิ้น ตนอยากบอกไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีว่าตนไม่ทนพวกท่านอีกแล้ว ถ้าขืนยัดเยียดตั้งข้อกล่าวหาอย่างไม่ชอบธรรมและจับเหวี่ยงแหกันแบบนี้ทั้งประเทศ เราตกเป็นจำเลยของคดีนี้ทั้งที่ไม่ได้ทำมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ตนอยากถามไปยังพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตรว่าต้องการให้พวกตนทำอย่างไร ดูเสมือนหนึ่งว่าไม่อยากให้อยู่ร่วมชาติกันใช่หรือไม่ แทนที่จะมีการตรวจสอบตามพยานหลักฐาน แต่ใช้วิธีเอาตัวไปปรับทัศนคติและให้ข่าวโยงใยว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด พวกตนถูกทหารประกบยิ่งกว่าเมียเสียอีกเพราะไปที่ไหนทหารก็ตาม ทั้งนี้การยัดเยียดตั้งข้อกล่าวหาใส่ร้าย เอาความตายของประชาชนมายัดเยียดให้อีกฝ่ายหนึ่งเกลียดชังเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แถลงการณ์ของ นปช.ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงและร่วมในการประณาม แต่ตนอยากตั้งคำถามไปยังผู้มีอำนาจรัฐว่าเพราะท่านรู้ใช่หรือไม่ว่ากำลังสู้อยู่กับใคร ท่านกำลังเผชิญกับศัตรูแต่ไม่กล้าระบุว่าเขาเป็นใคร เพราะเขามีฤทธิ์มีปืน มีระเบิดเหมือนกับพวกท่าน วิธีที่ง่ายที่สุดคือเอา นปช. คนเสื้อแดง อดีตนายกฯ ทักษิณเป็นเหยื่อเพื่อปลุกอีกฝ่ายหนึ่งที่มีความระหองระแหงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาลโยกย้ายในตำแหน่ง ผบ.ทบ. และผบ.เหล่าทัพอื่นๆ เหมือนกับปีกลาย ท่านต้องการเบี่ยงเบนคู่ต่อสู้เพราะคู่ต่อสู้ของท่านนั้น ท่านไม่กล้าสู้กับเขา ท่านขี้ขลาด แล้วก็มาเลือกเอาของตายคือ นปช. และอดีตนายกฯ ทักษิณ "ผมอยากชวน พล.อ.ประยุทธ์ พล.ประวิตร นายสุเทพไปที่วัดแก้วแล้วสาบานสาปแช่งกันว่าใครเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดและไฟไหม้ ไม่ว่าเกิดชาติไหนให้แขนคดตาเหล่กันไปตลอดชาติเอาอย่างนี้เลย ต้องพูดด้วยความโกรธกันจริงๆ ให้มีอันเป็นไปภายใน 3 วัน 7 วัน นับจากนี้ต่อไปถ้ามีการใส่ร้ายพวกผมจะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มีละเว้นและผมไม่กลัวพวกท่านด้วย" นายจตุพร กล่าว ขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราขอยืนยันในความบริสุทธิ์และพร้อมพิสูจน์ตัวเองในทุกกรณีต่อข้อกล่าวหาและวิธีการอยุติธรรมซึ่งเกิดจากกรณีระเบิด 7 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ หลังเกิดเหตุเราเฝ้าติดตามด้วยความสงบ เพราะต้องการทราบว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับอะไรกันแน่ ไม่นึกว่าการนิ่งสงบจะเป็นพื้นที่ให้คนบางกลุ่มเหยียบย่ำรังแก ใส่ร้ายป้ายสีนำไปสู่ความเข้าใจผิด หรือสร้างความชิงชังระหว่างคนในสังคม วันนี้สิ่งที่กลัวไม่ได้กลัวถูกดำเนินคดี เพราะคนไม่ผิดมันกลัวไม่ได้ แต่กังวลการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีนี้กว่าจะได้ข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมคนไทยจะห้ำหั่นกันเองทั้งในสังคมออนไลน์และชีวิตประจำวันทั่วไป ซึ่งอำมหิตยิ่งกว่าคนที่ก่อเหตุร้าย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อยากให้พิจารณาดูว่าที่ผ่านมาแม้แต่การเปิดศูนย์ปราบโกงฯ เรายังทำไม่ได้ แล้วกลุ่มคนพวกนี้จะวางระเบิดได้หรือ ในขณะเดียวกันที่นายสุเทพและคนในรัฐบาลบางคนพยายามพูดชี้นำว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจากผู้ผิดหวังจากประชามติหรือฝ่ายที่ไม่ชอบใจที่คนภาคใต้ลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าจะกล่าวหากันแบบนี้ ตนก็พูดได้ว่าพื้นที่ภาคใต้ 20-30 ปีที่ผ่านมาเป็นพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ถ้าจะมีคนผิดหวังจากผลคะแนนจากผลประชามติในภาคใต้น่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะนายสุเทพประกาศรับร่างรัฐธรรมนูญ ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ และนายชวน ประกาศอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่รับ และมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ออกมาขับไล่คน กปปส.ออกจากพรรค เป็นบรรยากาศของความขัดแย้งหรือไม่
คสช.ยังไม่ยืนยันเหตุระเบิด 7 จุดในพื้นที่ภาคใต้ เชื่อมโยงกลุ่มก่อการร้ายบีอาร์เอ็น พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช.ย้ำว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนยังทำงานตามกรอบของวัตถุพยาน และข้อเท็จจริง ดังนั้น การจะให้น้ำหนักว่ากลุ่มใดเป็นคนลงมือต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานที่ปรากฏ ส่วนการที่นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคง ชี้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้นเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลของคนภายนอก ยังไม่สามารถยืนยันได้ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อนที่จะชี้แจงรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบ และ จะนำตัวคนผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด ด้านพลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเร้นซ์ร่วมกับตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 พร้อมสั่งการให้คงกำลังเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดป้องกันเหตุในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว สนามบิน รวมถึงจุดเสี่ยงต่างๆ ส่วนประเด็นการคุมตัวผู้สงสัยวางเพลิงห้างเทสโก้ โลตัส สาขานครศรีธรรมราช นั้นเป็นไปตามกฏหมาย และหลักฐาน ซึ่งต้องเร่งรวบรวม หากชัดเจนอาจมีการจับกุมพร้อมกันอีกหลายราย ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานมอบเงินช่วยเหลือนายเจิ้ง จิ๋ว ผู้ประสบเหตุชาวจีนจากเหตุระเบิดแยกราชประสงค์คนสุดท้ายที่พักรักษาตัวอยู่ในไทย พร้อมยืนยันจะเร่งเดินหน้าฟื้นฟูความเชื่อมั่นในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดโดยเร็วที่สุด ส่วนชาวต่างชาติที่ได้รับบาดเจ็บ 10 คนนั้น 3 คนออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยรัฐบาลรับผิดชอบดูแลค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด คสช. ระบุ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบเหตุวินาศกรรมในภาคใต้ ขออย่ารีบสรุปว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเกิดเหตุระเบิดตั้งแต่วันที่ 10-12 สิงหาคมที่ผ่านมากว่า 10 ครั้ง ใน 5 จังหวัดภาคใต้ คือภูเก็ต ตรัง หัวหิน พังงา และสุราษฎร์ธานี จนมีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บนับสิบราย จนมีการจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 ราย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังคงพยายามสืบสวนสอบสวน เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดเพิ่มเติม ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีการประชุมระหว่างรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ กับผู้บัญชาการทุกกองบัญชาการทั่วประเทศ เพื่อติดตามความคืบหน้าการสอบสวนทั้งหมด ภายหลังการประชุม รองผบ.ตร.แถลงยืนยันว่า คดีระเบิดหลายจุดในจังหวัดภาคใต้มีความเชื่อมโยงกัน มั่นใจว่ามีบุคคลอยู่เบื้องหลังคอยสั่งการกลุ่มผู้ก่อเหตุ พร้อมสั่งการให้ตั้งด่านตรวจสกัดทั่วประเทศ เนื่องจากไม่ไว้วางใจอาจเกิดเหตุรุนแรงซ้ำอีก พลตำรวจเอกพงศพัศ ระบุว่า ด้านการข่าวรายงานว่า ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุความรุนแรงใดๆ แต่จะเร่งตรวจสอบกล้องซีซีทีวีทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นของหน่วยงานใดจะต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้ สำหรับการเก็บพยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุในหลายจังหวัด ขณะนี้ได้นำดีเอ็นเอและหลักฐานในที่เกิดเหตุ ให้กับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน หรือ พฐ.