หลักกฎหมายเป็นของตาย แต่คนเป็นสิ่งมีชีวิต ที่กฎหมายใดๆก็ไม่มีทางครอบคลุมพฤติกรรมได้หมด แต่ทุกศาลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ต้องตัดสินและลงโทษไปตามตัวบทบัญญัติของกฎหมาย บางคดี ถ้าใช้หลักกฎหมายอันตายตัวมาตัดสิน ***ลงโทษรุนแรงเกินไป ไม่เหมาะกับหลักมนุษย์ธรรม ***ลงโทษน้อยไปหรืออาจจะไม่โดนลงโทษเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ความฝันนี้เพ้อเจ้อหรือปล่าวอะครับ
คนที่มีคุณธรรมในประเทศเรา มีเยอะแยะแน่นอนครับ.....แต่ ****จะให้ใครหรือกลุ่มไหน เป็นผู้สรรหา ****สรรหาอย่างไร จึงเป็นที่ยอมรับ(การกำหนดคุณสมบัติ) ****คนมีคุณธรรม มักชอบสันโดษ ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวเรื่องคนอื่น ****ฯลฯ ผมเลยแค่ฝัน พลางๆก่อน
ในความเห็นผมคุณธรรมเป็น มโนสำนึก การจะตัดสินนั้นยากที่จะชี้ชัด แต่ไม่ใช่จะไม่เคยเกิดขึ้น อย่างเมื่อครั้งชุมนุม กปปส มโนสำนึก มิได้เกิดกับชนชั้นปกครอง แต่สิ่งเหล่านี้เกิดในจิตใจทุกคน จึงเกิดการรวมตัวเป็นมวลมหาประชาชนในการพิพากษาชนชั้นปกครอง จนสุดท้ายต้องพ่ายกับ ความหลงระเริงของตนเอง ในทุกวันนี้แม้ว่าฝ่าย ชนชั้นนำเหล่านั้นใช้กลอุบายจนสามารถชนะ การเลือกตั้งได้ ก็ใช่ว่าจะกระทำการได้โดยง่ายดังแต่ก่อน การพยายามให้มีองค์กรณ์ทางการจัดตั้งขึ้นมา ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ แต่การทำให้ผู้ที่มีคุณธรรมได้ปกครองคนไม่ดี ไม่ให้สามารถสร้างความเดือดร้อน ดังพระราชดำรัส ล้นเกล้ารัชกาลปัจจุบันต่างหากทำอย่างไรให้ผู้ปกครองสำเหนียกว่าตนคือผู้รับใช้ประชาชน
เอางี้ม่ะ หากศาลคุณธรรมต้องการแย้งศาลปกติ ให้ลดโทษ ละเว้นโทษใดๆ หรือให้ศาลปกติทบทวนการตัดสินใดๆ ก็ตามแต่ ให้รับรองด้วยเสียงประชาชน กี่หมื่นรายชื่อก็ว่าไป หรือรับรองด้วยเสียงของสภาร่วม สส. สว. โดยใช้เสียง 3/4 ขึ้นไป..... จะได้ไม่มีดราม่า เรื่องการถกเถียงกันด้านหลักจริยธรรม
ยังไม่รูปแบบใดๆ ที่ชัดเจนหรอกครับ เพียงแต่เห็นว่า บางคดี การตัดสินมันออกมาไม่สมเหตุสมผล แต่ก็เข้าใจว่ากฎหมายมันเป็นแบบนั้น เลยคิดว่าน่าจะมีที่พึ่งในรูปแบบใหม่ ที่ไม่ยึดกฎหมายเป็นตัวหลัก แต่ยึดหลักคุณธรรม นิติธรรมในการตัดสิน แต่บทลงโทษนั้นผมคิดไว้ชัดเจน คือเป็นได้ทั้งปล่อยตัวจำเลยเป็นอิสระ จนถึงหนักสุด ประหารชีวิต
ถ้าไม่ใช้ระบบที่ยึดโยงประชาชนแบบลูกขุน แล้วใครจะนิยามคำว่าคุณธรรม? บางทีถูกใจมันก็ไม่ถูกต้อง ถ้ายังไม่มั่นใจคุณภาพประชาชนให้เลือกตั้งศาล เลือกลูกขุนมาตัดสิน ผมว่าระบบเดิมของเราก็ปลอดภัยดีนะ ขอแต่ว่าคดีความ3ศาลไม่เกินปี สองปีได้มั๊ย
กฎหมายเกิดขึ้นมาโดยน้ำมือของคน เพื่อปกครองคนในสังคมนั้นๆ หลักกฏหมายจึงไม่มีวันตาย สามารถเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมได้ จะให้สังคมสงบและกฏหมายศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่คนบังคับใช้ และคนในสังคมนั้นๆ ก็ต้องยกตัวอย่างในยุโรป ทำไมถึงไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับกฏหมายและศาล เพราะโทษเขาแรง เอาจริง คนในสังคมให้ความเคารพและร่วมมือ ผู้ถือกฏหมายไปใช้ ต้องใช้อย่างเที่ยงธรรมและตรงๆ ไม่อย่างนั้นจะย้อนเข้าตัวเอง
เอาตามจริง คุณธรรมของประชาชน ก็เป็นเรื่องของประชาชนครับ รัฐไม่เกี่ยว และคุณธรรมก็ค่อนข้างจะเป็นอัตวิสัยและไม่ได้เป็นขาว-ดำ ดังนั้นจะให้ตัดสินในรูปแบบศาลที่ชี้ขาดถูกผิดคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ครับ
