เจ้าพระยาหน้าตาดี เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าค่ะ เขาคนดีนะค่ะ ต้องไม่ทำอะไรพลาดเลย ไม่ต้องการฟัง ความคิดที่ไม่ตรง กับ คนดี นะค่ะ หลิ่ม ไม่เชื่อค่ะ ไม่จิ๊ง ไม่จริง
เอาว่า ผู้ประกอบการน่ะ การอะไร แล้วเขาประมูลขายถูกๆทำไมไม่ซื้อ อยากซื้อแพงๆเหรอ โกงไม่โกงซื้อมาก่อนดิ จะได้มีหลักฐาน ซื้อมาแล้ว หรือประมูลแพ้เค้า อยากฟ้องว่าเค้าโกง ก็ฟ้องสิ มันพลาดขนาดนั้น เสื้อแดงเอามันจริงๆ จำไว้
ไม่ว่าจะแปลงร่างมากี่ชื่อ ก็เหมือนเดิม ผิดแล้วไม่ยอมรับผิดส้นติงอะไรเลยสักอย่างเดียว รังแต่จะหาเหตุ หาเรื่องแถไปเรื่อยๆ เพื่อสิ่งใดครับ? เลิกเป็นควายแดงให้คนอื่นเค้าด่าเถอะ แถยังไงก็ไม่ชนะความจริงครับ
ซื้อแพงไม่มีใครว่าครับ เพราะรัฐตั้งราคาต่ำสุด ใครเสนอมากกว่าก็ได้ไป ถ้าประมูลแพ้เขานี่ก็แปลว่าให้ราคาต่ำกว่า จะซื้อถูก ๆ สินั่น
ช่องนี้ ไม่เสนอข้อมูล ว่า ข้าว ยิ่งเก็บยิ่งดีล่ะ คนจะได้เข้าใจถูกว่า ประมูลราคาต่ำ มันผิดนะ ทุเรศ พวกนักข่าวหัวดอ
ข้าวเก็นตอนไหนครับ สภาพแบบนี้ต้องฟังอนุสรณ์ครับ แหม่ๆๆๆๆ อย่าเอาสันดานควายแดงมาตัดสินสิครับ แหมยิ่งตอกย้ำความผิดในการกักตุนข้าวไม่ยอมระบายข้าวของรัฐบาลไหนหว่า ข้าวสภาพนี้จะเอาไปรับประทานหราาาา ถามใจตัวเองนะ
แหม่ เงื้อง่ามาแต่ไกล กะฟันลุงตู่เต็มที่ แต่สงสัยจะโดนหัวแม่มันเต็มๆ ข้าวพวกนี้มาจากโครงการรับจำนำข้าวไม่ใช่หรา
ปัญหาทั้งหลาย มันก็ต่อเนื่อง มาจาก นโยบาย ที่ผิดพลาด ถ้าไม่คิดอะไรโง่ ๆ แบบ จำนำข้าว คงไม่ต้องมาปวดหัว แก้ปัญหา จากการจัดเก็บ ระบายข้าว นักเศรษฐศาสตร์ของเพื่อไทย ใครสั่งใครสอน ให้ทำนโยบาย แบบนี้
เคยคุยกับ ชาวนา ที่มาขับแท๊กซี บอกว่า เก็บข้าวสารที่สี ปีเดียว ก็เก่งแล้ว เพราะ มอดจะขึ้น ถ้า เก็บในรูปข้าวเปลือก จะเก็บได้นานกว่า ซึ่ง แท๊กซี ก็บอกว่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไม ถึงต้องสีทันที พอสี แล้ว จะไปแยกว่า เป็นข้าวใครก็ไม่ได้ จะไปถอนจำนำ ออกมา ก็ไม่รู้ว่า ข้าวของตัวเอง คือกระสอบไหน
"ก็ไม่รู้ว่า ข้าวของตัวเอง คือกระสอบไหน" อาจจะเป็นจุดประสงค์หลักก็ได้ครับ... ไม่รู้ว่าข้าวมาจากไหนบ้าง
ท่านตู่ นี่ไม่รู้หลักการบริหารเลย น่าจะเก็บเอาไว้ก็ได้นะครับ ผมเคยได้ยินเขาบอกว่า ถ้ายังไม่ขาย ก็ไม่ขาดทุน
