Paisal Puechmongkol 31 มกราคม เวลา 23:00 น. · กรุงเทพมหานคร · ข่าวว่าสรุปตัวเลขเรียกค่าสินไหมทางแพ่งยิ่งลักษณ์แล้ว ดูกฎหมายกันให้ดี ๆ เด้อ จะได้ไม่เสียค่าโง่ 1. การละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ป.ป.ช. สรุป ต้องฟ้องเป็นคดีแพ่ง มีอายุความ 1 ปี บัดนี้ขาดอายุความแล้ว ก็ไม่รู้แหละว่าใครต้องรับผิดชอบบ้าง? 2. การเรียกค่าสินไหมความรับผิดทางแพ่ง มีปมปัญหากฎหมายบางประการ ที่หากพลาดพลั้งก็จะแพ้คดีและเสียค่าโง่ทันที 2.1 การเรียกค่าสินไหมทางแพ่ง มีอายุความ 2 ปี นับแต่วันรู้ตัวผู้กระทำความผิด และรู้ความเสียหาย จะครบเมื่อไหร่ คนที่รับผิดชอบนั่นแหละต้องดูให้ดี ดูแล้วน่าหวาดเสียว เพราะหากจะไปถือเอาวันตั้งคณะกรรมการสรุปค่าเสียหายคงหงายท้องเป็นแน่นอน 2.2 กฎหมายเรียกค่าสินไหมทางแพ่ง จะใช้บังคับกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในเรื่องนโยบายไม่ได้ ดังนั้น ถ้าเรียกร้องให้รับผิดที่เกี่ยวกับนโยบายก็จะแพ้คดี 2.3 กฎหมายเรียกค่าสินไหมทางแพ่ง ต้องเป็นเรื่องที่หน่วยงานนั้นได้รับความเสียหายจากการถูกเรียกร้องให้รับผิดทางละเมิด ซึ่งเรื่องโครงการรับจำนำข้าวจะเข้ากรณีนี้หรือไม่ ต้องดูกันให้ดี 2.4 ขณะนี้กรรมการของกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์กำลังจะสรุปจำนวนความเสียหาย ซึ่งมีปัญหาว่าระดับกระทรวงจะเรียกร้องข้าราชการนอกสังกัดโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีให้ต้องรับผิดได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็เจ๊งบ๊งไม่เป็นท่า 2.5 เรื่องจำนำข้าวนี้ใครเป็นผู้เสียหายกันแน่? กระทรวงการคลังหรือกระทรวงพาณิชย์ หรือว่าหน่วยงานที่รับจำนำข้าว หากตั้งผู้เสียหายผิดตัว ก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้งแหละโยมเอ๋ย! มาถึงวันนี้ได้ข้อสรุปหรือยังว่าใครที่จะเป็นผู้เสียหาย เรียกค่าสินไหมทางแพ่ง? ทั้ง 5 ประการนี้นี่แหละที่จะต้องดูกันให้ดี เพราะดูมันชอบกล ๆ พิลึก น่าวิตกว่าจะเสียค่าโง่ เรียกร้องเงินค่าสินไหมไม่ได้.
