คดี คริสตี้ โจนส์

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย notcomeng, 1 พ.ย. 2014

  1. notcomeng

    notcomeng อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    830
    เปิดกระทู้ข้อมูลข่าวคดีนี้ขึ้นมาดีกว่า เพราะคดีเมื่อ 14 ปีก่อนข้อมูลที่ได้รับมันไม่เหมือนคดีเกาะเต่าในตอนนี้ ส่วนใหญ่ที่จะมีอยู่ก็ต้องอาศัยเว็บข่าวเก่าๆ และก็อาจจะมีบางเว็บข่าวที่ควบรวมความคล้ายคลึงกันกับคดีเกาะเต่าเข้ามา ใครมีข้อมูลอะไรหรือมีเบาะแสอะไร ก็ลงไว้เลยครับ สงสัยการทำงานของตำรวจตรงไหน ตรงไหนไม่ชอบอย่างไร มีความผิดปกติของคดีอย่างไร กระทู้นี้เลยครับ จะได้ไม่ปนกันหลายส่วน :rock:
     
    HiddenMan likes this.
  2. notcomeng

    notcomeng อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    830
    ฆ่า'ซาร่า โจนส์'เงาฆาตกร.."คนเอเชียใต้"
    คดีฆ่า-ข่มขืนหญิงต่างชาติเป็นรอยด่างพร้อยการท่องเที่ยวไทยทุกๆ ครั้งที่เกิดเหตุอุกอาจสะเทือนขวัญขึ้น หนึ่งในนั้นคือคดี "คริสตี้ ซาร่า โจนส์" นักศึกษาสาวชาวอังกฤษวัย 24 ปี ที่ถูกฆาตกรรมเสียชีวิตในเกสต์เฮ้าส์เมืองเชียงใหม่ ผ่านมา 9 ปีแล้วก็ยังไม่สามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาลงทัณฑ์ตามกฎหมายได้ !?!
    บ่ายแก่ๆ วันที่ 10 สิงหาคม 2543 คริสตี้ถูกพบเป็นศพอยู่ในห้องพักอารีย์เกสต์เฮ้าหลังเล็กๆ ถนนมูลเมือง ซอย 6 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ภายในห้องกลาดเกลื่อนไปด้วยข้าวของที่กระจัดกระจายไปทั่วห้อง สภาพศพถูกข่มขืนและเสียชีวิตจากการรัดคออย่างทรมาน อย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนจะมีผู้มาพบศพของเธอ จากหลักฐานที่พบตำรวจเชื่อว่าฆาตกรน่าจะตัวใหญ่เอาการ หรือไม่ก็มีจำนวนมากกว่าจึงส่งผลอย่างที่เห็น การสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องสงสัยเริ่มต้นขึ้น โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนแวดล้อมตัวเหยื่อรอบๆ เกสต์เฮ้าส์ราว 8 คน มีทั้งคนไทย ต่างชาติ และกะเหรี่ยง

    ไกด์ทัวร์ป่าคนหนึ่งเป็นกะเหรี่ยงที่นำพาคริสตี้ไปเที่ยวทัวร์ ถูกตำรวจเชิญตัวมาสอบปากคำชนิดรีดเค้นความจริงออกมาให้ได้มากที่สุด แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อได้รับการปล่อยตัวออกมาเขาร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปทั่ว โดยเฉพาะในประเด็นถูกอุ้มไปรีดน้ำอสุจิไปตรวจสอบว่า ตรงกับที่พบในช่องคลอดของเหยื่อหรือไม่

    เมื่อพลาดจากกะเหรี่ยงไกด์ทัวร์ ตำรวจเพ่งเล็งไปที่ตำรวจท่องเที่ยวนายหนึ่ง ซึ่งพยานแวดล้อมให้การว่ารู้จักมักคุ้นกันดีกับเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ และวันเกิดเหตุเขาก็ปรากฏกายอยู่ในเกสต์เฮ้าส์ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ตามแนวทางสืบสวนไม่เป็นที่ประจักษ์ว่า มีการเชิญตัวมาสอบปากคำด้วยหรือไม่

    อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนยังคงเดินหน้าค้นหาเบาะแสฆาตกรรายนี้ต่อไป โดยเรียกตัวอดีตผู้จัดการอารีย์เกสต์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นคนพบศพคริสตี้เป็นคนแรก ประกอบกับเท่าที่ตำรวจ สภ.อ.เชียงใหม่ (ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ สภ.เชียงใหม่ ในยุค พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็น ผบ.ตร.) มีประวัติอยู่พบว่าเขาเคยทำแม่ชีคนหนึ่งท้อง ครั้นเมื่อเข้าตรวจค้นห้องพักส่วนตัวยังพบรูปโป๊และกัญชาไว้ในครอบครอง โดยอดีตผู้จัดการเกสต์เฮ้าส์ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก คือเขาระบุเจาะจงลงไปเลยว่า ก่อนเกิดเหตุพบเห็น "แอนดริว เจมส์กิลล์" เจ้าของอารีย์เกสต์เฮ้าส์ วัย 36 ปี ถือสัญชาติอังกฤษและไอร์แลนด์ คร่อมอยู่บนตัวของคริสตี้ ?