เพื่อทำการเทียบเคียงหลักฐาน คาดว่าจะได้รับข่าวดีในไม่ช้า พลตำรวจเอก พงศพัศ บอกยด้วยว่า เหตุระเบิดและเหตุการณ์ความวุ่นวาย ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม จนถึงวันที่ 12 สิงหาคมา มีความเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น ทั้งพยานหลักฐานต่างๆที่เจ้าหน้าที่รวบรวมไว้ได้ แต่ต้องรอผลจาก กองพิสูจน์หลักฐานยืนยันเท่านั้น ซึ่งคาดว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยบงการกลุ่มคนให้ก่อเหตุอย่างแน่นอน แต่ไม่เกี่ยวกับเหตุกลุ่มก่อเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขณะเดียวกันพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ตำรวจทุกหน่วยเฝ้าระวังพื้นที่ล่อแหลมและแหล่งท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติอาศัยจำนวนมาก ยืนยันคุมตัวผู้ต้องหาวางเพลิง"โลตัส" ด้านการออกหมายจับ ขณะนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ นายศักรินทร์ หรือเชษฐ์ คฤหัสถ์ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาในคดีลอบวางเพลิงเผาทรัพย์ห้างเทสโก้โลตัส สาขานครศรีธรรมราช เมื่อกลางดึกวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยตอนนี้ยังอยู่ในการคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ภาค 8 กรณีนายศักรินทร์ ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเป็นพนักงานแท่นขุดเจาะน้ำมันเชฟรอนนั้น บริษัทเชฟรอน ได้ออกมาปฎิเสธแล้วว่าไม่ใช้พนักงานของบริษัทแต่อย่างใด นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้สอบถามความคืบหน้ากรณีเหตุระเบิดในอำเภอหัวหินกับ พลตำรวจโท ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 ว่า ขณะนี้ได้เรียกตัวผู้ต้องสงสัย 6-7 รายมาทำการสอบปากคำแล้ว ซึ่งได้ข้อมูลที่ค่อนข้างเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ผู้ว่าฯจังหวัดพังงา เผยคนร้ายลอบวางเพลิงตลาดนัดบางเนียง มีไม่ต่ำกว่า 10 คน โดยแบ่งหน้าที่กันอย่างเป็นระบบ การสืบสวนในเชิงลึกของเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคง พบว่าจุดที่คนร้ายลอบวางเพลิงมี 3 จุด ไม่ใช่แค่จุดเดียว ซึ่งแต่ละจุดนั้นคนร้ายใช้โทรศัพท์ซัมซุงฮีโร่ในการจุดชนวน โดยพบว่าที่เกิดเหตุทั้ง 3 จุดนั้นมีความเสียหายค่อนข้างมากและยังไม่มีการเคลียร์จุดนั้นแต่อย่างใด
ผิดคาดหุ้นไม่ลงแถมบวกสวน สะท้อนว่าฝรั่งเชื่อมั่นประเทศไทย #เพิ่มเติม วันนี้ฝรั่งซื้อสุทธิแสดงว่าต่างชาติยังมั่นใจ
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม วีดีโอคอนเฟอเรนท์กับทุกหน่วยของตำรวจ จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ถึง 9 และฝ่ายการข่าว เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ โดยภายหลังการประชุม พล.ต.อ.พงศพัศ ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เน้นย้ำให้ดูแลความปลอดภัยเข้ม ข้น โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยว สถานที่ต่าง ๆ รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ให้พร้อมปฏิบัติงาน ในทุกจุด รวมถึงพื้นที่ล่อแหลม ทั้งของราชการและเอกชน โดยในวันนี้ (14 ส.ค.) จะมีการตรวจสอบทั้งหมด เพื่อให้กล้องทุกตัวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันจากการตั้งจุดตรวจตลอด 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีสัญญาณบอกเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ด้านการข่าวยังไม่มีแนวโน้มว่าจะ มีสิ่งใด ๆ เกิดขึ้น สถานการณ์อยู่สภาวะปกติ ไม่มีอะไรต้องกังวล โดยผบ.ตร. ให้คงกำลังตามจุดตรวจความมั่นคง และจุดตรวจปกติ รวมถึงจุดตรวจเพิ่มเติม ไปอีกระยะหนึ่ง และขอให้ประชาชนมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองด้วย ส่วนประชาชนที่แจ้งเบาะแสเข้ามา แม้ไม่ใช่ระเบิดก็ถือเป็นความตั้งใจของประชาชน ซึ่งตำรวจก็ลงไปตรวจสอบในทุกจุด สำหรับความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐาน พยานวัตถุ ขณะนี้ ได้ส่งวัตถุพยานทุกชิ้น เข้าตรวจสอบ รวมถึงการตรวจสอบดีเอ็นเอ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเทียบเคียง วัตถุพยานที่เคยเก็บไว้ในพื้นที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถือเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตรที่สำคัญ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่าการกระทำในทุกจุด มีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน และเชื่อว่า เป็นกลุ่มขบวนการเดียวกัน โดยมีการสั่งการจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งแน่นอน ส่วนการเชิญตัวกลุ่มบุคคลต้องสงสัยที่คาดว่า จะมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เข้ามาสอบปากคำนั้น หากไม่มีเจตนากระทำการก็ขออย่ากังวลใจ ขอให้พูดความจริงว่า เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง โดยบุคคลที่ทหารได้เชิญตัวมาสอบ สวนแล้วนั้น ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และนำไปสู่การจับกุมได้ ขณะเดียวกันยืนยันว่า ไม่มีการจับแพะชนแกะอย่างแน่นอน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาคงามสงบแห่งชาติ (คสช.) และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ทำตามพยานหลักฐาน และทำตามกฎหมาย ไม่เร่งรัดในกระบวนการสืบสวน แต่จะเร่งรัดในกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ สำหรับกรณีการออกหมายจับนายศักรินทร์ คฤหัส ผู้ต้องหาลอบวางเพลิงห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส จ.นครศรีธรรมราช นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีหลักฐานชัดเจน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิด จึงรวบรวมเพื่อขอหมายจับ ซึ่งขณะนี้อยู่ในการควบคุมตัวสอบสวนภายในพื้นที่ภูธรภาค 8 ทั้งนี้ หากพบว่า มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิด ก็สามารถที่จะแจ้งขอกล่าวหาเพิ่มเติมได้ โดยให้ศาลทหารออกหมายจับ และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการเปิดโปงขบวนการดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าเหตุวางเพลิง และเหตุระเบิดเป็นขบวนการเดียวกัน และหากผู้กระทำผิดรู้สึกสำนึกก็ขอให้เข้ามอบตัว ทั้งนี้ เชื่อว่า ผู้กระทำผิด ยังอยู่ในประเทศ เพราะได้ประสานไปตามด่านตรวจคนเข้าเมือง และด่านชายแดนทั่วประเทศ ยังไม่พบความผิดปกติของการเข้าออก และยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ผู้ต้องสงสัยที่นำมาสอบสวนนั้นก็สามารถให้ข้อมูลอย่างเป็นประโยชน์ได้ ส่วนมูลเหตุจูงใจต้องไปสรุปอีกครั้ง พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า การประสานกับตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล เพื่อให้ข้อมูลบุคคลอันตรายนั้น มีการประสานกันอย่างต่อเนื่อง และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำซิมการ์ดการลงทะเบียนชาวต่างชาติ ที่พบในจุดเกิดเหตุวางเพลิงไปตรวจสอบที่ต่างประเทศ เพราะแลปที่ประเทศไทยสามารถตรวจสอบได้ พลตำรวจโท เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวถึงเหตุลอบวางเพลิงและวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะคดีวางเพลิงภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้ – โลตัส สาขานครศรีธรรมราช ว่า ทุกคดีการสอบสวนสืบสวนมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร สั่งกำชับให้ทุกกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดที่เกิดเหตุ เพิ่มความหนาแน่นของกำลังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง ส่วนพยานหลักฐาน ที่นำไปสู่การควบคุมตัวนายศักรินทร์ คฤหัสถ์ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอให้ทุกอย่างชัดเจนกว่านี้ ล่าสุดได้มีการควบคุมตัวเพิ่มเติมอีกหนึ่งหรือสองคน