อ่านแล้วผมเข้าใจแบบนี้จริงๆ มันยาวมาก ผมจึงขอยกมาแค่บางส่วน ------------------------------------------------------------------------------------------ สู่ความไม่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี 24 กุมภาพันธ์ 2558 สิ่งที่ คสช. และองคาพยพของคณะรัฐประหารกำลังทำคือ การทำลายเครือข่ายทางการเมืองของทักษิณ ชินวัตร ความจริงทำแต่เพียงแค่นั้นคงไม่มีใครเดือดร้อนเท่าไหร่ นอกจากพวกทักษิณ ซึ่งบังเอิญว่ามีมากอยู่สักหน่อย แต่ปัญหาใหญ่กว่าคือ การทำลายเครือข่ายทักษิณยืนอยู่บนราคาของการทำลายหลักการบางประการของระบอบประชาธิปไตยด้วย การที่ คสช. และกลไกของคณะรัฐประหารได้กล่าวโทษและทำการลงโทษรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งถูกโค่นล้มไปเพราะการรัฐประหาร ด้วยเหตุซึ่งได้ดำเนินนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้ ไม่ว่าจะเป็นแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่แล้วก็ดี การรับจำนำข้าวก็ดี เป็นการทำลายหลักการเรื่องการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งลงอย่างสิ้นเชิง ความผิดพลาดในการดำเนินนโยบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกรัฐบาลทุกประเทศ แต่ความผิดพลาดทางนโยบายนั้นเป็นความผิดพลาดทางการเมือง ไม่ใช่ความรับผิดทางกฎหมาย ความรับผิดทางการเมืองเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เมื่อประชาชนเห็นว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายแล้วเกิดการผิดพลาด พวกเขาไม่ได้รับผลประโยชน์ตามที่รัฐบาลหรือพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลสัญญาไว้ พวกเขาก็ไม่เลือกพรรคนั้นอีกต่อไป นั่นคือเป็นการลงโทษทางการเมือง หากแม้ว่าเกิดความผิดพลาดขนาดทำให้ระบบเศรษฐกิจเสียหาย ความรับผิดก็มีเพียงแต่ไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาอีก ไม่มีใครต้องเอาทรัพย์ส่วนตัวมาชดใช้ความเสียหายนั้นหรือต้องติดคุกติดตะรางเพราะดำเนินโยบายผิดพลาด http://tcijthai.com/tcijthainews/view.php?ids=5414
แถสด แถไฟไหม้ น้ำร้อนลวก โลกสวยไปมั้ง ผมไม่ค่อยเห็นการสั่งสอนนักการเมืองนะ นอกจากกรณีเลือกตั้งซ่อม ทำผิดแล้วไง (ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง)แก้ตัวแทนเขา(นักการเมืองที่เลือก)ตลอด ไม่เข็ดไม่จำก็มี
ข้อสรุปตรงท้ายสุด มันก็แปลกๆ ตกลงเขาด่าใคร เพราะถ้าเอาคำว่า"ชนชั้นสูง"ออกแล้วใส่"ทักษิณ" เข้าไปแทน จะลงตัวพอดี ---------------------------------------------------------------------------------------------- การเลือกตั้งจะไม่มีความหมายอะไร เพราะมันจะเป็นแค่พิธีกรรมเพื่อรับรองให้"เครือข่ายชนชั้นสูง"เท่านั้นได้ปกครองประเทศโดยชอบธรรมหรืออ้างกับต่างชาติว่าเป็นประชาธิปไตยแล้วเท่านั้น ประชาชนจะต้องจริงจังกับการเลือกตั้งทำไม ในเมื่อเลือกใครไปก็เหมือนๆ กัน สิ่งที่ประชาชนควรจะสนใจในการเลือกตั้งต่อไปนี้คือ ใครจ่ายแพงกว่า ก็เลือกคนนั้น
ความผิดพลาดในการดำเนินนโยบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกรัฐบาลทุกประเทศ แต่ความผิดพลาดทางนโยบายนั้นเป็นความผิดพลาดทางการเมือง ไม่ใช่ความรับผิดทางกฎหมาย เป็นหลักการที่ถูกต้อง แต่ต้องครบถ้วนกว่านี้ เพราะคุณได้รับเลือกตั้งมาดำเนินนโยบาย ไม่ได้มาพร้อมสิทธิการคอรับชั่น ปล้นเงินประชาชน ซึ่งคอรับชั่นไม่เป็นความผิดพลาดทางการเมือง และบุคคลนั้นๆก็ต้องรับผิดทางกฏหมาย ครัชชชชชช
เปลี่ยนจาก เครือข่ายชนชั้นสูง มาเป็น นักการเมืองคอรัปชั่น ก็ได้เหมือนกัน แต่ประโยคสุดท้าย เหมือนสนับสนุนการซื้อเสียง จ่ายแพงกว่า ? แล้วจ่ายไปกับเรื่องอะไร ?
