ดัชนีโปร่งใสตลาดอสังหาฯ ไทยดีขึ้นอยู่อันดับ 38 ของโลก Written by: กอง บก.ข่าวเศรษฐกิจ 2016/07/05 10:49 AM กรุงเทพฯ 5 กรกฎาคม 2559 – รายงาน Global Real Estate Transparency Index 2016 ระบุตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมีดัชนีความโปร่งใสดีขึ้นอยู่อันดับ 38 ของโลก จากตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด 109 แห่ง และโปร่งใสอันดับ 3 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์) เปิดเผยว่า รายงาน Global Real Estate Transparency Index 2016 ระบุตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมีดัชนีความโปร่งใสอยู่อันดับ 38 ของโลกจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด 109 แห่ง แสดงให้เห็นาคะแนนดัชนีความโปร่งใสตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมีการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการมีข้อมูลด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น ทั้งการเผยแพร่และการเข้าถึงข้อมูล นอกจากนี้ การปรับปรุงการวางแผนและกฎระเบียบเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินและพัฒนาการที่ก้าวหน้าขึ้นของนักลงทุนภายในประเทศและการลงทุนรูปแบบต่าง ๆ อาทิ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) เป็นปัจจัยที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งช่วยส่งเสริมให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมีความโปร่งใสมากขึ้น รายงานฉบับดังกล่าวตั้งค่าดัชนีความโปร่งใสระหว่าง 1 – 5 โดย 1 เป็นค่าความโปร่งใสสูงสุด สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยในรายงานฉบับปี 2559 มีค่าดัชนีที่ 2.65 ซึ่งปรับดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับรายงานฉบับปี 2549 หรือ 10 ปีที่แล้วที่ไทยเคยมีค่าดัชนีอยู่ที่ 3.40 นางสุพินท์ กล่าวว่า การมีดัชนีความโปร่งใสตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น นับเป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทย เนื่องจากการมีขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่สูงขึ้น ประสบการณ์จากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าระดับความโปร่งใสในตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณการลงทุน และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงให้กับเจ้าของ นักลงทุน และผู้ใช้ประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์ ในการตัดสินใจใดๆ ที่เกี่ยวกับการซื้อ ขาย หรือเช่า นายแอนดรูว์ กัลแบรนด์สัน หัวหน้าฝ่ายวิจัย เจแอลแอล กล่าวว่า การมีข้อมูลตลาดให้เข้าถึงได้มากและง่ายขึ้นยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้ค่าดัชนีความโปร่งใสตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ การเติบโตของบริษัทจดทะเบียนและกองทุน/กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีส่วนช่วยอย่างมากในการทำให้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการลงทุนต่าง ๆ รวมถึงผลประกอบการด้านการเงินเพิ่มมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ ในรายงานฉบับนี้มีประเทศในกลุ่มอาเซียนรวมอยู่ด้วย 7 ประเทศ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมีความโปร่งใสอยู่ในอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/506473
ตอนนี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้งแล้ว ตอนนี้ฝนตกมาตั้งแต่ 4 โมงเย็น ตกแรงสลับเบาตลอด เสียงอึ่งร้องระงมเลย ที่กลัว กลัวน้ำท่วมมากกว่า ไม่รู้ว่าลุงตู่ จะเอาอยู่มั้ย
5555 ประเทศไทยพ้นภัยแล้งแน่นอนแล้วครับ ตอนนี้ควายแดงเหลือแต่สวดภาวนาให้น้ำท่วมเท่านั้น แต่ผมก็กังวลว่าลุงตู่แกจะไม่"เอาอยู่"เหมือนอดีตนายกฯคนหนึ่ง เพราะดูลุงตู่แกไม่ใช่คนตัณหาจัด
ดัชนีคอร์รัปชั่นเดือนมิถุนายน 2559 ลดลงจากธันวาคม 2558 จากความกังวลในการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ แต่ในภาพรวม 2 ปีดีขึ้น อัตราจ่ายใต้โต้ะลดลงอยู่ที่ร้อยละ 1-15
ข่าว 7 สี - การรณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชันที่ผ่านมา ได้ส่งผล และเริ่มฟื้นความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ติดตามรายงานจาก คุณจุฬารัตน์ ม่วงแก้ว ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเดินหน้าต่อต้านการคอร์รัปชันอย่างจริงจัง จากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน จนเริ่มสัมฤทธิ์ผล อันดับภาพลักษณ์คอร์รัปชันของไทยขยับดีขึ้น จากอันดับที่ 85 มาอยู่ที่อันดับ 76 อัตราการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ลดลงจาก 35% เหลือ 15% ช่วยลดการสูญเสียเงินงบประมาณจากการโกงไปได้ปีละไม่ต่ำกว่า 150,000 ล้านบาท หลายคดีดังในอดีตที่คนไทยเคยเพิกเฉย ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาพิจารณาตัดสินชี้มูลความผิดหลายเรื่อง ทั้งกรณีทุจริตขายข้าวจีทูจี สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ และคดีรับจำนำข้าว ปีนี้จึงนับเป็นปีแห่ง "กรรมสนองโกง" จะเห็นว่าคนที่กระทำผิด ทุจริตต่อประเทศ หนีไม่พ้นจะต้องรับผลกรรม บทลงโทษได้สร้างบรรทัดฐานความมั่นใจให้ต่างชาติประจักษ์ว่า ไทยเอาจริงกับการกำจัดคอร์รัปชัน การเอาผิดกับคนโกงชาติ ไม่เพียงแค่จับคนผิดมาลงโทษเท่านั้น แต่กระบวนการยุติธรรม ยังได้ร่างยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต เล็งผลระยะยาว ที่หลังจากนี้ไป ไม่ว่าใครทุจริต กรรมหรือบทลงโทษจะเห็นผลรวดเร็วทันที เป็นบรรทัดฐานใหม่ สังคมไทยต้องไร้การโกงภายใน 5 ปี รวมทั้ง 1 ตุลาคมนี้ จะมีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่พิจารณาคดีสำหรับคนโกงโดยเฉพาะ ความร่วมมือจากทั้งรัฐบาล เอกชน และสังคม ที่จะทำให้สังคมไทยไม่เพิกเฉยทนทานต่อการทุจริต แม้จะช่วยให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่การจะขจัดการคอร์รัปชันให้หมดไป และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศและสังคมไทยได้นั้น ยังต้องใช้จิตสำนึกของคนไทยทุกคน ที่ไม่รับ ไม่ทนต่อการคอร์รัปชันอีกต่อไป