    ผ่านไป 1 เดือน ล่วงเข้าวันที่ 12 กันยายน 2543 พนักงานสอบสวน สภ.อ.เชียงใหม่ ก็ขออนุมัติหมายจับแอนดริว หลังจากมีพยานแวดล้อมยืนยันตรงกันหลายคน ก่อนจะจับกุมตัวมาสอบสวนและสรุปสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องส่งให้อัยการพิจารณา ทว่า 2 เดือนให้หลังทุกอย่างก็พลิกผัน เมื่ออัยการจังหวัดเชียงใหม่พิจารณาสำนวนการสอบสวนแล้ว มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง โดยให้ความเห็นว่าพยานบุคคลของตำรวจไม่น่าเชื่อถือ ประกอบกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ก็ระบุได้ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นอสุจิของแอนดริวไม่ตรงกับที่พบในศพ

    แอนดริว เจมส์กิลล์ รอดพ้นข้อกล่าวหา กระนั้นเขาก็ถูกเนรเทศออกจากเมืองไทย เนื่องจากตามแนวทางการสืบสวนของตำรวจสันนิษฐานว่า ก่อนเกิดเหตุแอนดริวพบเห็นการร่วมรักระหว่างนักศึกษาสาวจากเมืองผู้ดีกับชายหนุ่มอีกคนจนเกิดอารมณ์ทางเพศ เมื่อคู่รักชั่วคราวกลับออกจากห้อง เจ้าของเกสต์เฮ้าส์จึงเข้าไปหมายมีอะไรๆ กับเธอ แต่หญิงสาวขัดขืนเลยถูกฆ่าทิ้ง
    ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เมื่อแอนดริวกลับประเทศเขาให้สัมภาษณ์กับสื่อเมืองผู้ดีว่า สาเหตุที่หลุดคดีมาได้เพราะจ่ายเงินไปถึง 1 ล้านบาท ทำเอาวงการยุติธรรมของไทยสั่นสะเทือนอย่างหนัก ทั้งตำรวจและอัยการต่างดาหน้าออกมาปฏิเสธกันวุ่นวาย มีการตั้งกรรมการตรวจสอบกันยกใหญ่ ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าเงินก้อนที่ว่านี้ญาติของแอนดริวส่งมาให้เป็นค่าทนายความ แต่เมียคนไทยกลับยักยอกเก็บไว้ใช้เอง โดยไม่บอกให้สามีทราบ จนเกิดความเข้าใจผิดขึ้น

    ถึงแม้ว่าตำรวจไทยจะลบล้างข้อครหาได้ แต่ประเด็นหลักและข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ คนร้ายฆ่า-ข่มขืนคริสตี้ยังคงลอยนวลอยู่ ส่งให้เรื่องนี้ค้างคาใจชาวอังกฤษอยู่เรื่อยมา กระทั่งในวาระครบรอบ 1 ปีการตายของคริสตี้ สื่อเมืองอังกฤษก็นำเสนอข่าวอีกครั้ง พร้อมกับประกาศเตือนสาวอังกฤษที่จะมาเที่ยวเมืองไทยให้ระมัดระวังตัวเป็นประจำทุกๆ ปี

    5 ปีให้หลังชะตากรรมคริสตี้ 11 สิงหาคม 2548 เจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย พร้อมด้วย ซู และ แกเรจ โจนส์ มารดากับพี่ชายคริสตี้ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ขณะนั้น) เพื่อขอให้ช่วยติดตามคดีบุตรสาวหลังถูกฆาตกรรมมาครบ 5 ปี แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ เลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้นเวลาก็ล่วงผ่านไปจวบจนปีนี้เข้าปีที่ 9 แล้ว ทุกอย่างก็ยังคงสงบนิ่งหยุดอยู่กับที่ ท่ามกลางแรงกดดันจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวผู้ตาย รัฐบาลอังกฤษ รวมถึงสื่อมวลชนอังกฤษด้วย

    เว็บไซต์เดอะการ์เดียน อัลลิมิเต็ด (The Guardian Unlimited) ถึงกับรายงานว่า ตำรวจไทยพยายามรื้อฟื้นคดีตามล่าตัวฆาตกรสังหาร คริสตี้ ซาร่า โจนส์ โดยระบุว่าคดีนี้ที่ผ่านมาดูเหมือนไม่ได้รับความใส่ใจจากทางการเท่าที่ควร และที่ผ่านมาเป็นไปอย่างเชื่องช้า

    พ.ต.อ.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ในปัจจุบันซึ่งเป็นหนึ่งในชุดสอบสวนคดีดังกล่าวเมื่อ 9 ปีก่อน ระบุว่า คดีนี้มีอายุความ 20 ปี ปัจจุบันได้โอนสำนวนคดีไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำแล้ว แต่พื้นที่ก็ยังสนับสนุนข้อมูลด้านการสอบสวน ซึ่งที่ผ่านมามีการทำงานร่วมกับตำรวจสากลและตั้งคณะทำงานขึ้นมารื้อคดีดังกล่าวหลายครั้ง แต่ติดขัดเรื่องหลักฐานพยานแวดล้อม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติและปัจจุบันกลับต่างประเทศไปแล้ว