อ่านที่ Paisal เขียนแล้วไม่ค่อยเข้าใจว่าต้องการสื่ออะไร ดูคล้าย ๆ จะเตือนรัฐบาลว่าจะฟ้องร้องเขาก็ดูกฎหมายให้ดีไม่งั้นจะเสียค่าโง่ แต่เรื่องที่เตือนมามันดูพิกล อย่างข้อ 1 บอก การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ปปช สรุป ต้องฟ้องคดีแพ่ง ซึ่งมีอายุความ 1 ปี และมันหมดอายุความไปแล้ว ใครรับผิดชอบ อ่านแล้ว งง เพราะการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เขาฟ้องคดีอาญาไปแล้ว เรื่องอยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญา กำลังสืบพยานกันอยู่เป็นข่าวในสื่อตลอด ไม่รู้แกเอากฎหมายสำนักไหนมาบอกว่าต้องฟ้องคดีแพ่ง และหมดอายุความไปแล้ว ข้อ 2 ที่เตือนมา 5 ข้อ นั้น ก็ดูพิลึก เพราะ ดร วิษณุ ก็ออกมาอธิบายชี้แจงหลายครั้งแล้ว ไม่รู้ได้ฟังหรือเปล่า บางข้อก็ไปเตือนในเรื่องที่เขาไม่ได้ทำ อย่างข้อ 2.2 เขาก็อธิบายหลายครั้งแล้วว่า ไม่ได้เกี่ยวกับนโยบาย แต่เขาฟ้องเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังอุตสาห์ไปเตือนเขาอีกว่า ถ้าไปฟ้องเขาเรื่องนโยบายแล้ว แพ้แน่นอน ไม่รู้จะไปเตือนเขาเพื่ออะไร ถ้าอยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำแล้วออกมาเขียนเตือนรัฐบาลแบบนี้ ผมก็เขียนได้
เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้ฟ้องแพ่งนี่ แต่ใช้วิธีเรียกค่าเสียหายด้วยคำสั่งทางปกครอง ตาม พรบ.ความรับผิดทางละเมิดฯ ใครอยากอ่านตัว พรบ. เต็มๆ ก็อ่านได้ที่นี่ http://library2.parliament.go.th/library/content_law/38.pdf แล้วประมาณ 2 เดือนก่อน รองนายกฯ วิษณุ ก็ออกมาแถลงเองเรื่องการเรียกค่าเสียหายด้วยวิธีนี้ คลิปเต็มๆ ก็มีอยู่
แล้วถ้าวิธีการเรียกค่าเสียหายด้วยคำสั่งทางปกครอง มันไม่ได้ผลจริงๆ อีโง่ มันคงไม่ออกมาดิ้นแรงแบบนี้หรอก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ในเฟซบุ๊คโดยระบุว่า ในวันนี้ได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ขอให้รัฐบาลยุติฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว และขณะนี้คดีความทางอาญา ยังไม่สิ้นสุด จึงย่อมได้รับความคุ้มครองตามสิทธิ ในกระบวนการยุติธรรม “การฟ้องเอาผิดให้ดิฉันชดใช้ค่าเสียหายโดยกระทรวงการคลังนั้น ไม่ถูกต้องเพราะกระทรวงการคลังไม่ใช่ผู้เสียหาย” นางสาวยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประเมินค่าความเสียหาย ที่ได้รับการยอมรับตามกฎหมาย และเป็นธรรมดังนั้นจึงขอใช้ช่องทางนี้สื่อสารไปยังทุกท่านที่เกี่ยวข้องได้โปรด พิจารณาข้อเรียกร้องและโต้แย้งให้ยุติตามกระบวนความของกฎหมายก่อน และโปรดอย่าพิจารณาคดีของดิฉัน เหตุเพราะมีมาตรา 44 คุ้มครองหรือกฎหมายอื่น ที่จะออกมาคุ้มครองภายหลัง พร้อมกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ได้ส่งข้อโต้แย้งทั้งผู้ออกคำสั่ง และ ผู้แต่งตั้งว่าดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราวปี 57, พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่พ.