ตราบใดที่คนเข้าวัดเพราะพิธีกรรม มุ่งแต่จะมาถวายทานและตั้งหน้าตั้งตากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่ได้ ถามหาถึงหลักธรรมที่ทำให้เกิดการลดละ ความโลภ โกรธ หลง ก็คงวนเวียนอยู่แต่เรื่องเช่นนั้นต่อไป
มีครูบาอาจารย์ เตือนมาครับหลวงน้าเลยมาเล่าให้ฟัง ว่าปลายปี 2558 จะมีน้ำท่วมใหญ่ เดือนร้อนกันทั่วและหลังจากนั้นจะมีสงครามใหญ่บังเกิด รบกันด้วยอาวุธรังสี จังหวัดใดต่ำกว่าสระบุรีจะเกิดน้ำท่วมนานและหนัก ทางเดียวที่จะปลอดภัยที่ท่านบอกคือ รักษาศีล5 ให้บริสุทธิ์ และเจริญภาวนา ให้เป็นปกติ ผมได้ยินมาแบบนี้จากพระสุปฏิปันโน หลายองค์ท่านก็เตือนในลักษณะนี้ เลยเอามาฝากให้เตรียมตัวกันไว้ครับ
กราบหลวงพี่ค่ะ เมื่อแม่มะนาวได้อ่านคำสอนนี้แล้ว ยอมรับว่าเป็นความจริงอย่างที่พระอาจารย์พูด คือเวลาเรารู้สึกทุกข์ แม่มะนาวมักจะคิดว่า คงเป็นเพราะกรรมที่เราทำในชาติก่อน และก็ทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นที่ว่า เราก็ใช้เวรกรรมไป จะได้จบกันไป บางทีพาลไปคิดด้วยซ้ำว่า นี่ชาติก่อนแม่มะนาวไปทำอะไรไว้หนอ ชาตินี้ถึงต้องมีทุกข์ ชาตินี้จะได้ไม่ทำอ้ะค่ะ หรือชาติที่แล้วทำอะไรดีๆไว้บ้าง ถึงได้มีเพื่อนที่ดีๆ คอยเป็นกำลังใจ หรือเป็นคนสนใจ ใครรู้ ชาติหน้าอยากเป็นแบบนี้อีก แม่มะนาวว่าหลวงพี่อาจบอกว่า แน่ใจว่าชาติหน้าจะได้เป็นคนหรือ แต่ก็เถอะค่ะ เอาเป็นว่าเกิดจับพลัดจับผลูได้มาเป็นคนอีกน่ะค่ะ ถามเผื่อไว้ ตามประสาคนรอบคอบ แต่ไม่นอกคอกค่ะ พระวิศาลบอกว่า "เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเรา ไม่ควรมองว่าเรากำลังใช้กรรม ที่จริงนั่นคือโอกาสที่เราจะได้สร้างกรรมใหม่ที่ดีกว่าเดิม ขอให้ตั้งสติและรู้จักใช้วิบากกรรมนั้นให้เป็นประโยชน์ อย่าลืมว่าเคราะห์สามารถเปลี่ยนเป็นโชคได้เสมอ เช่นเดียวกับทุกข์ ที่สามารถเปลี่ยนเป็นธรรมให้เราประจักษ์ได้ทุกขณะ" หลวงพี่อธิบายให้แม่มะนาวเข้าใจ ได้ไหมคะ เอาแบบยาวๆหลายตอนจบก็ไม่เป็นไร
คัดมาจากเนื้อความ "เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเรา ไม่ควรมองว่าเรากำลังใช้กรรม ที่จริงนั่นคือโอกาสที่เราจะได้สร้างกรรมใหม่ที่ดีกว่าเดิม ขอให้ตั้งสติและรู้จักใช้วิบากกรรมนั้นให้เป็นประโยชน์ อย่าลืมว่าเคราะห์สามารถเปลี่ยนเป็นโชคได้เสมอ เช่นเดียวกับทุกข์ ที่สามารถเปลี่ยนเป็นธรรมให้เราประจักษ์ได้ทุกขณะ" ขออธิบายแบบง่ายๆ ก่อนอื่น ต้องเข้าใจความหมายของคำว่า "กรรม" ก่อน กรรม คือ อะไร ตอบง่ายๆ กรรมคือการกระทำ เคยบอกไว้แล้ว กรรมดี คือ การกระทำความดี ทำแล้วจิตใจผ่องใส สบายใจ กรรมชั่ว ก็คือทำสิ่งที่ไม่ดี มีความรู้สึกหวาดระแวง กลัวผู้อื่นรู้ ทำให้จิตใจขุ่นมัว ไม่มีความสุข เดี๋ยวค่อยมาต่อ
