ตร.เบิกความคดีชายชุดดำ เห็นสวมหมวกไอ้โม่งถือ “อาก้า-เอ็ม 16” คืน 10 เม.ย.53 สืบพยานโจทก์นัดแรก คดีชายชุดดำ นปช. ตำรวจระบุ เห็นสวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า วิ่งถือปืนอาก้า - เอ็ม 16 บริเวณ ถ.ตะนาว ใกล้อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ คืนเกิดเหตุ 10 เม.ย. 53 พร้อมถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน ชี้ตัว “ปรีชา อยู่เย็น” จำเลยที่ 2 อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย โดยวันนี้ อัยการนำพยานเข้าสืบรวม 2 ปาก เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองร้อยเอ็ด อดีตตำรวจสายสืบกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ซึ่งเบิกความสรุปว่า พยานได้รับมอบหมายให้แฝงตัวหาข่าวระหว่างการชุมนุม นปช. โดยวันที่ 10 เม.ย. 2553 รัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ทหาร ขอคืนพื้นที่การชุมนุมจากกลุ่ม นปช. แล้วเกิดการปะทะกัน ระหว่างเวลาประมาณ 20.00 น. บริเวณถ.ตะนาว ใกล้อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ กับ ธนาคารออมสิน พยานเห็นมีกลุ่มคนสวมหมวกปิดหน้าสีดำ เสื้อแขนยาวสีดำ วิ่งมาหลายคนมือถืออาวุธปืนอาก้า และอาวุธปืนเล็กยาวเอ็ม 16 ชุดแรก ประมาณ 3 คน ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมสกัดกลุ่มชุดดำดังกล่าวชุดที่ 2 ประมาณ 3 คนไว้ทัน แล้วสอบถามว่า เป็นใครกลุ่มชุดดำบอกเป็นพวกเดียวกัน ผู้ชุมนุมจึงขอดูบัตร แล้วมีการเปิดผ้าคลุมหน้าสีดำออก ระหว่างนั้นพยานจึงได้ถ่ายรูปไว้ ซึ่งผู้ชุมนุมมีการสกัดตรวจ เพราะกลัวว่าจะมีการแทรกซึมเข้ามาขณะที่มีการพูดกันว่าเขามาช่วยเราแล้วปล่อยไป และในการชุมนุม ยังตรวจยึดเอ็ม 79 ได้ ซึ่งทำบันทึกการตรวจยึดและเสนอผู้บังคับบัญชา ส่วนการเสียชีวิตของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ทราบเรื่องหลังการขอคืนพื้นที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสืบพยานโจทก์เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้ตัวจำเลยที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดี ว่า หนึ่งในกลุ่มนั้นมีนายปรีชา อยู่เย็น จำเลยที่ 2 อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ท่านใดมีรายละเอียดเกี่ยวกับคดี ช่วยแปะให้ด้วยนะครับ
อดีตคนขับรถเสธ.แดงเบิกความมัดจำเลยคดีนปช.ก่อการร้าย อดีตคนขับรถเสธ.แดงที่ถูกดีเอสไอกันเป็นพยานในคดี24แกนนำนปช.ก่อการร้าย เบิกความมัด"หรั่ง"หนึ่งในจำเลยร่วมก่อเหตุวุ่นวายและยิงเอ็ม79ในสถานที่ต่างๆ ทนายเสื้อแดงรอซักค้านพยานนัดหน้า17มีนาคม วันนี้(25ก.พ.)ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก่อการร้ายคดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระ หรือวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. , นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ,น.พ.เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช.และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กับพวกซึ่งเป็นแกนนำ นปช.รวม 24 คน เป็นจำเลยที่ 1-24 ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย , ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา ให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และร่วมกันชุมนุม ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กรณีร่วมชุมนุมต่อเนื่องตั้งวันที่ 28 ก.พ. - 20 พ.ค.53 เพื่อกดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ประกาศยุบสภา