    "คดีนี้ตำรวจสอบปากคำพยานไปกว่า 70 ปาก แต่มีข้อจำกัดเรื่องพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุไม่มี จึงเป็นการยากที่จะหาตัวผู้กระทำผิด แต่ตำรวจยังคงติดตามคดีนี้อยู่ หากหลักฐานโยงไปถึงใครก็จะนำตัวมาลงโทษตามกฎหมาย" พ.ต.อ.ยุทธชัย กล่าว

    ด้านชุดสืบสวน บช.ภ.5 ซึ่งอยู่ในชุดสืบสวนเมื่อครั้งอดีตด้วย ย้อนความทรงจำว่าครั้งแรกมุ่งไปที่ชาวต่างชาติ 5 คน ผลการตรวจดีเอ็นเอออกมาไม่ชัดเจนว่าไม่ใช่ พยานถูกเรียกตัวมาสอบปากคำซ้ำ ยกเว้น แอนดริว เจมส์กิลล์ ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาและหลุดพ้นในเวลาต่อมา กระทั่งหลักฐานดีเอ็นเอที่ตรวจร่วมกันระหว่างอังกฤษกับไทย ซึ่งได้มาจากตัวอย่าวผิวหนังและน้ำอสุจิในที่เกิดเหตุบ่งบอกได้ว่า คนร้ายเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่น่าเสียดายที่หลักฐานเหล่านี้ไม่ได้มีการตรวจสอบตั้งแต่เริ่มต้น ทิ้งระยะห่างตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงการพิจารณาคดียิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งยากเท่านั้น พยานที่เกี่ยวข้องก็อาจจำความไม่ได้แล้ว เพราะล่วงเลยมานาน

    แม้ว่าจะผ่านมานาน 9 ปีแล้วก็ตาม แม่ของคริสตี้ก็ยังเดินทางกลับมาไว้อาลัยลูกสาวในวันที่ 11 สิงหาคมของทุกปี และเฝ้ารอว่าเมื่อไรทางการไทยจะลากคอฆาตกรรายนี้มาลงทัณฑ์ได้

    ความตายของ คริสตี้ ซาร่า โจนส์ ส่งผลถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ในเมื่อทางการไทยไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้ ครอบครัวผู้ตายมีการร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนอังกฤษ รวมถึงเรียกร้องให้รัฐบาลประสานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลด้วย เช่น เดือนตุลาคม 2548 เมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบนายโทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็มีการหยิบยกเอาประเด็นนี้มาหารือด้วย จากนั้นก็มีการส่งหนังสือทวงถามมาเป็นระยะๆ ต่อมาวันที่ 21 มกราคม 2552 ทันทีที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เรียก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เข้าพบและสั่งการให้ดูแลรับผิดชอบคดีนี้ พร้อมกับเร่งรัดให้คลี่คลายที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกหลายคดี

    http://www.komchadluek.net/detail/20090815/24353/ฆ่าซาร่าโจนส์เงาฆาตกร..คนเอเชียใต้.html
     
  3. notcomeng

    notcomeng อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    830
    "คนไทยฆ่าคริสตี้" พลิกคดีคาใจอังกฤษ
    Sun, 2006-01-22 10:30



    ตุลาคม 2548 เมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบโทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษสิ่งหนึ่งที่อยู่ในพูดคุย แต่ไม่ปรากฏเป็นข่าวที่เมืองไทย คือการร้องขอของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ต่อการติดตามฆาตกรผู้ข่มขืนฆ่า คริสตี้ ซารา โจนส์ นักศึกษาสาว ที่เหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านเกิดของนายกรัฐมนตรีไทย แต่ล่วงเลยไปถึง 5 ปีคดีไม่มีความคืบหน้า


    คำรับปากจากนายกรัฐมนตรีไทย ถูกแรงกดดันทาบทับอีกเป็นเท่าตัว เมื่อเขากลับมาถึงไทย และยังไม่ทันข้ามปีเหตุการณ์แบบคริสตี้ก็เกิดกับ แคทเธอรีน ที่เกาะสมุย


    การตายของแคทเธอรีน มีส่วนเรียกร้องต่อการรื้อฟื้นคดีของคริสตี้อย่างมากและอาจส่งผลต่อการพลิกคดีอัปยศนี้สู่การจับกุมฆาตกรได้สำเร็จก็ได้ เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาตำรวจไทยรายงานไปยังประเทศอังกฤษถึงการรื้อคดีคริสตี้ และการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอพบถึงขั้นว่าฆาตรกรเป็นคนไทย ...แต่จะเป็นใคร ?

    เวบไซต์The Guardian Unlimited รายงานเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2549 ว่า ตำรวจไทยรื้อฟื้นคดีตามล่าตัวฆาตกรสังหารคริสตี้โจนส์นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษซึ่งถูกข่มขืนและฆ่าในประเทศไทยเมื่อ 5 ปีก่อนโดยระบุว่าคดีนี้ที่ผ่านมาดูเหมือนไม่ได้รับความใส่ใจจากทางการเท่าที่ควรแต่ถึงตอนนี้ทางการไทยได้ตั้งทีมเจ้าหน้าที่สืบสวนอาวุโสขึ้นมาเพื่อนำการตามหาตัวคนร้ายจากที่มีการกล่าวกันว่าการสืบสวนที่ผ่านมาเป็นไปอย่างเชื่องช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษซึ่งรับผิดชอบคดีดังกล่าวร่วมกับทางฝ่ายไทยกล่าวว่าคดีนี้จะถูกขุดคุ้ยขึ้นอีกครั้ง


