พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เปิดเผยถึงกรณีนี้ที่มีอดีตรัฐมนตรีออกมาวิจารณ์รัฐบาลและการร่างรัฐธรรมนูญมากขึ้น ว่า "เขาเป็นใคร เขาเป็นนักการเมืองหรือเปล่า เป็นคนที่ผมยึดอำนาจมาหรือไม่ เขามีความผิดไหม รัฐบาลพวกนี้มีความผิดไหม คดีเยอะไหม แล้วก็จะไม่เรียกมาปรับทัศน คติอีก แต่ปล่อยให้สังคมจัดการ เชิดชูเขาไปสิ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ตนเข้ามาในวันที่ 22 พ.ค. ได้เห็นอะไรมากมาย ซึ่งหากไม่ใช้โอกาสนี้ในการปฏิรูปก็จะทำให้บ้านเมืองถอยหลัง ถ้าทุกคนช่วยกันก็ไปได้ ทุกรัฐบาลมีหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีข้าราชการและประชาชนร่วมกัน แต่หากเลือกฝ่ายประเทศก็ไปไม่ได้ วันนี้ต้องพัฒนาทุกเรื่องและต้องใช้เวลาพอสมควร แต่เราก็ต้องมีการเลือกตั้ง วันนี้ตนเริ่มให้ทุกเรื่อง แต่อาจจะดูไม่เกิดผลเพราะคนไทยใจร้อน แต่ต้องให้กำลังใจกัน "เราต้องช่วยกันลดความขัดแย้งทั้งปวง ทำอย่างไรให้ลดขยะเคลื่อนที่ ต้องให้ขยะมนุษย์หมดไปจากประเทศให้ได้ วันนี้ผมบริหารราชการต้องฟังทุกคน ฟังทั้งคนด่า คนชม ฟังมากก็หงุดหงิดมาก
แน่ใจว่าแปลความหมายถูก? ไม่ใช่อ่านพาดหัวอย่างเดียว เอาข่าวเต็มๆมาให้แล้วกัน เขาพูดในงานอะไร เรื่องเกี่ยวกับอะไร... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/645234 "พล.อ.ประยุทธ์" สั่งเร่งสางปมขยะเรื้อรัง ลั่นทำทุกเรื่องจนกว่าทำไม่ได้ ชี้ปชต.แบบไทย ปชช.ต้องมีความสุข พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “รักษ์โลก รักษ์ไทย ในหัวใจสีเขียว” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ โอกาสนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ขับร้องบทเพลง“จำขึ้นใจ” ของศิลปินสุรักษ์ สุขเสวี ซึ่งมีเนื้อหาแสดงถึงความภาคภูมิใจของข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และบทเพลง“ป่าลั่น” ของศิลปินสุเทพ วงศ์กำแหง ที่มีเนื้อหาสะท้อนถึงความสำคัญอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดงานว่า วันนี้เราต้องทำงานร่วมกันเพื่อประเทศต่อไป และยินดีที่ได้มีโอกาสมาเปิดงานวันนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้าของปวงชนชาวไทย และได้ตรากตรทำพระราชกรณียกิจเสด็จไปทุกที่มากว่า 10 ปี ตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และทรงเป็นนักพัฒนาวางรากฐานเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของไทย พยายามลดผลกระทบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีความสุข และทำให้ทุกภาคส่วนเห็นคุณค่าและความสำคัญของการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการกำจัดขยะถือเป็นปัญหาเรื้อรัง ที่ผ่านมาแก้มาหลายรัฐบาล หลายการเลือกตั้ง แต่เมื่อตนเข้ามา 6-8 เดือน ก็ได้สั่งการให้ดำเนินการทันที ไม่อยากให้ใช้คำว่านำร่องไปจนแก่ตาย เพราะนำร่องไปก็ไม่เสร็จเสียที ถ้ายิ่งทำช้าขยะก็ยิ่งมากขึ้น จึงต้องขอความร่วมมิอจากประชาชนด้วย เพราะเรื่องขยะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบ ทั้งโรคภัย ความสะอาด ความเป็นระเบียบและส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาต่างชาติ รัฐบาลจึงมอบหมายให้ทส.