เอ้า ไม่เห็นมีควายตัวไหนเข้ามาแก้ต่างเลยนิ ตั้งกระทู้บิดเบือน พอโดนตอกหน้าก็เงียบตาม Step สวะ หรือ มนุษย์ครับ ทั้ง จขกท. กับพวกที่กดสนับสนุน อย่าเง่ียบสิ รับผิดชอบหน่อย วันนึงมรึงตั้งกระทู้ตอแหลฯ กี่กระทู้ ขยะสดยังดูมีราคากว่าเลย นี่ยังไม่ได้สาวเรื่อง tablet น่าจะโดนอีกหลายกระทง นี่แค่เริ่มต้นมรึงก็ดิ้นพล่านบิดเบือนกันซะขนาดนี้ มรึงคิดว่าคนไทยเค้าแดรกหญ้าแบบพวกมรึง? วันก่อนนั่ง Taxi เจอตาลุง (น่าจะเสื้อแดง) ถามว่าทำไม ยิ่งเละ โดนเรื่องจำนำข้าว แต่อภิสิทธ์ไม่โดนเรื่องประกันราคาข้าว (หาว่าเอกสารโดนน้ำท่วม) พอได้ยินประโยคนี้รู้เลย ควายแดงแน่นอน เลยจัดไปซะเต็มๆ สุดท้ายก็ใบ้แดก จนถึงวันนี้สื่อนำเสนออะไร มรึงเอาความจริงมานำเสนอกันบ้างมั้ย อนาทว่ะ สื่อไทย ด่าในหลวงมรึงเงียบ ด่าอิด-อกตระกูลชินฯ นี่รีบหาข่าวมาเล่นเลย ตาสว่างหยุดสนับสนุนความชั่วสักที เผื่อจะโผล่พ้นน้ำบ้างนะไอ้พระยาฯ ควาย และผองเพื่อน
http://www.matichon.co.th/news/27882 รถพ่วงรอรับข้าวเน่าโครงการจำนำข้าว ล็อตแรก 5 พันตัน ส่งไปทำปุ๋ย ยันขออนุญาตถูกต้อง fb คอมเม้นท์คุณภาพ แถมยังวิพากษ์กันทั้งที่อ่านแค่พาดหัวในfbที่พิมพ์ผิดด้วย matichononline 1 hr · รถพ่วงรอรับข้าวเน่าโครงการจำนำข้าว ล็อตแรก 5 ตัน ส่งไปทำปุ๋ย ยันขออนุญาตถูกต้อง เมื่อไรคนไทยจะกลับมาคุยกันรู้เรื่องเนี่ย หรือไม่มีหวัง??
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีมีรถบรรทุกสิบล้อพ่วงมาจอดเรียงรายเพื่อรอรับข้าวเน่าตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเพื่อนำไปทำปุ๋ย ที่ จ.ราชบุรี บริเวณหน้าโกดังโรงสีกอบกิจพานิช หมู่ 1 ต.นางหลง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่หวั่นเกรงว่าจะเป็นการขโมยขายข้าวในโครงการของรัฐบาลนั้น ล่าสุด เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2559 ที่บริเวณด้านหน้าโกดังเก็บข้าวโครงการรับจำนำของโรงสีดังกล่าว ได้มี จนท.จากบริษัทเอกชนรายหนึ่งจาก จ.ราชบุรี ได้นำเอกสารขอทางขนส่งข้าวออกจากพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 5 พันตัน โดยจะมีรถบรรทุกสิบล้อพ่วงลงมาทยอยขนไปจนครบตามจำนวน ซึ่งในวันนี้จะทยอยบรรทุกข้าวไปจำนวน 7 รถบรรทุกพ่วง จำนวน 210 ตัน เป็นข้าวขาว 5% ในราคา กก.ละ 5บาท นายบริรักษ์ ชูสิทธิ์ พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ได้เข้ามาดูการขนข้าวในครั้งนี้แล้ว เนื่องจากได้มีการขออนุญาตขนข้าวออกจากโกดังอย่างถูกต้อง ซึ่งในวันนี้มีจำนวน 210 ตัน มีรถตำรวจแต่ละพื้นที่นำข้าวไปส่งยัง จ.