ยึดไม้พะยูงมูลค่า50ล้าน โกดังใหญ่ค้าไม้เถื่อนซุกใต้สระน้ำพันท่อนเลิกอายัดไม้ลูกเจ๊แดง ทหารบุกทลายแหล่งรับซื้อไม้พะยูงมูลค่าร่วม 50 ล้าน นำกำลังพลงมไม้พะยูงในสระน้ำ ได้ไม้พะยูง ไม้แปรรูปอีกเพียบ ตร.ออกหมายเรียกเจ้าของบ้านมาสอบสวน ขณะที่ ป.ป.ง.ขอข้อมูลจากพนักงานสอบสวน ฟันหนักฐานฟอกเงิน ทางด้าน “ลูกชายเจ๊แดง” โล่ง ทสจ.เจ้าของตราประทับยันไม้สักถูกต้องตามบัญชี เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 1 มิ.ย.57 พ.อ.สาธิต เกิดโภค รอง ผบ.ฉก.3 พร้อมนายไพโรจน์ อินทร์แก้ว นอภ.ภูสิงห์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะที่ 3 กองกำลังสุรนารี สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ อส.ภูสิงห์ ร่วม 30 นาย บุกตรวจยึดไม้พะยูง มูลค่าร่วม 50 ล้านบาท ที่บ้านของนางอมรรัชต์ พวงพันธ์อายุ 41 ปี บ้านตะแบง หมู่ 2 ต.ห้วยตึ๊กชู อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านรับซื้อไม้พะยูงจากทั่วสารทิศในพื้นที่อำเภอภูสิงห์ มีทั้งไม้เก่า ไม้ใหม่ เมื่อตรวจสอบบริเวณหลังบ้านพบไม้พะยูง เก่า ใหม่ จำนวนนับ 1,000 ท่อน มูลค่าการส่งออกไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท เก็บซุกซ่อนไว้ในโกดังเก็บไม้พะยูง จำนวน 3 หลัง โดยมีการอำพรางไม้ ด้วยการทำเป็นหลักรั้ว ให้แสดงถึงไม้เก่าในการหลอกตาเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังมีตาชั่งสำหรับการชั่งในการซื้อขาย โดยนางอมรรัชต์ อ้างได้ทำการซื้ออย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมนำเอกสารของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานกลางทะเบียนพาณิชย์ ใบทะเบียนพาณิชย์ ชนิดพาณิชย์ ออกอนุญาตให้รับซื้อไม้เก่าแสดงต่อเจ้าหน้าที่ทหาร ในเวลาต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้นำกำลังพลบุกตรวจยึดไม้พะยูงอีกแห่งหนึ่ง ที่อยู่ทางทิศตะวันตกบ้านโคกใหญ่ หมู่ 3 ต.ห้วยตึ๊กชู อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ห่างหมู่บ้าน 100 เมตร เป็นสระน้ำกว้าง 20 ยาว 35 เมตร ลึก 2.50 เมตร จากการขยายผลทราบว่า สระน้ำดังกล่าวเป็นสถานที่ซุกซ่อนไม้พะยูง จำนวนมากรอส่งนายทุน ทางเจ้าหน้าที่ทหารจึงได้ให้กำลังพลมุดดำน้ำงม ไม้พะยูง ได้ไม้พะยูงแปรรูปเป็นท่อนกลม ท่อนเหลี่ยม แถมพบไม้แปรรูปอื่น จำนวนมาก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการงมไม้ขึ้นจากสระน้ำร่วม 2-3 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ โดยมี นายประยุทธ เจริญธ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 3 บ้านโคกใหญ่ ต.ห้วยตึกชู อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รับเป็นเจ้าของไม้พะยูง โดยอ้างรับซื้อจากชาวบ้าน ในราคา กก.ละ 25-30 บาท เก็บรวบรวมไว้ขายต่อนายทุน กก.ละ 60-70 บาท ส่วนไม้แปรรูปที่อยู่ในสระน้ำเป็นของเครือญาติที่เตรียมนำสร้างบ้าน ที่นำมาแช่น้ำอ้างป้องกันปลวกกิน ภายหลังการตรวจยึดแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ตรวจวัดปริมาตรไม้และนำของกลางไปเก็บที่ ศก.4 ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ และนำเอกสารการจับกุมตรวจยึดส่งร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรภูสิงห์ ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ สภ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.อภิรัฐ คำหอม ผกก.สภ.ขุนหาญ กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.ขุนหาญ ได้ออกหมายเรียกตัวเจ้าของบ้านที่มีไม้พะยูงซุกซ่อนอยู่ จำนวน 11 ราย เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา โดยให้มาพบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ในวันที่ 4 มิ.