จัดการขยะมูลฝอย เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันโดดยบูรณาการทุกภาคส่วน เพราะถ้าต่างคนต่างทำก็ไม่เป็นรูปธรรม จึงได้สั่งการให้เร่งกำจัดขยะมูลฝอยสะสม จัดระเบียบมาตรการกำจัดขยะ ของเสีย และของอันตราย โดยทั้งหมดต้องเริ่มจากการปลูกจิตสำนึก และเริ่มทำจากที่บ้าน และในส่วนของรัฐบาลจะใช้เวลาที่มีในการแก้ปัญหาให้ได้ “วันข้างหน้าอาเซียนอาจมีการรบกันเรื่องน้ำ เพราะป่าน้อยลง โลกเปลี่ยนแปลง แต่ก็ถือเป็นวงจรมันก็เหมือนชีวิตที่มีเจริญก็มีเสื่อม มีอำนาจก็มีหมดอำนาจ แต่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองมีอำนาจ อำนาจอยู่ที่ท่านทั้งหมด ท่านมีอำนาจมากกว่าผม เพราะสามารถบังคับผมให้ทำโน่น ทำนี่ได้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การลดปริมาณขยะเป็นงานต่อเนื่อง เชื่อมโยงกับการวิจัยและพัฒนา เราจึงต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้ได้ ซึ่งเรื่องขยะเป็นเรื่องหลักที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ซึ่งเรื่องขยะถือเป็น 1 ใน 400 เรื่องที่รัฐบาลกระจายอำนาจไปให้อปท. ถ้ากระจายอำนาจมากกว่านี้ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ผ่านมาอ้างแต่ว่าไม่มีงบประมาณ ซึ่งท้องถิ่นก็ต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นพื้นที่ของการเมืองไปหมด เช่น ชาวนาที่มีร้อยกว่ากลุ่ม แต่รวมกันมาไม่ได้สักที เพราะมัวแต่รอกลุ่มการเมือง แต่เวลานี้เราต้องมาช่วยกันปฏิรูป “อยากให้คนไทยรักชาติ รักแผ่นดิน ข้าราชการต้องทำงานร่วมกัน เราต้องช่วยกันลดความขัดแย้งทั้งปวง ทำอย่างไรให้ลดขยะเคลื่อนที่ ต้องให้ขยะมนุษย์หมดไปจากประเทศให้ได้ วันนี้ผมบริหารราชการต้องฟังทุกคน วันนี้บริหารประเทศผมคิดเอง อ่านข่าว อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังทั้งคนด่า คนชม ฟังมากก็หงุดหงิดมาก แต่ยืนยันว่าเราทำมาเยอะ อย่าไปโทษข้าราชการ เพราะความรับผิดชอบอยู่ที่รัฐบาล บ้านเมืองจะดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่รัฐบาล เพราะใช้อำนาจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้มาทั้ง 3 อำนาจ ถึงผมจะไม่ได้เข้ามาด้วยการเลือกตั้ง แต่ทุกวันนี้ยังไม่เคยทำอะไรให้เสียหาย ไปต่างประเทศในช่วงแรกก็ไม่มีใครรู้จักผม รู้จักแต่นายกฯคนสวย นายกฯคนหล่อ คนอื่นมองก็คิดว่าไอ้นี่มันบ้าหรือไง ผมก็ต้องสู้ แสดงความจริงใจในการทำงาน และเสนอการทำงานเชิงรุกให้เขาตามเราบ้าง และเรื่องขอให้เราเป็นประชาธิปไตยอย่างรวดเร็วก็ไม่ถามมาอีก เพราะผมถามกลับไปว่าประชาธิปไตยอย่างรวดเร็วคืออะไร ตนได้ระบุไปว่าการเลือกตั้งของไทยไม่เหมือนใครในโลก มียิงกัน ต่อสู้ และมีระเบิดด้วย ต่อไปจะเกิดขนอีกไหม สถานการณ์ตอนนี้สงบจริงหรือไม่ ผมได้ได้รังเกียจที่ต้องเป็นประชาธิปไตย แต่จะทำอย่างไรให้ประชาธิปไตยทำให้คนไทยมีความสุข เคารพกฎหมาย และเชิดชูพระมหากษัตริย์”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเข้ามาในวันที่ 22 พ.