กลับคำให้การหลังจากเจอนักเสี้ยมทิมานุดชนแค่วันเดียวเอง นี่ถ้าสุดท้ายไอ้สองคนนี้โดนโทษประหารแบบไม่มีลดโทษนี่ไม่ต้องดราม่าเลยนะ
ก็ไม่รู้ว่าถ้าคุณไปฆ่าแล้วข่มขืนศพ คุณจะได้ทนายให้คำแนะนำแบบไหนนะ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณว่าเสมอไปหรอก ผิดจริง สารภาพ ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ย่อมมีเหตุให้ลดหย่อนโทษ ต่างกับผิดจริง ไม่ยอมรับ จริงหรือไม่ อย่างไร หึหึ
รอดูบทสรุปค่ะ.. ก็ได้แต่หวังว่า... ถ้าบทสรุปท้ายที่สุดออกมา ไม่ตรงกับความต้องการ หรือไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวัง หรือ มิได้เป็นไป อย่างที่พยายามโน้มน้าว... ก็คงยอมรับได้โดยไร้ซึ่ง อคติ..
สำนักข่าวแป๊ะ พาดหัวข่าวคดีพลิกเพราะพม่ากลับคำให้การ ถ้าศาลตัดสินว่าพม่าผิด อยากรู้จังว่าพวกเชียร์ฆาตกรจะว่าอย่างไรระหว่าง _กราบขอโทษตำรวจ ที่ปากหมาด่ามั่ว _ด่าต่อ โดยบอกตำรวจสร้างหลักฐานเท็จ!
สารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษนะครับ ไม่ได้เดินมามอบตัว โดนมัดด้วยหลักฐาน DNA และคดีใหญ่ขนาดนี้ ศาลคงไม่กล้าบรรเทาโทษให้ด้วยเหตุผลที่ไม่หนักแน่น คดีนี้ผมเชื่อว่าฝ่ายจำเลยจะใช้วิธีเดียวกับคดี O.J. Simpson ที่โจมตีไปที่กระบวนการเก็บและตรวจสอบ DNA แน่นอน
ไม่ได้มอบตัวก็มีเหตุบรรเทาโทษได้ มัดด้วยหลักฐาน DNA ก็แค่ความผิดฐานข่มขืน ไม่ได้มัดตัวในความผิดฐานฆ่า คนเราต่างจิตต่างใจ เอาความคิดตัวเองมามโนไม่ได้หรอก
อยากรู้จัง...คดีนี้จะสามารถกลบ คดีจำนำข่าวได้หรือไม่ และ..คดีนี้ จะนำไปเป็นมาตรฐานในคดี.ชายชุดดำ ด้วยหรือไม่
บางทีผมก็งงกับการสันนิษฐานบางอย่างนะครับ... พม่าตัวเล็กๆ 2 คนจะฆ่าฝรั่งผู้ชายตัวใหญ่ไหวได้อย่างไร แต่กลับกันตอนกล่าวหาเด็กมหาวิทยาลัยตัวเล็กอีกคน ข้อสันนิษฐานแบบนี้กลับไม่เห็นหยิบยกมาพูดเลย