ย.57 ในส่วนของไม้พะยูงที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดนั้น กำลังรอผลการตรวจสอบจำนวนไม้ และปริมาตรทั้งหมดว่ามีจำนวนเท่าไร เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการลงโทษผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ นอกจากนี้แล้วในช่วงเช้าของวันที่ 1 มิ.ย. ได้รับการประสานงานทางโทรศัพท์จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.ว่า ขอทราบข้อมูลการจับกุมไม้พะยูงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่ามีจำนวนเท่าไร มีผู้ต้องหากี่ราย ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้ทำการตรวจสอบว่า เข้าข้อกฎหมายของ ป.ป.ง.หรือไม่ และเป็นความผิดมูลฐานในการยึดทรัพย์ได้หรือไม่ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินอย่างเด็ดขาด ส่วนไม้พะยูงทั้งหมดขณะนี้ยังคงเก็บรักษาไว้ที่บริเวณสนามด้านหน้า สภ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เพื่อรอดำเนินการตามกฎหมายต่อไป วันเดียวกัน เวลา 10.30 น. ที่หมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้มีคณะเจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจสอบกองไม้สัก ที่กองอยู่ในที่ดินวางเปล่าของ ผศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และเป็นลูกชายของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ดินดังกล่าวอยู่ติดกับบ้านเลขที่ 275 หมู่บ้านกรีนวัลเลย์ ของนางเยาวภา นำโดย นายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผอ.สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในส่วนของกรมป่าไม้กับสำนัก ทสจ.ที่จังหวัดตาก ที่เป็นคนออกใบอนุญาตและทำบัญชีกองไม้สักดังกล่าว นำโดยนายบุญรักษ์ ฟักอ่อน เจ้าพนักงานชำนาญการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตาก (ทสจ.) นายบุญรักษ์ ฟักอ่อน เจ้าพนักงานชำนาญการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตาก (ทสจ.) กล่าวว่า ตนเป็นเจ้าของตราที่ประทับบนไม้ ซึ่งไม้กองดังกล่าวมีการขออนุญาตขอเคลื่อนย้ายไม้เรือนเก่า อายุเกินกว่า 5 ปี ตามหลักเกณฑ์เรียบร้อยถูกต้องทุกอย่าง โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วม 5 ฝ่าย ทหาร ป่าไม้ ที่ดิน ปกครองท้องถิ่น และ ทสจ. โดยมีนายอำเภอเป็นประธานพิจารณาร่วมตรวจสอบไม้ชุดนี้ก่อนที่จะมีการรื้อถอน ซึ่งได้มีการแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเรื่องบ้านหลังนี้ที่มีความประสงค์จะขอย้าย คุณสมบัติครบถ้วนถูกต้อง และมีการออกหนังสือกำกับ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายจากจังหวัดตากมายังเชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว “ได้เดินทางมายืนยันถึงที่นี่ว่า ไม้ดังกล่าวเป็นไม้ที่รื้อมาอย่างถูกต้องจากบ้านไม้เก่าจริง ตามทะเบียนถูกต้อง ไม่มีการสวม ดูได้จากสภาพตามที่เห็น เป็นสิ่งปลูกสร้างเก่า เช่นไม้ท่อนที่เป็นเสามาก่อนมีรอยบากชัดเจน และมีตราประทับครบถ้วนตรงตามจำนวนทุกประการ ซึ่งไม้ชุดนี้ได้รื้อมาจากบ้านเก่าของชาวกระเหรี่ยงที่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ที่มีอายุกว่า 10 ปี กระทั่งได้มีการรื้อและขนย้ายมายังบริเวณดังกล่าว ซึ่งหากไม่ถูกต้องตามกฎหมายคงไม่สามารถผ่านด่านตรวจจำนวนมากตามระยะทางระหว่างตาก มาจนถึงเชียงใหม่ได้แน่นอน” นายบุญรักษ์ กล่าว นายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผอ.สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) กล่าวว่า หากเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม้สักกองดังกล่าวเป็นชุดเดียวกันกับที่ได้มีการอนุญาตให้เคลื่อนย้ายถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง เจ้าหน้าที่จากต้นทางมายืนยันด้วยตัวเองสามารถชี้แจงได้ครบถ้วน ขั้นตอนต่อไปก็คงต้องถอนอายัดไม้กองดังกล่าว ส่วนวัตถุประสงค์ของเจ้าของที่จะดำเนินการอย่างไรกับไม้กองดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่แล้ว ทั้งนี้โดยระเบียบการขนย้ายไม้เข้ามาในพื้นที่จะต้องมีการแจ้งเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบ เมื่อไม่มีการแจ้งก่อนจึงเกิดปัญหาตามที่เห็น ซึ่งกรณีนี้ก็ไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ได้มีโทษอันใด อีกรายทหารตำรวจ สนธิกำลังใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก จู่โจมตรวจสอบโรงเลื่อยเถื่อน 2 แห่ง ชี้เป็นภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่มายาวนาน วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จังหวัดทหารบกน่าน นำโดย พล.ต.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดน่าน พ.อ.ชัชวาลย์ กุลกุศล รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดน่าน (ฝ่ายทหาร) พ.ต.อ.สมพงษ์ สวนคร้ามดี รอง ผบก.ภ.จว.น่าน พ.อ.เศรษฐพล เกตุเต็ม เสนาธิการ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จังหวัดทหารบกน่าน นายชนาธิป เสนแย้ม นายอำเภอภูเพียง และนายสุทัศน์ วงษ์ทับทิม ป้องกันภัยจังหวัดน่าน นำกำลังทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) เจ้าหน้าที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดน่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรภูเพียง 100 นาย เข้าตรวจสอบโรงงานไม้แปรรูปในพื้นที่ อ.ภูเพียง หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีกลุ่มผู้กระทำผิดตั้งโรงงานไม้แปรรูปและจำหน่ายผิดกฎหมายในพื้นที่ จากการตรวจค้นโรงงานทั้ง 2 แห่งพบไม้แปรรูปที่ไม่มีใบอนุญาตแปรรูป นอกจากนี้โรงงานดังกล่าวยังไม่มีใบขอนุญาติจัดตั้งโรงงาน ครอบครองเลื่อยโซ่พร้อมบาร์ และอุปกรณ์โดยผิดกฎหมาย มีไม้แปรรูปผิดกฎหมายในครอบครอง เจ้าหน้าที่ได้อายัดไม้แปรรูปดังกล่าวไว้เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไป เนื่องจากเบื้องต้นทราบว่าไม่ได้มีการขออนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้แต่อย่างใด โดยการตรวจสอบโรงงานไม้แปรรูปดังกล่าว เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามด้านความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งพบว่ามีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่ากันอย่างเปิดเผย โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง เจ้าหน้าที่จึงใช้อำนาจตามประกาศกฎอัยการศึกจู่โจมตรวจค้นดังกล่าว http://www.banmuang.co.th/oldweb/2014/06/ยึดไม้พะยูงมูลค่า50ล้าน/
ทหารค้นรีสอร์ทลูกชาย จารุพงศ์ อดีต มท.๑ พบสิ่งผิดกฎหมายอื้อ 23 พ.ค. 57 (17:13 น.) เปิดอ่าน 16,756 ความคิดเห็น2 พิมพ์หน้านี้ 0 ถูกแชร์ทั้งหมด แชร์เรื่องนี้ 0ทวีตเรื่องนี้ 0 ทหารค้นรีสอร์ทลูกชาย จารุพงศ์ อดีต มท.๑ พบสิ่งผิดกฎหมายอื้อ วันนี้(23 พ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.50 น. พ.อ.สุจินต์ ทรัพย์สิน ผบ. ร.๗ พัน ๕ ร่วมกับ พ.ต.อ. วรพล พลมณี ผกก.สภ.ปาย จว. มส. ร้อย ร. ๗๒๑ ฉก.ร.๗ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าตรวจค้นรีเวอร์ร๊อค รีสอร์ท เลขที่ ๑๒๓ ม.๕ ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จว. มส. ซึ่งรีสอร์ทดังกล่าวมี นายวารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เป็นเจ้าของ และยังเป็นบุตรชายของ นาย จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย ทั้งนี้หลังจากการตรวจค้นทางเจ้าหน้าที่ได้พบแหล่งแปรรูปไม้เถื่อน ไม้สักท่อน สัตว์ป่าสงวนและอาวุธสงคราม อีกหลายรายการ