ค. ได้เห็นอะไรมากมาย และถ้าไม่ใช้โอกาสนี้ในการปฏิรูปก็จะทำให้บ้านเมืองถอยหลัง เราต้องทุ่มเทมากกว่านี้ แต่ถ้าทุกคนช่วยกันก็ไปได้ ทุกรัฐบาลมีหน้าที่ในการบริหารรมชการแผ่นดิน โดยมีข้าราชการและประชาชนร่วมกัน แต่หากเลือกข้างประเทศก็ไปไม่ได้ วันนี้ต้องพัฒนาทุกเรื่องและต้องใช้เวลาพอสมควร แต่เราก็ต้องมีการเลือกตั้ง วันนี้ตนเริ่มให้ทุกเรื่อง อาจจะดูไม่เกิดผลเพราะคนไทยใจร้อน ชอบพูดมากกว่าฟัง แต่ต้องให้กำลังใจกัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า วันนี้ได้ฟังข้าราชการทส. ร้องเพลงป่าลั่น ก็ขอให้รักษาป่าให้ได้แล้วกัน ส่วนตนก็ขอสัญญาว่าตนจะทำให้ดีที่สุด จนกว่าจะทำไม่ได้ ตราบใดที่ทำได้จะทำให้ทั้งหมด ขอบคุณทุกคน
ถ้าด่าตรงๆต้องแบบนี้... http://hilight.kapook.com/view/86790 เมื่อวานนี้ (2 มิถุนายน 2556) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ปราศรัยที่เวที เพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่ ต่อหน้าคนเสื้อแดงที่มาร่วมฟังการปราศรัยว่า ได้ดูตนเล่นละครช่วงประชุมน้ำหรือไม่ และก็ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยทำให้การประชุมน้ำสำเร็จไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีพวกบ้าบอคอแตกจะมาประท้วงการประชุม พอตนด่าว่าขยะก็ทำเป็นโกรธ ทั้ง ๆ ที่ความจริงมันน้อยไปด้วยซ้ำ สิ่งที่ตนคิดในใจคือ อยากจะได้ว่า ไอเหี้ย ด้วยซ้ำ แต่ทำไม่ได้ มิเช่นนั้นอาจถูกฟ้อง
เมื่อไหร่จะได้เห็นเมืองไทยมีถังทิ้งขยะแยกเป็น ถังสีน้ำตาลทิ้งเศษอาหาร กิ่งไม้ใบหญ้า ถังสีเขียวทิ้ง นสพ เก่า กล่องกระดาษ ถังสีเหลืองทิ้งกระป๋อง ถ้วยโยเกิร์ท ขวดน้ำพลาสติค ถังสีดำ ทิ้งขยะรวม
แบบจขกท.ก็เข้าข่ายขยะมนุษย์เช่นกัน ว่าแต่ว่างมากรึไง ถ้าว่างมากก็ไปตรวจอาการจิตเวชที่หลังคาแดงซะ ถ้าให้ดีก็เข้าไปอยู่ในนั้นซะด้วยเลย
พวกวัวสันหลังหวะ พอได้ยินนายกฯพูดถึง"ขยะมนุษย์" ดันร้อนตัวไปเอง เหมือนคนหนีคุกเบย พอเขาด่าคนขี้โกง คนชั่ว คนเนรคุณแผ่นดิน มันโกรธทุกครั้ง หาว่าเขาด่ามัน
รู้จัก "Garbage Boared" มั้ยยยยย!!! บีบีซีไทย - BBC Thai เผยตัวจริงนักเลงคีย์บอร์ด บ่อยครั้งที่เราได้เห็นข้อความเชิงยุแหย่ เสียดสี สร้างความเกลียดชัง หรืออาฆาตมาดร้ายคนที่เห็นต่างออกไปบนโลกออนไลน์ เคยสงสัยไหมคะว่าตัวตนที่แท้จริงของนักเลงคีย์บอร์ดเหล่านี้เป็นอย่างไร เป็นคนดุดัน หยาบคาย ใจร้ายเหมือนตัวหนังสือที่เขียนออกมาหรือเปล่า เพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้ เจมี บาร์เล็ต ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์สื่อโซเชียลมีเดียที่อังกฤษ ได้ไปพบกับคนที่เป็นนักเลงคีย์บอร์ดนี้มาจำนวนหนึ่งค่ะ พอลเป็นคนหนึ่งที่ตอบรับคำเชิญมาพูดคุยกับเจมี่ พอลเล่าให้ฟังว่ามันเริ่มมาจาก 4 ปีที่แล้ว เขาไปเขียนแสดงความคิดเห็นบนเพจ English Defence League (EDL) ซึ่งเป็นกลุ่มขวาจัดของอังกฤษเป็นประจำ โดยเขาเห็นเพจนี้จากการที่เพื่อนคนหนึ่งไปกดไลค์ เขาจึงลองกดไลค์บ้าง ด้วยความที่เป็นคนเขียนหนังสือได้ดี มีสำบัดสำนวนและเป็นแฟนประจำของเพจ ทางเพจได้ทาบทามให้เขาเป็นแอดมินของกลุ่ม ซึ่งเขาก็ตอบรับในทันที การได้เป็นแอดมินของเพจทำให้เขารู้สึกมีอำนาจ เพราะเขาสามารถลบหรือซ่อนความเห็น และโต้เถียงกับคนที่มาแสดงความเห็นในเพจได้ เขารู้สึกรักหน้าที่แอดมินนี้มาก จากนั้นเขาก็เริ่มโพสต์ข้อความระรานกลุ่มมุสลิมบนเฟซบุ๊ก ซึ่งก็ทำให้เกิดการปะทะกันผ่านหน้าจอบ่อยครั้ง ตัวจริงของพอล เขาเป็นชายวัย 30 กว่า ๆ บุคลิกเป็นคนเงียบ ค่อนข้างขี้อาย ไม่มีงานทำและอาศัยอยู่ตัวคนเดียว พอลเล่าว่าเขาเคยเดินผ่านกลุ่ม EDL ซึ่งเขาเป็นแอดมินของเพจ ยืนประท้วงกันแบบตัวจริงเสียงจริงบนถนน เขารู้สึกประหม่าจนใจสั่นและต้องเดินก้มหน้าหนีไป เขารีบกลับบ้านเพื่อมาล็อกอินเข้าเพจและโพสต์ข้อความเพื่อแสดงออกแทน พอลคนที่อยู่ในโลกออนไลน์นั้นต่างกับพอลตัวจริงอย่างสิ้นเชิง หน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่เขาคือผู้มีอำนาจและเป็นที่เคารพนับถือของกลุ่ม ส่วนแซค ชายวัย 30 ต้นๆ อีกคนที่เจมีได้พบ บอกว่า เขาทำตัวเป็นนักเลงคีย์บอร์ดมาแล้ว 10 ปี เขามองว่ามันไม่ใช่การรังแกผู้อื่นบนโลกออนไลน์ แต่เป็นการสร้างสถานการณ์ใหม่ ๆ และฝึกตัวเองให้รับมือกับปฏิกิริยาโต้ตอบจากคนแปลกหน้า แซคตัวจริงที่เจมีได้เจอคือคนมีไหวพริบ ขี้อาย และเป็นคนชอบหาความรู้จากการอ่าน แซคบอกว่าเขารู้สึกกร่างแค่บนโลกออนไลน์เท่านั้น ในปี 2544 จอห์น ซูเลอร์ นักจิตวิทยาได้ให้คำจำกัดความพฤติกรรมนักเลงคีย์บอร์ดนี้ว่าเป็นภาวะการสูญเสียความยับยั้งชั่งใจบนโลกออนไลน์ เพราะเราไม่รู้ว่ากำลังคุยอยู่กับใคร จึงไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนผู้นั้น ทั้งไม่ต้องสนใจมารยาทสังคม กฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพราะอีกฝ่ายก็ไม่รู้ว่าเราเป็นใครเหมือนกัน และบางครั้งกลับรู้สึกสะใจที่ได้ทะเลาะกับคนแปลกหน้าผ่านหน้าจอ เจมีสรุปความคิดจากประสบการณ์ครั้งนี้ว่า โลกของอินเทอร์เน็ตทำให้เราพลั้งปากและก้าวร้าวได้ง่ายกว่าโลกแห่งความเป็นจริง บางคนอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังทำร้ายจิตใจผู้อื่น บางครั้งทำไปเพราะอยากกลบเกลื่อนจุดเปราะบางของตัวเอง เจมีบอกว่า ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าให้อภัย เพราะที่จริงทุกคนควรช่วยกันแสดงความรับผิดชอบและลดการระรานผู้อื่นผ่านตัวหนังสือ