ไอ้ที่สันนิษฐานเด็กมหาลัยนั่น เขาไม่ได้สันนิษฐานว่าคนเดียวทำ แต่เด็กนั่นเป็นหนึ่งในนั้น เหตุที่สันนิษฐานคือ ภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุ ที่เขาเห็นว่าไอ้คนวิ่งไปวิ่งมาในเวลาใกล้เคียงเกิดเหตุ ลักษณะมันไม่เหมือนพม่าที่ตำรวจจับ (พม่านั่นไปเหมือนภาพขี่มอไซค์ซ้อนกันจากกล้องอีกจุด) ผมไม่เคยกล่าวหานะว่าเด็กมหาลัยนั่นมีส่วนรึเปล่า แต่เมื่อมันมีภาพวงจรปิดแบบนั้น ก็ต้องอธิบายกันหน่อยว่า ตำรวจพยายามหามั้ยว่าหมอนั่นเป็นใคร ไปทำอะไรที่นั่น ตอบได้เคลียร์มั้ยว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เลย ถ้าเคลียร์ก็จบ ไม่เคลียร์คนก็สงสัยกันแบบนี้แหละ ส่วนที่สงสัยว่าพม่าทำได้ยังไง ลำพังฆ่านี่ ผมไม่สงสัยนะ แต่นี่ฆ่าคนนึง ข่มขืนแล้วฆ่าอีกคนนึง (หรือฆ่าแล้วข่มขืนศพก็ไม่รู้ ฟังล่ามขายโรตีเล่าแล้วสนุกเพลินเกินจินตนาการเลย) ป.ล. ถ้าถามว่า ผมเชื่อว่าล่ามขายโรตีพูดตามที่ฟังจากสองพม่าจริงเหรอ ผมก็ต้องขอย้อนถามก่อนว่า แล้วคุณคิดว่าตำรวจที่พูดพม่าไม่ได้ จะเอาคำให้การจากที่ไหน ถ้าไม่ใช่จากล่ามขายโรตี
เรื่องจะสงสัยใครไม่สงสัยใครมันก็เป็นสิทธิ์ครับ... กลับกันเรื่องจะตอบข้อสงสัยหรือไม่ตอบก็เป็นสิทธิ์เช่นกัน ลำพังแค่การวิเคราะห์หรือตั้งข้อสงสัยแบบที่คุณเพื่อนร่วมชาติคิด มันไม่ได้เกินเลยอะไรไปหรอกครับ กรณีนี้ผมพูดเจาะจงถึงเพจๆนั้นมากกว่า ที่ดูจะมีอคติมากเกินจนกล่าวหาคนไปมั่วซั่วไปหมด ถ้าใครคิดต่าง ก็พร้อมจะล่าแม่มดทันที... ที่สำคัญคนจำนวนมากคล้อยตามโดยที่แทบจะไม่คิด ไม่ติดใจอะไรเลย ตอนนี้หลายคนที่ตามเพจนั้นก็แทบจะมั่นใจว่าพม่าเป็นแพะ ไอ้เด็กนั่นเป็นฆาตรกรโหด ต้องจับมาลงโทษให้ได้ คดีนี้ต่อให้อังกฤษ หรือพม่าเข้ามาร่วม แต่ถ้าผลออกมาเหมือนเดิมคือพม่า 2 คนนี้คือผู้ร้าย ความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่าคนที่มโนไปจนไกลเกินหลักฐานปัจจุบัน ก็จะไม่เชื่อผลอยู่ดี ตัวผมเองก็ยังคิดเหมือนเดิมคือ คนที่จับได้ไม่ใช่แพะ แต่ไม่น่าจะมีแค่ 2 คนนี้ที่ก่อเหตุ แต่ด้วยหลักฐานที่มีในขณะนี้ ผมยังได้แค่ตั้งข้อสงสัยเท่านั้น แต่คงไม่สามารถไปกล่าวหาว่าคนนั้นคนนี้คือคนร้ายหรอกครับ ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเด็กคนนั้นออกมาตรวจ DNA แล้วยังไงต่อครับ? ตอนนี้มี DNA ที่เก็บในที่เกิดเหตุวันนั้นแต่ยังไม่มีคู่เทียบหรือเปล่าครับ?