หากมีความคืบหน้าจะแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอีกครั้ง ขณะที่พลตำรวจตรี อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชุมผู้เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีคนร้ายลอบวางเพลิง และระเบิด ในพื้นที่ พบหลักฐานสำคัญเป็นชิ้นส่วนโทรศัพท์ 2 เครื่อง รุ่นเดียวกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในจุดอื่นๆ ซุกซ่อนไว้ในชั้นวางสินค้า ทำให้ยืนยันได้ว่าเป็นการวางเพลิง และมีความเกี่ยวโยงกับเหตุระเบิดอีก 2 จุด เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวผู้ต้องสงสัยชาย 2 คน และเตรียมออกหมายจับ ตามหลักฐานที่ได้จากภาพวงจรปิด ซึ่งได้หลบหนีไปหลังเกิดเหตุทันที ขณะที่จังหวัดยะลา เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดภายในเขตเทศบาลตำบลยะหา 3 จุด ไม่มีผู้บาดเจ็บ จุดแรกเจ้าหน้าที่พบวัตถุต้องสงสัยลักษณะทรงกระบอก อยู่ไม่ห่างจากจุดระเบิดลูกแรก จึงได้เข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักราว 4-5 กิโลกรัม ภายในมีโทรศัพท์มือถือจุดชนวน โดยตั้งเวลาไว้ที่ 19 นาฬิกา 45 นาที เมื่อวานนี้ แต่ระเบิดไม่ทำงาน ส่วนจุดอื่น พบหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติมจึงเก็บรวบรวมไว้ ก่อนเกิดเหตุมีพยานเห็นชายฉกรรจ์แต่งกายชุดดะวะห์ 2 คน หิ้วถุงพลาสติกสีดำขี่รถจักรยานยนต์ วนเวียนในพื้นที่ที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีใครสนใจ คาดว่าเป็นการพยายามสร้างสถานการณ์ความปั่นป่วน เพื่อสร้างความรุนแรงในพื้นที่ ช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง หลังการประชุม นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เหตุการณ์วางระเบิดในหลายจังหวัดภาคใต้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอให้ประชาชนช่วยกันดูแลประเทศ เป็นหูเป็นตาคู่ขนานกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ และระวังการใช้โซเชียล มีเดีย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวน ขออย่ากดดันเจ้าหน้าที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบสวน หาความเชื่อมโยงต่างๆ ส่วนแรงจูงใจการก่อเหตุ ยังไม่ได้ให้น้ำหนักกับเรื่องใดเป็นพิเศษ และยืนยันว่าไม่ใช่การขยายพื้นที่ก่อเหตุจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงการเชื่อมโยงกับต่างประเทศ เพราะโทรศัพท์และซิมการ์ดที่ใช้ก่อเหตุ มาจากมาเลเซีย พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า เป็นเรื่องที่คนไทยทำกันเอง ไม่ใช่การแทรกแซงจากต่างประเทศ ซึ่งยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ในระดับรัฐบาลกับมาเลเซีย แต่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเยือนมาเลเซียวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) เชื่อว่าจะมีการพูดคุยกัน ทั้งนี้ นายกฯ เดินทางไปมาเลเซีย เพื่อประชุม International Conference on Blue Ocean Strategy ครั้งที่ 1 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประสานตำรวจมาเลเซียตรวจสอบมือถือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เหตุระเบิดมีสาเหตุจากการเมืองภายในประเทศมากกว่าประเด็นอื่น โดยประชามติเป็นประเด็นที่ตำรวจให้น้ำหนักมาตั้งแต่แรก และเชื่อว่าไม่ได้เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ ขณะนี้ตำรวจไทยประสานตำรวจมาเลเซีย ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง ฮีโร่ ที่ใช้ก่อเหตุ เพราะโทรศัพท์รุ่นนี้ จำหน่ายเฉพาะในมาเลเซีย ซึ่งตำรวจมาเลเซียให้ความร่วมมือดี ทั้งการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ และผู้ต้องสงสัยที่คาดว่า อาจหลบหนีไปที่นั่น ส่วน 10 จุดเสี่ยงในกรุงเทพฯ ที่มีการแชร์ในโซเชียลมีเดีย เรื่องนี้ ตำรวจมีข้อมูลและมีการเฝ้าระวังอยู่แล้ว และสามารถสกัดการก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายได้ ข่าว 7 สี - ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงว่าขณะนี้สามารถประติดประต่อเครือข่ายที่ก่อเหตุวางระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ได้แล้ว พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างปะติดปะต่อเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นใน 7 จังหวัด เพื่อให้เห็นภาพขบวนการและแผนการ ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก ทำให้เห็นเครือข่ายได้บางส่วน แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการก่อเหตุวินาศกรรม ไม่ใช่การก่อการร้าย เพราะไม่มีผู้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ สาเหตุยังอยู่ที่เรื่องไม่พอใจผลการลงประชามติ แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง และจนถึงขณะนี้ มีการจับกุมตัวผู้ต้องหาแล้ว 2 คน คือ นายศักรินทร์ คฤหัส ผู้ต้องหาที่วางเพลิงเผาห้างเทสโก้ โลตัส นครศรีธรรมราช โดยมีหลักฐานเป็นภาพวงจรปิดหลายจุด ที่ นายศักรินทร์ ไปปรากฏในพื้นที่เกิดเหตุ แต่ผู้ต้องหายังไม่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนที่ทางญาติออกมาระบุว่า นายศักรินทร์ ถูกกลั่นแกล้ง ได้ให้ตำรวจในพื้นที่ไปชี้แจงและให้ข้อมูลถึงสาเหตุที่มีการจับกุมแล้ว ผู้ต้องหาอีกรายคือ นายมูหะมัดรอสะดี ปาเนาะ ถูกจับกุมที่จังหวัดกระบี่ ตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี คดีความผิดเกี่ยวกับความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยังไม่พบว่ามีส่วนกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุการณ์วางระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ ระบุว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อให้เห็นภาพขบวนการและแผนการ ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก สามารถเห็นภาพในเครือข่ายแล้วบางส่วน แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลกับสื่อมวลชนได้ ขณะนี้ยังยืนยันว่าเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น เป็นการก่อเหตุวินาศกรรม ไม่ใช่การก่อการร้าย เนื่องจากการก่อการร้ายต้องมีผู้ออกมารับความรับเป็นผู้ดำเนินการ แต่เหตุการณ์นี้ยังไม่มีผู้ออกมาแสดงตัวกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยส่วนตัวยังมองว่าสาเหตุของการเกิดเหตุมาจากเรื่องการลงประชามติ ส่วนในประเด็นอื่นก็ยังไม่ตัดทิ้งอยู่ระหว่างการสอบสวนและสืบสวนหาหลักฐาน ขณะนี้ยืนยันได้ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดแล้ว 1 คน คือ นายศักรินทร์ หรือเชษฐ์ คฤหัส อายุ 32 ตามหมายศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในข้อหาวางเพลิงในห้างเทสโก้โลตัส จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่านายศักรินทร์ มีความเกี่ยวข้อง พบว่ามีภาพในวงจรปิดบันทึกภาพตัวนายศักรินทร์ ปรากฏในพื้นที่เกิดเหตุหลายจุด และยืนยันอีกว่าขณะนี้ยังไม่มีการเพิกถอนหมายจับตามที่มีกระแสข่าว โดยขณะนี้ตัวนายศักรินทร์ ถูกหน่วยงานความมั่นคงของทหาร ควบคุมตัวไว้ตาม ม. 44 ในพื้นที่ทหาร และจากการสอบสวนตัวผู้ต้องหายังไม่มีการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี ส่วนกรณีที่มีทางญาติออกมาเรียกร้องว่าญาติของตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกลั่นแกล้ง ในประเด็นนี้ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าไปชี้แจงและให้ข้อมูลเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุและหลักฐานของทางเจ้าหน้าที่ ส่วนผู้ต้องหาอีกรายที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้คือ มูหะมัดรอสะดี ปาเนาะ ตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี โดยสามารถจับได้ที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นหมายจับเก่าที่มีการออกไว้แล้วก่อนหน้านี้ ในความผิดเกี่ยวกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน แต่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล และสาเหตุที่สามารถจับกุมตัว ได้ในจังหวัดกระบี่ ทราบจากการสอบสวนพบว่าทางครอบครัวของนายมูหะมัดรอสะดี ต้องการให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกจากพื้นที่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการกดดันติดตามจับตัว กรณีการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่เก็บได้จากจุดเกิดเหตุ ที่พบว่ามีชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผลิตมาจากประเทศมาเลเชีย ขณะนี้ได้มีการประสานข้อมูลส่วนตัวกับผู้บัญชาการตำรวจมาเลเชีย อย่างต่อเนื่องแต่ไม่สามรถเปิดเผยได้ ส่วนที่ทราบว่าเป็นโทรศัพท์ของประเทศมาเลเชีย เนื่องจากเป็นรุ่นที่ไม่มีขายภายในประเทศไทย และที่ตัวโทรศัพท์และซิมการ์ด มีสัญลักษณ์ ของผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศมาเลเชีย ส่วนการตรวจพิสูจน์ ของหน่วยงานพิสูจน์หลักฐาน ขณะนี้ได้รับรายงานว่าได้มีการตรวจสอบเกือบทั้งหมดแล้ว และได้มีการส่งผลกลับไปยังพื้นที่แล้ว รวมถึงวัตถุระเบิดที่ไม่ทำงานและเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้ใหม่ในช่วงวานนี้ สามารถเก็บวัตถุพยานได้บางส่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบ แต่สามารถระบุได้ว่าวัตถุระเบิดที่พบมีการประกอบและอุปกรณ์ที่คล้ายคลึงกับการก่อเหตุในสามจังหวัดภาคใต้ ซึ่งอุปกรณ์พวกนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่เชื่อว่าไม่ใช่กลุ่มปฏิบัติการเดียวกัน ส่วนที่พบว่ามีการแชร์จุดเสี่ยง 10 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร ตามสังคมออนไลน์ ขอยืนยันว่า จุดเสี่ยงทั้งหมดที่มีการแชร์กัน เป็นจุดเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่ทราบอยู่แล้วและมีการกำชับให้เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นทั้งภาคใต้และเหตุราชประสงค์ แต่ก็ฝากถึงพี่น้องประชาชนขอให้มีส่วนร่วมของในการแจ้งเบาะแสต่างๆกับเจ้าหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเอง สำนักข่าวอิศราเผยแพร่บทวิเคราะห์เหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ คาดไม่ใช่ฝีมือขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือบีอาร์เอ็น นี่คือบทความระเบิดป่วนภาคใต้ฝีมือบีอาร์เอ็นจริงหรือ? โดยนายปกรณ์ พึ่งเนตร เผยแพร่ในหน้าเว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2559 นายปกรณ์ ทักท้วงว่า การสรุปให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนใต้ หรือบีอาร์เอ็น เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ อาจเข้าข่ายการด่วนสรุป พร้อมเสนอเหตุผล 7-8 ประเด็น อาทิ ผลตรวจพยานหลักฐานยังไม่เสร็จสิ้น ไม่สามารถเชื่อมโยงผู้ก่อเหตุได้ อีกทั้งความสำเร็จที่ผ่านมาของกลุ่มบีอาร์เอ็นเป็นไปเพราะมีความชำนาญในพื้นที่และมีเครือข่ายมวลชนรองรับ ซึ่งไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ประกอบกับลักษณะการก่อเหตุในช่วงเดือนรอมฎอน เน้นใช้ระเบิดลูกเล็กที่ทำให้เกิดเสียง แต่ไม่มีผู้รับบาดเจ็บ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกลุ่มที่อาจลดลง ซึ่งอาจเป็นผลกระทบจากความอ่อนล้าในการต่อสู้ตลอด 12 ปี ตรงกันข้ามกับแนวคิดขยายพื้นที่ปฏิบัติการ นอกจากนี้เหตุการณ์ความรุนแรงความวุ่นวายนอกพื้นที่ ที่เกิดขึ้นในปี 2556 ยังไม่มีข้อสรุปใดว่าเป็นฝีมือจากกลุ่มบีอาร์เอ็น ศาลทหารอนุมัติหมายจับมือวางระเบิดป่าตอง จังหวัดภูเก็ตแล้ว เชื่อยังกบดานอยู่ในไทย พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ไปติดตามความคืบหน้าเหตุระเบิด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และสุราษฏร์ธานี พร้อมกับนำหลักฐานคดีพบระเบิดที่หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ไปขออำนาจศาลทหาร มณฑลทหารบกที่ 41 จังหวัดนครศรีธรรมราช ออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 1 ราย ล่าสุดศาลได้อนุมัติหมายจับเรียบร้อยแล้ว โดยมีรายงานว่าผู้ที่ถูกออกหมายจับมีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเจ้าหน้าที่พบดีเอ็นเอ บนวัตถุระเบิดที่เขตอำเภอป่าตอง และเชื่อว่าขณะนี้ยังคงกบดานอยู่ในไทย เพราะยังไม่พบว่ามีข้อมูลเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างลงพื้นที่ติดตามตัว ส่วนคดีวางเพลิงห้างโลตัส นครศรีธรรมราช ได้หลักฐานสำคัญเป็นภาพผู้ต้องสงสัย 2 คนคาดจะขอหมายจับเพิ่มเร็วๆนี้ โดยในวันพรุ่งนี้ทางห้างจะเปิดให้บริการตามปกติ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ อยู่ระหว่างนำลายนิ้วมือแฝงที่พบในหลายจุด เปรียบเทียบกับฐานข้อมูลคดีเก่า แต่ยังไม่พบความเชื่อมโยง กับกลุ่มบีอาร์เอ็น. เนื่องจากมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีได้ฝากขอบคุณและชื่นชมนายกำธร เกตุแก้ว เจ้าหน้าที่รปภ.ศูนย์การค้าไชน่าทาวน์ หาดป่าตอง ที่หิ้ววัตถุต้องสงสัยที่เชื่อว่าจะเป็นระเบิดออกไปนอกบริเวณห้างด้วยความกล้าหาญ ทำให้เห็นว่าประเทศไทยไม่เคยสิ้นคนดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรนำมาเป็นแบบอย่าง ส่วนการเดินทางไปเยือนมาเลเซียของนายกรัฐมนตรีวันนี้ ไม่ได้มีการหารือถึงเหตุระเบิดในภาคใต้แต่อย่างใด ช่างขุดเจาะปิโตรเลียม ที่ถูกควบคุมตัวในฐานะผู้ต้องหาวางเพลิงห้างโลตัส จังหวัดนครศรีธรรมราช ยังคงถูกควบคุมตัวเป็นวันที่ 4 และปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา ช่างขุดเจาะปิโตรเลียมที่ถูกควบคุมตัวกลางอ่าวไทย ศักรินทร์ คฤหัส ยังคงถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 41 ภายในค่ายวชิราวุธ เป็นวันที่ 4 ในฐานะผู้ต้องสงสัยก่อเหตุวางเพลิงห้างเทสโก้ โลตัส จังหวัด นครศรีธรรมราช // โดยมีรายงานว่า นายศักรินทร์ ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่า ในวันที่เกิดเหตุอยู่ในช่วงหยุดพักจากการทำงานที่แท่นขุดเจาะปิโตรเลียม จึงเข้าฝั่งเพื่อพักผ่อน แม้ยอมรับว่า ในวันที่ 11 สิงหาคมได้เข้าไปในห้างเทสโก้โลตัสจริง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ก่อนหน้านี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ยืนยันว่า มีหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยง นายศักรินทร์ กับการก่อเหตุที่ห้างโลตัสได้ เพราะภาพวงจรปิดได้บันทึกภาพตัวนายศักรินทร์ปรากฏในพื้นที่เกิดเหตุหลายจุด พร้อมย้ำว่า ยังไม่มีการเพิกถอนหมายจับ นายศักรินทร์ ตามที่มีกระแสข่าว และมั่นใจว่าการทำงานของตำรวจมาถูกทางแล้ว สำหรับนาย ศักรินทร์ ถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา ภายหลังเกิดเหตุไฟไหม้ที่ห้างโลตัสในตัวเมืองนครศรีธรรมราชช่วงเช้ามืดของวันเดียวกัน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาสอบสวน และศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้อนุมัติการออกหมายจับนายศักรินทร์ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ที่เป็นโรงเรือนที่เก็บหรือทำสินค้า ผบ.ตร.ยันป่วนใต้ 7 จว. ไม่พบความเชื่อมโยง BRN
