บทความดีดี ที่น่าอ่าน โดยนักเขียน ที่ยังไม่ขายวิญญาณแห่ง "สำนักพิมพ์ขี้ข้าชิน"... หลังจากคดีรับจำนำข้าวเดินทางมาถึงจุดไคลแมกซ์ เมื่ออัยการสูงสุดได้ฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไปเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่าเกิดปฏิกิริยาออกไปในแนวดราม่าในฝั่งของผู้สนับสนุนเธอ บ้างก็ขู่ว่าคุกจะแตกถ้าจำคุกหรือดำเนินคดียิ่งลักษณ์ ดราม่าหลักๆ ก็คือการหวังพึ่งอเมริกาให้เป็นผู้ช่วยเหลือยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีมาตลอด นับจากรัฐบาลของเธอถูกรัฐประหาร เริ่มจากมวลชนของเธอส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่น"ไลน์" แพร่กระจายไปทั่วหลังเกิดรัฐประหารวันแรกๆ ว่า "ด่วน อเมริกายกพลขึ้นบกเข้าไทยวันนี้เพื่อโค่นคณะรัฐประหาร" พร้อมกับลงท้ายยืนยันความน่าเชื่อถือว่าข่าวนี้มาจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ นี่เป็นงานถนัดของคนบางกลุ่มที่หนุนหลังยิ่งลักษณ์ที่จะทำให้มวลชนของตนหลงเชื่ออย่างหัวปักหัวปำ ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะเป็นเท็จเพียงใดก็ตาม ซึ่งต่อมาภายหลังก็ถูกพิสูจน์ด้วย "ไลน์" ปลอมแถลงการณ์สำนักพระราชวัง เมื่อมีการจับกุมตัวผู้ส่งข้อความเท็จนี้ผ่านไลน์ได้เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งไม่ผิดคาด เพราะปรากฏว่าผู้ต้องหาเป็นคนในกลุ่มเสื้อแดง ระดับแกนนำเสียด้วย นี่เป็นเพียงไลน์ปลอม เพียงชิ้นเดียวที่มีการจับได้พร้อมหลักฐานชัดเจน แต่ยังไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ ในเครือข่ายนี้ ได้ปลอมข้อความในลักษณะดังกล่าวมากี่ครั้งแล้ว และไม่รู้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกับที่"เล่นแรง" ด้วยการส่งข่าวปลอมที่ไม่เป็นมงคลผ่านไลน์เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมปีที่แล้วหรือไม่ จนทำให้ตลาดหุ้นไทยรูดลงวันเดียว 138 จุด มากที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย ซึ่งความจริงน่าจะมีการสอบสวนขยายผล เพื่อเปิดให้เห็นชัดว่าพวกไหนที่มีนิสัยแบบนี้มาช้านาน จะได้ปฏิเสธไม่ออกอีก ถัดมา เมื่อคดีจำนำข้าวงวดเข้ามา ก็มีการปล่อยข่าวว่าอเมริกาจะให้ยิ่งลักษณ์ลี้ภัยที่สถานกงสุลสหรัฐในเชียงใหม่ เพื่อให้หลบหนีคดี ซึ่งก็เป็นกระแสข่าวเดียวกับช่วงที่เกิดรัฐประหารใหม่ๆ ว่า สถานทูตสหรัฐอเมริกา ในกรุงเทพฯ จะเปิดให้ยิ่งลักษณ์และคณะเข้าไปลี้ภัยเพื่อตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น สู้กับคณะรัฐประหารเพื่อเอาอำนาจคืนมา ล่าสุดนี้คอลัมนิสต์สีแดงบางคน ก็เขียนในทำนองมีความหวังอย่างเรืองรองว่าสหรัฐอเมริกาจะเข้ามาแทรกแซงประเทศไทย ในยุค คสช. โดยยกตัวอย่างในอดีตหลายประเทศว่าหากผู้นำประเทศใดดำเนินนโยบายไม่ถูกใจอเมริกาก็จะถูกอเมริกาเข้ามาแทรกแซง ด้วยการหนุนหลังฝ่ายตรงข้ามให้รัฐประหารโค่นล้มผู้นำประเทศรายนั้น คอลัมนิสต์คนที่ว่านี้ยกตัวอย่างกรณีของชิลี ที่สหรัฐอเมริกาหนุนหลังให้ นายพลออกุสโต ปิโนเชต์ รัฐประหารยึดอำนาจ จาก ดร.