ที่บอกว่านายนมสดอยู่ในเหตุการณ์ แต่ทางมหาลัยยืนยันว่านายนมสดมาเรียนจริง ตรวจสอบการเดินทางกลับเกาะเต่าในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ไม่น่ายาก และอีกอย่าง กล้องวงจรปิดที่วิ่งไปวิ่งมา ผมดูจากภาพแล้ว มันไม่ชัด และถ้ายิ่งพิจารณาตรงจอนผม ยิ่งไม่เหมือน
คดีเกาะเต่า”ส่อเค้าวุ่นไม่จบ! โปลิสอังกฤษกุม “ข้อมูลลับ” ชี้มาเฟียพื้นที่ “ฆาตกรตัวจริง แฉ “ข้อมูลลับคดีเกาะเต่า”ในมือตำรวจอังกฤษ ส่อเค้าคดีบานปลาย เชื่อ2หม่องคนร้ายถูกยัดข้อหาให้เป็นแพะ เพื่อนซี้คนตาย“คริสโตเฟอร์ อลันแวร์”พลิกสถานการณ์จากเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยกลายเป็นพยานให้นักสืบผู้ดีมีหลักฐานฉีกหน้าโปลิศไทย ระบุมาเฟียเกาะเต่าเป็นคนสังหาร “ฮันนาห์-เดวิด” หลังรุมมอมยาและรุมโทรมข่มขืนแหม่ม “สมยศ” ซึมสถานการณ์กดดันหนักถึงกับป่วย อ้างหลังเดี้ยงลาพัก 3 วัน คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ กับนายเดวิด มิลเลอร์ กลายเป็นคดีโด่งดังระดับโลกไปแล้ว และจุดจบคดีส่อเค้าจะพลิกจากที่ตำรวจไทยทำสำนวนไว้ ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านมาได้เดือนเศษแล้ว และตำรวจไทยสามารถปิดคดีด้วยการจับนายเวฟิน หรือวิน และนายซอ ลิน หรือโซเรน 2 ผู้ต้องหาแรงงานหลบหนีเข้าเมืองชาวพม่า และอยู่ระหว่างส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาเพื่อสั่งฟ้อง แต่ปรากฏว่ามีการเคลื่อนไหวจากรัฐบาลอังกฤษ – พม่า และกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆออกมากดดันรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพิ่มความเข้มข้นของการรื้อฟื้นคดีขึ้นใหม่เป็นลำดับ จากที่เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมานายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เดินทางเข้าหารือกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีได้ตกลงกับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เรื่องส่งทีมสืบสวนมาไทย นายเคนท์ กล่าวว่าหลักการทำงานเป็นของไท ยแต่ทางอังกฤษมาเพื่อให้คำแนะนำ รับฟังข้อมูลจากฝ่ายไทยเกี่ยวกับกระบวนการและวิธีการสืบสวนที่ผ่านมา และอังกฤษพร้อมให้การสนับสนุนทางไทยหากร้องขอ ในวันเดียวกัน นายแอนดี้ ฮอล นักกฎหมายชาวอังกฤษ ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายกฏหมายต่างประเทศเครือข่ายเพื่อสิทธิมนุษยชนแรงงานข้ามชาติ เข้าเยี่ยม 2 นักโทษชาวพม่าที่เรือนจำ อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี พบร่างกายบาดเจ็บหลายแห่ง รวมทั้งข้อเท้าที่เกิดจากการตีตรวน ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวผู้ต้องหาไปตรวจร่างกายยังโรงพยาบาลเกาะสมุย และเอ็กซเรย์ที่ทรวงอกซึ่งผลการตรวจจะแจ้งต่อคณะทำงานและเจ้าหน้าที่ต่อไป รายงานแจ้งว่า เกี่ยวกับคดีนี้แม้ฝ่ายตำรวจจะสรุปสำนวนปิดคดีไปแล้ว แต่ยังปิดไม่ลงเพราะอัยการตีกลับมาสอบสวนประเด็นต่างๆถึง 2 รอบยิ่งเพิ่มความพิรุธให้เกิดเป็นประเด็นใหม่ขึ้นมาอีก โดยกลุ่มที่ยังปักใจไม่เชื่อว่า 2 ผู้ต้องหาชาวพม่าจะเป็นตัวจริง