ใครๆ เขาก็เตือนแล้วเตือนอีกว่า โครงการนี้ ทำให้ชาติเสียหาย มันก็ยังดันทุรังทำ เพราะอยากได้คะแนนนิยม และได้ค่าหัวคิว ต่างๆ ให้พรรคพวกมัน...พอเขาให้รับผิดชดใช้บอกไม่ได้ทำอะไร ก็ที่มันไม่ทำนี่แหละ เขาเรียกว่า ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ไม่ระงับยับยั้งโครงการนี้ ทั้งที่ตัวเองมีหน้าที่ต้องทำ... ก็โง่กันซะอย่างนี้ไง ถึงเข้าคุกไปหลายคนแล้ว พวกเพื่อไทยนี่
กรณี เรียกค่าเสียหายนี่รู้สึกเขาจะแยกความรับผิดชอบเป็น 2 ส่วนนี่ครับ ยิ่งลักษณ์นี่โดนทั้ง 2 กลุ่ม ฐานะนายกฯ กับประธาน กนข. ที่แบ่งเป็น 20 % กับ 80% เข้าใจอย่างนี้นะครับ
ค่าเสียหายที่เรียกเป็นคำสั่งทางปกครองครับ ไม่เกี่ยวกับคดีความ http://thaipublica.org/2016/09/plegd-rice-102/ ล่าสุดนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง เปิดเผยว่าเมื่อวันพุธที่ 21 กันยายน 2559 ตนได้ลงนามรับรองมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ให้เรียกค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 35,717 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของมูลค่าความเสียหาย 178,586 ล้านบาท พร้อมกับทำหนังสือผ่านรองปลัดกระทรวงการคลัง นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและนายกรัฐมนตรี ร่วมกันลงนามคำสั่งทางปกครองแจ้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการดำเนินโครงการดังกล่าว หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เห็นด้วย สามารถยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวได้ แต่ถ้าไม่ดำเนินการใดๆ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ต่อไป .... ด้าน น.ส.เยาวนุช วิยาภรณ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง กล่าวถึงสาเหตุที่คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งลงความเห็นให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบความเสียหายเฉพาะปีการผลิต 2555/2556 และ 2556/2557 เนื่องจากคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาจากหลักฐาน 3 ส่วน ดังนี้ คือ 1. ทั้ง สตง. และ ป.ป.ช. ได้ทำหนังสือเตือนเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งครั้งนี้ระบุถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นค่อนข้างชัดเจน 2. ช่วงที่มีการประเมินโครงการรับจำนำข้าว กระทรวงการคลังได้ทำหนังสือเสนอความเห็นว่าโครงการนี้ก่อให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณและมีภาระเงินกู้ และ 3. คณะอนุกรรมการปิดบัญชีรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายรัฐบาล สรุปตัวเลขวงเงินความเสียหายจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวอย่างชัดเจนเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ทบทวนหรือสั่งชะลอ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ดำเนินการ นี่คือความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ซึ่งแตกต่างจากคณะกรรมการความรับผิดทางละเมิด ที่มองว่าอดีตนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมด นายมนัสชี้แจงถึงเหตุผลที่คณะกรรมการฯ ลงความเห็นให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น 20% ว่า ตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 วรรคที่ 2 ระบุว่าการเรียกค่าเสียหายให้คำนึงถึงความร้ายแรงของการกระทำ และต้องให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ โดยไม่ต้องชดใช้ความเสียหายเต็มจำนวนก็ได้ วรรคสุดท้าย ระบุกรณีมีเจ้าหน้าที่ร่วมกระทำความผิดหลายคน กำหนดให้รับผิดชอบเฉพาะในส่วนของตนเท่านั้น เมื่อพิจารณาจากการคดีที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ประชุมไปทั้งหมด 13 ครั้ง