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัด ภาคใต้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่พบจากจุดเกิดเหตุและวัตถุระเบิดที่ไม่ทำงาน และได้รับรายงานว่าวัตถุระเบิดที่ไม่ทำงานพบว่ามีลายนิ้วมือแฝง ซึ่งขณะน้ีทราบมีการตรวจสอบเสร็จแล้วบางส่วนและมีการส่งกลับไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการชายแดนใต้ หรือ ศชต. ที่มีการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ อย่างดี ซึ่งง่ายต่อการสืบค้น หากไม่พบข้อมูลที่ตรงกับฐานข้อมูลกับ ศชต. ก็จะดำเนินการเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลอื่นที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมี ส่วนกระแสข่าวที่มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัด (บีอาร์เอ็น) ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยง และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถห้ามความคิดใครได้ และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฏหมาย แต่ยืนยันว่าขณะนี้ภาพรวมคดีมีการดำเนินการมากมากกว่าร้อยละ 70 แล้ว ส่วนในประเด็นในการดำเนินคดีนายศักรินทร์ คฤหัส ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ ในห้างสรรพสินค้าโลตัส ขณะนี้ยังคงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากยังคงอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน และที่มีข่าวว่ามีขอศาลทหารในการออกหมายจับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในพื้นที่ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากคณะทำงานที่อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ ทั้งนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้มีการให้กำลังใจในการทำงาน และไม่ได้เร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่อยากให้กรอบของเวลามาเป็นการกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีเหตุลอบวางระเบิดศาลเจ้าท้ามพระมหาพรหมเอราวัณ และท่าเรือย่านสาทร ที่จะครบรอบ 1 ปี ในวันพรุ่งนี้ ระบุว่าทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้มีการวางกำลังในพื้นที่นครบาลอยู่แล้ว ไม่ได้มีการวางกำลังส่วนใดเป็นพิเศษ แต่ได้มีการกำชับว่าห้ามให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำในพื้นที่นครบาลอีก และทางคดีอยู่ในขั้นตอนของศาลซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนของตำรวจแล้ว ด้านพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุศาลมณฑลทหารบกที่ 41 จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการอนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาคดีระเบิดในพื้นที่ ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เพิ่มเป็นชาย 1 ราย แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในสำนวนได้ ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างลงพื้นเพื่อติดตามตัว ซึ่งเชื่อว่ายังคงกบดานอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่พบข้อมูลเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนจะมีการ ออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่ ยืนยันว่าหากพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครจะดำเนินการตามกฎหมายไม่ละเว้น ทหารพระธรรมนูญจากมณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช นำตัวนายศักรินทร์ คฤหัส ผู้ต้องหาในคดีวางระเบิดเพลิงแบบแสวงเครื่อง ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปส่งมอบให้พนักงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ตำรวจสอบปากคำดำเนินคดีในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ และความผิดเกี่ยวกับมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ขณะที่ พันเอกอภินันท์ สุวรรณสมพงษ์ ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยห้างเทสโก้โลตัส กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเผาห้างสรรพสินค้า ทางห้างสรรพสินค้าได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในห้าง ย้อนหลังไปจนถึงวันที่ 10 สิงหาคม พบว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพ ผู้ต้องสงสัยจำนวน 2 คน สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าและสวมหมวกแก๊ปเพื่ออำพรางใบหน้า ได้มาเดินวนเวียนบริเวณจุดวางสินค้าประเภทขนมหลายครั้งอย่างผิดสังเกต และเริ่มลงมือวางซุกระเบิดเพลิงแบบแสวงเครื่อง มาตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม ก่อนเกิดเหตุ 3 วัน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกตัว ทำให้มั่นใจว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน เป็นคนก่อเหตุครั้งนี้อย่างแน่นอน ส่วนความคืบหน้าในการสืบสวนคดี พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุระเบิด ในเทศบาลอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บริเวณโซนบาร์เบียร์ ด้านหลังวัดเทศบาลหัวหิน และบริเวณหอนาฬิกา พร้อมทั้งประชุมเร่งรัดชุดสืบสวนในการทำคดี โดยเปิดเผยว่า เหตุระเบิดที่หัวหินมีความคืบหน้าไปมากพอสมควรเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งขณะนี้ตำรวจมีพยานหลักฐานพบมีผู้กระทำผิดไม่ต่ำกว่า 2 คน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่อื่นหรือไม่ เพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวน มั่นใจสามารถจับผู้ก่อเหตุได้อย่างแน่นอน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังยืนยันพยานหลักฐานคดีระเบิดและเหตุเพลิงไหม้ใน 7 จังหวัดภาคใต้ พบว่ามีมากกว่า 10 คน โดยคนร้ายร่วมกันก่อเหตุกระจายในหลายจังหวัด ซึ่งตำรวจจะเร่งขยายผลให้ถึงตัวผู้สั่งการ ยืนยันว่าหากพบผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะระดับใด ก็จะดำเนินคดีทุกราย ซึ่งหากพบว่าหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครก็จะรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ พร้อมยืนยันว่า หลังจากนี้จะเดินทางเข้าตรวจสอบสำนวนทุกคดี และยื่นคำร้องขอหมายจับด้วยตัวเอง นายกรัฐมนตรีสั่งเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ พร้อมยืนยันให้ความยุติธรรมทุกคน ไม่มีการจับแพะแน่นอน ทั้งนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ย้ำขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะหาตัวคนร้ายให้ได้ ส่วนการเชื่อมโยงในการก่อเหตุกับภาคใต้ อยากให้รอได้ตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่ม ไม่อยากให้ฟันธงกันว่าสาเหตุเกิดจากไฟใต้ และไม่อยากพาดพิงฝ่ายการเมือง ส่วนมาตรการเยียวยา นายกฯ ได้มอบหมายให้ นายวิษณุเครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นผู้พิจารณาถึงแนวทางเยียวยาผู้เสียหาย โดยให้บูรณาการร่วมกัน 6 กระทรวง ยึดแนวทางการเยียวยาเช่นเดียวกับเหตุระเบิดราชประสงค์ ซึ่งเบื้องต้นจะมีการช่วยเหลือผ่านกองทุนยุติธรรม โดยผู้ได้รับบาดเจ็บจะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท ส่วนญาติผู้เสียชีวิตจะได้เงิน 300,000 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับบาดเจ็บ จะได้รับค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 500,000 บาท แต่หากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ จะช่วยเหลือไม่เกิน 1,000,000 บาท รองผบ.ตร. ยืนยัน ว่า คนร้ายระเบิดป่วนภาคใต้มีเกิน 10 คน เร่งหาผู้สั่งการ ขณะเจ้าหน้าที่ทหารยังไม่ส่งตัวผู้ต้องหาในพื้นที่นครศรีธรรมราชให้ตำรวจ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน พยานหลักฐานคดีระเบิดและเหตุเพลิงไหม้ใน 7 จังหวัดภาคใต้ พบมีมากกว่า 10 คน ร่วมกันก่อเหตุกระจายในหลายจังหวัด ขณะนี้เร่งขยายผลให้ถึงตัวผู้สั่งการ ยืนยัน หากพบผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะระดับใดก็จะดำเนินคดีทุกราย โดยการประสานทางประเทศมาเลเซีย และตำรวจสากล เรื่องของเส้นทางการหลบหนี เบื้องต้น จะต้องดำเนินการภายในราชอาณาจักรก่อน ส่วนซิมโทรศัพท์ที่พบต้นทางมาจากประเทศมาเลเซีย นั้นทุกคนสามารถหาซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศ เข้ามาใช้ในประเทศได้ และการสอบสวนยังไม่ถึงขั้นนั้น ส่วนการลงพื้นที่เทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จะเป็นการลงไปตรวจสอบสำนวนคดีและติดตามความคืบหน้าคดี หากพบว่าหลักฐานเชื่อมโยงถึงใคร ก็จะรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับทันที// หลังจากนี้ จะเดินทางเข้าตรวจสอบสำนวนทุกคดีและยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับด้วยตัวเอง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังยืนยันว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช และศาลมณฑลทหารบกที่ 41 จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ เพียง 2 คนเท่านั้น คือ นายศักรินทร์ คฤหัสถ์ ในข้อหาวางเพลิง ฯ ซึ่งขณะนี้ อยู่ในการควบคุมของทหาร และยังไม่มีการส่งตัวให้ตำรวจ ส่วนอีกคนมีรายงานว่า คือ นายอะหะมะ เล็งหะ ชาวอำเภอตากใบ ผู้ต้องหาในคดีระเบิด รายงานสดจาก ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ส่วนสาเหตุยังไม่มีการตัดประเด็นใดทิ้ง