โดยได้โพสต์ข้อความในโลกโซเชียลฯรวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ในแง่มุมต่างๆ จับประเด็นได้ว่า การที่อังกฤษ ยื่นมือเข้ามาอย่างไม่ต้องเกรงใจรัฐบาลไทยนั้นน่าจะมาจากคดีเก่าๆที่พลเมืองเขาต้องมาสังเวยชีวิตในสยามเมืองยิ้ม ปีละหลายๆศพ ล่าสุดที่เกาะเต่าหลังจากที่นายคริสโตเฟอร์ อลันแวร์ เพื่อนสนิทนายเดวิด มิลเลอร์ กลับไปยังมาตุภูมิเรียบร้อยมีการเผยรายละเอียดกับสื่ออังกฤษ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของเขาอย่างละเอียดทุกแง่มุม โดยเปิดประเด็นจาก นายคริสโตเฟอร์ อลันแวร์ มีสัมพันธ์กับนายเดวิด มิลเลอร์แบบคู่เกย์จึงตัดไปได้ว่าเดวิดผู้ตายจะไปมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวที่ไหนนอกจากคบหากันแบบเพื่อนดังนั้นข้อสันนิษฐานของตำรวจไทยหรือคำสารภาพของผู้ต้องหาชาวพม่าทั้ง 2 ที่ระบุว่าเห็นคนตายพลอดรักกันจนทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ และเข้าไปทำร้ายร่างกายก่อนข่มขืน ฆ่าปิดปากนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ นอกจากนั้นข้อมูลบางอย่างที่อังกฤษให้ความสนใจก็คือกลุ่มอิทธิพลบนเกาะเต่า ซึ่งชาวบ้านหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ไทยก็ทราบกันดีว่าเป็นใครบ้าง การข่าวจากนักสืบสกอตแลนด์ยาร์ดที่เคยมาสังเกตการณ์คดีอื่นๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามากมายหลายคดี แต่มิได้แจ้งกับทางการไทยก็พบว่าขบวนการมาเฟียใหญ่อยู่ที่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเกาะพงันเจ้าตำรับฟลูมูนปาร์ตี้ อันเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดระดับโลก หรือที่เกาะเต่าล้วนมีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่อง นอกจากนั้นในวันเกิดเหตุผลการสืบสวนของอังกฤษ กลับตรงข้ามฝ่ายไทยอย่างสิ้นเชิงโดยเชื่อว่าระหว่างคนตายกับเพื่อนๆออกมาปาร์ตี้กันอยู่มีกลุ่มฆาตกรเฝ้าจับตาอยู่ห่างๆซึ่งวิธีการมอมเหล้านั้นมีหลายรูปแบบทั้งเพิ่มสีสันต์บรรยากาศ หรือเข้าไปตีสนิทจนถึงแอบผสมยาเสพติดบางชนิดในเครื่องดื่มอันเป็นวิธีที่กลุ่มมาเฟียประจำเกาะใช้จัดการกับเหยื่อ และเมื่อดูตามรูปการณ์มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะปฏิบัติการช่วงแยกย้ายกันกลับที่พักพอสบโอกาสก็ลากตัวน.ส.ฮันน่าห์ วิทเธอร์ริดจ์ ไปข่มขืน แต่เนื่องจากเป็นการล่วงละเมิดในลักษณะที่คนตายเมามายไม่ได้สติจึงมิได้ขัดขืน ซึ่งตรงกับการชันสูตรศพที่พบว่าไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายตามร่างกาย มีแต่บาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้าจนเสียชีวิต ในระหว่างนั้นนายมิลเลอร์ มาเห็นจึงเข้าช่วยจึงถูกทำร้ายก่อนลากไปทิ้งให้จมน้ำตาย อย่างไรก็ตามประเด็นนี้อาจไม่ชัดเจนนัก เพราะนายคริสโตเฟอร์ อลันแวร์ แทนที่จะเป็นพยานปากสำคัญให้ทางการไทย เมื่อรีบปล่อยกลับประเทศ เขาก็กลายเป็นพยานสำคัญของสกอตแลนด์ยาร์ด เกมเปลี่ยน แรงกดดันจึงมาตกที่ทางการไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนฆาตกรตัวจริงที่ทางอังกฤษจับตานั้น