อ่านจากข่าว คนไปยุ่งกับหลักฐานไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นผู้ต้องสงสัยนะครับ ต้องบอกว่ามีการพรางคดีที่แนบเนียนมาก และที่สำคัญ คดีนั้นมันไม่มีการจับแพะนะครับ เจ้าของอสุจิอยู่ห่างไปไกลมาก แถมเป็นใครก็ไม่รู้ แต่ตำรวจอุตสาห์ตามสืบจนรู้ได้ขนาดว่ามีคนไปซื้ออสุจิที่ทิ้งไว้ในถังขยะมา นี่ยังว่าตำรวจมั่วอีกเหรอ
คนเรานี่ก็แปลกนะ ผมก็บอกเองแท้ ๆ ว่าวิธีล้มคดีมันมีตั้งเยอะแยะ ยังจะพยาย้าม พยายามจะใช้ตรรกะอะไรก็ไม่รู้ ผมงง คดีเคิร์สตี โจนส์ ตำรวจไม่ใช่คนไปมั่วหลักฐาน DNA อันนี้ถูก คนอื่นไปมั่ว แต่ตำรวจก็รู้ แถมยังมีข่าวว่าจะทำให้มั่วเละยิ่งขึ้น ด้วยการจับชนกลุ่มน้อยมาพยายามชักว่าว จะยัดให้เป็นแพะ ... ผมยกคดีนี้มา เพื่อให้เห็นว่าที่ต่างชาติเขาไม่มั่นใจ เพราะมันมีเรื่องมาก่อน ผู้ตายคดีนั้นเป็นอังกฤษเหมือนกัน หลายคนเขายังไม่ลืม ... และผมไม่ได้บอกว่าเพราะคดีนั้นพัง ย่อมเป็นข้อพิสูจน์ว่าคดีเกาะเต่านี้ตำรวจย่อมทำพังด้วย ... หรือผมพูดแบบนั้นตอนไหน คดีเกาะเต่า ตำรวจทำเหมือนคดีก่อน ๆ มั้ย ... ผมก็ตอบว่าไม่เหมือน อย่างที่ผมก็บอกไปแล้วว่ามันมีวิธีพังคดีหลายวิธี ... แต่ตรรกะของคุณคืออะไร ถึงได้พยายามเหลือเกินว่า คดีนั้นไม่เหมือนคดีนี้ตรงจุดนั้นจุดนี้ ... คือถ้าไม่เหมือน แปลว่าคดีนี้ตำรวจทำถูกต้องแน่นอน อย่างนั้นใช่มั้ย ผมจะได้เข้าใจจุดยืนของคุณ
สำหรับผมนะครับ... CSI LA จะทำเป็นนักสืบไซเบอร์เพื่อหาความจริง โต้แย้งตำรวจ โจมตีการทำงานของตำรวจ (ที่ไม่ใชการหมิ่นประมาท) หาข้อมูลมาสนับสนุนความคิดตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ดีครับ จะถูกบ้างผิดบ้างก็ไม่เป็นไร บางอย่างผมก็สงสัยตามนั้นจริงๆ บางอย่างผมก็ไม่ แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบ หรือเรียกว่ารังเกียจก็คือ... คิดว่าตัวเองถูกเสมอ คนที่เห็นไม่ตรงกันผิด (ท่านหน้าเหลี่ยมผู้โด่งดังก็มีนิสัยนี้) เมื่อถูกจับได้ว่าผิด หรือมั่วข้อมูลบางทีก็ลบโพสทิ้งไปดื้อๆ ต้องรอคนทวงถึงจะขอโทษ (ไม่เป็นลูกผู้ชาย) ใช้ศาลเตี้ยกล่าวหา หรือตัดสินคนอื่น และยังคุกคามด้วยวิธีการต่างๆ (ไม่ต่างจากเสื้อแดง) ปลุกระดมทางความคิด หาพวกเข้าข้างตัวเอง เพื่อให้ต่อต้านคนที่คิดต่างจากตัวเอง หลักฐานที่ทางตำรวจรวบรวมได้และแย้งกับตัวเอง ถือว่าไม่ถูกต้องหมด สำหรับจุดยืนของผมยังคงเหมือนเดิม ผมก็ยังมีจุดสงสัยการทำงานของตำรวจ ตั้งแต่เรื่องการเก็บหลักฐานไม่ครบในที่เกิดเหตุ ฯลฯ และคิดว่ายังมีผู้ร่วมกระทำมากกว่านี้ โดยทีพม่า 2 คนก็เป็นผู้ร่วมกระทำด้วยเช่นกัน แต่ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานทุกอย่างก็เป็นแค่ข้อสงสัย ไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะไปกล่าวหา หรือตัดสินใครได้ครับ