ศาลฎีกาพิพากษา "เก่ง การุณ" หมิ่น "สมเกียรติ" คุก 12 เดือน-ปรับ 4 หมื่น รอลงอาญา 26 มี.ค. 58 (11:14 น.) เปิดอ่าน 10,019 ความคิดเห็น0 พิมพ์หน้านี้ 6,155 ถูกแชร์ทั้งหมด แชร์เรื่องนี้ 6.1 kทวีตเรื่องนี้ 0 ศาลฎีกาพิพากษา "เก่ง การุณ" หมิ่น "สมเกียรติ" คุก 12 เดือน-ปรับ 4 หมื่น รอลงอาญา สนับสนุนเนื้อหา ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก นายการุณ โหสกุล หรือ เก่ง อดีต ส.ส.ดอนเมือง พรรคเพื่อไทย จำเลย ในคดีที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายการุณ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา นายการุณ โหสกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย เดินทางมายังศาลอาญารัชดา เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีวันที่ 3 เมษายน 2551 นายการุณ จำเลยให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทโจทก์ต่อบุคคลที่ 3 ว่าโจทก์ใช้ถ้อยคำหยาบคาย หลังเกิดเหตุการณ์ใช้กำลังทำร้ายร่างกายกันที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุกนายการุณ 12 เดือน และปรับ 40,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี และให้ลงโฆษณาคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์รายวัน 3 ฉบับ ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการให้สัมภาษณ์ของนายการุณ เป็นทำนองแก้ตัวว่าไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่โจทก์กล่าวโทษ เป็นการกระทำโดยเจตนาให้บุคคลที่สามเกลียดชังโจทก์ บิดเบือนและใส่ความไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำคุก 12 เดือน ปรับ 40,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี และให้ลงโฆษณาคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์รายวัน 3 ฉบับ เป็นเวลา 3 วัน โดยภายหลังนายการุณ ระบุว่า ขอขอบคุณศาลที่เมตตา และจะกระทำตามตำพิพากษาของศาล ส่วนการกระทบกระทั่งกันระหว่างตัวเองกับนายสมเกียรติ ก็เป็นเรื่องปกติ เหมือนลิ้นกับฟัน ที่ผ่านมาก็ขอให้ผ่านไป และเวลาพบกับนายสมเกียรติ ก็ทักทายกันปกติ และคดีความก็ถือว่าจบแล้ว http://news.sanook.com/1769877/
ทหารรวบ 23 คนร้ายเตรียมก่อเหตุ สารภาพ "แกนนำแดงสั่งการ" 24 พ.ค. 57 (13:07 น.) เปิดอ่าน 135,325 ความคิดเห็น0 พิมพ์หน้านี้ 0 ถูกแชร์ทั้งหมด แชร์เรื่องนี้ 0ทวีตเรื่องนี้ 0 ทหารรวบ 23 คนร้ายเตรียมก่อเหตุ สารภาพ "แกนนำแดงสั่งการ" เจ้าหน้าที่ทหาร บุกค้น อพาร์ตเมนต์กลางเมืองขอนแก่น รวบ 23 อพปช. ยึดอาวุธอื้อ พร้อมจับตา 4 จังหวัดหลักภาคอีสาน หวั่นก่อการร้าย พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พล.ต.ศักดา เปรุนาวิน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 เข้าทำการตรวจสอบปากคำกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือ อพปช. ซึ่งถูกชุดเฉพาะกิจ ร.8 สนธิกำลัง สภ.เมืองขอนแก่น เข้าทำการตรวจค้นชลพฤกษ์ อพาร์ตเมนต์ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เข้าทำการตรวจค้นจับกุมตัวได้ขณะมาประชุมกันเพื่อเตรียมวางแผนก่อเหตุร้ายในเขต จ.ขอนแก่น พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง ระบุ กำลังทหารและตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้เข้าทำการตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีและข้อมูลทางการข่าวทหารว่ากลุ่ม อพปช.มีการนัดชุมนุมและประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนเตรียมก่อเหตุร้ายในเขต จ.ขอนแก่น และหลายจังหวัดของภาคอีสาน โดยในระหว่างการตรวจค้นตามหลักยุทธวิธีพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 23 จึงได้ทำการควบคุมตัวพร้อมของกลางประกอบด้วยลูกระเบิดขว้าง 3 ลูก ระเบิดควัน 1 ลูก กระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. 202 นัด 11 ม.ม. 154 นัด ถังแก๊ส 2 ใบ รวมไปถึงมีดสปาต้า วิทยุสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ กระสนุปืนลูกซอง กระดาษแผนการทำงานของกลุ่มดังกล่าว รวมไปถึงผ้าพันคอของ อพปช.จำนวนมากขณะเดียวกันยังคงได้ตรวจยึดรถยนต์รวม 10 คัน ซึ่งเป็นพาหนะที่เตรียมไว้ใช้ในการก่อเหตุดังกล่าวทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมตัวตามหลักยุทธวิธี และเป็นไปตามรูปแบบทางทหารแบบสากลที่ ค่าย ร.8 ท่ามกลางการคุมเข้มของทางเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด ในขณะที่ วาสนา นาน่วม โพสต์ในเฟชบุ๊ค Wassana Nanuam ว่า คสช. ตีปี๊บ "ขอนแก่นโมเดล" คสช.แถลงจับ 21 คนร้ายเตรียมก่อเหตุ สารภาพหมดเปลือก แกนนำแดงสั่งการ หวังสร้าง "ขอนแก่นโมเดล" ที่อาคารกำลังเอก พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก พร้อมด้วย พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก และ พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ที่ประชุม คสช.ได้มีการหารือใน 4 ประเด็น 1.การบังคับใช้กฎหมาย2.การติดตามผู้ที่ยังไม่ได้มารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. 3.อาวุธสงคราม และ 4.การประชุมผู้บริหารทีวีดิจิตอล ที่ประชุมได้ติดตามเรื่องคำสั่งการเรื่ออาวุธสงคราม ที่ยังพบอยู่จำนวนมาก และขณะนี้กำลังดำเนินการคดีอยู่ ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด หลังจากมีการจับกุมอาวุธสงครามได้ที่ จ.นครนายก เวทีชุมนุมของทาง นปช. ที่บริเวณหลังเวที และเชื่อมโยงไปถึง จ.ลพบุรี และเชื่อมต่อไปยัง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะจำนวนอาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด มีพบจำนวนมาก จนกระทั่งที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งทุกคดีนี้มีความเชื่อมโยงกัน สำหรับที่ จ.ขอนแก่น ล่าสุด เป็นการจับกุมอาวุธสงคราม ที่จะก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่โดยทหารเข้าตรวจพบที่โรงแรมชลพกฤษ์ อ.เมือง จ. ขอนแก่น โดยมีอุปกรณ์เตรียมที่จะก่อเหตุ ทั้ง ระเบิด ถังแก๊ส โดยสามารถจับกุม ได้ 21 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากกว่าทุกครั้ง โดย นายมีชัย ม่วงมนตรี แกนนำกองทัพปราบกบฎ และ นายประทิน จันทร์เกตุ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่าได้รับคำสั่งจากแกนนำ นปช. ให้ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อเป็น"ขอนแก่นโมเดล" พ.อ.วินธัย กล่าวว่า การดำเนินการต่อผู้ที่กระทำผิดในเรื่องอาวุธสงครามนั้น เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเต็มขีดความสามารถ และจะต้องให้ปัญหาตรงนี้หมดไปให้โดยเร็วที่สุด และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาด ภายใต้กฎหมายที่ถืออยู่ในปัจจุบัน จะเข้าถึงตัวผู้กระทำผิดได้สะดวกกว่ากฎหมายปกติ ฉะนั้นอยากจะวิงวอนว่าผู้ที่ยังคิดไม่ดี หรือไม่เชื่อในคำสั่งประกาศของ คสช. อาจจะต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง http://news.sanook.com/1597937