ขอเสริมเพิ่มเติม ในความคิดเห็นของผม เช่นรัฐบาลเลือกจำนำข้าวทุกเมล็ดตันละ ห้าหมื่นบาท เงินถึงชาวนาจริง ครบห้าหมื่น ไม่มีข้าวเวียนเทียน ไม่มีจีทูจีเก๊ ใช้เงินไม่เกินกว่าที่ขอสภา หน่วยงานแจ้งเตือนเรื่องทุจริต ท่านใส่ใจเข้าไปดูแล เจอผิดจับจริงเข้าคุกจริง แต่เผอิญไม่เจอผิด ทุกอย่างโปร่งใส ประเทศชาติเจ๊งไปล้้านล้านบาท ถ้าอย่างนี้ ตามความคิดเห็นส่วนตัวของผม อย่างนี้ผมจะถือว่าเป็น ความผิดพลาดในการดำเนินนโยบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกรัฐบาลทุกประเทศ และความผิดพลาดทางนโยบายนั้นเป็นความผิดพลาดทางการเมือง ไม่ใช่ความรับผิดทางกฎหมาย เพราะท่านดำเนินการโปร่งใส ถูกต้อง ตามนโยบายของท่าน เพราะประชาชนส่วนมากไปเลือกท่าน โดยไม่สนใจยาพิษที่เคลือบไว้ในนโยบายของท่าน
มันพล่ามอะไรของมัน ไม่มีใครต้องรับผิด "ไม่มีใครต้องเอาทรัพย์ส่วนตัวมาชดใช้ความเสียหายนั้นหรือ ต้องติดคุกติดตะรางเพราะดำเนินโยบายผิดพลาด" ฟิลิปปินส์ มาร์กอสก็โดน ไทยมีให้เห็นแต่ทำลืม ย้อนรอยให้ฟัง เฉพาะในเมืองไทยก่อนนะ ย้อนรอยคดียึดทรัพย์ "นักการเมือง" ร่ำรวยผิดปกติ 1. ยึดทรัพย์จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ การยึดทรัพย์ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกฯ อาศัยมาตรา 17ของรัฐธรรมนูญการปกครองแห่งราชอาณาจักร พ.ศ 2507 โดยนายกรัฐมนตรีจอมพลถนอม กิตติขจร ในขณะนั้น มีคำสั่งให้ทรัพย์สินกองมรดกของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินในกองมรดกของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ให้ตกเป็นของรัฐ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยอ้างเหตุผลในการยึดทรัพย์ว่า โดยปรากฏชัดเจนปราศจากข้อสงสัยว่า จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขณะยังมีชีวิตอยู่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางราชการโดยมิชอบกระทำการเบียดบังและยักยอกทรัพย์ของรัฐไปหลายครั้งมีจำนวนมากถึง 604,551,276.62 บาท การกระทำดังกล่าวนี้มีผลเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักร จอมพลถนอม กิตติขจร 2. ยึดทรัพย์จอมพลถนอม กิตติขจร กับพวก การยึดทรัพย์จอมพลถนอมกับพวกคือ จอมพลประภาส จารุเสถียร และพันเอกณรงค์ กิตติขจร เกิดขึ้นหลังจากถูกนักศึกษาประชาชนขับไล่ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งแรงกดดันของสังคมในตอนนั้นทำให้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 17 ยึดทรัพย์สินของจอมพลถนอมและพวก รวมมูลค่า 400 กว่าล้านบาท ในปี 2517 แม้ว่าฝ่ายจอมพลถนอม