ข้อนี้หรือ การเกิดดับของจิต ................... จิต ก็คือความคิด รู้ทันความคิด เมื่อคิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งดีหรือไม่ดี นั่นคิดการเกิดของจิต เมื่อพิจารณาสาเหตุที่เกิดถี่ถ้วนแล้ว คลายความคิดนั้นลงจนไม่เหลือ ก็คือการดับของจิต สั้นๆ งงไหม
ถ้าจิตเราส่าย แบบคิดโน่นคิดนี่ตลอดเวลา ก็ตัองไล่ตามไปพิจารณาทุกความคิดใช่ไหมคะ มันเหนื่อย เพราะบางทีสั่งให้หยุดคิด ไม่ได้ อย่างเราพูดอะไรไป แล้วมีคนเข้าใจผิด เรารู้ว่าเขาไม่พอใจ ทำไงคะ บางทีก็เหนื่อยอธิบาย มันเหมือนแก้ตัวหรือป่าว ปล่อยไป ก็ไม่เข้าใจกัน จนทุกวันนี้ไม่อยากอ้าปากพูดไรแล้ว หรืออิฉันเองใช้ภาษาไทยไม่ถูก ควรเรียนภาษาไรดีคะ
แล้วทำไมต้องคิด คิดเพราะตาเห็น หูได้ยิน ลิ้นได้รับรส กายได้รับสัมผัส พอไม่ชอบจิตก็สั่งให้ตอบโต้ ถ้ามองดู ฟัง รับรสเปรี้ยวหวานมันเค็ม หรือ สัมผัสความร้อนอบอ้าว ตามดูสิ่งนั้นแล้วคิดว่า สักครู่มันก็ผ่านไป ไม่คิดต่อ จิตตื่นรู้และดับลง ส่วนการพูดที่ทำให้คนไม่พอใจ คิดเสียก่อนว่าควรไหม ถ้าไม่ควร ไม่พูด ถ้าขัดใจคน ไม่พูด อารมณ์หมั่นไส้อยากตอบโต้ เก็บใส่ลิ้นชักไว้ เหลือแต่อารมณ์เวทนา
ทำความเข้าใจ เรียนรู้ใจตัวเอง และ เรียนรู้ผู้อื่น มองโลกด้วยสีขาว อย่ามองโลกด้วยสีเทา มองสิ่งต่างๆ อย่างที่มันเป็น ไม่ใช่มองสิ่งต่างๆ แบบที่เราอยากให้เป็น
คนเราไม่จำเป็นต้องทุกข์ไปตามเหตุการณ์ที่มากระทบเสมอไป หากเราเป็นอยู่ด้วยปัญญา ไม่เอาความรู้สึกเป็นใหญ่ มีสติรู้เท่าทันอัตตา ไม่ปล่อยให้มันครองใจ เราก็สามารถทำใจให้เป็นปกติได้แม้ในยามที่ประสบกับสิ่งที่เป็นลบ ในสายตาของคนทั่วไป เช่น เมื่อถูกตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์ หากเราปล่อยให้อัตตาเป็นใหญ่ในใจ เราก็จะรู้สึกขึ้นมา ทันทีว่า “กูถูกเล่นงาน” หรือ “กูเสียหน้า” ผลคือเกิดความโกรธและตอบโต้กลับไป ซึ่งอาจทำให้ถูกวิจารณ์กลับมาหนักขึ้น ในทางตรงข้าม หากเรามีสติทันท่วงทีและสามารถ ดึงปัญญาออกหน้า เราก็จะหันมาใคร่ครวญว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้น เป็นความจริงหรือไม่ มีประโยชน์เพียงใด มันอาจช่วยให้เราเห็นข้อบกพร่องของตัวเองชัดขึ้น หรือไม่ก็เผยให้เห็น ตัวตนของผู้พูด ทำให้เรารู้จักเขามากขึ้น ผลคือนอกจากเราจะฉลาดมากขึ้นแล้ว จิตใจยังไม่ร้อนรุ่มหรือทุกข์เพราะ คำวิจารณ์นั้น หากเราดำเนินชีวิต ทำกิจวัตรประจำวัน และทำงานด้วยความใส่ใจ โดยไม่มุ่งหวัง เพียงแค่ทำงานให้เสร็จหรือให้ดีเท่านั้น หากยังถือว่าเป็นการฝึกฝนจิตใจหรือขัดเกลาตนเองไปด้วย เช่น ฝึกให้มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ ลดละความเห็นแก่ตัว บ่มเพาะเมตตากรุณา ก็จะเป็นการเปิดทางให้ปัญญาเข้ามาแทนที่อัตตา นั่นหมายความว่าเมื่อประสบกับสิ่งไม่พึงปรารถนา หรือพลัดพรากจากสิ่งพึงปรารถนา เราก็สามารถรับมือกับมันได้โดยไม่ทุกข์ ดังได้กล่าวแล้วว่าเราไม่สามารถควบคุมหรือจัดการให้เกิดสิ่งดี ๆ กับเราได้ตลอดเวลา แต่เมื่อใดก็ตามที่เกิดสิ่งแย่ ๆ กับเรา เราสามารถเลือกได้ว่าจะยอมให้มันมีอิทธิพลต่อชีวิตจิตใจของเราได้มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งเลือกว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร กับมันได้ด้วย เช่น จะใช้มันให้เกิดประโยชน์แก่เราอย่างไร แต่ทั้งหมดนี้เราจะเลือกได้ก็ต่อเมื่อมีสติและปัญญา ซึ่งเกิดจากการสะสมในชีวิตประจำวันและการฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ขอให้สังเกตว่าเมื่อมีสิ่งแย่ ๆ (หรือสิ่งที่เราไม่ชอบ)เกิดขึ้นกับเรา สิ่งนั้นไม่ทำให้เราทุกข์มากเท่ากับใจของเราเองที่วางไว้ไม่ถูก พระไพศาล วิสาโล