จำคุก! 4แกนนำเสื้อแดง บุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ปี50 ข่าว ข่าวทั่วไป จำคุก! 4แกนนำเสื้อแดง บุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ปี50 janejira 24 138shares 0 138 ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 4 แกนนำเสื้อแดง “วีระกานต์-ณัฐวุฒิ-วิภูแถลง-นพ.เหวง” คนละ 4 ปี 4 เดือน กรณีบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ปี50-แกนนำกลุ่มพิราบขาว จำคุก 2 ปี 8 เดือน วันที่ 16 ก.ย. ศาลอาญารัชดา อ่านคำพิพากษาในคดีที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ประกอบด้วย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และนายแพทย์เหวง โตจิราการ รวมทั้งแกนนำกลุ่มพิราบขาวกับพวกรวม 7 คน เป็นจำเลยกรณีนำผู้ชุมนุมปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อเรียกร้องกดดันให้ พล.อ.เปรม ลาออกจากตำแหน่ง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ก.ค.2550 4 แกนนำเสื้อแดง ทั้งนี้ เนื่องจากนายวีระกานต์ หนึ่งในจำเลยมีอาการป่วยหนัก ต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ทนายจำเลยจึงขอเลื่อนอ่านคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาในกรณีนายวีระกานต์ออกไป ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 6 คน ยังคงอ่านคำพิพากษา โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าแม้ตลอดการชุมนุมตั้งแต่ปี 49 เป็นต้นมา แกนนำทั้ง 7 คนและผู้ชุมนุม นปก. จะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญโดยสงบเรียบร้อย แต่ในเหตุวันที่ 20-22 ก.ค.50 จำเลยไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการแจ้งกำหนดการเคลื่อนไหว มีการปราศรัยปลุกระดม และไม่ให้ความร่วมมือตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอ ไม่ให้ชุมนุมในพื้นที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ และยังมีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ จึงเห็นว่าจำเลยมีความผิดจริง ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยใช้กำลังขู่เข็ญ จึงพิพากษาลงโทษต่างกันตามความผิดต่างกรรมต่างวาระของแต่ละบุคคล โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มพิราบขาว พิพากษาจำคุก 4 ปี แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลยที่ 4-7 ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม นปช. ให้ลงโทษจำคุกคนละ 6 ปี 6 เดือน แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือคนละ 4 ปี 4 เดือน ขณะนี้ทนายความกำลังยื่นเรื่องขอประกันตัวเพื่อต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป แกนนำเสื้อแดงขึ้นศาล http://news.mthai.com/hot-news/general-news/461423.html
อาชญากรรม : ข่าวทั่วไป วันพุธที่ 5 มิถุนายน 2556 1 'ตู่'ปัดไม่รู้จัก'จ่ายักษ์เล็ก'พันฆ่ากำนันแดง 'จตุพร'ปัดไม่รู้จัก'จ่ายักษ์เล็ก' ผู้ต้องหาร่วมสังหาร 'กำนันแดง' ขณะที่ 'เหวง' รับ 'ตู่' เคยประกันตัวให้ข้อหาทำร้ายทหารคราวร่วมม็อบแดงปี2552 5มิ.ย.2556 เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสังหารนายบุญจริง พินิจ หรือ กำนันแดง อายุ 59 ปี กำนันตำบลแก่งหางแมว อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี บริเวณหน้าบ้านพัก ขณะที่คนร้ายประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำระหว่างหลบหนี ทำให้นายไฉน ปะมุตะกะ อายุ 40 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา มือปืนเสียชีวิตคาที่ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ นายธนะวัตร ศรีลาภ อายุ 47 ปี ชาวกรุงเทพฯ และนายศรชัย ศรีดี หรือ"จ่ายักษ์เล็ก" อายุ 32 ปี ชาว จ.