สำหรับผม คดีเกาะเต่า ข้อสงสัยหลักคือ 1. พม่ากับคนที่วิ่งในภาพวงจรปิดใช่คนเดียวกันหรือ 2. การจำลองเหตุการณ์ในการแถลงของตำรวจ กับที่ล่ามโรตีให้สัมภาษณ์ไม่ตรงกัน (ตำรวจต้องฟังจากล่ามไม่ใช่หรือ) 3. แผลของเดวิด บางแผลผมสงสัยว่าเกิดจากจอบจริงหรือ ข้อสงสัยประกอบ 1. ฌอนน่าจะรู้ข้อมูลบางส่วน ทำไมตำรวจปล่อยกลับไปเร็วนัก แล้วสองคนในภาพวงจรปิดร้านสะดวกซื้อนั่นตามฌอนไปทำไม
จากแคปนี้ CSI ทำตัวเป็นนักสืบโซเชี่ยลแต่กลับไม่เคยเรียนอาชวิทยา (และสืบสวนสอบสวนด้วย) ที่วิเคราะห์ออกมาเป็นฉากๆ ก็จากมโนตัวเองล้วนๆสินะ กฎแห่งพยานหลักฐานที่จะยอมรับในชั้นพิจารณา หากมีการเปลี่ยนการครอบครอง เช่น มีการนำไปตรวจทางวิทยาศาสตร์ ศาลก็ต้องให้แสดงลูกโซ่การครอบครองพยานวัตถุ หากแสดงไม่ได้ทนายฝ่ายจำเลยอาจจะยกขึ้นต่อสู้ ทำให้ไม่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้
ผมก็บอกตั้งหลายครั้งแล้ว คนเรามันจะมโนอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่หลักฐานและสิ่งที่มันเป็นมันขัดแย้งกัน กล่าวหาใครต้องมีหลักฐานประกอบด้วย เป็นสิ่งที่พวกเราทำมาตลอดไม่ใช่เหรอ คุณยกเอาคดีนักศึกษาอังกฤษที่ตายในไทยขึ้นมา ถ้าจะไม่ให้ผมคิดว่ายกมาเพื่อด่าตำรวจแล้วจะให้ผมคิดยังไงครับ ผมก็บอกไปว่าตำรวจเขาไม่ได้มั่ว ไม่ได้มีแพะเลย ผู้ต้องสงสัยมันพรางคดีไว้ดีมากเกินไป เพราะมันเป็นเจ้าของรีสอร์ตนั้น คดีนี้จะโทษตำรวจได้ก็คงโทษได้แค่ว่าตำรวจเสียท่าให้เท่านั้นเอง ที่คุณไปกล่าวหาว่าตำรวจรู้ก่อนเนี่ยมันอะไรครับ ก็เพราะเขารู้ถึงได้ไม่จับเจ้าของอสุจิตัวจริงไง ไม่งั้นคงมีแพะสมใจไปแล้ว แล้วมันไม่มีหลักฐานโยงไปหาผู้ต้องสงสัยได้ ญาติเขาให้ค่าหัวตั้ง 3 แสนมา 3 ปีกว่าแล้วมีใครไปพิสูจน์ได้หรือยัง ก็เห็น ๆ อยู่ว่าคดีมันยาก แล้วใครเขาว่าตำรวจถูกแน่นอนกัน เขาบอกกันไม่รู้กี่รอบแล้วว่าจะกล่าวหาใครมันต้องมีหลักฐาน หลักฐานจริง ๆ ไม่ใช่มโน ถ้าการที่ให้ทั้งกรรมการสิทธิ์ฯ ให้ทั้งสภาทนาย ให้กระทั่งคนต่างชาติเข้าสังเกตการณ์ยังว่าไม่โปร่งใส ผมก็หมดเรื่องจะพูดแล้ว เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าโน้มน้าวยังไงแล้ว