จึงลงความเห็นให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบความเสียหาย 20% ของมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น 178,586 ล้านบาท คิดเป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ส่วนปีการผลิต 2554/2555 และนาปรัง 2555 ไม่ได้จงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง “หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ทำไมต้องรับผิดทางละเมิด ประเด็นต้องแยกระหว่างผู้กำหนดนโยบายกับผู้บังคับบัญชา กรณีผู้กำหนดนโยบายไม่ถือว่ากระทำผิดทางละเมิด แต่กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา มีอำนาจหน้าที่ต้องระงับ ยับยั้ง เมื่อมีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่าโครงการรับจำนำข้าวเกิดความเสียหาย แต่ไม่สั่งชะลอหรือทบทวนโครงการ ถือว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง” นายมนัสกล่าว
คดีที่ยิ่งลักษณ์โดนก็คือ ทั้งนี้ อัยการสูงสุดพิจารณาพยานหลักฐานที่คณะทำงานอัยการส่งมาประกอบพยานหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดในสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้วเห็นว่าคดีมีความสมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีอาญา กับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงให้ดำเนินคดีอาญาฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัญติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=594088 โดยนายวิชา กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เต็มองค์คณะ ในฐานะคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวได้ไต่สวนข้อเท็จจริง กระทั่งสรุปเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ในวันเดียวกันนี้ (17 ก.ค.) เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกกล่าวหาเพิกเฉย ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ตามที่มีอำนาจหน้าที่จนทำให้ทางราชการได้รับความเสียหายตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554 มาตรา 66 ที่บัญญัติว่า กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุอันควรสงสัย หรือมีผู้กล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว ดังนั้น จึงยกข้อสงสัยเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีนี้โดยชอบด้วยกฎหมาย http://www.manager.co.th/politics/viewnews.aspx?NewsID=9570000080887 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 https://www.bot.or.th/Thai/Financia...aw_Notification/DocLib_Acts/Act_PPCH_2542.pdf
ไต่สวนมาเกือบ 2 ปี ฟ้องมาอีกเกือบ 2 ปีแล้วยังไม่ตัดสิน... รวมเกือบ 4 ปีแล้ว ยังบอกเร่งรัด http://thaipublica.org/2015/10/plegd-rice-95/ คดีจำนำข้าว กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เริ่มขึ้นเมื่อ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปยื่นคำร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาไต่สวน ราวปลายปี 2555 จากนั้น ป.ป.ช. ก็ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ในการรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนมีมติชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 และกรณีให้ดำเนินคดีอาญา ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 โดยในส่วนของคดีอาญา ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนให้ อสส. พิจารณา แต่ต่อมามีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช. กับ อสส. เพื่อแก้ไขข้อไม่สมบูรณ์ ก่อนที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อสส. จะมีความเห็นสั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาฯ เมื่อต้นปี 2558 23 มกราคม 2558 