ระบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากมานานก็ทำให้เกิดคะแนนจัดตั้ง หัวคะแนน อะไรต่อมิอะไร แล้วผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนหนึ่งก็ไม่มีภูมิคุ้มกันที่ดี ขอให้ได้เลือกตั้งแค่นี้พอ ไม่สนใจเงินภาษีของตัวเองว่าจะถูกใช้แบบไหน อย่างไร ชนชั้นปกครองที่ได้คะแนนเลือกตั้งมาก็ลำพองใจ พอถูกตรวจสอบก็บอกว่ามาจากการเลือกตั้ง ตรรกะคนละเรื่องเลย ถามแมวตอบหมา หลักการอะไรที่ยึดเพียงแค่เปลือก มันก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี ผมเคยส่องคอมเมนท์ในเพจเฟซบุ๊คแนวสังคม การเมือง ก็เคยเจอข้อความประมาณว่า อยากได้รัฐสวัสดิการเต็มขั้น ก็ต้องเก็บภาษีโหดๆ คุณกล้าที่จะเสียภาษีแบบนั้นมั้ย ? เพราะทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนมีต้นทุน ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
ผมว่าประเทศไทย ก็ต้องไปในแนวทางนั้นล่ะ กระจายอำนาจออก ใช้นโยบายแนวสังคมนิยมมากขึ้น ที่สำคัญต้องทำระบบเศรษฐกิจสมดุลอย่างที่สุด หากไม่ใช่แนวนี้ ผมแทบมองไม่เห็นโอกาสที่จะยุติวิกฤติการเมืองได้เลย
รัฐสวัสดิการไม่ทัดเทียมกัน ในเมื่อผู้เสียภาษีและผู้ประกันตนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา (มนุษย์เงินเดือน) ถูกเอารัดเอาเปรียบสารพัด
ตราบใดที่เวลามีใครเอาของเอาเงินมาให้แล้วรู้สึกว่าเป็นบุญคุณต้องตอบแทน คงยากที่จะให้คะแนนจัดตั้งหมดไปจากเมืองไทย
ผมว่าวิธีการเอาตัวเข้าไปอุปถัมภ์ชุมชน จ่ายภาษีสังคม ทุกงาน งานบวช งานแต่งงาน งานศพ ช่วยฝากลูกเข้าเรียน ฝากญาติพี่น้องเข้าทำงาน ช่วยอำนวยความสำดวกในการลัดขั้นตอนเข้าถึงอำนาจรัฐต่างๆอย่างรวดเร็ว ออกหน้าเป็นเจ้าถิ่นคุ้มครองความปลอดภัยให้ชุมชน ใช้อำนาจอิทธิพลออกไล่ล่าผู้ร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าตำรวจ จนกลายเป็นคนสำคัญที่ชุมชนขาดไม่ได้
มาจ่าย tax เหมือนกัน คุณจะได้รับ respect ทันทีครับ จริง ๆ ก็ respect อยู่แล้วนะ vote น่ะ แต่ไม่ respect พฤติกรรมการดูดเงินภาษีเข้ากระเป๋าตัวเองครับ