จะต่อสู้เพื่อขอทรัพย์สินคืนโดยการฟ้องศาลแต่ก็ไม่สำเร็จ 3. ยึดทรัพย์พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ กับพวก ที่เป็นรัฐมนตรีรวม 10 คน หลังถูกยึดอำนาจเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 คณะผู้รักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อทำการอายัดทรัพย์และตรวจสอบทรัพย์สินของนักการเมืองที่เข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งในที่สุดมีคำสั่งยึดทรัพย์รวมมูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท โดยทั้ง 10 คน ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล และศาลฎีกาตัดสินว่า คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินไม่มีอำนาจยึดทรัพย์ จึงได้ทรัพย์สินคืนไป ไม่โดนยึด 4. คดีพลเอกชำนาญ นิลวิเศษ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในวงราชการ (ป.ป.ป.) ตรวจพบว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ 6,624,425.22 บาท ภรรยา 54,469,575.01 บาท และบุตรชาย 10 ล้านบาท นอกจากนั้นยังปรากฏหลักฐานว่ามีทรัพย์สินของบุตรสาว เครือญาติและผู้ใต้บังคับบัญชาอีกประมาณ 143 ล้านบาท ศาลฎีกาตัดสินเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2539 ยึดทรัพย์ 69.1 ล้านบาท นายเมธี บริสุทธิ์ 5. คดีนายเมธี บริสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ถูกร้องเรียนว่า ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์จากการจัดซื้อแท่นพิมพ์ ทุจริตในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ป.ป.วินิจฉัยว่าทรัพย์สินร่ำรวยผิดปกติ 16,826,077 บาท ศาลชั้นต้นยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยึดทรัพย์ 12 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ 6. คดีนายสมภพ อุณหวัฒน์ นายช่างโยธาระดับ 9 กรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทย ร่ำรวยผิดปกติ 80 ล้านบาท ป.ป.ป.ชี้มูลว่าร่ำรวยผิดปกติ ประกอบด้วยที่ดิน รถยนต์ฮอนด้า รถยนต์โตโยต้า โคโรน่า หุ้น และเงินฝากธนาคาร วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547 ศาลแพ่งพิพากษาให้นายสมภพโอนทรัพย์สินจำนวน 73,525,436.09 บาท ให้กระทรวงการคลัง 7. คดีนายธีระชัย ชัยสุนทรโยธิน อดีตเจ้าหน้าที่บริหารงานพัสดุ 6 สำนักงานชลประทานที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช ป.ป.ป.มีมติยึดทรัพย์ 2,064,000 บาท คดีนี้ศาลชั้นต้นยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยึดทรัพย์สินและคดีถึงที่สุด 8. คดีนายสุวิทย์ ลอยใหม่ ข้าราชการซี 3 องค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ ป.ป.ป.ชี้มูลว่านายสุวิทย์มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ 1.7 ล้านบาท ศาลชั้นต้นพิพากษายึดทรัพย์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2543 คดีสิ้นสุดในชั้นอุทธรณ์ นายรักเกียรติ สุขธนะ 9. คดีนายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ป.ป.ช.มีมติยึดทรัพย์ 233.8 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 30 กันยายน 2546 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน น่าสังเกตว่าในยุคหลัง ๆ ที่เจ้าหน้าที่รัฐถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ โดยใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 หรือกฎหมาย ป.ป.ช. และข้อมูลการเสียภาษีเงินได้ที่ยื่นต่อกรมสรรพากรเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบ "ที่มาที่ไป" ของทรัพย์สิน ซึ่งเมื่อถึงที่สุดแล้ว จะถูกยึดทรัพย์ทุกราย จะเห็นได้ว่ามูลค่าสินทรัพย์ของนักการเมืองที่ถูกยึดในอดีต เทียบไม่ได้กับทรัพย์สินจำนวนกว่า 7.6 หมื่นล้านบาท ในคดีที่อัยการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้พิพากษายึดทรัพย์ดังกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นของแผ่นดิน...ถึงแม้จะปรับค่าให้เป็นมูลค่าในปัจจุบันแล้วก็ตาม ข้อมูลจาก คมชัดลึก Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2553 Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2553 23:08:03 น. ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=noolin&month=02-2010&date=27&group=7&gblog=211
มีแต่พวกโหนคสช.โหน14ตุลา ถ้าไม่แดงก็อยากดัง สร้างภาพให้ทหารเลว แล้วตัวเองเขียนด่าต่อต้านจะได้ดูดี สร้างชื่อเร็ว ไม่เห็นพูดมั้งละว่าถ้าไม่มีทหารเข้ามาช่วยต้องมีคนตายด้วยประชาธิปไตยจอมปลอมอีกกี่คน แล้วเขาดำเนินคดีอดีตนายกที่ผิดจริงมันไม่ถูกตรงไหน ปล.อาจฟังดูโฉด แต่บางครั้งในหัวก็อยากให้นายกเหี้ยมเหมือนกัน รำคาญพวกกากแบบนี้จริงๆ
นโยบายนี้ผมว่าคนคิดปัญญาอ่อน มักง่าย เห็นแก่ตัว ทำได้ทุกอย่างเพื่อเข้าสู่อำนาจ แค่หมื่นห้าก็รู้ล่วงหน้าได้ว่าเจ๊งแน่ ถ้าห้าหมื่น ยิ่งปัญญาอ่อนหนักกว่านี้อีก
ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพครัชชชช 55555 แต่คุณเชื่อมั๊ย ถ้ามีคนบ้าพรรคการเมืองบ้าออกนโยบายนี้ คะแนนเสียงจะได้ถล่มทลาย เป็นรัฐบาล