ในข้อ3ถ้าไม่เชื่อคนที่มีหน้าที่อย่างเป็นทางการก็จบ เลิกคุยครับ อะไร อะไรก็หาว่าปลอม หาว่าตำรวจทุจริต คุยยังไงก็ไม่จบ
ล่ามโรตีบอกมีขวดไวน์ คุณเชื่อตำรวจหรือเชื่อล่ามโรตี ถ้าเชื่อตำรวจ ถามว่าแล้วตำรวจเอาคำให้การมาจากไหน ถ้าไม่ผ่านล่ามโรตี ไอ้แบบนี้ไม่ยักรู้สึกสงสัยกันแฮะ
ผมใช้ประโยคคำถาม ว่าถ้าคดีนี้ไม่เหมือนคดีเคิร์สตี้ โจนส์ แปลว่าตำรวจทำถูกแน่นอน ผมถามว่าคุณคิดอย่างนั้นรึเปล่า ... ผมจะได้เข้าใจตรรกะของคุณ ถ้าไม่ใช่ก็โอเค เพราะเห็นคุณพูดแต่เรื่องคดีนี้ไม่เหมือนอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมรู้อยู่แล้ว
ว่าจะไม่โพสต์เรื่องเกาะอะไรนี่อีกแล้วนะ แต่อยากบอกว่าถ้าคุณไม่ไว้ใจตำรวจ อัยการ ก็ให้ไว้ใจศาลครับ ที่ไม่เห็นตำรวจออกมาตอบโต้สื่อหรือชี้แจงสื่อมากมาย เพราะคนที่ถามมากที่สุดและถามแล้วต้องตอบให้ได้ คือศาลไม่ใช่โซเชียล ไม่ใช่สื่อสารมวลชน และศาลจะเห็นหลักฐานทั้งหมดที่ตำรวจหามา ตำรวจ+อัยการกลัวตรงนั้นมากกว่าขี้ปากชาวบ้านอย่างเราๆเยอะครับ
คดีนี้มันน่าจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของตำรวจ เพราะสามารถจับผู้ต้องหาได้ค่อนข้างเร็วทั้ง ๆ ที่ไม่มีพยานรู้เห็นเหตุการณ์เลย แต่ที่มันเป็นปัญหาฝุ่นตลบอยู่นี้ น่าจะเป็นเพราะตำรวจเองทำเสียศูนย์เองด้วยนั่นแหละ มันเริ่มจากการแถลงข่าวตั้งแต่แรกที่นิติเวชของตำรวจตรวจพิสูจน์ผู้เสียชีวิต ที่มาตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างละเอียดยิบ แล้วสื่อของไทยก็เอาไปออกข่าวซ้ำซากเป็นสัปดาห์ ๆ จนสถานทูตอังกฤษต้องออกมาขอร้องว่าให้เห็นแก่ผู้เสียชีวิตและญาติพี่น้องของเขาบ้าง สื่อต่างประเทศก็ออกมาโจมตีว่า ตั้งตำรวจคนนี้คุมคดีอีกละ ที่ผ่านมาไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย (ไม่รู้มันรู้ได้ยังไง มันสนใจตำรวจไทยขนาดนี้เลยหรือ) ตำรวจเริ่มลุกลี้ลุกลน เพราะถูกกดดันจากหลายฝ่ายให้หาตัวผู้ร้ายให้ได้ แต่ก็ยังไม่หยุดเล่นกับสืื่อ จะทำอะไรต้องเป็นข่าวไปหมด มีข่าวได้ทุกวันแต่ไม่มีอะไรคืบหน้า ออกข่าวระดมตำรวจ ทั้งตำรวจบก ตำรวจน้ำ ตำรวจจากนครบาล ไปไล่ล่าตรวจ DNA คนในเกาะ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว ซึ่งผู้ใหญ่วอ และนายชอณ น่าจะเป็นรุ่นแรก ๆ ที่ถูกจับตรวจ DNA แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรคิืบหน้า สื่อไทยก็ไม่น้อยหน้า ทำตัวเป็นนักสืบเหมือนกัน เข้าไปควักไปล้วงถึงที่เกิดเหตุ น่าจะย่ำที่เกิดเหตุกันเป็นเทือกไปหมดแทบทุกสื่อ มีกะโหลกกะลาอะไรที่พอจะถ่ายภาพมาเป็นข่าวได้ก็ถ่ายมาหมด แถมยังมีทีเด็ดไปสัมภาษณ์ผู้ใหญ่วอ ผู้ใหญ่วอแกก็เล่าเป็นฉาก ๆ ว่ามีฝรั่งคนหนึ่ง (น่าจะเป็นนายชอณ) น่าสงสัยเพราะแกเห็นมันมีบาดแผลและแกถามว่าไปโดนอะไรมา มันบอกว่ารถล้ม ซึ่งแกไม่เชื่อ แถมแกยังโชว์ผู้สื่อข่าวอีกว่า เชือกฟางที่ล้อมที่เกิดเหตุอยู่น่ะ ฝีมือแกนะนั่น ผู้ใหญ่วอ กับนายชอณ ไม่กินเส้นกันมาก่อนหรือเปล่า เพราะดูจากข่าวเห็นบอกว่านายชอณ มาเกาะเต่าหลายครั้งแล้ว คงเก๋าอยู่ไม่เบาเหมือนกัน เพราะถ้าเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดา ๆ คงไม่สนหรอกว่าใครขาใหญ่ ขาเล็ก ใครมีอิทธิพล แต่เมื่อตำรวจจับตรวจ DNA แล้ว และคงสอบปากคำแล้วทั้งคู่นั่นแหละ เมื่อเห็นว่าไม่เกี่ยวทั้งคู่ก็เลยไม่สนใจอีก ไปตามหาตัวจริงดีกว่า สิ่งเหล่านี้มันเป็นภาพเผยแพร่ไปทั่วโลก ถามว่าประเทศที่เขามีความก้าวหน้าในเรื่องการสืบสวนสอบสวนคดีต่าง ๆ เขาเห็นแล้วจะรู้สึกหนาวไหม เพราะแม้กระทั่งแถบที่เขาใช้ล้อมที่เกิดเหตุของเรายังใช้เชือกฟางอยู่เลย สถานที่เกิดเหตุก็มีคนสนใจไปดูเหมือนมีเทศกาลอะไรทำนองนั้น เขาถึงต้องขอเข้ามาสังเกตุการณ์ การทำงานของตำรวจนั่นแหละ แต่เมื่อมาดูแล้วคงเห็นว่า ทั้งนิติเวชและตำรวจก็มีการทำเหมือนที่เขาทำ ก็คงสบายใจและพอใจ (อย่างที่ตำรวจบอก) แต่ไม่เห็นมีข่าวว่าเขาให้สัมภาษณ์หรือมีความเห็นอะไร กลับประเทศไปหรือยังก็ไม่รู้ ถ้ากลับไปแล้วจะเหมือนนายชอณหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ เขาคงไม่ได้มาเพราะ เพจมโนโซเซียลแห่งประเทศไทย หรือเพราะนายชอณหรอก เพราะเขาน่าจะรู้ดีว่าอะไรคือหลักฐาน อะไรคือ มโน เพียงแต่เขาอาจไม่สบายใจเพราะนักสืบของไทยมันเยอะเกินดูเหมือนจะมั่วไปหมด หลักฐานที่น่าจะเป็นความลับก็เอามาเปิดเผยกันว่อนเน็ต แม้กระทั่งภาพถ่ายผู้เสียชีวิต บาดแผล อาวุธที่ใช้ทำร้าย ล้วนถูกนำมาเปิดเผยให้บรรดานักสืบโซเชียล มโนกันอย่างเมามัน ซึ่งมันก็น่าจะออกมาจากตำรวจนั่นแหละ คนอื่นมันจะไปมีภาพเหล่านี้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ตำรวจไม่ต้องไปโทษใคร แต่ถ้าจะโทษใครก็ต้องโทษตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าคุณยังไม่หยุดเล่นกับสื่อ ใช้การออกสื่อเป็นตัวชี้วัดผลการทำงาน ใช้สื่อเลื่อยขากันเอง คุณก็คงต้องเจอปัญหาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยน่าจะมีประเทศเดียวที่ตำรวจชอบถ่ายรูปคู่กับโจร หรืออาชญากร จับได้ต้องมาเข้าแถวถ่ายรูปคู่กันทุกครั้ง มันจะรักอะไรขนาดนั้น ถ้าไม่แต่งเครื่องแบบระวังประชาชนจะแยกไม่ออกว่าคนไหนตำรวจคนไหนโจร นะ ผลงานที่น่าจะเป็นชิ้นโบว์แดง มันก็เลยไม่ค่อยแดงอย่างช่วยไม่ได้ ไม่อยากปวดหัวก็ ปฏิรูป ซะ