....โกรธแล้วหายโกรธเอง... กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะ..ให้อภัย... นั้น ไม่เหมือนกัน..โกรธแล้วหายโกรธเอง เป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องมีดับ ไม่เป็นการบริหารจิต แต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง เพราะ..จะเป็นการ ..ยกระดับของจิต..ให้สูงขึ้น..ดีขึ้น..มีค่าขึ้น อันใจนั้นฝึกได้ก็จะเป็นอย่างนั้น ...ฝึกให้ดีก็จะดี... ฝึกให้ร้ายก็จะร้าย...... ... คำสอนของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ....โกรธแล้วหายโกรธเอง... กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะ..ให้อภัย... นั้น ไม่เหมือนกัน..โกรธแล้วหายโกรธเอง เป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องมีดับ ไม่เป็นการบริหารจิต แต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง เพราะ..จะเป็นการ ..ยกระดับของจิต..ให้สูงขึ้น..ดีขึ้น..มีค่าขึ้น อันใจนั้นฝึกได้ก็จะเป็นอย่างนั้น ...ฝึกให้ดีก็จะดี... ฝึกให้ร้ายก็จะร้าย...... ... คำสอนของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
กราบหลวงลุงครับ ไม่ทราบว่าเป็นหลวงลุงหรือเปล่า แต่เรียกหลวงลุงแล้วรู้สึกนับถือมากครับ ไม่เคยเข้ามาห้องนั่งเล่น สงกรานต์อารมณ์ดีเลยเข้ามา มาถึงเจอทู้หลวงลุง รีบเข้ามาก่อนเลยครับ อยากถามครับ เริ่องจิต ถ้าหากว่าจิตส่วนที่ควบคุมจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก มีพลังเหมือนกระแสไฟฟ้า(อันนี้ฝรั่งชอบพูดกัน) และถ้าหากมันโยงกันเป็นเครือข่ายเหมือนอินเตอร์เน็ต มันก็จะแฮ็คเข้ามาได้สิครับ ไอ้จิตส่วนชั่วมันต้องพยายามแทรกซึมเข้ามาหรือเปล่าครับ ฝรั่งมันพูดนั่นจริงหรือเปล่าครับ พระพุทธเจ้าท่านสอนมงคลไม่คบคนชั่ว แต่แหมมันแฮ็คเข้ามาอะสิครับ หลวงลุงมีโปรแกรมไฟร์วอลล์ป้องกันยังไงครับ ถามเพราะอยากรู้จริงๆครับ สามัญชนอย่างผมคงเข้าไม่ถึงครับ กราบ ทรีไทม์
นานๆ ได้เข้ามาอ่านเหมือนกัน โปรกรงโปรแกรม อะไรไม่มีหรอก ใช้สติของเราเองนั่นแหละ เป็น ดีเฟนเด้อร์ เมื่อรู้ว่ามีไวรัสเข้ามาก็จับมันขังไว้อย่าให้มันเพ่นพ่าน (ขังแล้วก็พิจารณาหาเหตุผล) แล้วก็ ดีลีท เมื่อเข้ามาแล้วหนนึงยังอุตส่าห์หาทางเช้ามาวุ่นวายอีก ก็ จับมันขังอีกแล้ว ดีลีท ออกไปอีก บ่อยครั้งเข้ามันรู้ว่า โปรแกรมเราแข็งกว่ามันก็ไม่กล้าเข้ามาแล้ว แต่ยังไม่ไปไหน เที่ยวได้วุ่นวายอยู่รอบๆ แต่ก็ฝ่าเข้ามาไม่ได้ มันอยู่ที่การฝึก
สาธุ อย่างนี้ นี่เอง ทีนี้ผมเข้าใจแล้วครับ ธรรมของหลวงลุงเรียบง่าย ตามพุทธดำรัสเช่นนี้นะเอง เกิดขึ้น คงอยู่ ดับไป ฟังของฝรั่งแล้วเผลอไปกับความพิศดาร ขืนเผลอบ่อยๆเป็นได้ขึ้นยานธรรมกายซะก็ไม่รู้ ทีนี้รู้แล้วของฝรั่งมันวัตถุอย่างหยาบ ไม่ถึงแก่นเหมือนธรรมของพุทธองค์ ต่อไปไม่เผลอแล้วครับ ขอบพระคุณจริงๆครับหลวงลุง แหมอยากเลื่อนระดับให้เป็นหลวงปู่ซะแล้วซิ กราบ