ศ.2539 มาตรา 8,พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2559 และ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฎิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2559 ก่อนหน้านี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้ยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 2 ครั้ง เพื่อขอให้ทบทวนข้อเสนอของฝ่ายกฎหมาย ที่ให้ใช้คำสั่งทางปกครอง เรียกค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว ซึ่งขัดต่อหลักความเป็นกลาง นอกจากนี้ ยังเห็นแย้งในข้อกฎหมายการฟ้องร้องคดีแพ่ง โดยเสนอว่า ควรให้สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบข้อกฎหมายให้ถูกต้องก่อนดำเนินการ เมื่อต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะไม่มีการขยายเวลาสืบพยานเพิ่มเติม ในคดีความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ จากที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 58 หากมีข้อมูล เพิ่มเติม ให้ส่งมาเป็นลายลักษณ์อักษรได้จนถึงสิ้นเดือน ม.ค. นี้ โดยคดีนี้มีอายุความ 2 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดใน ก.พ. 60
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะขอเสนอให้ใช้มาตรา 44 บังคับทางปกครองยึดทรัพย์อดีตนักการเมือง และข้าราชการ 6 คนที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายจากการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ว่า ไม่เคยมีความคิดจะใช้กระบวนการใดนอกเหนือจากกระบวนการทางกฎหมายที่มีอยู่ โดยเฉพาะพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐพ.ศ.2539 มีอย่างไรก็ปฏิบัติตามนั้น 3 พันคดีที่ผ่านมา เป็นการยึดทรัพย์จำนวน 2 แสนบาทบ้าง 5 ล้านบาทบ้าง 3 ล้านบาทบ้าง ซึ่งยึดกันเอง โดยเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่กระทรวงไหนกระทรวงนั้นก็ไปยึดหรือายัด ซึ่งเขามีปัญญาทำ แต่เอาเข้าจริงอาจไม่ได้ยึดทรัพย์เพราะมีการไปร้องศาลให้คุ้มครอง แต่คราวนี้เจอหลายหมื่นล้าน เขาไม่มีปัญญาที่จะทำเพราะไม่ใช่ มืออาชีพที่จะทำเรื่องนี้ อาจต้องให้หน่วยงานอื่นจัดการ ตรงนี้จึงต้องใช้มาตรา 44 ไปสั่งการให้หน่วยงานอื่นมาทำ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ “สิ่งที่ผมพูด อาจจะพูดกันปากต่อปาก ก็มีบิดเบือน กลายเป็นจะใช้มาตรา 44 ยึด ซึ่งเราไม่ได้ใช้มาตรา 44 ยึด แต่ถ้าคำสั่งออกก็ต้องยึดอยู่ดี แต่ใครจะเป็นคนไปยึด หากเป็นกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีทางที่จะทำได้ คนที่ทำได้คือกรมบังคับคดีซึ่งเขามีหน้าที่เรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งต้องยึดตามคำสั่งศาล แต่วันนี้ไม่ได้ยึดตามคำสั่งศาลเพราะเป็นการยึดตามคำสั่งทางปกครอง เราเคยให้กรมบังคับคดีไปช่วยทำแล้วครั้งหนึ่งในคดีภูทับเบิก ซึ่งไม่ใช่เรื่องของกรมบังคับคดี แต่เป็นเรื่องของสปก. ตรงนั้นก็ใช้มาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีช่วยจัดการ ตรงนี้อาจใช้วิธีอย่างเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้ใช้มาตรา 44 ยึด แต่เมื่อจะต้องยึดหน่วยงานใดจะเป็นคนยึด หากไม่ยึดก็ผิดมาตรา 157 เพราะมีคำสั่งทางปกครองแล้ว แต่หากจำเลยร้องศาลคุ้มครองชั่วคราว ศาลปล่อยก็จบ หากจำเลยไม่ร้องศาลก็ต้องยึดเพราะ ทำผิด ซึ่งพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ มีอยู่ ใช้มากกว่า 3 พันรายแล้ว ยืนยันไม่มีคำสั่งมาตรา 44 ไปยึดทรัพย์ใครเป็นอันขาด แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องยึดเพราะมันเป็นวิธี”นายวิษณุ กล่าว ทั้งนี้แสดงว่ากระทรวงพาณิชย์ไม่กล้าลงนามคำสั่งเพราะกลัวต้องง รับผิดชอบภายหลังหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า คงไม่ใช่ เขาไม่ได้กลัว เพราะมีข้อกฎหมาย ซึ่งเขาเข้าใจแล้ว แต่เดิมกระทรวงพาณิชย์อาจไม่เข้าใจ เพราะมีปัญหาว่าจะต้องลงนามสองฝ่าย สามฝ่าย ส่วนกระบวนการ ณ ตอนนี้จะออกมาในรูปแบบใด นายวิษณุ กล่าวว่า “ผมยังไปไม่ถึงขั้นนั้นเพราะคำสั่งยึดยังไม่ออกมาสักคน ปัญหาคือถ้าคำสั่งออก ซึ่งออกโดยไม่ใช้มาตรา 44 เลยแม้แต่นิดเดียว ปัญหาคือใครจะนำยึด เวลาศาลตัดสินให้จำเลยผิด คดีอื่นๆ ใครเป็นคนนำยึดก็กรมบังคับคดี” ทั้งนี้หลายคนมองว่ารัฐบาลจ้องทำลายฝ่ายตรงข้ามในทุกประเด็น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่ หากจะตั้งข้อสังเกตก็ตั้งได้ ในเรื่องนี้อายุความสั้นยาวต่างกัน หากทำกับคนอื่นอายุความยังยาว 10 ปี แต่อายุความเรื่องนี้สั้นจึงต้องรีบทำ อีกทั้งป.ป.ช.ส่งเรื่องมา และขู่ให้รีบทำ รวมถึงปัญหาอายุความ ทั้งหมดเป็นกระบวนการที่ต้องเดินไป “วิษณุ” ระบุ “มีชัย” ส่งคนดูอินเดียโมเดลเพื่อศึกษาแนวปฏิบัติกกต. จัดเลือกตั้งได้ ชี้เพราะต่างชาติไร้แรงกดดัน ลั่นสุดท้ายไทยไปไม่พ้น 3 โมเดลเดิม เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้คนไปศึกษาการจัดการเลือกตั้งของประเทศอินเดียที่มีประชากร พันกว่าล้านคน แต่มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพียง 1 คนที่ทำหน้าที่จับตาดู และมีคนกำกับดูแลเลือกตั้งว่า นายมีชัยเคยปรารภให้ฟังเท่านั้น แต่สำหรับรัฐธรรมนูญไทยวันนี้ระบุไว้แล้วว่า กกต.ต้องมี 7 คน แล้วจะกลับไปใช้ 1 คนได้อย่างไร จะไปฆ่าอีก 6 คนได้อย่างไร ส่วนการที่นายมีชัยให้คนไปศึกษาว่า กกต.อินเดียคนเดียวทำไมเขาถึงทำได้นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งเขาก็ให้หน่วยงานอื่นไปจัดการให้ เช่นผู้ตรวจการแผ่นดินส่วนใหญ่หลายประเทศในโลกมีคนเดียว แต่พอต่างชาติมาดูงานประเทศเราที่มีผู้ตรวจฯ ถึง 3 คนเขาก็บอกว่ามันเยอะ ทั้งนี้ หากให้กกต.เพียงคนเดียวจัดการเลือกตั้งจะรับมือกับแรงกดดันไหวหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องของแรงกดดัน เพราะ 1.ในต่างประเทศไม่มีแรงกดดันอะไร แต่ประเทศไทยกดดันทั้งนั้น และ 2.การที่เขามีอำนาจเพราะเขาเป็นผู้จัดวางระเบียบ จากนั้นเขาก็ไปให้คนอื่นปฏิบัติ จึงถูกต้องแล้วที่กรธ.จะให้คนไปศึกษาอินเดียโมเดลหรือจะโมเดลสารพัดรูปแบบในโลก แต่เชื่อผมเถอะว่าสุดท้ายจะจบแบบ 3 โมเดลที่ผมบอกไปเท่านั้น คือ 1.ให้กกต.เป็นคนจัดอำนวยการตั้งแต่ต้นจนจบ 2.ให้กกต.เป็นคนจัดวางระเบียบหรือเล็กกูเลเตอร์ คือเป็นผู้แจกใบเหลือง ใบแดง ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติหรือโอเปอร์เรเตอร์ให้ใช้เจ้าหน้าที่ของฝ่ายบริหารปกติ และ 3.ให้องค์กรอื่นเข้ามาจัดการ ซึ่งหากมีองค์กรอื่นเข้ามาช่วย ไม่ต้องไปนึกว่าเป็นกระทรวงมหาดไทย แต่หากสมมุติว่าจะเอามาก็ได้ อาจจะเป็นครู แพทย์ พยาบาล หรือผู้สื่อข่าวก็ได้ทั้งนั้น” ส่วนแนวคิดของนายมีชัย ที่ให้คนไปศึกษาก็เพื่อให้เห็นการทำงานของกกต. ของเรา นายวิษณุ กล่าวว่า ท่านต้องการนำมาดู และเปรียบเทียบ เพราะท่านเคยพูดว่าคนพูดกันมากว่ากกต. อินเดียมี 1 คน แต่ทำไมเขาทำได้อย่างไร ทั้งนี้เราอาจจะเรียกเขามาศึกษาที่ไทยหรือจะไปดูงานที่อินเดียก็ได้