ตามความเห็นผม ผมว่าบาดแผลที่ถูกของแข็ง(ไม่ว่ามีคมหรือไม่มี)ในจุดที่มีกระดูกอยู่ใต้ผิวหนัง มีโอกาสที่จะมีบาดแผลลักษณะเดียวกับบาดแผลบนศพของเดวิดได้นะครับ อย่างรูปนักมวยนี่ล่ะครับ และตามผลชันสูตรบาดแผลบางจุดมีกระดูกแตกด้วยครับ
อ่านสิ่งที่ตัวแทนสภาทนายความพูดถึงคดีนี้แล้ว แซบหลาย ใครใคร่ยึดหลักฐาน DNA ตำรวจไทยเป็นสรณะ ก็เชิญยึดต่อไปเถิด ส่วนผมขอตั้งข้อสงสัยต่อไป เพราะยังมีคำถามอีกหลายข้อ http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/สัมภาษณ์พิเศษ/327858/อย่าให้เหมือนคดีเพชรซาอุ-สุรพงษ์-กองจันทึก
จอบมี DNA เดวิดมั้ย ท่านผู้เชื่อเรื่องจอบช่วยบอกที สับหลายแผลขนาดนั้น จะไม่มีเลยหรือ หรือสับเดวิดแล้วเดินเอาจอบไปล้างน้ำทะเล แล้วค่อยมาสับฮันนาห์
DNA ที่จอบเท่าที่ตามข่าวมีแต่ของผู้หญิงครับ ส่วนผู้ชายชันสูตรว่าโดนของแข็ง แต่ไม่ได้บอกว่าจอบ และจมน้ำตาย EDIT: จากโพสด้านล่างของคุณ สุภาพบุรุษเสียงสาน พบ DNA ของทั้งผู้หญิงและผู้ชายครับ ส่วนการที่บอกว่าเชื่อหลักฐาน DNA ของตำรวจเป็นสรณะผมว่าก็ค่อนข้างอคติไปหน่อยครับ การที่จะให้ DNA ของ ที่เก็บได้ในวันที่เกิดเหตุ ตรงกับ พม่าที่ถูกจับได้หลังจากนั้น 1 เดือน... จะทำแบบนั้นคงต้องวางแผนมาก่อนมั๊งครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆก็ไปหามาใส่กันง่ายๆ (ส่วนจะเก็บไม่ครบนั่นอีกเรื่องหนึ่งครับ)
จริงๆ ผมก็เห็นแค่บทความของคมชัดลึกนะครับ ที่มีระบุแบบนี้ ยังงัยช่วยกันหาข้อมูลเพิ่มเติมให้แน่นอนกว่านี้ก็ดีนะครับ
ผมคิดว่าจริงๆแล้วข้อมูลในคดีนี้ยังเปิดออกมาไม่หมดตามที่เราๆท่านๆเห็นหรอกครับ เพราะน่าจะมีผลต่อรูปคดี และอีกอย่างเหมือนเจอคนโพสต์ไว้ในเฟซประมาณว่า ถ้าเราไม่ใช่ญาติหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ทางเจ้าพนักงานไม่สามารถเปิดข้อมูลให้เรารับรู้ได้ครับ
มีนายตำรวจใหญ่ บอกว่าขณะทำคดีห้ามให้สัมภาษณ์ละเอียดเกินไป บางทีตำรวจคนหาหลักฐานได้เพิ่ม หรือที่แรกสงสัยคนนี้แต่ปล่อยไปเพราะหมดข้อสงสัย แต่ออกสื่อไปแล้วคนก็จำตรงนั้นไป เรื่องนี้วุ่นวายเพราะตำรวจพูดมากเกินไปส่วนหนึ่ง
โอเค เอาเป็นว่ามีดีเอ็นเอที่จอบ ตามคมชัดลึก ผมไม่เห็นในข่าวอื่น ที่พูดถึงแต่ฮันนาห์ อันนี้ผมผิดเอง ส่วนเรื่องคำว่ายึดถือเป็นสรณะ ผมไม่ได้เจาะจงว่าใคร นิสัยผมชอบพูดถึงพฤติกรรมรวม ๆ แต่บางทีก็ดันมีคนมารับสมอ้าง ใครไม่ยึดถือเป็นสรณะ ไม่ต้องเดือดร้อนครับ