เป็นผู้ต้องสงสัยกลุ่มเดิมๆซึ่งไม่พ้นลูกหลานผู้มีอิทธิพลบนเกาะเต่าเจ้าเก่านั้นเอง มีการระบุด้วยว่าพวกนี้ปลูกรากฝังลึกมาเป็นเวลานาน มีธุรกิจหลายอย่างทั้งสีเทา สีดำ และสีขาวมีอิทธิพลการเงินสูงเป็นที่เกรงอกเกรงใจของเจ้าหน้าที่ไทยบางคนจนชาวบ้านไม่กล้าพูด เพราะกลัวเภทภัยถึงตัว อีกทั้งพฤติกรรมของมาเฟียกลุ่มนี้เป็นที่กล่าวขานกันทั้งเกาะในความโหด เลว ไม่มีดี มีเรื่องล่อลวงนักท่องเที่ยวหญิงไปอนาจารกันเป็นประจำและ น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ ก็คือ 1 ในเหยื่อ คดีฆาตกรรมบนเกาะเต่า กลับมาถึงจุดเริ่มต้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มีหน้าตาของสยามเมืองยิ้ม และเก้าอี้สำคัญๆในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วางเป็นเดิมพันด้วย จริงอยู่แม้ไม่มีใครละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทยได้ แต่เราเองก็จำเป็นต้องใช้ความจริง ความสุจริต พิสูจน์ให้ชาวโลกประจักษ์ หากอังกฤษไม่มีดี ไม่มีไต๋อยู่ในมือ มีหรือจะเดินหน้ากดดันไทยอย่างหนัก แถมยังยกข้อตกลงระหว่าง “ผู้นำ กับ ผู้นำ”มาดักคอกันล่วงหน้า จนข่าววงในลือกันขนาดว่า นักสืบสกอตแลนด์ยาร์ดแฝงตัวมาก่อนหน้าและได้ตัวอย่าง ดีเอ็นเอ.จาก 2 หม่องไปเรียบร้อยแล้วอยู่ระหว่างพิสูจน์เทียบกับ ดีเอ็นเอ.ที่พบในศพน.ส.ฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ ซึ่งหากตรงสามารถอธิบายได้ตำรวจไทยก็รอดไป แต่ถ้าไม่? อะไรจะเกิดขึ้น ระหว่างรอความเป็นไปด้วยใจระทึกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันเดียวกันนี้มีแต่ความเงียบเหงา มีรายงานว่าตัวจักรสำคัญของคดีเกาะเต่าคือพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ปิดประตูไม่รับแขกมีแต่เพียงเจ้าหน้าที่ในสำนักงานฯ 4-5 คนปฏิบัติหน้าที่กันเมื่อสอบถามจึงทราบว่าท่าน ผบ.ตร.เกิดอาการเจ็บหลังอย่างหนักและลาหยุดเป็นเวลา 3 วัน ส่วนอีกมุมของอาคาร 1 อันเป็นห้องทำงานของพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร.ฝ่ายกฎหมาย มีแผ่นกระดาษเขียนแปะหน้าห้องว่าลาไปราชการต่างประเทศกลับวันที่ 28 ต.ค. เป็นอันว่าถ้าตำรวจ 2 นายนี้มาไม่ทันรับทีมสกอตแลนด์ยาร์ดที่ตอนนี้เปิดตัวอยู่เมืองไทยแล้ว ก็คงให้พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา?รรท.รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ผู้มีบทบาทในคดีเดียวกันรับหน้าเสื่อไปพลางก่อน ============================================================ เอาความเห็นนักข่าวมาพาดหัวให้เป็นข่าว ไม่ใช่สำนักแป๊ะทำไม่ได้
อ่านตั้งนานเพื่อหาแหล่งข่าว ----------------------------------------------- โดยกลุ่มที่ยังปักใจไม่เชื่อว่า 2 ผู้ต้องหาชาวพม่าจะเป็นตัวจริง โดยได้โพสต์ข้อความในโลกโซเชียลฯรวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ในแง่มุมต่างๆ จับประเด็นได้ว่า การที่อังกฤษ... http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000122248 ---------------------------------------------------- สรุปแหล่งข่าวคือ CSI LA แต่เอาเป็นว่าตอนนี้สาวกแป๊ะฮาเฮกันใหญ่