สกลนคร ได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี โดยมีกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบดูแลอย่างเข้มงวด ป้องกันการหลบหนีและอาจถูกฆ่าตัดตอน ความคืบหน้าพล.ต.ต.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า จากการสอบสวนนายศรชัย ให้การรับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุยิงนายบุญจริง โดยคนลั่นไกฆ่าโหดครั้งนี้ คือ นายไฉน ส่วนนายศรชัยเป็นเพียงผู้โดยสารมาในรถปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน กค 3395 จันทบุรี เท่านั้น สำหรับอาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่เป็นวัตถุพยานสำคัญ ก็ปฏิเสธว่า ไม่เห็น และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะสูญหายในช่วงเกิดอุบัติเหตุและมีประชาชนเข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า นายศรชัย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ทั้งนี้ สาเหตุที่มีการเชื่อมโยงเป็นเพราะในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเเดงในปี 2552 ที่บริเวณสะพานชมัยเมรุเชฐนั้น นายศรชัยได้ควบคุมตัวทหารที่พยายามปลอมตัวเป็นคนเสื้อเเดงมายังกลุ่มผู้ชุมนุม โดยทาง นปช.ไม่ได้มีการทำร้ายทหารนายดังกล่าว ต่อมานายศรชัยโดนข้อหาทำร้ายทหาร นายจตุพรในฐานะแกนนำ นปช.จึงต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยการนำนายศรชัยไปมอบตัวต่อตำรวจและประกันตัวออกมาเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน "กลุ่ม นปช. ไม่ได้ว่าจ้างนายศรชัยให้ทำหน้าที่การ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่การต่อสู้ของคนเสื้อแดงมีประชาชนจากทั่วประเทศเข้าร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจำนวนมาก ไม่ได้มีการกีดกันผู้เข้าร่วมชุมนุมแต่อย่างใด ดังนั้นนายศรชัยจึงเป็นเพียงผู้เข้าร่วมคนหนึ่งที่นายจตุพรต้องช่วยเหลือในฐานะแกนนำมวลชน แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ หรือเกี่ยวข้องกับการกระทำอื่นของนายศรชัย ดังนั้นผู้ที่พยายามเชื่อมโยงประเด็นนี้ควรหยุดกล่าวหาโดยปราศจากข้อเท็จจริง" นพ.เหวงกล่าว ด้าน นายจตุพรยืนยันว่า นายศรชัยไม่ได้เป็นการ์ดของตน และไม่เคยติดตามตน เพราะนายศรชัยเหมือนการ์ดอาสา นปช.จำนวน 3,000 คน หลังการชุมนุมเมื่อปี 2553 ก็ไม่เคยเจอนายศรชัย และไม่เคยรู้จักนายบุญจริง ย้ำว่าหากช่วงชุมนุมการ์ด นปช.มีคดี เเกนนำต้องไปช่วยประกันตัว และเคยประกันตัวนายศรชัยเมื่อปี 2552 เท่านั้น http://www.komchadluek.net/detail/20130605/160214/ตู่ปัดไม่รู้จักจ่ายักษ์เล็กพันฆ่ากำนันแดง.html
ตร.ลพบุรีจับหนุ่มนามสกุลดัง คลังผา พร้อมยาบ้าหมื่นเม็ด ยื่นบัตรให้ตำรวจ มั่นใจไม่ถูกตรวจค้น แต่สุดท้ายไม่รอด http://news.ch7.com/detail/130460/จับหนุ่มนามสกุลดัง_คลังผา_พร้อมยาบ้าหมื่นเม็ด.html
ตำรวจ ภาค 1 จับ ลูกชายอดีต ส.ส.ไทยรักไทย ลพบุรี และเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) วังเพลิง กับพวกอีก 2 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 4,000 เม็ด ที่ซ่อนมากับอาหารพื้นเมือง และอาวุธปืนพก 2 กระบอก-กระสุนอีก 30 นัด หลังจากสืบทราบว่ามีการลำเลียงมาจากจังหวัดเชียงราย เพื่อมาส่งที่ท่ารถ บขส.อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี เบื้องต้นสั่งอายัดทรัพย์ลูกชายอดีต ส.ส.ลพบุรี มูลค่าหลายล้านบาท http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9500000124347