    พยานบุคคลได้ถูกเรียกตัวมาให้ปากคำซ้ำ รวมถึงการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหลังจากหลักฐานยืนยันตัวบุคคลทางพันธุกรรมเผยให้เห็นสิ่งที่ตรงกันข้ามข้อกล่าวอ้างตอนแรกที่ว่าฆาตกรเป็นชาวต่างชาตินั่นคือผลการตรวจสอบบอกว่าผู้น่าสงสัยที่สุดอาจเป็นชายไทยจากพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศคดีดูเหมือนจะได้รับการกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้งหลังการร้องขอโดยนายโทนี่แบลร์ในการประชุมร่วมกับนายกทักษิณเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา


    SteveWilkinsเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนอังกฤษผู้ทำงานร่วมกับตำรวจไทยอย่างใกล้ชิดกล่าวว่าเขาไม่เคยมั่นใจมากเท่าครั้งนี้เลยว่าฆาตกรจะต้องได้รับการนำตัวมาดำเนินคดีอย่างแน่นอน"พวกเขาสอบปากคำพยานซ้ำอีกหลายคน"เขากล่าว"ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เราไม่ได้ตัวคนร้าย"


    นางSueมารดาของคริสตี้ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ได้ส่งการ์ดแสดงความเสียใจให้แม่ของแคทเธอรีน กล่าวว่า"คุณต้องหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งอันใกล้คนร้ายต้องถูกนำตัวมาลงโทษสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับKirstyและKatherineสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่"


    เมื่อครั้งคริสตี้ตอนแรกตำรวจสืบสวนได้มุ่งเน้นไปที่ชาวต่างชาติ 5 คนผลการตรวจสอบดีเอ็นเอบอกออกมาชัดเจนว่าไม่ใช่รายชื่อของพยานที่ถูกเรียกตัวมาสอบปากคำซ้ำไม่ได้รวมถึงAndrewGillหุ้นส่วนเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ชาวอังกฤษซึ่งถูกตั้งข้อกล่าวหาในตอนต้นว่าข่มขืนและสมรู้ร่วมคิดฆ่าคริสตี้แต่พ้นข้อกล่าวหาในเวลาต่อมาหลักฐานจากดีเอ็นเอที่มีการตรวจสอบร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายอังกฤษและไทยได้มาจากตัวอย่างผิวหนังและน้ำอสุจิที่พบในที่เกิดเหตุWilkinsกล่าวว่า"ผลการวินิจฉัยบ่งบอกว่าเป็นของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"


    ขณะที่เวบไซด์ของ icWales วันเดียวกันระบุว่า ผลตรวจดีเอ็นเอระบุฆาตกรฆ่าคริสตี้เป็นคนไทยซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ตำรวจไทยยอมรับว่าฆาตกรเป็นคนท้องถิ่นในประเทศที่เกิดเหตุและกล่าวว่าพวกจะเพิ่มความพยายามมากขึ้นอีกเท่าตัวเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้


    รายงานข่าวชิ้นดังกล่าวระบุว่าสมาชิกรัฐสภาโรเจอร์วิลเลี่ยมแห่งท้องที่เบรคอนและเรดนอร์ไชร์เพื่อนสนิทของซูและกลินพ่อและแม่ของคริสตี้กล่าวว่าตำรวจไทยกำลังพิจารณาข้อมูลจากผลการตรวจสอบดีเอ็นเอซึ่งได้จากตัวอย่างผิวหนังและส่วนอื่นๆที่พบในที่เกิดเหตุ


    เขา กล่าวว่า"แน่นอนว่าเรายินดีอย่างยิ่งที่การสืบสวนทั้งหมดจะถูกนำกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้งแต่โดยส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องค่อนข้างน่าเสียดายที่ข้อมูลหลักฐานเหล่านี้ไม่ได้มีการตรวจสอบตั้งแต่แรกเริ่ม"


    "ระยะห่างระหว่างเวลาตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงการพิจารณาคดียิ่งมากเท่าไรการพิจารณาคดียิ่งมีความยากมากขึ้นเท่านั้นพยานเกี่ยวข้องต้องให้ปากคำโดยการรำลึกย้อนไปถึง 5 ปี"


    "ผมได้เขียนจดหมายไปยังสถานทูตไทยในอังกฤษเกี่ยวกับการดำเนินการในคดีดังกล่าวและพยายามเรียกร้องให้มีการตั้งกระทู้ในระดับสภาผมไม่ทราบหรอกว่าการกดดันครั้งนั้นมีผลหรือไม่แต่ดูเหมือนว่าสามารถนำการตายของแคเทอรีนขึ้นมาช่วยเรียกร้องการรื้อฟื้นคดีของคริสตี้ขึ้นมาอีกครั้ง"


    แหล่งข่าวกล่าวว่า เร็วๆ นี้อาจมีการคลี่ปมคดีนี้อีกครั้ง ผลพิสูจน์ดีเอ็นเอของเนื้อเยื่อที่ติดที่เล็บคริสตี้และคราบอสุจิจะสามารถคลี่ปมคดีหาฆาตรกรตัวจริง


    หากกุญแจของคดีนี้เป็นไปตามที่สื่ออังกฤษรายงานและมีการตรวจดีเอ็นเอคนไทยหรือคนเอเชียที่เกี่ยวโยงกับคดีนี้ ประเด็นจะแคบเข้าและอาจสาวถึงต้นตอผู้ก่อเหตุได้


    ย้อนรอยพลิกคดีนี้จะเป็นใครณรงค์ไกด์ทัวร์ป่าที่ครั้งหนึ่งก็เคยถูกเค้น ถูกอุ้มจนเจ้าตัวต้องร้องเรียนว่าถูกรีดอสุจิมาแล้วหรือ ?