ราชบุรี ข้าวนี้เป็นข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาลที่นำไปเพื่อทำเป็นปุ๋ย โดยมีคณะกรรมการส่วนกลางจากหลายฝ่ายลงมาตรวจสอบทุกโกดังว่าจะนำข้าวจากโกดังใดออกมาขายทำปุ๋ยก่อน นครศรีธรรมราชมีที่โกดังนี้ จำนวน 5 พันตัน ส่วนจะมีที่โกดังไหนอีกยังไม่ทราบ ต่อข้อถามที่มีการระบุว่า ข้าวที่ขนในครั้งนี้เป็นข้าวดีคนกินได้ และสามารถขายได้ในราคา กก.ละ 9 บาท ว่า อันนี้ตนไม่ทราบ เพราะทางข้างบนระบุว่าเป็นข้าวเสื่อมสภาพ ตนเองก็ไม่มีความชำนาญในการตรวจสอบ ทางรัฐบาลมีคณะกรรมการในการตรวจสอบคุณภาพข้าวแล้ว เมื่อกรรมการมีมติก็ต้องว่ากันไปตามนั้น แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุ ข้าวตัวนี้เป็นข้าวเกรดซี คนยังกินได้ ยังมีโรงสีรับซื้อในราคา กก.ละ 9 บาท ล็อตนี้จะขายได้ถึง 45 ล้านบาท แต่รัฐบาลชิงขายในราคาทำปุ๋ย 25 ล้านบาท ส่วนต่างที่รัฐพึงได้ 20 ล้านหายไปไหน จริงๆ แล้วรัฐจะต้องขายข้าวในโครงการรับจำนำทั้งหมดกี่แสนตันกันแน่ ในเมื่อรัฐบาลมาแทงเป็นข้าวเน่า ข้าวเสีย มันเหมือนปิดปากมัดมือชก วันนี้รัฐบาลไม่มีเงินแล้วทำไมไม่เอาเงินจากส่วนต่างนี้มา ตรวจสอบได้ว่าเน่าจริงหรือไม่ เน่าอย่างไร แบบไหน ทำไมจะดูไม่ออก เอาคณะกรรมการที่มิใช่คนรู้เรื่องข้าวมาตรวจสอบ สรุปว่าเป็นช้างกรรมการก็ว่าช้าง แล้วประเทศจะอยู่อย่างไร ถามว่าหากประชาชนไม่ออกมาพูดมาบอกนายกรัฐมนตรีจะรู้หรือไม่ว่าถูกหลอก ซื้อในราคา 5 บาท ตัวเองนำไปขายต่อเป็นข้าวเวียนอีก แล้วคอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาอีก สุดท้ายชาวนาก็ถูกกดราคาข้าวถูก MatichonOnline ลุยเติมที่.... มีมาตรา 44 คุ้มครองข้าราชการที่ดำเนินการเกี่ยวกับคดีจำนำข้าวอยู่แล้วเพ่....
แต่อภิสิทธ์ไม่โดนเรื่องประกันราคาข้าว (หาว่าเอกสารโดนน้ำท่วม) พอได้ยินประโยคนี้รู้เลย ควายแดงแน่นอน เลยจัดไปซะเต็มๆ สุดท้ายก็ใบ้แดก ก็ วิชา มหาโจร บอกเอง น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ทำให้เอกสาร-หลักฐานต่างๆ สูญหาย หน่วยงานต่างๆ ไม่สามารถส่งข้อมูลทุจริตระบายข้าวยุครัฐบาลมาร์คให้กับ ป.ป.ช. ได้ ......ยังไงโชว์กึ๋น จัดเต็มๆให้ผมใบ้แดกเหมือน ลุงTaxi หน่อย ผมอยากได้ความรู้.....
ยรรยง แฉ! ลือสะพัด ห้ามเซอร์เวเยอร์ เข้าตรวจข้าวเน่าขณะย้ายไปโรงงานปุ๋ย วันนี้ (11 กุมภาพันธ์) นายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความแสดงความเห็น เกี่ยวกับการประมูลข้าวของรัฐบาล ระบุว่า ช่วงนี้มีข่าวว่าโรงงานผลิตปุ๋ยที่ประมูลซื้อข้าวสารของรัฐบาล 21,229 ตัน เพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบผลิตปุ๋ยอินทรีย์ (ผมเข้าใจว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เอาข้าวสารไปทำปุ๋ย) กำลังขนย้ายข้าวสารจากโกดังไปโรงงานปุ๋ยที่ราชบุรี และมีข่าวลือสะพัดวงการว่าเซอร์เวเยอร์ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ดูแลคุณภาพข้าวและต้องรับผิดชอบชดใช้ส่วนต่างของราคาประมูล (ตันละ 5,020 บาท)กับราคาตลาด (ตันละ 12,300 บาท) ถูกเจ้าหน้าที่สั่งห้ามไม่ให้เข้าตรวจสอบหรือเกี่ยวข้องกับการขนย้ายครั้งนี้อย่างเด็ดขาดโดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของผู้ใหญ่ ผมกำลังเช็กข้อเท็จจริงเรื่องนี้อยู่เพราะตามกระแสข่าวลือว่าเป็นคำสั่งของผู้ใหญ่ในกระทรวงพาณิชย์บางกระแสก็บอกว่าเป็นคำสั่ง คสช.จริงหรือไม่ ถ้าเป็นจริงก็จะขัดกับนโยบายปราบโกงของรัฐบาลเองและนโยบายเขตปลอดคอร์รัปชั่น (Zero Corruption) ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเน้นการทำงานที่โปร่งใสคือต้องสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ผมมีข้อสงสัยและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการขายข้าวเสื่อมล็อตนี้ รวมทั้งการตวจสอบและการขนย้ายข้าว ดังนี้ 1. ทำไมไม่ทำการตรวจสอบคุณภาพข้าวโดยการเก็บตัวอย่างข้าวที่ต้นทางโดยละเอียด(ผลการตรวจสอบที่ผ่านมาคงใช้ยืนยันไม่ได้เพราะเป็นการสุ่มตรวจที่หยาบมากคือเพียง 11,962 ตัวอย่างจาก 180,000,000 กระสอบ) ถ้าไม่เช่นนั้น จะทราบได้อย่างไรว่าข้าวที่ใช้ผลิตปุ๋ยเป็นข้าวที่ซื้อจากรัฐบาลจริง จะใช้อะไรเปรียบเทียบเพราะไม่ได้เก็บหลักฐานไว้ นอกจากนี้ การไม่เก็บตัวอย่างหรือตรวจสอบคุณภาพข้าวโดยละเอียด เป็นการส่อว่าต้องการทุบราคาข้าวรัฐบาลให้ตํ่าลง เพื่อจะได้มีส่วนต่างเป็นเงินทอนมากขึ้นหรือไม่ ? 2. การวางมาตรการเข้มงวดช่วงขนย้ายข้าวเพื่อป้องกันการสับเปลี่ยนสินค้า เป็นการโชว์ความโปร่งใสหรือเป็นการแสดงปาหี่ ? เพราะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ซื้อข้าวจะหาข้าวอื่นมาสับเปลี่ยนในระหว่างขนส่ง นอกจากนี้ยังต้องใช้รถยกและรถบรรทุกจำนวนมาก (ผมขอทำนายว่า ผู้ซื้อจะไม่สามารถรับมอบข้าวได้หมดตามกำหนดเวลา และจะขอขยายเวลารับมอบโดยอ้างว่าติดตรุษจีนและหารถบรรทุกยาก ซึ่งไม่ใช่เหตุสุดวิสัยที่จะอ้างได้) ดังนั้น ถ้ารัฐบาลหรือกระทรวงพาณิชย์ต้องการแสดงความโปร่งใสและดำเนินนโยบายปราบโกงอย่างแท้จริง ไม่ใช่เล่นปาหี่แล้วละก็ ต้องทำการเก็บตัวอย่างข้าวเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด และไม่กีดกันเซอร์เวเยอร์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงและเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริงให้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วย 3. ผมยังมีความคลางแคลงใจว่าผู้ซื้อต้องการซื้อข้าวไปผลิตปุ๋ยจริงหรือไม่ ? เพราะเท่าที่ทราบยังไม่มีโรงงานไหนเคยทำมาก่อน ทั้งในแง่กระบวนการผลิต ประสิทธิผล และความคุ้มค่าก็น่าจะตํ่ามาก เพราะข้าวสารเมื่อนำไปหมักแล้วจะมีเซลลูโลสหรือเซมิเซลลูโลสตํ่ามากเทียบกับเศษพืช เช่น ฟางและซังข้าวหรือข้าวโพด มูลสัตว์ ขี้ค้างคาว กระดูกหรือซากสัตว์ ซึ่งให้ปุ๋ยสูงกว่า หาได้ง่าย และราคาถูกกว่าข้าวสารมาก ที่ผ่านมาจึงไม่มีใครใช้ข้าวสารผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ที่กรมวิชาการเกษตรรับรองว่าข้าวสารสามารถใช้ผลิตปุ๋ยได้ น่าจะเป็นเพียงผลวิเคราะห์เชิงวิชาการเท่านั้น น่าจะไม่ใช่การวิเคราะห์ว่าคุ้มทุนหรือไม่ เพราะกรมวิชาการเกษตรน่าจะทราบดีว่าราคาข้าวสารกับราคาปุ๋ยอินทรีย์ใกล้เคียงกันมากคือตันละ 12,000-13,000 บาท แต่ถ้านำข้าวสารไปผลิตปุ๋ยนอกจากจะเหลือสารอินทรีย์ที่เป็นปุ๋ยจริงไม่มากแล้วยังต้องเสียค่าขน ค่าแปรสภาพ และอื่นๆ อีกมาก ผมขอฝากให้ช่วยกันคิดให้ละเอียดรอบคอบ เพราะเรื่องนี้ถ้าผิดพลาดจะมีผลกระทบค่อนข้างรุนแรงนะครับ http://www.matichon.co.th/news/33201 3. ผมยังมีความคลางแคลงใจว่าผู้ซื้อต้องการซื้อข้าวไปผลิตปุ๋ยจริงหรือไม่ ? เพราะเท่าที่ทราบยังไม่มีโรงงานไหนเคยทำมาก่อน รถพ่วงรอรับข้าวเน่าโครงการจำนำข้าว ล็อตแรก 5 พันตัน ส่งไปทำปุ๋ย ... อันนี้ผมเห็นด้วย คิดเหมือนผมเลย ผมสงสัยซื้อข้าวไปผลิตปุ๋ยตั้งแต่เสาร์ที่แล้ว ตอนข่าวนี้ออกมาใหม่ๆ หาในอากู่ การทำปุ๋ยหมักจากข้าวเน่าทำยังมีด้วยหรือ หาเท่าไรก็ไม่เจอ
องค์การคลังสินค้า มีการคุมเข้มในทุกขั้นตอนการขนย้ายข้าวเสื่อม ล็อตแรก 5 พันตัน ที่มีการนำออกประมูลขายให้ภาคอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันการนำข้าวกลับเข้าสู่วงจรข้าวเพื่อการบริโภค โดยพลตำรวจตรี ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า หรือ อคส.เปิดเผยถึง การควบคุมและกำกับดูแลการขนย้ายข้าวเสื่อมใน สต็อครัฐบาล ล็อตแรกจำนวน 5,000 ตัน ซึ่งผู้ชนะประมูล คือ บริษัท ว.ธนทรัพย์ ได้เริ่มขนย้ายตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งขนย้ายไปแล้วจำนวน 640 ตัน โดย อคส. ได้ติดตามการขนย้ายอย่างรัดกุม ตั้งแต่ต้นทาง ถึงปลายทาง ที่สำคัญมีการกำหนดระยะเวลาในการขนย้าย ตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกเท่านั้น เพื่อให้สามารถประสานงานตรวจสอบได้อย่างรัดกุม โดย กำหนดจุดบริการประชาชนของตำรวจทางหลวง เป็นจุดตรวจสอบหลัก หรือ check point เพื่อตรวจสอบการเดินทางของรถบรรทุก