จะยัดข้อหาคนบริสุทธ จนข้าราชการระดับปลัดกระทรวง ขู่จะลาออก ทิ้งเงินเดือนเป็นหมื่นๆ ทิ้งอนาคตที่สร้างมานาน ทิ้งทั้งบำนาญจนจวบชีวิต นี่แหละคนดีที่แท้จริง คนดีที่ไม่เอาธงชาติมาบังหน้า คนดีที่ไม่อ้างสถาบัน คนดีที่กล้าเปิดหน้าเปิดตาไม่มีอาวุธปืนไม่ถือตราชั่งเอียงเอาไว้ขู่ประชาชนคนไทย คนดีที่ไม่โทษคนอื่น คนดีที่อ้างความดียัดข้อหาจำเลยสังคม ผิดกับไอ้ชาติชั่วลูกผู้ชายลายพรางโทษแต่ละคนอื่น พูดเอาดีเข้าตัวว่ายุติธรรมเคารพกฎหมายแต่ตาเหล่ ข้าพเจ้าของแสดงความนับถือครับ
คดีเรียกค่าเสียหายของรัฐหลังจากนั้นมาก็ใช้กฎหมาย พรบ.ความรับผิดทางละเมิดฯ มาตลอด แล้วเจ๊ปูแกมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นหรือไง ถึงใช้กฎหมายนี้เหมือนคนอื่นไม่ได้ หรือว่าคนเท่ากัน แต่ยกเว้นคนนามสกุลชินวัตรหรือไงกันนะ ??? อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ารับฟังการไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 3 ในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว พร้อมระบุไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะใช้มาตรา 44 หรือคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหาย ติดตามรายละเอียดจากคุณรพีพรรณ เรือนศรี ผู้สื่อข่าวไทยรัฐทีวี รายงานสดจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เจ้าตัวขู่ หรือ แหล่งข่าวขู่... ปลัดพูด... ด้าน น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ยังไม่มีการลงนามในหนังสือบังคับทางปกครองเรียกค่าเสียหายจากการขายข้าวจีทูจี รอคำสั่งอย่างเป็นทางการก่อน ทางกระทรวงพาณิชย์มีทีมกฎหมายดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว ที่จะส่งเรื่องไปยัง 6 ราย หากรายใดมีข้อโต้แย้งก็สามารถยื่นเรื่องที่ศาลปกครองได้ ว่าที่ปลัดพูด... “หากจะให้เป็นผู้ลงนามในคำสั่งเรียกค่าเสียหาย ต้องมีเหตุผลและอธิบายได้ รวมถึงที่มาที่ไปว่าเป็นเพราะเหตุใด การจะเซ็นอะไรต้องดูให้รอบคอบ ทุกอย่างมีขั้นตอนและกระบวนการ ส่วนตัวมั่นใจว่าปลัดกระทรวงคนปัจจุบัน ซึ่งดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น เป็นผู้ที่รู้เรื่องจริง ไม่น่าจะมีการบังคับให้ลงนาม” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว แหล่งข่าวพูด... ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าวกับคนใกล้ชิดว่า หลังเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์หากมีการบังคับให้ลงนามเรียกค่าเสียหายข้าวจีทูจีก็อาจถอดใจลาออก http://www.matichon.co.th/news/288285
บริสุทธิ์มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สตง. เตือนหลายรอบแล้วก็ไม่ฟัง "สตง." โชว์เต็มๆ หนังสือ 5 ฉบับเตือน"ยิ่งลักษณ์-กิตติรัตน์" คดีจำนำข้าว http://isranews.org/isranews-news/item/27547-stk_27547.html
คำสั่งศาลปกครองเมื่อวาน ยกคำขอทุเลาคำสั่งยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 3.5 หมื่นล้านบาท จากคดีจำนำข้าว ทำให้ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เตรียมใช้สิทธิโต้แย้ง หากมีการกระทำนอกกรอบของกฎหมาย ศาลปกครองกลางมีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ยกคำร้องขอทุเลาคำสั่งยึดทรัพย์"นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวิตร" 3 หมื่น 5 พันล้านคดีทุจริตจำนำข้าว ส่งผลให้กระทรวงการคลัง เดินหน้ายึดทรัพย์ "นางสาว ยิ่งลักษณ์"ได้ต่อไป