ศาลจ.นครศรีธรรมราชอนุมัติออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุวางเพลิงห้างโลตัส ตามหลักฐานCCTVเพิ่มอีก2ราย ข่าว 7 สี - เจ้าหน้าที่ เตรียมนำตัวมือเผาห้างโลตัส นครศรีธรรมราช เข้ากรุงเทพฯ หลังตรวจพบสารระเบิด เข้าข่ายการก่อวินาศกรรม พร้อมขอเพิกถอนหมายจับศาลพลเรือน และขอหมายจับจากศาลทหารแทน พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีระเบิดป่วน 7 จังหวัดภาคใต้ ไปติดตามความคืบหน้าคดี ที่ สภ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ ไปกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และ 8 เพื่อกำชับสั่งการในสำนวนคดี พร้อมสั่งให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เพิกถอนหมายจับนายศักรินทร์ คฤหัสถ์ ผู้ต้องหาวางเพลิงเผาห้างโลตัส นครศรีธรรมราช จากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนหน้านี้ เนื่องจากตรวจพบสารระเบิด จึงเป็นการออกหมายจับผิดศาล และให้ยื่นขอหมายจับใหม่ ต่อศาลทหาร ในข้อหา มีวัตถุระเบิด ไว้ในครอบครอง ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการก่อวินาศกรรม พันเอกบุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายเสนาธิการประจำ ผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช.กล่าวว่า หน่วยงานตำรวจ ในคดีระเบิดป่วนพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ และหน่วยงานทหาร จะประชุมร่วมกัน ที่กองบังคับการกองปราบปราม เย็นวันนี้ เพื่อหาแนวทางในการดำเนินคดี เตรียมย้ายตัวนายศักรินทร์ ที่ถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 41 นครศรีธรรมราช เข้ามาควบคุมตัวที่ มณฑลทหารบกที่ 11 กรุงเทพมหานคร เกรงไม่ปลอดภัยหากคุมตัวในพื้นที่ ส่วนห้างโลตัส นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่เพลิงไหม้เสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานจึงได้ทำความสะอาด และเปิดบริการลูกค้าได้ตามปกติแล้วในวันนี้ มทบ.41 เผย ส่งตัว 'นายศักรินทร์' ผู้ต้องสงสัยคดีวางเพลิง ห้างเทสโก้โลตัส ที่จ.นครศรีธรรมราช ให้ตำรวจภาค 8 แล้วเมื่อช่วงบ่ายวันนี้(17 ส.ค.59) พลตรีธีณฉัตฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการ มณฑลทหารบกที่ 41 เปิดเผยว่า ขณะนี้ นายศักรินทร์ คฤหัสถ์ ผู้ต้องสงสัยคดีเพลิงไหม้ ห้างเทสโก้ โลตัส นครศรีธรรมราช ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของทหารแล้ว หลังตำรวจภาค 8 รับตัวกลับไปเมื่อช่วงบ่ายวันนี้(17 ส.ค.59) ยืนยัน ขั้นตอนการจับกุมสอบสวน ทหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพียงแค่อำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่ควบคุมตัวตามที่ตำรวจร้องขอ หลังจากนี้ จะดูแลเฉพาะคดีความมั่นคงตามหมายจับศาลทหาร จะไม่รับฝากคดีอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ วันนี้ศาลทหารอนุมัติหมายจับ 17 ผู้ต้องหาข้อหาอั้งยี่ ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับระเบิด 7 จุดภาคใต้ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่ากรณีที่ศาลทหารอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา 17 ราย ในข้อหาอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน เป็นเรื่องของแนวคิดต่อต้านการเมืองของกลุ่มแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย หรือ นปป. ยืนยันการออกหมายจับครั้งนี้ ไม่มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ใน 7 จังหวัดภาคใต้ แต่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป โดยพรุ่งนี้เวลา 09.00 น. ทหารจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดที่ควบคุมตัวไว้ไปมอบให้ตำรวจกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีต่อไป คณะกฎหมาย คสช.แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหลายจุดใน 7 จังหวัดภาคใต้โดยมีรายงานว่า ขบวนการดังกล่าวมี 17 คน ขณะนี้อยู่ในการควบคุมของทหารแล้ว 10 คน
รายงานพิเศษ : ผบ.ตร.ระบุ เหตุระเบิดใต้เชื่อมโยงเหตุบึ้มหน้ารามฯปี 56 ศาลทหารได้อนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาคดีวางระเบิดภาคใต้ 7 จังหวัดทั้ง 17 คน ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม โดยผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพ พร้อมอ้างว่าเป็นกลุ่ม สมาชิกของพรรคปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย อนุมัติหมายจับ 17 ผู้ต้องสงสัย มือระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ เมื่อเวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา ศาลทหารอนุมัติหมายจับตามคำร้องของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เลขที่ จพ 29/2559 ข้อหา ตามมาตรา 209 ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ข้อหาการกระทำผิดอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ให้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 17 คน ที่ก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ เมื่อสัปดาห์ก่อน รายงานข่าวเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 17 คน ซึ่งถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 ยอมรับว่าพวกเขาเป็นสมาชิกของพรรคปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ มีแนวคิดต่อสู้ทางการเมืองกับรัฐ โดยการตรวจค้นบ้าน 1 ใน 17 ผู้ต้องหา พบอาวุธปืนสงคราม AK-47 จำนวน 1 กระบอก ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนก่อเหตุรุนแรงใน 7 จังหวัดภาคใต้ แต่เจ้าหน้าที่จะติดตามสืบสวนความเชื่อมโยงต่อไป เร่งติดตาม 'มือวางระเบิดหัวหิน' ในพื้นที่ชายแดนใต้ กล้องวงจรปิด บันทึกภาพผู้ชายต้องสงสัย 3 คนที่อาจจะเป็นผู้ก่อเหตุลงมือวางระเบิดย่านท่องเที่ยวในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้ง 3 คนสวมหมวกอำพรางใบหน้า หนึ่งในผู้ต้องสงสัยมีถือถุงพลาสติก คาดว่าน่าจะซุกซ่อนระเบิดอยู่ด้านใน จากการตรวจสอบ พบทั้ง 3 คน เดินเท้าไปรอบเมืองหัวหิน นอกจากนี้ยังมีการแบ่งหน้าที่กัน คือมีการเดินสำรวจและเฝ้าระวังหน้า ระวังให้กัน ไม่ให้มีพิรุธ เบื้องต้นทราบชื่อของผู้ต้องสงสัย ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กองปราบฯ ร่วมคลี่คลายคดีวินาศกรรมโลตัส ขณะที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีการลอบก่อวินาศกรรม ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ – โลตัส สาขานครศรีธรรมราช ลงพื้นที่เพื่อติดตามหาตัวคนร้าย โดยตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ พบกลุ่มผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัย เปลี่ยนเครื่องแต่งกายและพบการใช้อุปกรณ์อำพรางใบหน้า ตำหนิรูปพรรณ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากส่วนกลางและในพื้นที่ มั่นใจในพยานหลักฐาน และระบุว่าไม่มีการจับผิดตัว เว็บไซต์ศูนย์ข่าวอิศรา วิเคราะห์ระเบิด 7 จังหวัด ขณะที่บทวิเคราะห์ของเว็บไซต์ศูนย์ข่าวอิศรา