อาเยนเด (ผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดี) แต่อเมริกาไม่ชอบเพราะอาเยนเดเป็นรัฐบาลสังคมนิยม จึงส่งหน่วยปฏิบัติการจิตวิทยาไปปลุกปั่นคนชั้นสูงและชั้นกลางไม่ให้ยอมรับนโยบายเศรษฐกิจของอาเยนเด แต่สิ่งที่คอลัมนิสต์ผู้นี้ไม่ได้เอ่ยถึงกรณีของปิโนเชต์ก็คือหลังจากอาเยนเดเสียชีวิต (คาดว่าฆ่าตัวตาย) ปิโนเชต์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ได้กวาดล้างฝ่ายตรงข้ามโดยอ้างว่าเพื่อกวาดล้างคอมมิวนิสต์ เขาสังหารประชาชนไปกว่า3,000 ราย คนจำนวนมากถูกทรมาน ส่งผลให้ประชาชนราว 2 แสนรายต้องอพยพหนีออกนอกประเทศ โดยมีสหรัฐอเมริกาจ่ายเงินหลายล้านดอลลาร์สนับสนุนปฏิบัติการของปิโนเชต์ ปิโนเชต์ ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่โหดเหี้ยมที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์โลก เขาตกเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลกเมื่อมีความพยายามจะขอตัวเขาไปลงโทษในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ คอลัมนิสต์รายนี้แสดงความหวังว่าอเมริกาจะเข้าแทรกแซงประเทศไทย ด้วยการปิดล้อมทางเศรษฐกิจ ไม่ให้ประเทศไทยมีเพื่อน (ซึ่งเป็นร่องความคิดเดียวกับคนในฝั่งทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ในขณะนี้) เพื่อบีบให้ไทยไม่มีทางเดินในโลก (ไม่รู้ว่าฝันกลางวันหรือเปล่า) พร้อมกับทิ้งท้ายว่า หาก คสช. ทำอะไรไม่ถูกใจอเมริกา เขาหวังจะเห็นหรือเชื่อว่าอเมริกาเข้ามาปฏิบัติการทางจิตวิทยา (แบบเดียวกับที่อเมริกาส่งคนไปปฏิบัติการจิตวิทยาในชิลี) เพื่อให้ คสช. เป็นทรราช โดยนัยยะของคอลัมนิสต์รายนี้ น่าจะหมายถึงว่า มีโอกาสที่อเมริกาจะส่งสายลับเข้ามาปฏิบัติการทางจิตวิทยาเพื่อกวาดล้างคนชั้นกลางและสูง ที่ถูกมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับของทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ แบบเดียวกับที่กวาดล้างฝ่ายที่ถูกมองว่าเป็นคอมมิวนิสต์ในชิลี การเมืองไทยสะท้อนให้เห็นว่าคนเรามีความคิดที่ย้อนแย้งสับสนอย่างน่าประหลาดใจ อย่างกรณีคอลัมนิสต์รายนี้ที่ฟังแล้วไม่ชอบการรัฐประหาร แต่ในขณะเดียวกันกลับชอบใจหากการรัฐประหารนั้นสนับสนุนและแทรกแซงโดยอเมริกา แม้ว่าผลจากการแทรกแซงของอเมริกา จะทำให้เกิดการเข่นฆ่าและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางแบบเดียวกับชิลีก็ตาม บางคนก็แปลกที่โวยวายสุดขั้วต่อการรัฐประหารที่ยังไม่ได้ฆ่าใครแม้แต่คนเดียวอ้างว่ากฎอัยการศึกทำให้คนหวาดกลัว ขาดเสรีภาพ ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ถึงขนาดออกแคมเปญ "ปลุกพลเมืองสู้ความกลัว" กันเลยทีเดียว แต่ไม่รู้ว่าพลเมืองฝ่ายไหนกันแน่ที่กลัวกฎอัยการศึกอย่างที่อ้างเพราะพลเมืองส่วนใหญ่น่าจะกลัว "ระเบิดเอ็ม 79" ที่ปลิวมาทุกคืนตั้งแต่ปลายปี 2556 จนถึงก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ต่างหาก คนเขาแยกแยะได้ว่าอะไรน่ากลัวกว่ากัน ระหว่างกฎอัยการศึก-รัฐประหาร ที่ไม่ได้ฆ่าใครสักคน กับของจริงที่ทำให้ถึงตายได้ทุกเมื่ออย่างระเบิดเอ็ม 79 ขณะนี้มีการสร้างกระแสเพื่อเชิดชูยิ่งลักษณ์ให้มีสภาพเหมือน ออง ซาน ซูจี ของพม่า (ที่เคยถูกรัฐบาลทหารพม่ากักบริเวณ) เพื่อดึงความสนใจของต่างชาติให้มารุมบีบ คสช. และก็คล้ายว่าจะได้เป็นหัวเชื้อให้อเมริกาเข้ามาแทรกแซงไทยเพื่อช่วยเหลือยิ่งลักษณ์ แต่อย่าลืมว่าแม้ขบวนการเชียร์ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ อาจประสบความสำเร็จในการดึงอเมริกาเข้าแทรกแซงไทย หรืออเมริกาอาจประสบความสำเร็จหนุนหลังฝ่ายตรงข้ามโค่นอำนาจ คสช. หรือแม้กระทั่งประสบความสำเร็จในการใช้กำลังอาวุธเข้ายึดประเทศไทย แต่ก็อาจจะเจอด่านสำคัญคือพลังจากประชาชนอีกฝ่ายที่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีพลังอยู่ไม่น้อยตั้งแต่ปลายปี 2556 เป็นต้นมา ปัจจุบันนี้ ความรู้สึกของคนไทยที่มีต่ออเมริกา ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันแล้ว ไม่ได้ welcome แบบในอดีต โดยเฉพาะนับจากอเมริกาแสดงอาการเลือกข้าง เลือกสีทางการเมือง และที่สำคัญสนับสนุนขบวนการที่มีแนวคิดยกเลิกมาตรา 112 หากต้องการความสงบอย่างยั่งยืน ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการแก้ปัญหาภายในให้ได้ก่อน ชัยชนะของทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ จะยั่งยืนหรือ ถ้าเพียงแค่ได้แรงสนับสนุนจากชาติตะวันตก แต่ไม่สามารถชนะใจคนในประเทศอีกกลุ่มใหญ่ อยากเป็นอย่างอิรักในปัจจุบัน หรือเหมือนชิลีในอดีต ก็รีบเชื้อเชิญอเมริกาเข้ามาไวๆ ````````````````````````````````````````````` ````````````````````````````````````````````` http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1426244692
อเมริกาก็อย่างที่เห็นกันอยู่ จีนก็ไว้ใจไม่ได้ อเมริกาล่มเมื่อไหร่จีนคงแทบจะครองโลก ผมอยากให้สหภาพโซเวียตกลับมารวมกันอีกครั้ง
https://www.facebook.com/MichaelYonFanPage Thailand: Open Note to US Department of State ประเทศไทย: จดหมายเปิดผนึกถึงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ การโจมตีรัฐบาลชุดปัจจุบัน และการให้ความสนับสนุนต่อ ยิ่งลักษณ์/ทักษิณ/พรรคเพื่อไทย เป็นการให้ความสนับสนุนเหล่าบุคคลที่ได้สร้างสถานการณ์ความรุนแรงมาตลอดต่อเนื่องยาวนานในประเทศไทย