ไปเจอเม้นที่น่าสนใจหน่อยๆในเพจดราม่า ที่บอกว่าน่าสนใจเพราะที่จ่าบอกว่า "เท่าที่เห็นหลักฐานมา" ก็น่าจะมาจากที่จ่าได้คุยกับคนที่บอกว่าเป็นครูของพี่สาวของนมสด และผมคิดว่าอาจจะได้คุยกับทางพี่สาวหรือนมสดด้วยซ้ำ เพราะฉนั้นก็เป็นไปได้ที่จ่าจะรู้เรื่องราวและข้อมูลของคดีที่สื่อและเพจ CSI LA ไม่มี ปกติไม่ค่อยได้ติดตามจ่าแกนะ แต่พอจะมองออกว่าแกเป็นคนที่เอาตัวรอดเป็นเลิศ ที่ไม่เล่นเรื่องนี้ต่ออาจจะเพราะรู้แล้วว่า เล่นไปอาจจะโดนลากเข้าไปร่วมก็ได้(มั้ง)
โดยปกติแล้ว หลักฐานทางคดีไม่ใช่ข้อมูลสาธารณะอยู่แล้ว เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐาน และการหาข้อแก้ต่าง ในประเด็นนั้น ๆ แม้แต่พยานบุคคล ก็ไม่อาจเปิดเผยได้ ไม่ใช่แต่เพียงในประเทศเราเท่านั้น..ถือเป็นหลักสากล แม้แต่ทนายของทั้ง 2 ฝ่าย ก็ไม่สามารถขอดูหลักฐานจาก อีกฝ่ายได้ ก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากศาลเสียก่อน แต่ว่า..ด้วยภาวะที่เป็นคนช่างพูด บางครั้งการสืบสวน หลักฐานก็กลายเป็นข้อมูลสาธารณไป... ด้วยเหตุนี้...หลักฐานที่ปรากฎบนสื่อจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่หลุดออกมาจะโดยตั้งใจก็ดี หรือไม่ตั้งใจก็ดี หรือจะเพราะ จุดประสงค์ใดก็ตาม กลับย้อนไปกดดันการทำงานของตำรวจ และนำมาซึ่งการมโนศาสตร์อย่างสุดลิ่ม... และเมื่อนำมารวมกับพฤติกรรมขององค์กรตำรวจที่ผ่านมา ก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก....รอดูกันต่อไปค่ะ.. ที่น่าสนใจคือ...คนที่กลับประเทศแบบลุกลี้ลุกลน ทั้ง ๆ ที่ ตั้งใจว่าจะอยู่อีกหลายเดือนนี่ซิ...คาใจยังไงไม่รู้....
สงสัย "มนตรีวัฒน์" ต้องออกมาตรวจ DNA ตามการมโนของเพจในโชเชี่ยแน่เลย ใครเป็นผู้รับผิดชอบสืบสวนคดีนี้ ที่สามารถตั้งข้อสงสัยบุคคลและสามารถเรียกมาสอบสวนได้กันแน่นะ
เรื่องเกาะเต่าช่วงนี้เงียบมากๆ ตั้งแต่เพจ CSI LA โดนเปิดตัวเจ้าของเพจ ถ้าใครยังสนใจข้อมูลเชิงลึก ให้ลองไปดูที่เพจ ใจบางบาง นะครับ ตอนนี้ทางเพจเค้าเปิดกรุ้ปที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีการวิเคราะข้อมูลได้ดีมาก เน้นตอบข้อสงสัยชาวต่างชาติด้วยครับ แต่จะเข้าไปดูได้ต้องไปแจ้งกับเพจใจบางบางก่อนนะครับ ในตอนนี้จะมีโพสต์เรื่องกรุ้ปนี้อยู่ด้านบน และก็ต้องใช้เฟซจริงในการขอเข้ากลุ่มด้วยนะครับ ถึงจะอนุมัติการเข้ากรุ้ปครับ