อดีตคนขับรถเสธ.แดงที่ถูกดีเอสไอกันเป็นพยานในคดี24แกนนำนปช.ก่อการร้าย เบิกความมัด"หรั่ง"หนึ่งในจำเลยร่วมก่อเหตุวุ่นวายและยิงเอ็ม79ในสถานที่ต่างๆ ทนายเสื้อแดงรอซักค้านพยานนัดหน้า17มีนาคม โค ตะ ละ ระ ฮา ....... ฝึกยิงเอ็ม79 สลับเปลี่ยนซิมการ์ดต้องบินไปฝึกถึงประเทศไต้หวัน เมิงจะเอาฮาไปถึงไหนนนนนนนนนนนนนนนนนนน จับมืขวาเสธ.แดง (15-07-10) หรั่ง มือขวา เสธ.แดง เผยไปเขมรพบแกนนำแดง หลังจากที่ตำรวจ 191? ส่งตัว หรั่ง หรือนายสุรชัย เทวรัตน์ อายุ 25 ปี มือขวา เสธ.แดง ต่อให้ดีเอสไอ โดยเปิดเผยว่าช่วงที่นายสุรชัย หลบหนีไปกบดานที่กัมพูชาได้พบแกนนำเสื้อแดงทั้งหมด และแกนนำที่เหลือยังหลบหนีอยู่ในประเทศกัมพูชา ส่วนความคืบหน้าในการสอบสวน เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นหนึ่งในผู้ก่อ เหตุ ยิงเอ็ม 79 ใส่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี กว่า 10 นัด และเป็นหนึ่งในทีมใช้อาวุธปืน เอ็ม 16 กราดยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณแยกศาลาแดง ขณะยืนรักษาความปลอดภัยจนทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 2 ราย พร้อมกันนี้นายสุรชัยได้อ้างว่าเหตุความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นมี เสธ.แดง เป็นผู้สั่งการและวางแผน อีกทั้งยังเป็นผู้พาไปฝึกยิงเอ็ม 79 ที่ประเทศไต้หวัน เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News Thaiinsider 19 กรกฏาคม 2010 เวลา 17:22 น. “สถานทูตไต้หวัน” ตอกหน้าจนท.ไทย ยัน “หรั่ง-ลูกน้องเสธ.แดง” ไม่เคยเดินทางไปฝึกอาวุธ หรือเข้าประเทศเลย เผยแสดงจุดยืนผ่าน “บัวแก้ว” แล้ว กรณีทางการไทย โดยพล.ต.ต.ธนพล สนเทศ ผบก.สพ. และพ.ต.อ.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผบก.สพ. เข้าจับกุมตัวนายสุรชัย หรือ หรั่ง เทวรัตน์ อายุ 25 ปี ตามหมายจับของศาลอาญา เลขที่ 1053/2553 ลงวันที่ 19 พ.ค. 2553 ในข้อหาร่วมกันหรือใช้ให้ผู้อื่น หรือสนับสนุนให้มีการกระทำผิดการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1, 135/2, 135/3 ประกอบมาตรา 83, 84, 85, 86 ภายในโรงแรมฟอร์ยู ห้องหมายเลข 11 ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนายสุรชัย หรือ หรั่ง นี้ ถือเป็นลูกน้องคนสนิทของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ “เสธ.แดง” และในเวลาต่อมา มีการให้ข่าวว่า เสธ.แดงเป็นผู้ฝึกอาวุธและสั่งการ โดยกลุ่มคนเสื้อดำ มีการไปฝึกใช้อาวุธและยุทธิวิธีการรบ รวมทั้งการสลับเปลี่ยนซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ประเทศไต้หวัน ล่าสุดแหล่งข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยทางการไต้หวันได้สอบถามข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เกี่ยวกับชื่อจริงของนายสุรชัย พร้อมเลขที่ของพาสปอร์ต (หนังสือเดินทาง) เพราะได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่า นายสุรชัย หรือ หรั่ง เคยเข้าประเทศไต้หวันแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนั้น ได้สอบถามถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีเอสไอ โดยนายธาริตกลับคำเปลี่ยนการให้ข่าวว่านายสุรชัยเดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองจีน โดยไม่ชี้แจงกรณีพาดพิงไต้หวันแต่ประการใด “เราได้ติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อแสดงความคิดเห็นและจุดยืนของเราไปแล้ว ว่านายสุรชัยไม่เคยเดินทางไปไต้หวัน เพื่อฝึกอาวุธ ตามที่เป็นข่าวปรากฏออกมาแต่อย่างใด”แหล่งข่าวระบุ