    สุรินทร์ ผู้จัดการอารีย์เกสท์เฮาส์ ซึ่งเป็นคนพบศพคริสตี้คนแรก มีประวัติเคยทำแม่ชีท้อง พบรูปโป๊ในห้องพัก มีกัญชาในครอบครอง แต่ภายหลังกลับคำให้การว่าเห็นแอนดรูคร่อมอยู่บนตัวคริสตี้


    หรือ ตำรวจท่องเที่ยวที่ถูกระบุถึง แต่ไม่เคยมีใครรู้ว่าเป็นใครไม่มีการเปิดเผยว่าได้ถูกสอบสวนหรือไม่แต่ระหว่างคดีนี้เกิดขึ้นมีการระบุว่าได้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวที่รู้จักกับแอนดรูอยู่ในที่เกิดเหตุ ?


    หรือจะเป็นใคร??


    คดีคาใจคนอังกฤษถึงขั้นนายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศต้องนำมาเป็นข้อเจรจา จะคลี่คลายปมออกมาในทิศทางใดอาจงวดเข้าใกล้จุดพลิกผันเร็วนี้
    http://www.prachatai.com/journal/2006/01/22052
     
  4. notcomeng

    notcomeng อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    830
    พลิกคดีปริศนา12ปี! ขืนใจฆ่าแหม่มคริสตี้ สยอง"เมืองเชียงใหม่" ญาติให้1ล้าน-จี้รื้อคดี

    คอลัมน์ แฟ้มคดี

    p0161050855p1.jpg แม้เวลาจะผ่านมากว่า 1 ทศวรรษแล้ว ในคดีฆาตกรรมปริศนา "น.ส.คริสตี้ ซาร่า โจนส์" นักศึกษาสาวชาวอังกฤษ วัย 24 ปี ที่พบศพในเกสต์เฮาส์ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2543

    ทุกวันนี้ยังไม่สามารถคลี่คลายได้ว่าใครคือฆาตกร

    ตำรวจเชียงใหม่ส่งสำนวนต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับผิดชอบ

    ที่ผ่านมาสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย จะติดตามความคืบหน้าและส่งเรื่องจี้คดีมาเป็นระยะๆ

    รวมทั้งล่าสุดที่แม่ของนักศึกษาสาวตัดสินใจเดินทางมาเมืองไทย พร้อมประกาศตั้งรางวัลนำจับถึง 1 ล้านบาท

    คดีนี้จึงกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง!??

    นำจับ1ล้าน-คดีแหม่มคริสตี้

    หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่ คดีฆ่าข่มขืนน.ส.คริสตี้ ซาร่า โจนส์ สาวชาวอังกฤษ เมื่อปี 2543 กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้งเมื่อ นายอาซีฟ อาหมัด เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (บช.ภาค5) เพื่อประสานขอรายละเอียดความคืบหน้าของคดีนี้

    พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช. ภาค 5 ออกมาพบโดยรับทราบว่าในวันที่ 7 สิงหาคม นี้ นางซู และ นายแกเรจ โจนส์ มารดากับพี่ชายของน.ส.คริสตี้ จะเดินทางมาเมืองไทยและขอเข้าพบเจ้าหน้าที่

    เบื้องต้นนางซู ประกาศตั้งรางวัลนำจับคนร้ายจำนวน 1 ล้านบาทด้วย!!

    ครอบครัวโจนส์ ยังทำใจไม่ได้แม้เวลาจะผ่านมาถึง 12 ปีแล้ว เนื่องจากเป็นความสูญเสียสำคัญ โดยทุกๆ ปีแม่จะทำพิธีไว้อาลัยให้ลูกสาว และที่ผ่านมาพยายามประสานกับสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าเป็นระยะๆ

    ขณะที่พล.ต.ต.ชำนาญ กล่าวว่า คดีนี้มีอายุความ 20 ปี ปัจจุบันโอนสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอทำแล้ว แต่พนักงานสอบสวนในพื้นที่ยังสนับสนุนข้อมูลอยู่

    "มีตำรวจสากลมาร่วมทำคดีด้วยและรื้อคดีมาหลายครั้ง แต่ก็ติดขัดเรื่องหลักฐานและพยานแวดล้อม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติและกลับต่างประเทศไปแล้ว อีกทั้งพยานชาวไทยบางคนก็เสียชีวิตและหายสาบสูญไป ทำให้ยากต่อการสอบสวน" พล.ต.ต.ชำนาญ กล่าวและว่า คดีนี้ตำรวจสอบปากคำพยานไปแล้ว 80 ปาก แต่พยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุนั้นมีเพียงผู้ดูแลเกสต์เฮาส์และแม่บ้าน ซึ่งไม่มีน้ำหนักในการเอาผิดผู้ต้องหา จึงเป็นเรื่องยากที่จะสาวไปถึงผู้กระทำผิด โดยที่ผ่านมาเมื่อมีการร้องมาจากต่างประเทศหรือญาติผู้ตายก็ดำเ นินการให้ แต่ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