ได้เสนอข่าวระเบิด 7 จังหวัดว่า ผลการตรวจพิสูจน์ระเบิดพบว่า กลุ่มคนร้ายใช้ระเบิด 2 ชนิด คือ ระเบิดสังหาร มีลักษณะเป็นไปป์บอมบ์ จุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือและระเบิดเพลิง ห่อหุ้มด้วยกรอบเพาเวอร์แบงก์ โดยระเบิดทั้งสองชนิดมีการต่อแผงวงจรเหมือนกัน ส่วนโทรศัพท์มือถือที่นำมาใช้ในการตั้งเวลาระเบิดหรือไทม์เมอร์ ไม่มีการโทรเข้าไปจุดระเบิด เพราะซิมการ์ดโทรศัพท์ เป็นซิมการ์ดประเทศมาเลเซียทั้งหมด ฝ่ายสืบสวนสรุปตรงกันคือ ระเบิด 7 จังหวัดชุดนี้ มาจากคนกลุ่มเดียวกันเชื่อมโยงกันหมด ทำให้ฝ่ายสืบสวนมุ่งประเด็นว่าเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ว่า มีการหารือกับประเทศมาเลเซียมา โดยตลอด ซึ่งมีความคืบหน้า และความชัดเจนไปมาก ขอให้ได้ตัวผู้ก่อเหตุก่อน และอย่ากดดันเจ้าหน้าที่ ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ส่วนมาตรการการรักษาความปลอดภัยอยู่ในระหว่างการหารือ ว่าจะทำอย่างไรบ้าง รวมถึงงานด้านการข่าวมีแนวโน้มเรื่องการก่อเหตุบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งเราก็เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ เพราะได้ประสานงานด้านข่าวกับทหาร และตำรวจตลอด พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่มีการจับกุมผู้ก่อเหตุผิดตัวอย่างแน่นอน เนื่องจากดูข้อมูลจากกล้องวงจรปิด จากนั้นตามตัวผู้ก่อเหตุ ขออำนาจศาลออกหมายจับ และให้ฝ่ายความมั่งคงใช้อำนาจตามมาตรา 44 สอบสวนภายใน 7 วัน เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป และจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคนด้วย พร้อมกันนี้ยังยอมรับว่า เป็นห่วงเรื่องความร่วมมือของประชาชน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำงานได้ทั้งหมด อีกทั้งสื่อมวลชนไม่ควรไปถามคนโน่นคนนี่จนก่อให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งตนได้ให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมาโดยตลอด และพูดเรื่องจริงทั้งหมด ส่วนการปรับโผทหารนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะมีแค่ตำแหน่งเดียวที่ต้องปรับ คือ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 หรือ ผบ.พล.ร.4 ตำแหน่งของพลตรีนพพร เรือนจันทร์ ที่เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับจากการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งต้องให้พลเอกธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้ดำเนินการต่อไป สำหรับการเพิ่มเงินอัดฉีดแก่นักกีฬาโอลิมปิกนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แต่หากจะต้องการเข้ารับเป็นข้าราชการทหาร หรือตำรวจ ก็ยินดีสนับสนุน ส่วนการพัฒนานักกีฬาให้มีประสิทธิภาพ เชื่อว่าทางนายกสมาคมต่าง ๆ คงต้องมาโค้ชมาช่วยเหลืออยู่แล้ว เป็นครั้งแรกที่ คสช.เปิดเผยข้อมูลชัดเจนให้เห็นความพยายามเคลื่อนไหวล้มรัฐบาล คสช.ภายใต้กลุ่มที่ชื่อว่า พรรคแนวร่วมปฎิวัติประชาธิปไตย (นปป.) คสช.บอกว่าติดตามพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้มานานแล้ว พบว่านัดประชุมกันหลายครั้งในหลายสถานที่ คนกลุ่มนี้คือใคร ทำไม คสช.จึงกล่าวหาว่าพยายามดำเนินการแบบคอมมิวนิสต์ “พล.อ.ประวิตร”ระบุเอาผิด17ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ ตร.-ทหาร ได้ดำเนินการตามหลักฐานและถูกต้องทุกขั้นตอนของกม.
ปล่อยตัว "ศักรินทร์" พ้นข้อหาวางเพลิงโลตัส ข่าว 7 สี - รัฐบาล และ คสช. ยืนยันศาลทหารออกหมายจับ 17 ผู้ต้องหาเป็นคดีเคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่เกี่ยวกับการก่อเหตุระเบิด 7 จังหวัดท่องเที่ยวภาคใต้ โดยพลเอกประวิตร บอกผู้ต้องหาทั้ง 17 คนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในคดีความมั่นคง สร้างความไม่สงบในบ้านเมือง เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล และ คสช.ซึ่งยังไม่พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มอื่นๆ ขณะที่นายกรัฐมนตรี บอกด้วยว่า ยังพบการเคลื่อนไหวบนดินและใต้ดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาความเชื่อมโยงต่อไป ส่วนกรณีที่องค์กรนานาชาติ และหลายฝ่าย เรียกร้องให้ผ่อนคลายบรรยากาศทางการเมืองด้วยการปล่อยตัวผู้ถูกดำเนินคดีการเมืองในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น รัฐบาล และ คสช.ยืนยันต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม หากเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ก็ต้องต่อสู้คดี และการปล่อยตัวเป็นอำนาจของศาล อีโอดี ยืนยัน เหตุระเบิดและเพลิงไหม้ใน 7 จังหวัดภาคใต้ เป็นระเบิดแสวงเครื่องชนิดเดียวกันทั้งหมด ซึ่งรูปแบบการประกอบระเบิดเป็นวิธีเดียวกันในการก่อเหตุความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พันตำรวจเอกกำธร อุ่ยเจริญ ผู้กำกับการกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ อีโอดี (EOD) ระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ใน 7 จังหวัดภาคใต้นั้น เป็นระเบิดแสวงเครื่องและระเบิดที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ ในการก่อเหตุใน 7 จังหวัดภาคใต้ทุกจุด โดยจากการตรวจสอบพบว่าระเบิดไม่ได้ถูกจุดระเบิดโดยการโทรศัพท์ แต่ใช้โทรศัพท์ในการตั้งเวลาระเบิด คล้ายกับการตั้งเวลาระเบิดด้วยนาฬิกา ซึ่งใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกันเดียวกันในทุกจุด รวมถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ยังยืนยันว่า เหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้เป็นการสร้างความไม่สงบมากกว่าที่มุ่งหวังชีวิต เนื่องจากระเบิดนั้นมีขนาดเล็ก แต่ยืนยันได้ว่า ระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็นรูปแบบเดียวกันกับกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีความคล้ายคลึงกับเหตุระเบิดกรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2549 ด้วย ศาลทหารอนุญาตฝากขัง 15 ผู้ต้องหา ในคดีต่อต้านรัฐบาล และเนื่องจากหมดเวลาทำการ ประกอบกับเป็นวันหยุด ทนายความต้องรอยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้งในวันจันทร์ ศาลทหารอนุญาตฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 15 คน ในคดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ชุมนุมเกิน 5 คนและข้อหาอั้งยี่ ตามที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้อง เป็นเวลา 12 วันในผัดแรก และเนื่องจากหมดเวลาทำการของศาลในการพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว ทั้ง 15 คนจึงต้องถูกฝากขังอย่างน้อยสองคืน เพื่อรอวันศาลเปิดทำการใหม่อีกครั้งในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ โดยทั้ง 15 คนได้แสดงความจำนงขอเปลี่ยนตัวทนายความ จากทนายของสภาทนายความแห่งประเทศไทย ที่พนักงานสอบสวนจัดหามาให้ มาเป็นทีมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และสมาคมนักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ ซึ่งได้เตรียมยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวให้กับทั้ง 15 คนไว้แล้ว คนละ 100,000 บาท กองปราบสวบสวน 15 ผตห.ป่วนการเมือง ทหารควบคุมตัว15 คนฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ชุมนุมเกิน 5 คนและข้อหาอั้งยี่ มาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อดำเนินขั้นตอนตามกฎหมาย โดยพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้นำผู้ต้องหาไปตรวจร่างกาย ทำการบันทึกประวัติ และได้จัดชุดสอบสวน 15 ชุด เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหา พลตำรวจตรีชยพลฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม ระบุว่า เบื้องต้นยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ แต่จากการตรวจสอบผู้ต้องหาบางรายมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับความผิดมาตรา112 และค้าอาวุธสงคราม สตช.