และมีการสื่อสารสั่งการกันด้วยระบบวีดีโอคอล ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบความผิดปกติในการขนย้าย โดยมั่นใจได้ว่าข้าวทั้งหมดจะไม่กลับมาสู่ผู้บริโภคอย่างแน่นอน โดยการขนย้ายทั้ง 5,000 ตัน จะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ส่วน อีกบริษัท สินไชยศรี ที่ประมูลได้ 16,000 ตัน แต่ไม่มาลงนามทำสัญญาซื้อขายนั้น จะนำกลับมาประมูลใหม่ และห้ามบริษัทดังกล่าวกลับเข้ามาร่วมประมูลอีก
ช่อง 3 ตามไปถ่ายตั้งแต่ออกจากคลังจนไปถึงบริษัททำปุ๋ยเลย ทีมข่าวเศรษฐกิจลงพื้นที่ตรวจสอบกระบวนการขนย้ายข้าวเสื่อม เป็นช่องแรกและช่องเดียวในขณะนี้ ที่ได้ติดตามการขนย้ายข้าวเสื่อมจากคลังขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ไปสู่โรงงานผลิตปุ๋ย จ.ราชบุรี แบบเกาะติด มาตรการกำกับการขนย้าย ป้องกันการลักลอบนำข้าวเสื่อมมาปะปนกับข้าวเพื่อการบริโภค จะมีความรัดกุมมาก-น้อยเพียงไร ติดตามจากรายงาน
เคยใช้หัวให้เกิดประโยชน์ทำให้เกิดปัญญา ขบคิดปัญหากันบ้างไหม บริษัทที่ประมูลไปคือบริษัทผลิตไฟฟ้าชีวมวล ที่ปกติใช้แกลบ ขี้เลื่อย ตันละไม่เกิน 1,500 เป็นเชื้อเพลิง แต่ดันมาประมูลข้าวตันละ 5,000 ไปทำเชื้อเพลิง เพราะเหตุใด? อีกบริษัทที่ประมูลคือบริษัทผลิตปุ๋ย ที่ปกติไม่มีใครใช้ข้าวทำปุ๋ยเพราะไม่มีความคุ้มค่า ข้าวสารเมื่อนำไปหมักแล้วจะมีเซลลูโลสหรือเซมิเซลลูโลสตํ่ามาก เทียบกับเศษพืช เช่น ฟางและซังข้าวหรือข้าวโพด มูลสัตว์ ขี้ค้างคาว กระดูกหรือซากสัตว์ ซึ่งให้ปุ๋ยสูงกว่า หาได้ง่าย และราคาถูกกว่าข้าวสารมาก แต่ดันมาประมูลข้าวตันละ 5,000 ไปทำปุ๋ย เพราะเหตุใด?
ทำไมไม่พูดละครับว่าพรรคคนดี ไม่โกง หรือสัญญาขายข้าว g2g ให้จีน ตอนนี้หายไปไหนแล้วครับอยากรู้ ตามสไตล์ละครับ
ขำจริง hot boy คนฉลาดทำไมจับใจความไม่หมด เขาหมายถึงจำนวนเงินที่จะฟ้องว่าไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่กันแน่ เพราะหลักฐานไม่แน่นอน เลยตีเป็น 1.8 หมื่นล้านก่อน สำหรับการเรียกร้องค่าเสียหายในการทุจริตขายข้าวจีทูจีได้คำนวณแล้ว โดยมีมูลค่าที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนักการเมือง เอกชน และข้าราชการ ราว 20,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังมีระเบียบในการคิดคำนวณว่าจะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้ง 22 คนในอัตราคนละเท่าใด แต่ที่แน่ๆนายบุญทรง น่าจะถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายมากที่สุด ส่วนรายอื่นๆ ค่าเสียหายจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นตัวหลัก และได้รับประโยชน์จากการทุจริตในครั้งนี้ และเมื่อกระทรวงการคลังกำหนดค่าเสียหายที่จะฟ้องร้องจากแต่ละบุคคลแล้ว มีข่าวโกงทำไมไม่พูดละครับตามสไตล์ตัวเอง สองมาตรฐานจริงๆ ที่บอกว่าตัวเองดี มีคุณธรรมก็โหกนะซิ