    เจ้าของเกสต์เฮาส์ต้องสงสัย

    รองผบช.ภาค5 กล่าวอีกว่าล่าสุดขอดูสำนวนเก่าที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.ภ.5 เมื่อครั้งอดีตได้ทำไว้มาตรวจสอบอีกครั้ง รวมทั้งขอข้อมูลจากสื่อมวลชนไทยเมื่อครั้งเกิดคดี เพื่อนำมาพิจารณาและเป็นแนวทางในการหาพยานหลักฐานใหม่

    ทำให้ทราบเบื้องต้นว่าในวันเกิดเหตุพบศพที่อารีย์เกสต์เฮาส์ อ.เมืองเชียงใหม่ มีจุดบกพร่องหลายอย่าง อาทิ เมื่อพบศพผู้ตายปรากฏว่าไม่มีการกันให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่จนหลักฐานมั่วไปหมด

    อย่างไรก็ตามถึงวันนี้ตำรวจยังคงพุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัยรายเดิมคือนายแอนดริว เจมส์ กิลล์ ซึ่งถือ 2 สัญชาติคืออังกฤษและไอร์แลนด์ เจ้าของอารีย์เกสต์เฮาส์ ที่เกิดเหตุนั่นเอง!!!

    โดยนายแอนดริว ถูกตำรวจออกหมายจับและจับกุมได้เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2543 หรือราว 1 เดือนหลังเกิดเหตุ หลังพบเบาะแสบางอย่างที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้

    แต่เพราะพยานหลักฐานมีน้ำหนักไม่พอทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง

    โดยเจ้าหน้าที่ตัดสินใจเนรเทศออกจากเมืองไทยไป

    กรณีนายแอนดริว ยังสร้างความปั่นป่วนให้วงการยุติธรรมเมืองไทย เพราะอดีตผู้ต้องหาเมื่อกลับถึงประเทศอังกฤษเปิดตัวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าที่หลุดคดีมาได้เพราะจ่ายเงินไปถึง 1 ล้านบาท!!!

    พร้อมโชว์หลักฐานการโอนเงินจากญาติที่อังกฤษไปเมืองไทยด้วย

    หลังข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกมาทำให้ทางการไทย ทั้งตำรวจและอัยการตั้งกรรมการสอบสวนกันยกใหญ่

    ตำรวจเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนรวมถึงเมียชาวไทยของ นายแอนดริว

    สุดท้ายเมียนายแอนดริว สารภาพว่าเก็บเงินดังกล่าวไว้เอง โดยระบุว่าญาตินายแอนดริวส่งเงินมาให้จริง แต่เป็นค่าทนายความใช้จ่ายไปบางส่วน จนเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องและตัดสินใจให้เนรเทศ จึงตัดสินใจอมเงินเอาไว้เพราะคิดว่านายแอนดริวคงไม่มาดูแลอีกแล้ว

    แต่ไม่คิดว่าจะทำให้นายแอนดริว เข้าใจผิดว่านำเงินดังกล่าวไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทยจึงหลุดคดีมาได้

    พลิกคดีปริศนาฆ่าแหม่ม

    น.ส.คริสตี้ ถูกพบเป็นศพเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2543 โดยแม่บ้านของอารีย์เกสต์เฮาส์พบเป็นคนแรก หลังใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปในห้องพักหมายเลข 4 เพื่อทำความสะอาด

    ภาพที่เห็นคือแหม่มสาวนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตในสภาพท่อนล่างเปลือย มีผ้ารัดอยู่ที่ลำคอ ลิ้นจุกปาก

    แพทย์ระบุเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง

    นอกจากนี้พบร่องรอยการร่วมเพศ น้ำอสุจิในช่องคลอด รวมทั้งขนเพชรจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

    จากการสอบประวัติพบว่าน.ส.คริสตี้ เรียนจบปริญญาตรีด้านเทคนิคการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ เมื่อ 2 ปีก่อน จากนั้นตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก

    ล่าสุดแวะเที่ยวที่ประเทศกัมพูชา ก่อนเข้าเมืองไทยมาพักที่เชียงใหม่เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2543 และมีกำหนดเดินทางไปเที่ยวต่อที่เชียงราย แต่ถูกฆาตกรรมเสียก่อน

    ตำรวจเรียกคนดูแลเกสต์เฮาส์และแม่บ้านมาสอบสวนเพิ่มเติม พบว่าเวลาประมาณตี 1 เศษ วันที่ 10 สิงหาคม ได้ยินเสียงแหม่ม คริสตี้มีปากเสียงกับชาวต่างชาติ โดยแหม่ม คริสตี้ตะโกนคำว่า "เก็ตเอาต์" หมายถึงไล่บุคคลต้องสงสัยออกจากห้อง