คงเป็นแบบที่คุณว่า และมีทางเป็นไปได้ด้วย(แต่อาจจะออกมาแนวอื่น) เพราะนักการเมืองที่เห็นแก่ตัว มันไม่สนใจอนาคตของประเทศหรอก เมื่อได้อำนาจแล้ว มันจะตุนเสบียงใว้เลี้ยงชีพได้อีกหลายชั่วโคตร
อีกตัวอย่างของการเขียนวิเคราะห์ แบบ บ้าๆบอๆ --------------------------------------------------------------------------- บทวิเคราะห์ : กำจัดระบอบทักษิณ (จริงหรือ) สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี 25 พฤษภาคม 2557 สิ่งที่กองทัพตัดสินใจดำเนินการเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม คือสิ่งที่บรรดาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเรียกร้อง คาดหวัง และรอคอยมาตั้งแต่พากันก่อหวอดต่อต้านรัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โน่นแล้ว ซึ่งนั่นทำให้กองทัพกลายเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองแทนที่จะเป็นตัวกลางทางการเมืองที่ซื่อสัตย์เหมือนดังที่เฝ้าบอกใครต่อใคร (ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าวาทกรรมนี้หลอกใครก็ไม่ได้ อย่างมากก็หลอกตัวเองแต่ก็ยังฝืนใจพูดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน) สิ่งที่กองทัพทำคือการช่วยพรรคประชาปัตย์กำจัดศัตรู่คู่อาฆาตทางการเมืองของเขาแค่นั้น https://thaiaudio.wordpress.com/2014/05/26/สุภลักษณ์-กาญจนขุนดี-กำ/
ไอ้พวกที่ชอบอ้างว่า ถ้ารัฐบาลทำไม่ดี โกง หรือทำไม่ได้ตามที่หาเสียง คราวหน้า ชาวบ้านก็ไม่ไปเลือกอีก ชาวบ้านฉลาด รู้ดีหมด ถามว่า ไอ้พวกที่ไปนั่งไหว้สัตว์ผิดปกติ ต้นไม้ผิดปกติ เพื่อขอหวย แล้วมันซื้อหวยไม่ถูก ไปเจอสัตว์ออกลูกผิดปกติ ต้นไม้ผิดปกติอีก มันจะไปนั่งขอหวยอีกมั้ย เชื่อได้เลย มันก็ไปนั่งขอหวยอีกนั่นแหละ
พวกนี้เขาจะมีข้ออ้างปลอบใจตัวเองอะครับ "งวดนี้ยังโชคไม่ดีเลยไม่เห็นตัวเลขเจ๋งๆ งวดหน้าเอาใหม่" สรุปแล้ว ต้องไปดูทุกครั้ง
ไอ้พวกร่านฯไม่ว่าจะผมดำผมหงอกมันน่าจะตาบอดไปข้างนึงทุกคนเลยนะ เวลาพูดอะไรมันเลยชอบพูดไม่หมด จำนำข้าวมันเสียหายขนาดนั้นเพราะว่ารัฐบาลเสือกไปทำสัญญาจีทูจีเก๊ กับไข่ของไอ้แม้วที่ชื่อเสี่ยงเปี๋ยงไม่ใช่เหรอ อันนี้นโยบายผิดพลาด หรือทุจริตคอรัปชั่นครับ แล้วนโยบายรัฐบาลที่ว่าให้เอาข้าวไปวางบนโครงเหล็กตบตาว่ามีข้าวเต็มโกดังเนี่ยมันประกาศตอนไหนวะ
เอาอะไรมากกับคนพวกนี้ครับ... เผย 118 ชื่อรณรงค์แก้ ม.112 “ชาญวิทย์” นำขบวน - “ปราบดา-นิธิ” ร่วมวง http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000007103 ... 51.นายสุภลักษณ์ กาญจนขุนดี ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น