ไม่รู้ว่าช่วงนี้มีใครได้ตามดูเพจ CSI LA อยู่มั่งป่าว ผมเข้าไปดูเมื่อกี้ โครตฮาเลย 555 เมเนเจ๋อเอาโพสต์ของ CSI ไปมโนมาทำข่าว CSI เอาข่าวของเมเนเจ๋อมายกหางตัวเองซะงั้น 555 https://www.facebook.com/CSILA90210...6740650403664/724101784334216/?type=1&theater
ไอ้ที่โค้ตผมมาคู่กับโค้ตเมเนเจอร์ ไม่รู้กดโค้ตค้าง หรือยังไม่หายงง หรือต้องการอะไรพิเศษจากสังคม เอาเป็นว่าผมสละเวลาให้ซักครึ่งนาทีละกัน อธิบายเรื่องที่ง่ายแสนง่าย พบดีเอ็นเอมากกว่า 1 คนในช่องคลอด จับคนร้ายได้สองคน สมมุติดีเอ็นเอตรงกับอสุจิในช่องคลอดทั้งสองคน และสมมุติที่จอบมีดีเอ็นเอคนร้าย ก คนเดียว (คดีนี่ไม่มีด้วยซ้ำ) คนร้าย ข อ้างว่าข่มขืนเสร็จ เดินไปที่อื่น คนร้าย ก ข่มขืนต่อแล้วฆ่า ตามหลักฐานที่มี ศาลจะพิพากษาคนร้าย ข ให้รับโทษน้อยกว่าคนร้าย ก ก็ไม่แปลก
แต่เป็นหลักฐานยืนยันว่า ผู้ต้องหาอยู่ในที่เกิดเหตุนะครับ ถ้าทนายจำเลยแก้ข้อกล่าวหานี้ไม่ได้ก็จบนะครับ
แพะตัวจริง โดนCSI LAด่าจนบินด่วนมาตรวจDNAที่กรุงเทพแล้ว...ว่าแต่ว่ามันจะเอาไปเทียบกับอะไร? หน้าตาน้องแพะนมสด ------------------ "ผู้ใหญ่วอ" บินด่วนเข้ากรุง เตรียมพาลูกชายพบผบ.ตร. 30 ต.ค.นี้ พร้อมตั้งโต๊ะแถลงข่าว และให้เจ้าหน้าที่ตรวจดีเอ็นเอต่อหน้าสื่อมวลชน คลายปมสงสัยพัวพันคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวอังกฤษที่เกาะเต่า วันนี้(28 ต.ค.)มีรายงานว่าเมื่อเวลา 18.30 น.นายวรพันธ์ ตู้วิเชียร หรือ ผู้ใหญ่วอ เจ้าของเอซีบาร์ ได้เดินทางโดยเครื่องบิน เพื่อเข้าพบพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)โดยจะนำตัวนายวรท หรือดีโด้ตู้วิเชียร อายุ 22 ปี บุตรชาย มาตรวจดีเอ็นเอ พร้อมเตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าวไขข้องข้องใจ หลังจากถูกโจมตีในโซเชียลมีเดียว่าบุตรชายเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สราษฎร์ธานี โดยตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดตำรวจไม่มีการนำตัวนายวรท มาตรวจดีเอ็นเอ ตรวจเพียงนายวรพันธ์เท่านั้น ทั้งนี้ นายวรพันธ์ ยืนยันว่าจะนำตัวบุตรชายตรวจดีเอ็นเอต่อหน้าสื่อมวลชน และจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อม ผบ.ตร. ,เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ และ เจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติเวชวิทยา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังทีมโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับการยืนยันว่า นายวรพันธ์ ได้ประสานติดต่อเข้าพบ ผบ.ตร จริงในวันที่ 30 ตุลาคม เวลา10.00น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000124211
แสดงว่า..คดีใกล้จบแล้ว... เจ้าหน้าที่อังกฤษ ก็มาแล้ว ผลตรวจจากอังกฤษก็น่าจะมาด้วย น้องนมสด ก็ออกมาตรวจ DNA แล้ว... แพะ หรือ ไม่แพะ...นับเวลาถอยหลังได้เลยค่ะ แต่ก็ยังมีปัญหาคาใจ...กับ ใครบางคนที่ หลุกลี่หลุกลน..กลับประเทศ กับพฤติกรรมที่มันไม่ค่อยจะธรรมดาสักเท่าไหร่....