    จากนั้นเสียงก็เงียบไป และไม่มีใครพบ เห็นแหม่มสาวอีกเลยกระทั่งแม่บ้านมาพบเป็นศพแล้ว

    เจ้าหน้าที่เชิญตัวผู้ต้องสงสัยรวม 8 คนมีทั้งคนไทย ชาวต่างชาติ และกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นแขกที่เข้าพัก และไกด์ชาวไทยกับชาวกะเหรี่ยงมาสอบสวน ขอเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอและขน เพชรนำไปตรวจพิสูจน์

    จากข้อมูลที่ได้พบว่าหลังจากน.ส.คริสตี้ มาพักที่เกสต์เฮาส์ แวะเที่ยวตามสถานบันเทิงและสนิทสนมกับเพื่อนชาวต่างชาติด้วยกันหลายคน

    รวมทั้งมีไกด์คนไทยที่พยายามตามจีบแหม่มสาว ซึ่งตำรวจก็เชิญตัวมาสอบปากคำแต่ไม่พบพิรุธ

    บังคับหลับนอนก่อนสังหาร

    ผู้อยู่ในข่ายต้องสงสัยที่สุดในช่วงแรกคือ นายนาธาน โฟเล่ ชาเล่ อายุ 26 ปี ถือหนังสือเดินทางอังกฤษและออสเตรเลีย ซึ่งพักอยู่ห้องหมายเลข 7 โดยพยานระบุว่านายนาธานสนิทสนมกับน.ส.คริสตี้ และมีคนเห็นเข้าไปในห้องของฝ่ายหญิงด้วย!??

    ต่อมาตำรวจตามเจอตัวนายนาธาน ให้การว่าสนิทกับแหม่มสาวเพื่อนร่วมชาติจริงและเคยเข้าไปในห้องพักด้วย แต่เพียงเข้าไปซ่อมพัดลมให้เท่านั้น

    ส่วนเรื่องความสัมพันธ์นายนาธาน ยังให้การแบบคลุมเครือ ในลักษณะสนิทสนมกันจริงแต่ไม่ได้เป็นการบังคับ

    จนเมื่อเวลาผ่านไปผลการพิสูจน์ทางนิติเวชออกมาทั้ง 8 ผู้ต้องสงสัย ไม่พบว่ามีหลักฐานทางดีเอ็นเอตรงกับคราบอสุจิในช่องคลอดของเหยื่อสาวเลย!??

    อย่างไรก็ตามในอีก 1 เดือนให้หลังตำรวจได้เบาะแสสำคัญเป็นคำให้การของคนดูแลเกสต์เฮาส์ ที่ออกจากงานในเวลาต่อมา โดยระบุว่าคืนก่อนพบศพที่ได้ยินเสียงทะเลาะกันในห้องน.ส.คริสตี้ จริงๆ แล้วเห็นคนในห้องด้วย!??

    คนนั้นคือ นายแอนดริว เจมส์ กิลล์ เจ้าของเกสต์เฮาส์ที่เกิดเหตุ

    แต่พยานระบุว่าไม่กล้าบอกเพราะกลัวตกงาน แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำงานที่เกสต์เฮาส์แล้วจึงตัดสินใจนำเรื่องนี้มาแจ้งกับตำรวจ

    เจ้าหน้าที่จึงเริ่มเจาะข้อมูลนายแอนดริว พบว่ามาอยู่เมืองไทยหลายปีแล้วจนมีเมียชาวไทยและเปิดกิจการเกสต์เฮาส์ในเชียงใหม่

    มีพยานระบุว่าวันเกิดเหตุนายแอนดริว อยู่ในเกสต์เฮาส์ด้วย

    เจ้าหน้าที่เชิญตัวมาสอบปากคำและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และน้ำอสุจิส่งตรวจ

    ผลออกมาปรากฏว่าอสุจิไม่ตรงกับที่พบในศพ!??

    อย่างไรก็ตามจากพยานหลักฐานตำรวจเชื่อว่านายแอนดริว น่าจะเป็นฆาตกร โดยพบว่านายแอนดริว ให้ความสนใจแหม่มสาวรายนี้เพราะเป็นผู้หญิงหน้าตาดี และคงเคยเห็นสนิทสนมกับเพื่อนต่างชาติแบบไม่ถือตัวตามสไตล์สาวตะวันตกทั่วไป

    สันนิษฐานว่าวันเกิดเหตุแหม่มสาวอาจมีสัมพันธ์กับเพื่อนชายแล้วนายแอนดริวมาเห็นเข้าจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ เมื่อเพื่อนชายกลับไปแล้ว นายแอนดริวจึงเข้าไปหมายขอร่วมหลับนอน แต่ฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วยจึงลงมือสังหาร

    ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับคุมตัวมาดำเนินคดี แต่เมื่อถึงชั้นอัยการ เห็นว่าพยานหลักฐานมีเพียงคำบอกเล่าของอดีตคนดูแลเกสต์เฮาส์ ที่อาจจะไม่พอใจที่ต้องออกจากงาน รวมทั้งเพิ่งมาให้ข้อมูลหลังเกิดเหตุพักใหญ่ จึงไม่มีความน่าเชื่อถือ

    รวมทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่นอสุจิไม่ตรงกับที่พบในศพ จึงสั่งไม่ฟ้อง แต่ให้เนรเทศออกจากประเทศไทย