ตุ๊ดบอย รีบเอาหลักฐานที่เอามาโพสในกระทู้นี้ไปให้ทนายความของแกนนำ นปช.โดยด่วน เดี๋ยวทนายจะแก้ต่างไม่ได้ 5555
แล้วที่เอ็งโพสมานี่ มีที่ไหนยืนยันได้บ้าง ขอเอาแหล่งข่าวที่อ้างอิงได้นะ ไม่ใช่อ้างแหล่งข่าวเฉยๆ ใครก็อ้างได้ แต่ศาลไม่รับฟังนะจ๊ะ ตกลงเมิงจะเอาฮาไปถึงไหนนนนนนนน
เกาะติดการสืบพยานโจทก์ครั้งแรก! เปิดตัว 2 พยานปากเอก "คดีชายชุดดำ" นปช. เมษาฯเลือด ปี53 ตามกันที่ความคืบหน้าคดีชายชุดดำในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ซึ่งได้เริ่มต้นกระบวนการสืบพยานโจทก์ครั้งแรกเป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 โดยได้มีการเบิกพยานปากสำคัญที่เป็นเจ้าหน้าตำรวจ ได้แฝงตัวอยู่ในกลุ่มชุมนุมพร้อมกับระบุอย่างชัดเจนว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้มีการเอาอาวุธสงครามเข้าไปในบริเวณพื้นที่ชุมนุมซึ่งในเวลาต่อมาการชุมนุม ดังกล่าวทำให้มี ผู้เสียชีวิต 26 รายและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ศาลอาญา สืบพยานโจทก์ครั้งแรก คดีชายชุดดำ นปช. หมายเลขดำ อ.4022/2557 ที่พนักงานอัย การฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี อายุ 47 ปี ชาวกรุงเทพฯ, นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 26 ปี ชาวเชียงใหม่, นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา อายุ 35 ปี ชาวอุบลราชธานี, นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย อายุ 47 ปี ชาวกรุงเทพฯ นางปุนิกา หรืออร ชูศรี อายุ 41 ปี ชาวกรุงเทพฯ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ หรือชุมชน และมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดที่นายทะ เบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4, 8 ทวิ, 55, 72 ทวิ และ 78 ซึ่งอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.57 จากกรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 จำเลยทั้งห้ากับพวกที่ยังหลบหนี และพวกที่ถึงแก่ความตายไปแล้ว ร่วมกันพกอาวุธ เครื่องกระสุนและวัตถุระเบิด ที่สามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินให้เกิดความเสียหายได้ อาทิ เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79, ปืนเอ็ม 16, ปืนเอชเค (HK) 33 หรือปืนอาก้า ซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ไปตามบริเวณแยกคอกวัว ถ.ตะนาว, ถ.ประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศ เขตพระ นคร ในช่วงที่มีกลุ่มชายชุดดำ ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ระหว่างพิจารณาจำเลยทั้งหมดไม่ได้ รับการปล่อยชั่วคราว ซึ่งศาลเบิกตัวจำเลย จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อร่วมฟังการสืบพยาน ในการสืบพยานอัยการ นำพยาน เข้าสืบรวม 2 ปาก เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองร้อยเอ็ด อดีตตำรวจสายสืบกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ซึ่งเบิกความสรุปว่า พยานได้รับมอบหมายให้แฝงตัวหาข่าวระหว่างการชุมนุม นปช. โดยวันที่ 10 เม.ย.53 รัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ทหารขอคืนพื้นที่การชุมนุมจากกลุ่ม นปช. แล้วเกิดการปะทะกัน ระหว่างเวลาประมาณ 20.00 น. ช่วง ถ.