ผู้ต้องหาชาวพม่า คือคนฆ่าจริงนั่นละ ที่ฆ่าเพราะรู้ว่า2คนนั่นเป็นชาวอังกฤษ เพราะอังกฤษที่ได้มายึดเอาประเทศตัวเองเป็นเมืองขึ้น 2คนนี้แค้นชาวอังกฤษมาก เพราะถ้าอังกฤษไม่มายึดประเทศตัวเอง พม่าในวันนี้จะเจริญที่สุดในประเทศแถวนี้แน่นอนแบบในอดีต แล้วตัวเองก็ไม่ต้องมาหางานทำในต่างแดนแบบนี้ พวกเขาหาโอกาสแบบนี้มานานแล้วพอได้ที ก็ได้เรื่องเลย มโนแบบ CSI LA ใครก็มโนได้
ทำให้นึกถึงคดีจ่าประสาท ตกลงว่ามันสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานป่าวคะ แล้วถ้าเป็นอย่างนี้จริง จะขอพระราชทานอภัยโทษได้มั้ยคะ (อยากให้รับโทษเต็มๆน่ะ)
เหตุบรรเทาโทษ อยู่ที่ผู้พิพากษาเป็นคนตัดสิน ส่วนการพระราชทานอภัยโทษ เป็นพระราชอำนาจโดยตรง ในความเป็นจริงทุกคนสามารถถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษโดยตรงได้ และไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆ ที่บังคับ แนะนำ หรือห้าม ในการพระราชทานอภัยโทษจากพระมหากษัตริย์ แต่อภัยโทษไม่ใช่นิรโทษกรรม หากศาลยังไม่ตัดสินก็ไม่สามารถอภัยโทษได้เพราะยังไม่มีโทษเกิดขึ้น ส่วนกฎเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์นั้น เป็นแค่กฎเกณฑ์สำหรับการขอพระราชทานอภัยโทษโดยผ่านทางคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ถวายฎีกา ซึ่งอาจจะมีน้ำหนักมากกว่าหรือไม่นั้นก็สุดแท้แต่จะคิด
แพะนมสดเป็นลูกของผู้ยิ่งใหญ่ที่ใครๆก็รู้ มีอิทธพลระดับใครๆก็รู้ มีเงินทองมหาศาลแจกจ่ายตรวจทั้งกรมใครๆก็รู้ ...ผมพูดถูกปะครัซ
ใคร ๆ ก็รู้ว่าคนฆ่าเป็นเด็กหลวงลุงสุเทพ อ่านมาจากเฟซ ขี้เกียจเถียง เพราะมันคงไม่มีพุทธิปัญญาอะไรขึ้นมา
รู้สึกเหมือน CSI LA จะไล่งับหางตัวเองยังไงไม่รู้ จากที่เคยโพสต์ๆว่าใกล้แล้ว มาถูกทางแล้ว ไปๆมาๆก็เปลี่ยนประเด็นไปเรื่อย วนไปวนมา จับแพะชนแกะไปตลอด ถ้ามีผู้ร่วมกระทำคนอื่นจริงๆ บางที่มันอาจจะรอดคดีนี้เพราะ CSI LA นี่แหล่ะ
CSI LA ยังบิดเบือนต่อไป แปลข่าวเพื่อโจมตีเมืองไทยทั้งนั้น เนื่องจากผมไม่เก่งภาษาอังกฤษ เลยใช้กูเกิ้ลช่วยแปล และหาข่าวจากในเว็บไทย แต่ไหง CSI LA ถึงกล่าวหาว่าผู้ว่าฯ ฉัตรป้อง ฉัตรภูติ เหยียดหยามมนุษย์ด้วยกัน ก็ไม่รู้ (ทั้งชื่อผู้ว่าฯ กับภาษาไทยก็ผิด นี่เหรอวะ คนที่คิดแบบมีตรรกะ ) และนี่คือข่าวของเว็บไทย คือสิ่งที่เค้าทำตอนนี้คือเพื่อป้องกัน ไม่ต้องการให้มีคดีเกิดขึ้นอีก โดยกำหนดเคอร์ฟิวสำหรับแรงงานต่างด้าวก่อน เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เค้าต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบ แต่เพจ CSI LA ก็จงใจแปลความหมายผิดๆไว้หลอกพวกติ่งของเพจ เพื่อเพิ่มกระแสมโนโจมตีต่อไป
มันจะเอาไปเทียบกับอะไร? นี่ล่ะ Keyword ที่ผมสงสัยมาตั้งแต่เห็นเพจ CSI LA เรียกร้อง ในเมื่อ DNA บนศพเหยื่อพบแค่ 2 คนที่ตรงกับ DNA ของพม่า 2 คน CSI LA ต้องการให้นมสดตรวจ DNA เพื่อ? ครั้งแรกเลย พม่า 2 คนเป็นคนลงมือโดยมีนมสดบงการและร่วมข่มขืนโดยใช้ถุงยาง ต่อมา พม่า 2 คนเป็นแพะ พม่าตัวนิดเดียวจะฆ่าฝรั่งตัวเบอเริ่มได้ยังงัย ย้อนแย้งสุดๆ - นมสดตัวเล็กกว่าพม่า 2 คนนั่นอีก - แล้ว DNA บนศพเหยื่อคือ? - สมมุติฐานที่ว่านมสดเป็นผู้ต้องหาคือ? ทำคนเดียว? มีลูกน้องช่วยทำ? วัตถุพยานและพยานแวดล้อมที่นอกเหนือจากตัวละครที่เรารู้ตอนนี้มีใครอีก? สุดท้ายหากบทสรุปว่าพม่าผิด พม่าซวยรับโทษเต็มไม่มีลดหย่อน นมสดเป็นจำเลยของสังคม ใครรับผิดชอบ???