ยกตัวอย่างคดีที่ตัดสินตามตัวบทกฎหมาย ------------------------------------------------------- เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ห้องพิจารณาคดี 913 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในคดีทำร้ายร่างกาย ที่พนักงานอัยการคดีอาญาเป็นโจทก์และ นายสุวิทย์ อาชวุฒิกุลวงศ์ โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นางสาวบุญเรือง หรือ น้อย โคตะสาร อายุ 36 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2550 สรุปความผิดว่า เมื่อระหว่างวันที่ 18-20 มี.ค. 50 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยซึ่งรับจ้างเลี้ยง เด็กชายมิ้ง อาชวุฒิกุลวงศ์ หรือ น้องเอ็มเจ อายุ 22 วัน บุตรชายของโจทก์ร่วม ได้ใช้กำลังประทุษร้ายร่างกาย เด็กชายมิ้ง ด้วยการจับศีรษะกระแทกกับของแข็งไม่ทราบชนิดและขนาด ทั้งใช้ของแข็งไม่ทราบชนิดและขนาดกระแทกกับศีรษะ เด็กชายมิ้ง หลายครั้ง ทำให้กระโหลกศีรษะส่วนหลังและส่วนข้างแตกทั้งสองข้าง เนื้อสมองบวมช้ำ เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองในโพรงเนื้อสมอง ได้รับอันตรายสาหัส นอกจากนี้จำเลยยังใช้กำปั้นกดขยี้ที่หลังของเด็กชายมิ้งอย่างแรงหลายครั้ง ทุบบริเวณหน้าอก หน้าท้อง และใช้ฝ่ามือขย้ำไปที่ขาทั้งสองข้างอย่างแรง จนเป็นเหตุให้ กระดูกซี่โครงทั้งสองข้างหักหลายซี่ เลือดออกในช่องอกมีอาการช้ำที่หน้าท้อง ข้อเข่า แข้งซ้ายเป็นหย่อมๆ ทำให้เด็กชายมิ้ง ไม่รู้สติและจำกัดในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20วัน โดยแพทย์ลงความเห็นว่าหากได้รับการรักษาไม่ทันท่วงทีหรือไม่ถูกต้อง อาจทำให้เสียชีวิตได้ และเมื่อสิ้นสุดการรักษาแล้ว เด็กชายมิ้ง อาจมีสภาพการชักเกร็ง เหตุเกิดที่แขวง/เขตบางซื่อ กทม. http://hilight.kapook.com/view/20859 ผมว่าคดีนี้ ผลของการกระทำ มันหนักกว่าฆ่าให้ตายซะอีก
ไม่ใช่สนับสนุนการค้ายาเสพติด แต่ยกตัวอย่าง การตัดสินโดยยึดกฎหมาย ---------------------------------------------------------------------- มียาบ้าเม็ดครึ่ง จำคุก 25 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ส.มีความผิดฐานนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกบทหนึ่ง ให้จำคุกตลอดชีวิต ปรับ 1,000,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 25 ปี และปรับ 500,000 บาท รวมกับโทษฐานเป็นคนไทยออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางที่กำหนดแล้ว จำคุก 25 ปี และปรับ 501,000 บาท ไม่รอการลงโทษ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า วัตถุประสงค์ของการตรา พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ เพื่อการปราบปรามและควบคุมยาเสพติดให้โทษ การที่ ส.เดินทางออกจากประเทศไทยไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเดินทางกลับประเทศไทยโดยนำยาบ้า 1.5 เม็ดเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือได้ว่าเป็นการนำเข้าตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ แล้ว ..........พิพากษายืน (ฎีกาที่ 9206/2555 หน้า 114 เล่ม 9) https://th-th.facebook.com/permalink.php?story_fbid=243734999153890&id=106750649518993