รู้สึกเหมือนกลิ่นเตรียมเลือกตั้งมันโชยๆมา หรือกลิ่นเตรียมสร้างกระแสกดดันศาลเรื่องคดีจำนำข้าว ปฎิบัติการทางจิตวิทยา สร้างกระแส บนหน้าหนังสือพิมพ์
ประชาธิปไตยประเทศไหนกัน ที่เขาเรียก การทุจริต ว่า เป็นการดำเนินนโยบายผิดพลาด ถ้าเป็นแบบนี้ สำนักข่าวเนชั่น ต้องระวังไอ้หมอนี่ ดำเนินนโยบายผิดพลาดนะ
ถ้าอ่านจากการวิเคราะห์ ทั้งสองครั้งที่ผมได้ลงลิงค์แนบไว้ คนนี้วิเคราะห์แบบ ตั้งใจบิดเบือนประเด็น ตั้งใจหลอกคนอ่านด้วยการเขียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงบางส่วน เช่น ***จำเป็นต้องทำตามนโยบายที่หาเสียงใว้ แต่ไม่บอกว่าทำไปแล้วหลายฝ่ายทักท้วง ว่ามีการทุจริตได้หลายขั้นตอนนะ คนทักท้วงมีทั้งคนกันเอง องค์กรอิสระ เจ้าหน้าที่รัฐ ฯลฯ แต่มันไม่สน เดินหน้าลูกเดียว จนเจ๊งตามที่เขาเตือน ***ก่อนมีคสช. คนไทยหลายคนโดนฆ่าโดยจับใครไม่ได้เลย และจะมีการปลุกระดมให้คนไทยยกพวกฆ่ากันเอง เหตุการณ์มีแต่จะรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลและตำรวจ กลับเมินเฉย เหมือนหนุนข้างหนึ่งให้ฆ่าอีกข้างหนึ่ง คนแบบนี้ไม่มีจรรยาบรรณของผู้สื่อข่าว อาชีพที่เหมาะสมคือ"เป็นขี้ข้า"
นักข่าวพวกนี้เป็นเสือหิวนะครับ ไม่ต้องรับผิดชอบ เนื้อความข่าวที่จะส่งผลกระทบในต้านร้ายต่อสังคม ถามว่าทำไม ??? ก็แค่เป็นเครือข่ายหนึ่ง ของระบอบทุนสามานย์ ที่พยามเกาะ ตัวเด่นๆไว้ และรับใช้เป็นขี้ข้าเศษเงิน โชว์พลัง ความคิดเห็น ว่าภักดีต่อนาย เหมือนสุนัขเห่ากรรโชก ลมแล้ง เพื่อหวังเอาใจนาย หวังจะได้กระดูกสักชิ้น เพื่อนำเงิน มาหล่อเลี้ยงชีวิต และครอบครัว
อ่านข้อเขียนของพ่อนักข่าวคนนี้แล้วเชื่อว่าแกเป็นสาวกที่แนบแน่นของนาย Harry Truman ออีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเจ้าของประโยคดัง "If you can't convince them, confuse them" ถ้าเอ็งโน้มน้าวให้มันเชื่อไม่สำเร็จก็ทำให้มันงงซะ
ส่วนเรื่องจำนำข้าว เทียบง่ายๆ ภาษาชาวบ้าน ยิ่งลักษณ์ เป็นคนขับรถ ผู้โดยสารก็บอก "เว้ยๆๆๆเฮ้ยๆๆๆรถมันจะตกคลองแล้ว เหยียบเบรคหน่อย" แต่สิ่งที่ยิ่งลักษณ์ทำกลับเป็นตรงกันข้าม เหยียบคันเร่งจนมิด ทั้งๆ ที่รู้ว่ารถมันจะตกน้ำ แล้วความเสียหายที่เกิดขึ้น ใครจะรับผิดชอบ โทษก็มีหลายระดับ ทำไมถึงต้องบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เช่นจงใจ ละเลย หรือเพิกเฉย หน้าที่ในการดำรงตำแหน่ง ก็เพื่อไม่ให้เกิดความเสียแก่รัฐ และประชาชนส่วนรวม เมื่อมีหน้าที่ รักษา สงวนไว้ซึ่งผลประโยชน์ของรัฐ กลับจงใจ ละเลย เพิกเฉย ปล่อยให้เสียหาย ก็ต้องรับผิดชอบ จะอ้างหลักการประชาธิปไตย โดยลืม หรือพูด ไม่หมดในเรื่องกฎหมาย งั้นก็พากันไปปล้นเถอะครับ !!!!!