    หลังจากนายแอนดริว พ้นข้อกล่าวหาคดีนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะไม่พบเบาะแส ผู้ต้องสงสัยรายอื่นอีกเลย

    ผ่านมา 12 ปีคดีนี้ยังเป็นปริศนาที่แก้ไม่ได้!??

    http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERTJNVEExTURnMU5RPT0=
     
  5. notcomeng

    notcomeng อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    830
    12 ปีคดีฆาตกรรม “คริสตี้ ซาร่า โจนส์“ ยังไร้ร่องรอย-แม่วอนแจ้งเบาะแสคนร้าย
    นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

    คดีฆาตกรรม น.ส.คริสตี้ ซาร่า โจนส์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษภายในเกสต์เฮาส์กลางเมืองเชียงใหม่เมื่อ 12 ปีก่อน กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหลังตำรวจอังกฤษให้รางวัลนำจับสูงถึง 10,000 ปอนด์ หรือ 491,000 บาท ขณะที่มารดาของผู้เสียชีวิตวิงวอนให้ผู้ที่ทราบตัวฆาตกรให้เบาะแสกับตำรวจ

    นางซูซาน โจนส์ มารดานางสาว เคิร์สตี้ ซาร่า โจนส์ นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษที่เสียชีวิตจากการถูกคนร้าย ข่มขืน และ รัดคอ ภายในเกสต์เฮาส์กลางเมืองเชียงใหม่เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2543 กล่าววิงวอนเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ทราบเบาะแสของฆาตกร หลังผ่านมากว่า 12 ปี แต่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาลงโทษได้

    คดีฆาตกรรม น.ส.คริสตี้ เป็นที่สนใจของสื่อมวลชน ทั้งไทย และ ต่างชาติ เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญที่กระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ ไทยและยังเป็นคดีที่มีเงื่อนงำ เพราะตำรวจเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุพยายามสร้างหลักฐานเท็จอำพรางคดี ก่อนจะมีการออกหมายจับชายชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นเจ้าของเกสต์เฮาส์แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากผลตรวจดีเอ็นเอไม่ตรงกับอสุจิที่ในจุดเกิดเหตุ และไม่มีพยานหลักฐานอื่นเพียงพอ

    แม้ภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ จะรับคดีมาดำเนินการต่อในปี 2548 และ มีการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยรวม 22 คน แต่ไม่พบดีเอ็นเอที่ตรงกัน ล่าสุดจึงมีการตั้งรางวัลนำจับ 10,000 ปอนด์ หรือ 491,000 บาท ให้กับผู้ที่สามารถให้เบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้ายได้

    น.ส.คริสตี้ โจนส์ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลเธอเลือกประเทศไทยเป็นหนึ่งในการเดินทางท่องเที่ยวรอบโลกเป็นเวลา 3 เดือน และ โอกาสครบรอบ 12 ปี ของการเสียชีวิตสื่อในประเทศอังกฤษ ได้นำเสนอเรื่องราวของเธออีกครั้ง โดยระบุว่า ตำรวจเขตการปกครองไดเฟด-พอวิส ในเวลส์ได้สอบปากคำชาวอังกฤษ 4 คน และ ชาวไทยที่อาศัยในอังกฤษ 1 คน รวมถึงคนในจังหวัดเชียงใหม่อีก 5 คนแต่ไม่พบผู้ต้องสงสัย

    นอกจากนี้ยังพบหลักฐานดีเอ็นเอของคนร้ายซึ่งเป็นของชายชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยหลักฐานทั้งหมดถูกส่งให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษของไทยแล้ว


    http://news.sanook.com/1136204/12-ปีคดีฆาตกรรม-คริสตี้-ซาร่า-โจนส์-ยังไร้ร่องรอย-แม่วอนแจ้งเบาะ/
     
  6. notcomeng

    notcomeng อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    830
    ข้อมูลที่หาได้จากเว็บต่างๆ คร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ ใครมีอะไรนำเสนอ เชิญครับ :rock:
     
  7. HiddenMan

    HiddenMan อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,779
    :cool: คดีนี้ขออ่านก่อนครับ... ตอนนั้นยังไม่ค่อยสนใจข่าวสารมากนักเลยไม่รู้เรื่อง
     
    ปู่ยง และ notcomeng ถูกใจ.
  8. ควันหลง

    ควันหลง อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,786
    ตอนนั้น ก็แค่ 5-6 ขวบเองจะไปรู้อาร๊ายยยยย >:)
     
    notcomeng, HiddenMan และ ปู่ยง ถูกใจ
  9. ปู่ยง

    ปู่ยง อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,820
    รอ CSI LA โพสต์พิรุธดีกว่า
     
  10. แดง ขาว น้ำเงิน

    แดง ขาว น้ำเงิน สมาชิกทั่วไป

    สมัคร:
    2 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    145
    มันมีคดีสาวญี่ปุ่นถูกฆาตกรรมที่สุโขทัยด้วยที่ยังจับฆาตกรไม่ได้ แต่สลิ่มบ้าอำหมาดคลั่งรองเท้าบู้ทคงไม่สนใจหรอก
     
    notcomeng likes this.
  11. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
    เข้ามาอ่าน
     
    notcomeng likes this.

Share This Page