ตะนาว บริเวณอนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ กับธนาคารออมสิน พยานเห็นมีกลุ่มสวมหมวกปิดหน้าสีดำ เสื้อแขนยาวสีดำ วิ่งมาหลายคนมือถืออาวุธปืนอาก้าและอาวุธปืนเล็กยาวเอ็ม 16 ชุดแรกประมาณ 3 คน ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมสกัดกลุ่มชุดดำดังกล่าวชุดที่ 2 ประมาณ 3 คนไว้ทัน แล้วสอบถามว่าเป็นใคร กลุ่มชุดดำบอกเป็นพวกเดียวกัน ผู้ชุมนุมจึงขอดูบัตร แล้วมีการเปิดผ้าคลุมหน้าสีดำออก ระหว่างนั้นพยานจึงได้ถ่ายรูปไว้ ซึ่งผู้ชุมนุมมีการสกัดตรวจเพราะกลัวว่าจะมีการแทรกซึมเข้ามาขณะที่มีการพูดกันว่าเขามาช่วยเราแล้วปล่อยไป และในการชุมนุม ยังตรวจยึดเอ็ม 79 ได้ ซึ่งทำบันทึกการตรวจยึดและเสนอผู้บังคับบัญชา ส่วนการเสียชีวิตของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ทราบเรื่องหลังการขอคืนพื้นที่ ระหว่างการเบิกความ พยานเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้ตัวจำเลยที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีว่า หนึ่งในกลุ่มนั้นมีนายปรีชา อยู่เย็น จำเลยที่ 2 อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ขณะที่ทนายความจำเลยพยา ยามซักค้านพยาน หักล้างประเด็นภาพ ถ่ายและลักษณะอาวุธ รวมถึงการถืออาวุธปืนของชายชุดดำ โดยในวันนี้การสืบพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปากที่ 2 ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งศาลกำหนดให้สืบพยานต่อในนัดถัดไป เพื่อให้เห็นที่มาที่ไปให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้ต้องหากลับเครือข่ายเสื้อแดงก็จะได้มาลำดับให้คุณผู้ชมได้เข้าใจดังนี้ ส่วนการเสียชีวิตของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ทราบเรื่องหลังการขอคืนพื้นที่ ระหว่างการเบิกความ พยานเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้ตัวจำเลยที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีว่า หนึ่งในกลุ่มนั้นมีนายปรีชา อยู่เย็น จำเลยที่ 2 อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ขณะที่ทนายความจำเลยพยา ยามซักค้านพยาน หักล้างประเด็นภาพ ถ่ายและลักษณะอาวุธ รวมถึงการถืออาวุธปืนของชายชุดดำ โดยในวันนี้การสืบพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปากที่ 2 ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งศาลกำหนดให้สืบพยานต่อในนัดถัดไป เพื่อให้เห็นที่มาที่ไปให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้ต้องหากลับเครือข่ายเสื้อแดงก็จะได้มาลำดับให้คุณผู้ชมได้เข้าใจดังนี้ สำหรับคดีนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ 7 คน จับกุมได้แล้ว 5 คน อยู่ระหว่างหลบหนี 2 คน คือ 1.นายธนเดช เอกอภิวัชร์ หรือไก่รถตู้ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 328/22 หมู่ 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา ที่ 1601/2557 2.นายวัฒนะโชค หรือโบ้ จีนปุ้ย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 17 ซอย ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หมายจับศาลอาญา ที่ 1602/2557 ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่จากการแกะรอยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ ระบุชัดว่าชายชุดดำที่ถูกจับกุมนั้นมีความเชื่อมโยงกับ "นางสาวกริชสุดา คุณะเสน" หรือ "เปิ้ล" หนึ่งในบุคคลสำคัญของคนเสื้อแดงที่เวลานี้หลบหนีการจับกุมไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งเมื่อตรวจสอบสายสัมพันธ์ของนางสาว กริชสุดาแล้วก็พบว่า เธอคือเลขานุการและคนสนิทของ "นางมนัญชยา เกศแก้ว" หรือ "เมย์ อียู" แกนนำ นปช.ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ย้อนกลับไป 11 กันยายน 2557 พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกันแต่งกายเป็นชายชุดดำใช้อาวุธสงครามยิงและขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนจนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย จำนวนหลายราย รวมทั้ง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนตะนาว และบริเวณใกล้เคียง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 20.00 น. ในปฏิบัติการขอคืนพื้นที่กลุ่มผู้ชุมนุม "การจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการรวบรวมพยานหลักฐาน ทำงานอย่างรอบคอบจนศาลอนุมัติหมายจับ ทำให้เกิดความกระจ่างต่อสังคมว่าชายชุดดำที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้มีจริง และทุกคนก็ให้การรับสารภาพ หลังจากนี้จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่ามีความเชื่อมโยงกับใครบ้าง มีใครร่วมลงมือ มีใครให้การสนับสนุน" พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้สั่งการคือนายจักรรินทร์ หรือเสธ.ไก่ เรืองศักดิ์วิชิต ซึ่งตอนนี้ถูกศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ออกหมายจับแล้วเลขที่ จ.8 ก./2557 เป็นบุคคลธรรมดา นอกจากนั้นการสอบสวนขยายผลยังพบความเชื่อมโยงกับ น.ส.กริชสุดา คุณะเสน หรือเปิ้ล จากการตรวจค้นบ้านของ น.ส. กริชสุดา ก่อนหน้านี้พบหลักฐานว่ามีการโอนเงินให้กลุ่มคนเหล่านี้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยตัวเลข บอกได้แค่ว่าจำนวนมาก สำหรับสาเหตุนั้นเป็นลักษณะขบวนการ มีหัวโจก มีอุดมการณ์ มีความเกลียดชัง มีค่าจ้าง จึงได้ร่วมกันทำ สำหรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการขออนุญาตดีเอสไอให้คณะทำงานเข้าร่วมสอบสวนครั้งนี้ด้วย เพื่อนำคดีดังกล่าวเป็นคดีหลักต่อไป พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงเหตุการณ์วันก่อเหตุว่า สำหรับเส้นทางดำเนินการของกลุ่มคนร้ายมีทั้งหมด 8 คน รวมทั้ง นายธัมมรัตน์ หรือดำ สุ่มศรี ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ โดยทั้งหมดได้วางแผนและรับมอบอาวุธกันที่คอนโดบ้านริมน้ำ ถนนรามอินทรา 34 จากนั้นทั้งหมดได้อาศัยรถตู้สีขาวเดินทางไปที่เกิดเหตุ โดยขับรถขึ้นทางด่วนรามอินทรามาลงยมราชและจอดรถที่ซอยวัดมหรรณพาราม ถนนตะนาว เมื่อลงจากรถก็เดินไปตามถนนตะนาวมุ่งหน้าไปที่แยกคอกวัว ก่อนถึงแยกคอกวัวได้ผ่านจุดคัดกรอง เจอการ์ดซึ่งมีตำรวจร่วมด้วยแต่ตำรวจจุดนั้นไม่มีอาวุธ ตรงจุดนี้พบว่ากลุ่มคนร้าย 3 คนมีอาวุธไปด้วย การ์ดเข้ามาตรวจถ่ายรูป จากนั้นได้ปล่อยเข้าไปด้วยรหัสผ่าน "พิราบขาว" ต่อมาคนร้ายเดินไปตรงธนาคารออมสิน เริ่มใช้อาวุธระดมยิงใส่ชุดทหารที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม หลังจากยิงเสร็จได้ถอนกำลังย้อนกลับมายังจุดที่รถตู้จอด ระหว่างทางนายธัมมรัตน์ ซึ่งถืออาวุธปืนเอ็ม 79 มาด้วย ถูกตำรวจล็อกไว้ ยึดปืนเอาไว้ได้ ส่วนคนร้ายใช้กลุ่มผู้ชุมนุมกดดันแย่งตัวไปได้ จากนั้นคนร้ายทั้งหมดได้มารวมตัวกันอีกครั้งที่รถตู้จอดอยู่ แล้วขับรถอ้อมไปถนนตะนาว เข้าถนนดินสอ สวนกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้รถฮัมวี่ จุดนั้นคนค่อนข้างเยอะก็เบียดกัน คนร้ายลดกระจกลงมา และหนึ่งในผู้ต้องหาตะโกนด่าทหาร "ไปทำเหี้ยอะไร ที่นี่ ทำไมไม่ไปปฏิบัติการที่ภาคใต้" คำพูดนี้ทำให้ ทหารสามารถจำหน้าได้ 1 คนที่อยู่ในรถ หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายก็แยกย้ายหลบหนีกันไป