หลักประชาธิปไตย ไม่ใช่สิ่งที่ สำคัญ ที่สุด ... ถ้ามันถูกทำลายไปได้พร้อมกับเครือข่ายจอมมาร ก็ย่อมเป็นผลดี ต่อชาติบ้านเมือง หลังจากนั้น เรากลับมาสร้างหลักประชาธิปไตยกันใหม่ ก็ยังไม่สายไป
นโยบายจำนำข้าวไม่ใช่นโยบายที่ดำเนินผิดพลาดน๊ะ มันเป็นนโยบายที่ชิบหายเห็น ๆ แต่ก็ดันทุรังเดินต่อ ถ้าไม่ต้องรับผิดชอบ อีกหน่อยก็คงออกนโยบายบ้า ๆ บอ ๆ มาหาเสียง เอาคะแนน ประเทศชาติชิบหายก็ไม่ใช่เงินของมัน ไม่ต้องรับผิดชอบ
ขอแสดงความเห็น จะจำนำข้าวหมื่นห้า จะแจกเงินสองพัน จะประกันราคาข้าว รถเมล์รถไฟฟรี อุดหนุนก๊าซ น้ำมันดีเซล ฯลฯ ทั้งหมดเป็นนโยบาย ในมุมของผมนะครับ ทั้งหมดใช้เงินเหมือนกัน รัฐบาลแบกรับเหมือนกัน เจ๊งเหมือนกัน มากน้อยต่างกัน เพียงแต่นโยบายจำนำข้าวทุกเมล็ดเกินราคาตลาดคิดโดยคนโง่บ้าที่คิดจะโกงหาคะแนนเสียง ที่พยายามฝืนราคาตลาด (ผมคิดว่าเอาเงินส่วนต่างจากราคาตลาดมาซื้อเสียงโดยตัวเองไม่ต้องควักเงิน). เลยกลายเป็นการรับซื้อทั้งหมด และยิ่งคอรัปชั่นอีก ความเสียหายเลยมาก สมมุติว่า ถ้าขายข้าวได้หมดตันละหมื่นสาม ไม่มีคอรัปชั่น โปร่งใส ขาดทุนสองพันต่อตัน ความเสียอาจไม่มากเท่านี้ เราอาจจะยอมรับกันได้ เพราะประชาชนได้ประโยชน์ ประเด็นที่เราน่าจะต้องพูดกัน. คือ จะป้องกันการมีนโยบายบ้าๆแบบนี้ยังไง นโยบายที่สร้างความเสียหายทางด้านเงิน และเต็มไปด้วยช่องทางคอรัปชั่น เพราะบางนโยบายสร้างความเสียหายทางด้านการเงิน (แต่ยอมรับได้) โปร่งใสและประชาชนได้ประโยชน์ ยังไงที่ยอมรับได้ ยังไงที่ป้องกันพวกคนโง่บ้าที่คิดจะโกงหาคะแนนเสียงโกงเงินรัฐจากการออกนโยบายเลวๆมาหากินแบบนี้อีก พวกโลกสวยก็จะบอกว่า คราวหน้าเขาก็ไม่เลือก เพราะนโยบายไม่ดี
ผมว่ามันผิดตั้งแต่ชื่อโครงการแล้วครับ"จำนำข้าวทุกเมล็ด" เพราะถ้าจำนำข้าว มันต้องมีการกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนคืน เข้าข่ายโกหกลวงนะเนี่ย
.... ผิดแค่ ครึ่งเดววว ครัช ..เพราะว่า ...เขาไม่ได้บอกไว้นิ ให้มา จำนำแล้ว.. กลับมาไถ่ถอนด้วย.. ..หากลองไล่บี้ อาจจะได้ คำตอบ.. ประมาณนี้.. ครัช
ถูกต้องครับ แต่ในเมื่อคนเลือก(ประชาชน) เขาก็ยังไปเลือกอีก ผมก็ไม่รู้จะทำไง ประชาธิปไตยเป็นระบบที่ดี แต่ผู้มีสิทธิมีเสียงไม่พร้อมที่จะแยกแยะ ไม่พร้อมที่จะเสียสละทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ประชาธิปไตยอาจจะกลายเป็นระบบที่เลวร้ายที่สุดในโลก
ปู จิตกร บุษบา 9 hrs · ความบ้าบอของประเทศนี้ คือหมกมุ่นว่า ถ้ามาจากการเลือกตั้งแล้วดี สะอาด สง่า พูดถึงตรงนี้ หน้าไอ้จ่าประสิทธิ์ลอยมา แทบอ้วก!!!