ผมและคนอื่นๆได้อยู่ในเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยตัวเอง ตัวผมเองได้อยู่ในบางช่วงของเหตุการณ์และเกือบโดนลูกหลง ในสถานการณ์ความรุนแรงจากการก่อการร้ายในปี 2010 (ปี 53) ในเรื่องของการประกาศทำสงครามกับการก่อการร้าย สหรัฐนั้นได้ฟูมฟักเมล็ดพันธุ์การก่อการร้ายในประเทศไทย ณ ปัจจุบันในขณะนี้นั้น ประเทศไทยมีเสถียรภาพ และ กำลังเดินหน้าแก้ไขจัดการกับปัญหาของตัวเองอยู่ ประเทศไทยจะกลับไปสู่การเลือกตั้ง แต่ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม หลายสิ่งหลายอย่างดำเนินไปอย่างเชื่องช้าที่นี่ ปลูกต้นอ่อนย่อมต้องใช้เวลา มันจะให้ผลก็ต่อเมื่อมันพร้อม The constant attacks on the current government, and support for Yingluck/Thaksin/PTP, lends moral support to those who have conducted a long train of terror strikes in Thailand. I and others have witnessed this first hand. I have been present during some of the terror strikes and was nearly hit myself in 2010. In the so-called war on terror, the United States has actually nurtured the seeds of terror in Thailand. Thailand is stable for now, and working to fix its own problems. Thailand must go back to elections, but the time has not yet come. Things work a little more slowly here. Nobody can rush a pie in the oven. It will be done when it is ready.
ต้องดูมือทั้งสองข้างของไอ้กันให้ดี เวลามันหยิบยื่นประชาธิปไตยไปแจกชาวบ้าน แล้วต้องดูไอ้ตัวประชาธิปไตยที่มันเอาไปแจกด้วย ว่าของแท้หรือเปล่า
บังคับให้คนใส่เสื้อไซส์เดียวกัน อีกหน่อยคงบังคับ underwear มาให้เราใส่ ใหนบอกว่า เป็นแม่แบบประชาธิปไตย แต่บังคับให้ใส่ ไซส์ เดียวกัน อย่างนี้มันเป็น ประชาธิปไตย ตรงใหน!!!
คนพี่.. หลงไหล อำนาจที่ได้มาจากการใช้เงิน ..แล้วก็ .อหังการ เผด็จการ.. ส่วนคนน้อง ทั้ง 2 ... เผด็จกาม.. ทั้งคู่... ครัช ..ห้าาาาาาาาาาา
ประเทศมหาอำนาจใช้ ประชาธิปไตย เป็นเครื่องมือเปิดทางเข้าประเทศด้อยพัฒนา เป็นเครื่องมือแสวงหา และกอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของประเทศนั้นๆ ออกมา ประเทศมหาอำนาจ จะไม่ยุ่งกับประเทศที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเหลืออยู่เลย ถึงแม้จะไม่เป็นประชาธิปไตย หรือถ้าตกลงธุรกิจกันได้ มีบริษัทของประเทศมหาอำนาจมาสัมปทานไปได้ ก็ไม่มีปัญหา ถึงแม้จะไม่เป็นประชาธิปไตย
ภาพพจน์อเมริกา.... กำลังนั่งยองๆ เด้าลูกเมียชาวบ้านไม่เลือกหน้า ชูมือซ้ายกำระเบิด ชูมือขวากำปืน แหกปากร้องตะโกน "เสรีภาพ สันติภาพ ประชาธิปไตย" บลา บลา บลา .... พอน้ำแตกเสร็จกิจแล้ว ก็ขนทีวี วิทยุ เครื่องซักผ้า ฯลฯ ของชาวบ้าน กลับอเมริกา... ภาพพจน์มึงมีแค่นี้จริงๆ ไอ้แยงกี้สถุน ...