หลายปี ตำรวจและทหารเฝ้าสืบสวนจนมีหลักฐานแน่ชัดขออนุมัติออกหมายจับจนจับกุมได้ นายกิตติศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า ได้กระทำการดังกล่าวจริง โดยไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่างคนต่างมา มารู้จักกันเพราะมาร่วมทำงานนี้ ได้เจอกันที่สถานีวิทยุชุมชน เอฟเอ็ม 91.75 ส่วนอาวุธก็ไม่เคยฝึกใช้มาก่อน วันเกิดเหตุก็ไปรับอาวุธที่บ้านริมน้ำ จากนั้นนาย ธนเดช หรือไก่ ก็ได้สอนการใช้อาวุธว่า ทำแบบไหน แล้วก็ตามๆ กันไป โดยไม่ได้เจาะจงว่า ให้ยิงใครเป็นการเฉพาะ บอกให้ยิงในซอยนั้นก็ยิง ไม่ได้บอกให้ยิงทหารคนไหนเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ในวันก่อเหตุ นายกิตติศักดิ์ใช้ อาวุธปืนเอ็ม 79 และระเบิดเอ็มเค-2 นายธัมมรัตน์ ใช้อาวุธเอ็ม 79 นายธนเดชใช้อาวุธปืนเอ็ม 203 นายวัฒนะโชคใช้อาวุธปืนเอเค47 นายปรีชาใช้อาวุธปืนเอเค 47 นายรณฤทธิ เฝ้ารถไม่มีอาวุธ นายชำนาญใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ส่วนนางปุณิกา ใช้ระเบิดเพลิงเอ็ม 100 อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีอีก สอง คนโดยเฉพาะนายธนเดช เอกอภิวัชร์ หรือไก่รถตู้ จากข้อมูลของสำนักข่าวทีนิวส์ ได้ตรวจพบว่ามีความเชื่อมโยงไปถึงแกนนำนปช.หลายคนจากเหตุการณ์เมื่อครั้งที่แม่นายธนเดชเสียชีวิตและแกนนำนปช.หลายคนได้ส่งพวงหรีดไปแสดงความเสียใจ ซึ่งในเวลาต่อมาแม่ของนายธนเดช ได้เสียชีวิตลงซึ่งในงานศพเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ปี 2553 บรรดาแกนนำ นปช. ก็ได้ส่งพวงรนีดไปร่วมไว้อาลัย ก็คือ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายพายัพ ปั้นเกตุ นายขวัญชัย ไพรพนา พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ และนายจักรภพ เพ็ญแข ขอถามว่าแกนนำ นปช.ไปมีความสัมพันธ์กับคนขับรถตู้รับส่งชายชุดดำถึงขนาดที่ส่งพวงsรีดไปร่วมแสดงความเสียใจในงานศพของแม่นายธนเดช ได้อย่างไร http://www.tnews.co.th/html/contents/180711/
ยังไงเรื่องนี้ควายแดงก็ต้องดิ้นครับ แกนนำฝังชิพเข้าสมองสาวกไปแล้ว ตามด้วยเหล่านักรับจ้างโพสท์ต้องทะยอยออกมาสะกดจิตสาวก "ไม่มีชายชุดดำ ไม่มีชายชุดดำ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แต่คงได้ผลยากหน่อย หลักฐานเยอะออกอย่างนี้
คนโพสท์เอาจริงครับ ไม่ได้เอาฮา นี่คือกระบวนการสะกดจิตสาวกควายแดงว่าไม่มีชายชุดดำ ที่ต้องโพสท์ในนี้เพราะเผื่อมีควายแดงหลงเข้ามาอ่าน
ตุ๊ดบอยนี่ มันไม่รู้อะไรเลยเหรอ ที่ผมบอกให้เอาที่มันโพสไปให้ทนายของ นปช. ไปสู้ในศาล หลักฐานที่มโนเขียนขึ้นมาเอง หลักฐานอ้างอิงไม่มี รู้หรือเปล่าว่ากรู ประชดเมิง ใครกันแน่ที่ไปต่อไม่เป็น หุหุ วิ่งหนีหางจุกตูดไปเลย
จำไว้ควายแดงทั้งหลาย สัจธรรมของชีวิตคน มันจะเอาตัวรอดเมื่อตัวเองเริ่มลำบาก หรือความหายนะมาเยือน ความเลวที่ทำ ๆ กันไว้รับรองว่ามันไม่แบกรับไว้คนเดียวหรอก มันจะซัดทอดกันเป็นลูกโซ่ แล้วควายก็จะมารวมฝูงในคอกกันอีกครั้งนึง อย่างน้อยไอ้คนซัดทอดหรือสารภาพในชั้นศาลมันยังพอมองเห็นความปราณีของศาลท่านแบบรำไร ๆ ว่ามันให้ความร่วมมือในชั้นศาลอาจจะได้สิทธิพิเศษของบัตรสมาชิกควายลดโทษให้นิดนึง แล้วเมื่อทุกอย่างเปิดเผยและปรากฎออกมาควายทั้งหลายอย่าแถนะว่าชุดดำไม่มี ไอ้พวกเผาไม่มี
พูดถึงควาย เมื่อไหร่จะตอบซักทีครับว่ารถหรูผิดยังไง ตอบไม่ได้นี้ ก็แปลว่า hot boy เชื่อไปเองว่าผิด แล้ว hot boy ชอบพูดว่าใครเชื่ออะไรผิดๆโง่ งั้น hot boy ก็โง่ซิครับ