อสส. มีความเห็นสั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีจำนำข้าว ต่อศาลฎีกาฯ วันเดียวกัน ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยคะแนน 190:18 เสียง ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกตัดสิทธิที่จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี 19 กุมภาพันธ์ 2558 คณะทำงานของ อสส. นำสำนวนคดีจำนำข้าว ที่กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ 19 มีนาคม 2558 (วันนัดอ่านคำสั่ง) ศาลฎีกาฯ มีมติรับฟ้องคดีจำนำข้าว พร้อมตั้ง “นายวีระพล ตั้งสุวรรณ” รองประธานศาลฎีกาขณะนั้น เป็นเจ้าของสำนวน 19 พฤษภาคม 2558 (วันพิจารณาคดีครั้งแรก) น.ส.ยิ่งลักษณ์มาร่วมการพิจารณาคดีที่ศาลฎีกาฯ เป็นครั้งแรก กล่าวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝาก มูลค่า 30 ล้านบาท 31 สิงหาคม 2558 (วันตรวจบัญชีพยาน) น.ส.ยิ่งลักษณ์ยื่นคำร้อง 1. ขอให้รอพิจารณาคดีนี้ไว้ก่อน เพราะอยู่ในอำนาจศาลปกครองไม่ใช่ศาลฎีกาฯ และ 2. คัดค้านการเพิ่มเติมพยานบุคคลและเอกสารของ อสส. แต่ศาลฎีกาฯ มีมติยกคำร้องทั้ง 2 คำร้อง 29 กันยายน 2558 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นฟ้อง อสส. กับพวก ต่อศาลอาญาชั้นต้น ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีสั่งฟ้องคดีนี้ต่อศาลฎีกาฯ ก่อน สนช. ลงมติถอดถอนเพียง 1 ชั่วโมง และเพิ่มเติมข้อกล่าวหารวมถึงพยานหลักฐานกว่า 60,000 แผ่น ลงไปในสำนวน 6 ตุลาคม 2558 ศาลอาญาชั้นต้น ไม่รับคำฟ้องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะไม่บรรยายฟ้องให้เห็นว่า อสส. จงใจกลั่นแกล้งอย่างไร และการเพิ่มเติมพยานหลักฐานก็เป็นไปตามกฎหมาย โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์มีสิทธินำพยานหลักฐานมาหักล้างได้ในการขั้นตอนไต่สวนของศาลฎีกาฯ 29 ตุลาคม 2558 (วันนัดฟังคำสั่งกำหนดการไต่สวนพยาน) 15 มกราคม 2559 (วันเริ่มต้นการไต่สวนพยานหลักฐาน) ศาลฎีกาฯ เริ่มไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์ 5 นัด รวม 14 ปาก และพยานฝ่ายจำเลยอีก 16 นัด รวม 42 ปาก
เป็นนักการเมืองเอาเงินไปถล่มทิ้งๆขว้างๆ (เข้ากระเป๋าใครบ้างก็ไม่รู้) ยังไงก็ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบ มิน่าใครๆ ก็อยากจะเป็นนักการเมือง
สตง.ขู่ฝ่าฝืน ม.157! ปลัดคลังฯ ยื้อเก็บภาษีน้ำมันเชฟรอน ส่งกฤษฎีกาตีความซ้ำ เผยเบื้องหลัง! ปลัดคลังฯ ส่งกฤษฎีกาตีความกรณีภาษีน้ำมันบ.เชฟรอน ใหม่ เหตุฝ่ายกม.กรมศุล หวั่นถูกเล่นงานวินิจฉัยข้อกฎหมายผิด - ด้าน สตง. รับทราบข้อมูลแล้ว ขู่ระวังฝ่าฝืน ม.157 https://www.isranews.org/isranews-news/item/51037-newsoll0088.html “ชาญชัย”เผยข้อมูลเอื้อคิงเพาวเวอร์ ทำรัฐเสียหาย - คมชัดลึก www.komchadluek.com/news/politic/24437730 ก.ย. 2559 - ชาญชัย” เผยข้อมูล ทอท.เอื้อประโยชน์คิงเพาวเวอร์ ทำรัฐเสียหาย ชี้มีตั้งแต่ยุค “ทักษิณ” ส่วนการวางขายสินค้าประชารัฐทำได้ โดย ทอท.
แถมถ้าเจียดๆเศษเงินเอาไปแจก เอาไปจ้างคนไทยบางคนเสียบ้าง จะมีคนยกย่องเชิดชู คอยปกป้องสนับสนุนให้ครองอำนาจไปตลอด มันเป็นซะแบบนี้ นักการเมืองถึงไม่เคยเกรงกลัวกฏหมาย แถมยังสืบทอดอำนาจให้โคตะระมัน เข้ามาเล่นการเมืองได้อีกด้วย
http://thaipublica.org/2016/09/plegd-rice-102/ “คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง” ของกระทรวงการคลัง ที่มีนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธานฯ เพื่อพิจารณาและออกคำสั่งทางปกครอง เรียกค่าเสียหายจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. 2539 โดยที่ไดมีการตราพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. 