การรัฐประหารต้องรับผิดชอบครับ เพราะทำให้ไอ้จุดมันจินตนาการจนน้ำแตกได้ขนาดนี้ ถ้าไม่มีรัฐประหารไอ้จุดมันคงมุดรูอยู่ไปนานแล้ว
ถ้า... เกาะเต่าไม่อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี กำนันสุเทพไม่เล่นการเมือง ทหารไม่ยึดอำนาจ ป่านนี้เรื่องก็คงจะจบ....
แหะๆ ถ้าไม่มีคดีนี้ ผมคงยังเข้าใจผิดต่อไปว่าเกาะเต่าอยู่ชุมพร ก็ตอนที่ไป พ้มขึ้นสปีดโบ๊ทที่ชุมพรนี่นา คราวเที่ยวสุราษ.เคยแต่ขึ้นเฟอรี่ไปสมุย
เอ้า ก็ถูกแล้วดิ เป็นเจ้าภาพ เพราะขอตรวจเอง ไม่ใช่ตำรวจเชิญตัวมาตรวจนี่นา เค้าตรวจเพื่อพิสูน์ว่าเพจมันมโนขึ้นมาทำลายชื่อเสียงเค้า จะได้ฟ้องได้เต็มที่หน่อย
ดูๆแล้ว CSI LA เริ่มจะเปลี่ยนแนวและจะเริ่มเล่นรัฐบาลในเรื่องอื่นๆต่อไปแน่ เพราะสิ่งที่มโนมาตั้งนาน เริ่มจะตัน เงิบไปหลายดอกแล้ว และก็ไม่มีการขอโทษในสิ่งที่โพสต์ผิดพลาดไป ใครไปแย้งในนั้น ก็จะโดนล่าแม่มด ขุดข้อมูลส่วนตัวมาเล่น ดูเปลือกนอกเหมือนจะรักความยุติธรรม แต่จริงๆแล้วก็คงแค่ตัวอ่อนของลิเบอร่านล่ะมั้ง
ที่น่าเป็นห่วงคือ คนจำนวนมากที่หลงคารมไปแล้วนี่สิ ฝังหัวไปแล้วแน่นอน ผมว่าอุปทานหมู่ครั้งนี้น่าเป็นห่วงกว่าที่เห็นนะครับ
ใช่เลยครับ เพราะจากที่ตามๆดูแล้ว พวกที่ไม่ทันคน ไม่หาข้อมูลและเหตุผลเอง ไม่ชอบตำรวจ พวกนี้โดนจูงจมูกไปแล้วล่ะครับ สมมุติถ้าช่วงนี้มีเหตุการณ์อะไรก็ตามที่จะติดลบกับรัฐบาล เพจนี้น่าจะได้ทำการมโน ให้ข้อมูลที่จะโจมตีรัฐบาลแบบแอบๆ แนวๆคนกลางอ่ะครับ บอกว่ากลางแต่มันเลือกข้างอยู่แล้ว