โอ๊ย ยิ่งกว่านี้ยังมีเลย ทหารไม่ได้เข้าไปใกล้วัดปทุมเลย แต่ดันเชื่อว่าทหารยิง กระสุนเข้าน้องเกดแนวระนาบขนานกับลำตัว ยังเชื่อเป็นตุเป็นตะว่าถูกยิงจากรางรถไฟฟ้าด้านบน แถมหลายศพมีเขม่าดินปืนติดที่ตัวซึ่งบอกว่าถูกยิงระยะใกล้ มันยังเชื่อเฉยเลยว่าถูกยิงจากทหารที่ห่างไปเป็นร้อยเมตร ไม่รู้ว่าอันนี้ ฮอตบอยเรียกว่า ปู่ของควายได้มั้ย แต่เสื้อแดงทุกตัวเลยอ่ะที่เชื่อแบบนี้ กลายเป็นน้องเกดใส่ชุดกาชาดตอนโดนยิงด้วยอ่ะ ยิ่งกว่าควายอีกเนอะ
จับได้ตั้งแต่ปี 2557 กรุงเทพฯ 12 ก.ย.- ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาชุดดำชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพคดีใช้อาวุธสงครามยิงปะทะในเหตุ 10 เมษายน 53 เตรียมฝากขังศาลพรุ่งนี้ นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี, นายปรีชา อยู่เย็น, นายรณฤทธิ์ สุริชา และนายชำนาญ ภาคีฉาย กลุ่มชายชุดดำ ถูกตำรวจกองปราบปราม ควบคุมตัวไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณสี่แยกคอกวัว หลังร่วมกัน ใช้อาวุธสงคราม ยิงต่อสู้กับทหารระหว่างขอคืนพื้นที่การชุมนุมกลุ่ม นปช. บริเวณถนนราชดำเนิน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 เมษายน 2553 เป็นเหตุทหารและพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยจุดแรก บริเวณถนนตะนาว ตัดกับถนนข้าวสาร ที่ผู้ต้องหาใช้อาวุธสงครามยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร และจุดที่ 2 คือจุดจอดรถตู้ บริเวณถนนตะนาว หลังอนุสรณ์สถาน 14 ตุลาคม ใกล้วัดมหรรณพารามวรวิหาร ก่อนเดินข้ามฝั่งมาก่อเหตุด้านถนนข้าวสาร ทั้งนี้ ไม่ได้นำตัวนางสาวปุณิกา ชูศรี มาทำแผนครั้งนี้ เนื่องจากไม่ยินยอม การทำแผนครั้งนี้มีกำลังตำรวจรวม 3 กองร้อย 450 นาย คอยดูแลความปลอดภัยตลอดจนการทำแผน ก่อนควบคุมตัวกลับไปสอบต่อที่กองปราบปราม ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กลุ่มชายชุดดำกลุ่มนี้ มีความเชื่อมโยงถนนดินสอ ที่ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต เชื่อมโยงกับกรณีพบอาวุธที่ในพื้นที่กระทุ่มแบน สมุทรสาคร และมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่านี้ เตรียมขยายผลออกหมายจับเพิ่มอีก ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมีอีก 3คน คือ นายจักรินทร์ เรืองศักดิวิชิต เสธ.ไก่, นายธนเดช เอกอภิวัชร และนายวัฒนโชค จีนปุ้ย อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และพกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดเข้าไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะควบคุมตัวไปขออำนาจศาจอาญาฝากขัง ในเช้าวันพรุ่งนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ.-สำนักข่าวไทย กรุงเทพฯ 13 ก.ย.-หลังจากเมื่อวานนี้ตำรวจนำตัวชายชุดดำ 4 คนคือ นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี, นายปรีชา อยู่เย็น, นายรณฤทธิ์ สุริชา และนายชำนาญ ภาคีฉาย ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คดีร่วมกันใช้อาวุธสงครามยิงต่อสู้กับทหารระหว่างขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณสี่แยกคอกวัวเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 โดยนางปุณิกา ชูศรี ผู้ต้องหาอีกคน ไม่พร้อมไปทำแผน วันนี้ตำรวจจะควบคุมตัวทั้งหมดไปขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ.-สำนักข่าวไทย
จะชุดดำ หรือชุดไร มาลุ้นกันดีกว่าว่าวันนี้จะมีประชุม สนช รอเรื่องสำคัญจาก ครม จะมีเรื่องนิรโทษฯอะไร ให้ใคร รึเปล่า ???