2539 ขึ้น และกฎหมายดังกลาวมีหลัก การเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากแนวทางปฏิบัติในเรื่องความรับผิดทางแพงที่ทาง ราชการถือปฏิบัติในปจจุบัน โดยไดแยกความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ออกเปนเหตุที่เนื่องมาจากการปฏิบัติหนาที่ และที่ไมใชการปฏิบัติหนาที่ โดยเมื่อมีความเสียหายเนื่องมาจากการปฏิบัติหนาที่นั้น หนวยงานของรัฐจะตองรับภาระชดใช คาเสียหายไปกอน สวนเจาหนาที่ของรัฐจะรับผิดชดใชคาเสียหายตอหนวยงานของรัฐเพียงใดนั้น ใหไปไลเบี้ยตอไปในภาย หลัง โดยจะยึดหลักวาจะเรียกเอาแกเจาหนาที่ของรัฐเฉพาะกรณีความเสียหายนั้นเกิดขึ้นโดยจงใจหรือประมาทเลินเลอ อยางรายแรงเทานั้น นอกจากนี้ในกรณีที่เจาหนาที่ของรัฐตองรับผิดชดใชคาเสียหายใหเจาหนาที่ของรัฐสามารถผอนชําระ คาสินไหมทดแทนไดโดยคํานึงถึงรายไดฐานะ ครอบครัวและความรับผิดชอบ และพฤติการณแหงกรณีประกอบดวย สําหรับความเสียหายที่เกิดจากการที่ไมใชการปฏิบัติหนาที่ เจาหนาที่ของรัฐจะตองถูกฟองและชดใชคาสินไหมทดแทนเปน การสวนตัวโดยไมเกี่ยวกับทางราชการสมควรวางระเบียบกําหนดหลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของ เจาหนาที่ใหเหมาะสมและสอดคลองกับพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. 2539 คณะรัฐมนตรีจึงมี มติใหวางระเบียบไวดังตอไปนี้ ... หมวด 1 กรณีเจาหนาที่กระทําละเมิดตอหนวยงานของรัฐ ... ขอ 8 เมื่อเกิดความเสียหายแกหนวยงานของรัฐแหงใด และหัวหนาหนวยงานของรัฐแหงนั้นมีเหตุอันควรเชื่อวาเกิด จากการกระทําของเจาหนาที่ของหนวยงานของรัฐแหงนั้น ใหหัวหนาหนวยงานของรัฐดังกลาวแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอ เท็จจริงความรับผิดทางละเมิดขึ้นคณะหนึ่งโดยไมชักชา เพื่อพิจารณาเสนอความเห็นเกี่ยวกับผูตองรับผิดและจํานวนคาสิน ไหมทดแทนที่ผูนั้นตองชดใช http://legal.tu.ac.th/menu/law_tu/p...ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่พ.ศ.2539.pdf
มีมาฝาก ...ข่าวล่าสุดจากทางกระทรวงพาณิชย์ (23 ต.ค.2559) ต่อผู้กระทำผิดร่วมรายอื่นๆ พาณิชย์เตรียมออกเกณฑ์ประเมินมูลค่าความเสียหายคดีจำนำข้าวรายบุคคล 19:12 | 23 ตุลาคม 2559 กระทรวงพาณิชย์เตรียมประชุมกับกระทรวงยุติธรรมพิจารณาหลักเกณฑ์ประเมินมูลค่าความเสียหายคดีโครงการรับจำนำข้าวรายบุคคล ปลายเดือนนี้ พร้อมร่างหนังสือเตือนจำเลยคดีเรียกค่าเสียหายทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หลังส่งจดหมายและปิดประกาศรับทราบคดีแล้ว วันนี้ (23 ต.ค.2559) นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามการชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวว่า กรมฯได้ดำเนินการส่งจดหมายเรียกค่าเสียหายคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมพวก 20,000 ล้านบาท จำเลยได้รับจดหมายแล้ว 4 คน และไม่มีผู้รับ ต้องปิดหมายเรียก 2 คน พร้อมเตรียมร่างหนังสือเตือนให้ชดใช้ค่าเสียหายและส่งให้กรมบังคับคดีดำเนินการ หากจำเลยเพิกเฉย และไม่ยื่นอุทธรณ์ตามสิทธิ์ รวม 45 วัน ส่วนการเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวจากข้าราชการและผู้เกี่ยวข้อง อีกร้อยละ 80 นั้น กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ดำเนินการ คาดว่าจะนัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปลายเดือนนี้ โดยระหว่างนี้ กรมฯกำลังรวบรวมเอกสารหลักฐานลำดับเหตุการณ์ และคำสั่งจากนโยบายดังกล่าว เตรียมพร้อมสำหรับการเข้าร่วมประชุม นางดวงพร กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีข้าราชการกระทรวงพาณิชย์เข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนมาก ทำให้การพิจารณาความผิดและประเมินมูลค่าความเสียหายรายบุคคล อาจทำได้ยากกว่าและอ่อนไหวมากกว่าคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ เนื่องจากเป็นการพิจารณาความผิดจากการทำตามคำสั่งนโยบาย ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะกำหนดหลักเกณฑ์การวินิจฉัยอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ จะได้รับความเป็นธรรม ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว สรุปค่าเสียหายจากความประมาทเลินเล่อในการบริหารโครงการของอดีตนายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบ 35,700 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 178,000 ล้านบาท http://news.thaipbs.or.th/content/256967 (ยังยืนยันว่ายิ่งลักโดน 20%) (ยิ่งลัก และทักษิณผู้อยู่เบื้องหลัง พาคนอื่นรวมทั้งข้าราชการผู้น้อยติดร่างแหซวยไปด้วย สำนึกกันบ้างหรือเปล่า)
เขาพาดหัวว่า... "สัญญาณปลุกมวลชนมาแล้ว ???"… *** *** *** ภูมิธรรมชี้ยิ่งลักษณ์ ถูกเลือกปฏิบัติ โดนเรียกค่าเสียหายจำนำข้าวไม่เป็นธรรม อ้างหากถูกยึดทรัพย์ ยิ่งสร้างความขัดแย้ง ปลุกถึงเวลา ร่วมแรงร่วมใจช่วยพ้นอันตราย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกเห็นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังเผชิญกับความกดดันจากนโยบาย และความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาชาวนาในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน แต่กลับต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ทั้งโดยการรัฐประหารและใช้กลไกทางกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติหลายรูปแบบ ตั้งแต่การถอดถอนออกจากตำแหน่ง เร่งรัดรีบเร่งไต่สวนคดีทั้งหลาย เพื่อนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดี โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามให้อดีตนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นการส่วนตัว จากโครงการรับจำนำข้าว 35,000 ล้านบาท อย่างขาดเหตุผลอันชอบธรรมที่จะอธิบายต่อสาธารณะ ที่มิใช่วิถีทางประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวอีกว่า การออกคำสั่งทางปกครองเพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหาย นั้น รัฐบาลมีความจำเป็นใดที่ทำให้ต้องรีบเร่ง และรวบรัดดำเนินการเข้าสู่กระบวนการเรียกให้ชดใช้ความเสียหายด้วยเงินจำนวนมาก ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้อยู่ในการบังคับของ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิด พ.ศ.2539 เพื่อช่วยมิให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดทางละเมิด ให้รัฐต้องรับผิดแทน เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าหน้าที่นั้นกระทำละเมิดด้วยความจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ถึงเวลาที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจ ผนึกกำลังความคิดและสติปัญญาโดยวิถีทางแห่งอารยชนช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้รอดพ้นจากอันตราย และเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ตกเป็นเหยื่อของการทำลายล้างบนความแตกแยก ร้าวฉานของสังคมไทยที่มีมานาน นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังอ้างว่า มีนักกฎหมายหลายคนตั้งประเด็นการเร่งรัดเรียกค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในโครงการรับจำนำข้าวถึง 35,000 ล้านบาท ว่า การถูกเรียกให้ชดใช้ความเสียหายจากนโยบายการรับจำนำข้าว ด้วยการออกคำสั่งอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีเข้าไปยึด และอายัดทรัพย์ได้นั้น กำลังสร้างความขัดแย้งในสังคม เพราะประชาชนบางส่วนแสดงเจตจำนงจะร่วมแบ่งปันความทุกข์กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม ไม่คำนึงถึงกระบวนการยุติธรรมที่อยู่ในหลักนิติธรรม ที่ประชาชนกำลังเฝ้าดู และติดตามระบบและกระบวนการยุติธรรมของสังคมไทย http://deeps.tnews.co.th/contents/209964/ *** *** *** อ่านแล้ว คิดเห็นกันเช่นไร เชิญได้ครับ...