ยืนยัน 15 ผตห. ไม่เกี่ยวข้องระเบิด 7 จังหวัด พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุกรณีที่ศาลทหารอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา 17 คน และถูกปล่อยตัวไปแล้ว 2 คน นั้น ทั้งหมดเป็นกลุ่มพรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย หรือ นปป. ซึ่งมีการจัดตั้งในปี 2558 แล้วการนัดหมายประชุมวางแผนในจังหวัดต่างๆ เช่น นนทบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พัทลุง ซึ่งมีความผิดตามข้อหาอั้งยี่และฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ทั้งนี้ ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ใน 7 จังหวัดภาคใต้ ด้านครอบครัวนางสาวมีนา แสงศรี แม่ค้าขายพริกแกง หนึ่งในผู้ต้องหา เดินทางมารับฟังข้อกล่าวหา และเตรียมหลักทรัพย์จากยืมเงินสดและฉโนดที่ดินมูลค่า 100,000 บาท โดยมีความหวังจะได้ประกันตัวบุตรสาว ส่วนความคืบหน้าคดีระเบิดและเพลิงไหม้ใน 7 จังหวัดภาคใต้นั้น มีความคืบหน้าไปมากกว่าร้อยละ 70 แล้ว นอกจากนี้หากมีการสืบสวนสอบสวนเร่งหาความเชื่อมโยงในการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบระเบิด ผู้จัดหาอุปกรณ์ในการประกอบระเบิด หรือแม้แต่ผู้ออกเงินทุน หากเชื่อมโยงไปถึงใครบ้างก็จะดำเนินการจับกุมทุกคนที่เกี่ยวข้อง เร่งจับผู้ต้องหาระเบิด 7 จังหวัด พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคงในฐานะ หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดและวางเพลิง ใน 7 จังหวัดภาคใต้ เร่งติดตามคนร้ายก่อเหตุวินาศกรรม 7 จังหวัด ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเหตุ การติดตามคนร้าย มีการออกหมายจับแล้ว คือนายมูหะมัดรอสะดี ปาเนาะ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี นายอาหะมะ เลงหะ ผู้ต้องหาวางระเบิดในพื้นที่ปาดป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต อยู่ระหว่างการติดตามตัว หลังถูกออกหมายจับ และพบว่าเป็นอดีตผู้ต้องหาคดีความมั่นคงเหตุวุ่นวายที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อปี 2547
พลตำรวจตรีชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรมสำนักยุทธศาสตร์ตำรวจ เปิดเผยว่า สำหรับผู้ต้องหารวมทั้งหมด 17 คน ถูกทหารควบคุมตัวหลังเกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้ในพื้นที่ 7จังหวัดภาคใต้ และจากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหา มีการรวมกลุ่มกันที่จังหวัดนนทบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี และพัทลุง ก่อตั้งตัวในนามกลุ่มพรรคแนวร่วมปฎิวัติประชาธิปไตย หรือ นปป. ซึ่งแยกตัวออกมาจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. หลังเกิดความขัดแย้งกัน โดยมีการเคลื่อนไหวลักษณะแบบพรรคคอมมิวนิสต์ ต่อต้านการทำงานของรัฐบาล แต่ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองใดซึ่งอยู่ระหว่างขยายผลและยังไม่พบมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ 7 จังหวัดภาคใต้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2คน ที่ถูกปล่อยตัวไป จะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี หลังศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด ฐานกระทำผิดอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน พบว่ามีผู้ต้องหาบางคนถูกออกหมายจับเพิ่มในข้อหาครอบครองอาวุธสงครามด้วยหลังตรวจค้นบ้านพักพบอาวุธปืนสงครามอาก้าซุกซ่อนในท่อพีวีซีขนาดใหญ่ และเบื้องต้นจากหลักฐานยังไม่พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดมีความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งหลังตำรวจรับมอบตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ได้ให้แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจตรวจร่างกายไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายและได้แต่งตั้งทนายความ ก่อนจะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลทหารต่อไป คดีวางเพลิงและระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ขณะนี้ยังมีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเพียงรายเดียว ขณะที่นายศักรินทร์ที่ถูกเพิกถอนหมายจับไปก่อนหน้านี้และเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานในคดีครอบครองระเบิด พบว่ามีไฟล์ทบินกลับบ้านที่จังหวัดเชียงใหม่
ณัฐวุฒิ” ชี้ไม่เคยได้ยินเรื่องนปป.-พรรคปฏิวัติปชต.มาก่อน เหน็บตั้งต้น-เดินหน้าด้วยอคติ อัดระเบิด7จว.ภาคใต้ จับได้แค่กบฎเครื่องแกง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินเรื่องนปป.หรือพรรคปฏิวัติประชาธิปไตยมาก่อน จากที่เห็นในข่าวเข้าใจว่าพฤติการณ์ของกลุ่มนี้ คือ การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง โดยมีจุดยืนไม่ยอมรับการรัฐประหารและอำนาจเผด็จการ ส่วนการจัดตั้งองค์กรที่มีโครงสร้างชัดเจนและเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรมนั้นยังไม่ปรากฏ เปรียบเทียบแล้วยังห่างไกลกันมากกับขบวนการสมคบคิดให้เกิดรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญแบบที่ผ่านมา บางกอกโพสต์: สุเทพระบุ พล.อ.ประยุทธ์เตรียมล้ม รบ.นานแล้ว-โฆษก คสช ... และเป็นอันตรายต่อประเทศน้อยกว่าการใช้อำนาจตามอำเภอใจ รวมทั้งการวางแผนสืบทอดอำนาจซึ่งสุ่มเสี่ยงจะเกิดความขัดแย้งใหญ่ในอนาคต “การตั้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร จึงมีคำถามเรื่องความชอบธรรม โดยเฉพาะการเร่งรัดจับกุมในสถานการณ์ระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ ทำให้มองได้ว่า รัฐมีเจตนาทางการเมืองให้สังคมเข้าใจสับสนว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายหรือไม่ หรือหากกลุ่มนปป.ทำผิดกฎหมายจริง การจับกุมคนสูงอายุเลย 60 ปีเป็นส่วนใหญ่ กับแม่ค้าขายเครื่องแกงอีกคน ก็ไม่น่าจะทุ่มสรรพกำลังของกองทัพแบบขี่ช้างจับตั๊กแตนขนาดนี้ ผมไม่อยากให้พวกวางระเบิดตัวจริงหัวเราะเยาะกระบวนการที่มุ่งเดินตามธงจนเปิดช่องให้พวกเขาหนีไปได้ถึงไหนต่อไหน” แกนนำนปช.กล่าว นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า เพราะตั้งต้นและเดินหน้าด้วยอคติ แทนที่จะจับมือระเบิดภาคใต้ได้ กลับได้แค่กบฎเครื่องแกง และพวกที่กล่าวหาฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองก็ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไร และพวกที่กล่าวหาฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองก็ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไร และพวกที่กล่าวหาฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองก็ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไร http://khaohod.net/เหน็บเจ็บ-ระเบิด7จว-ใต้-จ/
^ ^ ^ ^ พี่เต้นก็น่าจะลงทุนสาบานไปเลยว่าแก๊งควายแดงไม่ได้ทำ สังคมไทยจะได้เชื่อว่าแก๊งนี้บริสุทธิ์จริง
ฝ่ายตรงข้ามกับแดง ถ้าอ้างตามมือดีก็คงเป็นเหลือง มือดียอมรับว่าเป็นเหลือง พวกที่กล่าวหาฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองก็ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไร จริงด้วยคราวนี้พูดถูกแฮะ รู้ได้ไงว่ามือดีไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย สงสัยรู้ว่ามือดีขโมยผลงานเขามาใช้หากิน แต่เอาเปรียบไม่ช่วยอะไรเลย
ข่าวนิวทีวี ขอหมายจับศักรินทร์ 3 ข้อหารวด ตำรวจขออำนาจศาลทหาร ออกหมายจับศักรินทร์ คฤหัส หนุ่มเชียงใหม่ใน 3 ข้อหา ทั้งร่วมกันครอบครองวัตถุระเบิด กระทำการให้เกิดเหตุระเบิด และวางเพลิง หลังพบพยานหลักฐานชัดเจนเผาห้างโลตัส นครศรีธรรมราช .......................................................... ลับ ลวง พราง เดาทางไม่ถูกจริงๆ