เห็นมีข่าวช่องเสื้อแดงออกข่าวศลายกฟ้องชายชุดแล้วไม่ใช่เหรอ 1.นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี อายุ 47 ปี ชาวกรุงเทพฯ, 2.นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 26 ปี ชาวเชียงใหม่, 3.นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา อายุ 35 ปี ชาวอุบลราชธานี, 4.นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย อายุ 47 ปี ชาวกรุงเทพฯ 5.นางปุนิกา หรืออร ชูศรี อายุ 41 ปี ชาวกรุงเทพฯ ชุดเดียวกันหรือเปล่า
ตรรกะแบบควายแดง กี้ร์บอกว่ามีกองกำลังติดอาวุธมาสนับสนุนมวลชนเสื้อแดง แต่ชายชุดดำที่ฆ่าทหารและประชาชนไม่ใช่พวกตน เต้นบอกมวลชนว่าเผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง แต่ปฎิเสธเรื่องคนเสื้อแดงเผาเซ็นทรัลเวิร์ล กี้ร์ให้คนจากเหนืออิสานเอาขวดคนละใบมากทม.แล้วใส่น้ำมัน ให้กรุงเทพฯเป็นทะเลเพลิง แต่บอกว่าเสื้อแดงไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง ก่อแก้วบอกให้สาวกปลดรูปที่มีทุกบ้าน แต่ไม่ยอมรับว่าเสื้อแดงสนับสนุนพวกล้มเจ้า คนพูดน่ะควายแล้ว แต่คนเชื่อเป็นควายยิ่งกว่า
หลุดเฉพาะคดี อ.1940/2558 ครอบครองอาวุธสงครามจากที่เจอในรถและอพาร์ทเมนต์ยกฟ้อง แต่คดี อ.4022/2557 พกอาวุธในเมืองและก่อการร้าย ไม่ได้รับการประกันตัวครับ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000059594
"ชายชุดดำ" ไม่เคยมีอยู่จริง ???? ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 10 ปี การ์ดกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กรณีก่อเหตุยิงเอ็ม79 ใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่แยกคอกวัว เมื่อปี 2553 จำคุกการ์ด นปช. 10 ปี เหตุยิงเอ็ม 79 กลางวงทหารสี่แยกคอกวัวปี 53 ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีที่ นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี, นายปรีชา อยู่เย็น, นายรณฤทธิ์ สุริชา, นายชำนาญ ภาคีฉาย และ นางปุนิกา ชูศรี เป็นจำเลยที่ 1- 5 กรณีร่วมกันพกอาวุธ เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิด อาทิ เครื่องยิงลูกระเบิดแบบ M79, ปืน M16, ปืนอาก้า บริเวณแยกคอกวัว ถนนตะนาว ถนนประชาธิปไตย เขตพระนคร ในช่วงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม นปช. เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า นายกิตติศักดิ์ จำเลยที่ 1 และนายปรีชา จำเลยที่ 2 ทำผิดตามฟ้อง ร่วมกันพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะหรือชุมชน และมีอาวุธเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ พิพากษาจำคุกคนละ 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 3, ที่ 4 และที่ 5 แม้ว่าในชั้นสอบสวนจะให้การรับสารภาพ แต่เจ้าหน้าที่มีเพียงบันทึกคำซักถามและคำให้การของผู้ต้องหาเท่านั้น เป็นเพียงพยานบอกเล่าและคำซัดทอด แม้จะมีภาพถ่ายนำชี้ที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีประจักษ์พยานเบิกความสนับสนุน จึงมีเหตุให้สงสัย ไม่มีน้ำหนัก พยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ จึงยกประโยชน์ให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์
กร๊ากกกกกกกก อะจ๊ากกกกกกกกก ป๊าดดดดดโถ่ เก่งจริงๆ แค่คนขับรถตู้ มีกันเพียงไม่กี่คน สามารถไล่ถล่มทหารนักรบเรือนหมื่น ซะกระจุยกระจายแตกทัพได้ คุณคือสุดยอดมนุษย์แรมโบ้จากต่างดาวแน่ๆ ……. งานนี้ตำรวจก็เก่งเหลือเกิน เพียงชั่วข้ามคืนก็สามารถจับกุมตัวได้ ………. ทหารพยานพบเห็น สายตาก็ดีอย่างเหลือเชื่อ สามารถจดจำใบหน้าคนร้ายขณะนั่งรถตู้ผ่านได้เป็นอย่างดี แถมจำแนกชนิดของอาวุธในรถตู้ได้อีก บุคลากรอันทรงคุณค่าของกองทัพจริงๆ .. เอ๊ะ เข่นฆ่าตายคนตายไปเป็นเบือ ทำไมติดคุกแค่10ปีเองล่ะเนี้ย ...... เอ๊ะ มองเห็นปืนในรถตู้ได้ไงเนี้ย มีใครฉลาดพอที่จะบอกผมได้บ้างมะ