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะอดีตผู้ตรวจสอบบัญชีของ สตง. กล่าวถึงกรณีนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดจากโครงการรับจำนำข้าว ระบุตัวโครงการจำนำข้าวไม่ก่อความเสียหาย แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผิดพฤติการณ์ ว่า ผิดหรือไม่ผิดยังพูดไม่ได้หรอกเพราะต้องย้อนไปดูว่าที่ปิดบัญชีไม่ได้ เพราะไม่มีบัญชีให้ปิดใช่ไหม เนื่องจากไม่มีเอกสารรับ-จ่ายจำนำข้าวในนามโครงการรับจำนำข้าวใช่ไหม เพราะโครงการรับจำนำข้าวไม่ใช่นิติบุคคลหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจแต่เป็นเพียงโครงการ หรือกิจกรรมหนึ่ง ที่รัฐตั้งขึ้นมาแล้วใช้งบประมาณรายจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้สนช.ไม่เคยมีรายงานการปิดบัญชีให้ได้รับทราบเลย จากที่ป.ป.ช.กล่าวหามาจะเห็นว่าไม่เคยเห็นเรื่องนี้บรรจุเป็นวาระเพื่อทราบให้สนช.เลย ดังนั้นเวลาไปฟ้องเรื่องความรับผิดทางละเมิด ถ้าเค้าถามหาว่าบัญชีอยู่ไหนก็ตายเลย ตนไม่แปลกใจที่ผู้เกี่ยวข้องออกมาพูดแบบนี้ เพราะคิดว่าพูดเพื่อให้จบงานเท่านั้น ถามว่าวันนี้โครงการรับจำนำข้าวทำไมไม่เห็นสตง.ไปปิดบัญชีเลย วงรอบปีบัญชีก็ไม่ใช่ คนรับผิดชอบที่มีหน้าที่จัดทำบัญชีก็ไม่มี ในหลักการแล้วทุกวันนี้ที่ยังงมกันอยู่นี่ก็เพราะไม่มีต้นเรื่องให้ทำ ป.ป.ช.ก็ไปยกเอาตัวเลขลอยๆ จากไหนก็ไม่รู้มาให้คลัง ตัวเลขเลยไม่เคยนิ่งเลยเดี๋ยว 300,000 ล้านบาท เดี๋ยว 500,000 ล้านบาท ซึ่งที่พูดกันไปพูดกันมาก็บอกว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ผิด แล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์ผิดจากอะไร วันนี้ถ้าแน่ใจก็ให้สตง.รับรองออกมาสิ
แปะเอ๊ย....สมองเต็มไปด้วยเศษกระดาษแล้วมั้ง http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1455091197 เมื่อถามว่า ผลจากการพิจารณาของกรรมการถือว่าพฤติการณ์สอดคล้องกับที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดมาหรือไม่ นายจิรชัยกล่าวว่า ก็สอดคล้องกัน ตามพฤติการณ์ก็มีความผิด แต่เรื่องความเสียหายนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามย้ำว่า ตัวเลขความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวที่เกิดขึ้นนั้นสูงถึงหลักแสนล้านบาท ตามที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลหรือไม่ นายจิรชัยกล่าวว่า ต้องขอสงวนไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขความเสียหายนั้นทางอนุกรรมการปิดบัญชีนั้นได้สรุปไว้แล้ว และนำตัวเลขนั้นมาวิเคราะห์ โดยไม่ได้เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเขาคิดละเอียดแบบนักบัญชี แต่เราเป็นนักบริหารต้องดูความเหมาะสม ดูความเป็นธรรม ดูประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ
ไอ้พวกนี้ มันสันดานชอบพูด ตัดแต่งรูป ครึ่ง ๆ กลาง http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000017821 สำหรับการนำประเด็นข้าวไม่หาย และได้มีการนำไปเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์ของคนบางกลุ่มและบางฝ่ายนั้น ขอชี้แจงว่าเป็นคนละส่วนกับการปิดบัญชีข้าวของปี 2558 เพราะการปิดบัญชีข้าวของปี 2557 ได้ตรวจสอบพบว่ามีข้าวหายจริง และได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง
ไม่ว่าจะเรียนจนจบดร. หรือไม่ได้เรียนหนังสือเลย พอเต็มใจไปเป็นขี้ข้าคนอื่น ก็หมดราคาพอๆกัน เสียดายอย่างเดียวถ้าได้เรียนจนจบดร. คือ เสียดายภาษีที่เสียไป ให้กับคนไร้คุณค่าต่อสังคม
แล้วไม่ส่งไปเข้าประกวดบ้างหรือคะ หลักฐานประกันราคาข้าวสมัยอภิสิทธิ์ พูดในนี้มีประโยชน์หรือคะ ไม่ฟ้องตั้งแต่รับตำแหน่งนายกเลยล่ะ หรือเพราะเค้าแจ้งแต่แรกแล้วว่าเป็นเงินเสียเปล่า แต่บางพรรคแจ้งว่าดีโง้นงี้กำไรแน่ๆ ผ่านไปปีนึงหนี้อ่วม นอกจากไม่ตรวจสอบความเสียหาย ยังโต้กับคนพูดความจริงเสียอีก เหมือนปกปิดอะไร ถ้ายับยั้งคงไม่มีวันนี้ และคงไม่มีวันที่โดนบุญทรงหลอกให้ยืนยันว่าเป็นการซื้อขาย และคงไม่มีวันจะโดน 157 อยากให้คุณยิ่งลักษณ์ไปกราบฟลุค น้องเค้าสอนเรื่องความรับผิดชอบให้ได้นะ
5555 ขุมมันโง่จริงหรือ แกล้งโง่ว๋ะเนี่ย http://politic.tnews.co.th/content/159449/ แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการ ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า หลังจากที่อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า ควรสั่งฟ้องคดีนี้ พนักงานอัยการได้หารือกัน และเพิ่มเติมข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตส่วนนี้เข้าไปในสำนวนในช่วงที่ ป.ป.ช.ชี้มูล เพราะมีข้อมูลเกี่ยวกับคำให้สัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมอยู่ด้วย ซึ่งอัยการเห็นว่าน่าจะเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตด้วย แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า ในการนัดตรวจพยานหลักฐานเมื่อวันที่ 31 ส.ค.58 ที่ผ่านมา อัยการในฐานะฝ่ายโจทก์ ได้อ้างพยานเอกสารทั้งหมด 160 แฟ้ม ขณะที่ฝ่ายจำเลย (น.ส.ยิ่งลักษณ์) อ้างพยานเอกสารทั้งหมด 61 แฟ้ม โดยจำนวนแฟ้มที่เพิ่มขึ้นมามากกว่าจำนวนแฟ้มของฝั่งน.ส.ยิ่ิงลักษณ์ เป็นสำนวนคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริตระบายข้าวจีทูจี ที่มีการฟ้องร้องคดีทุจริตในส่วนของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวก ที่นำมาใช้ประกอบการพิจารณาคดีในส่วนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพิ่มเติม "อัยการเห็นว่าข้อกล่าวหาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในคดีนี้ ไม่ใช่แค่การปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิับัติหน้าที่โดยมิชอบเท่านั้น แต่ยังเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วย อัยการจึงเขียนสำนวนให้มีความชัดเจนมากขึ้น แล้วเพิ่มแฟ้มสำนวนจีทูจีของบุญทรงประกอบเข้าไป โดยในบัญชีรายชื่อพยานของฝ่ายอัยการ มีการระบุถึงสื่อมวลชน จำนวน 2 ช่องด้วย" เอกสารการเตื่อนของ สตง กับ ปปช. มันแค่เอกสารประกอบการพิจารณา แต่ไอ้ที่หลัก ๆ มันมีอย่างอื่นอีกตั้งแยะ ขุมมันเป็นเสื้อแดงเต็มตัวไปแล้ว พูดครึ่งกลาง ๆ เป็นพวกคางคกครึ่งบกครึ่งน้ำ 555