คราวนี้คงต้องอธิบายต่อ ในทางศาสนา กรรมเป็นเครื่องบอกการกระทำของคนๆหนึ่ง ในบางครั้งเมื่อตัวเองพบกับเหตุการณ์ต่างๆก็บอกว่ามันเป็นกรรมที่เคยได้ทำมา เช่นถ้าพบกับเหตุการณ์ร้ายก็มักพูดกันว่า "ได้ชดใช้กรรมแล้ว" หรือ ถ้ามีใครที่ทำดีหรือไม่ดีกับตัวก็มักจะว่า "คงมีเวรมีกรรมกันมาแต่ชาติก่อน ชาตินี้ได้มาชดใช้กรรมนั้นๆ" ทางศาสนาที่สอนกันคือ คน มีชีวิตอย่างไรในชาติปัจจุบัน เพราะ เคยทำสิ่งต่างๆ ไว้ เมื่อชาติที่แล้ว ที่สอนกันอย่างนั้น ก็เพื่อให้คนทำความดี หรือหมั่นทำความดีในปัจจุบัน วิธีที่ถูกคือ ให้พิจารณาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา เป็นเหตุการณ์หนึ่งๆเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการชดใช้กรรม ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ทำสิ่งที่ดี วางเฉยหรือไม่ไปกระวนกระวายกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่เป็นที่ถูกใจ เท่านี้ก่อน
การที่เราเชื่อว่าถ้าเราพบกับสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ แล้วคิดว่าคงเป็นเพรากรรมในชาติก่อน จะเป็นการคิดออกนอกคำสอนหรือป่าวคะ เพราะบางทีคิดแล้วก็ทำให้สบายใจ อดทนกับสิ่งที่ต้องเผชิญ ว่าไม่นานคงหมด แต่ขณะเดียวกัน เราก็ใช้ชีวิตตามปกติของเรา แบบไม่เป็นทุกข์มากกับสิ่งที่เผชิญ และทำให้เรารู้สึก(คิดไปเอง) ว่าชาตินี้ควรทำแต่สิ่งดีๆ และถูกต้อง ชาติหน้าจะได้สบายขึ้น แหะๆ เป็นอะไรที่แม่มะนาวคิดปลอบใจตัวเองมานาน ก็ที่จะได้มีโอกาสฟังคำ ที่ขอเรียกว่า wisdom words จากพระอาจารย์ ทั้งหลาย เพราคำสั้นๆเหล่านี้บางทีก็ทำให้เราฉุกคิดอะไรๆขึ้นมาได้ อย่างสมัยบอร์ดเก่า มีคนกล่าวไว้ว่า "โลกมีไว้ให้เหยียบ ไม่ได้มีไว้ให้แบก" ทำให้แม่มะนาวรู้เลย ว่าควรทำอย่างไรกับชีวิต เราเหนื่อยเพราะเราแบกอะไรๆ มากไป ตอนนั้นยังไม่เจอหลวงพี่ ยังไม่มีคุณ Bonne Maison ที่สรรหาคำสอนดีๆมาให้อ่าน ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของแม่มะนาวค่ะ
โลกมีไว้ให้เหยียบ ไม่ได้มีไว้ให้แบก จำได้ไหมว่าใครพูด ศาสนา สอนให้รู้จักทุกข์ ไม่ได้สอนให้ทุกข์ สอนให้เชื่อกรรมว่าคือการกระทำ ไม่ได้สอนว่า ชีวิตต้องเกิดมาชดใช้กรรม คิดดูดีๆ
หลวงพี่พูดหรือคะ ถ้าใช่ก็ขออภัยจำไม่ได้ แต่ก่อนบอร์ดเก่าคนเยอะ คุยกันสนุก ถ้าศาสนาสอนให้เชื่อว่ากรรมคือการกระทำ หมายถึงการกระทำของใครคะ อย่างแม่มะนาวไม่ได้เลือกว่าเมื่อเกิดมา พ่อแม่จะหย่ากันเสียที่ไหน แม่มะนาวเลยเลือก ที่จะคิดว่ามันคงเป็นกรรมเก่า ชาติก่อนคงพรากชีวิตใคร เลยเลิกที่จะสนใจหรือเสียใจว่าไม่มีพ่อแม่เหมือนคนอื่น ไม่ทำบาป ทำกรรมเพิ่ม ประมาณนั้น คือคิดแบบนั้นแต่เด็ก ทุกวันนี้ ไม่ร่ำรวย แต่ก็บริจาคเงินให้กับมูลนิธิเด็กกำพร้า ให้เขาได้มีโอกาส ในชีวิต ที่จะได้เล่าเรียน เพื่อเลี้ยงชีวิตตัวเอง ยอมรับเลยค่ะว่าทำบุญกับวัดน้อยมาก และที่ทำบุญช่วยสร้างพระกับ หลวงพี่ แม่มะนาวคิดโดยส่วนตัวค่ะว่าทำเพื่อให้ความฝันของหลวงพี่สำเร็จ เพราะความฝันของหลวงพี่เป็นสิ่งที่ดี เท่านั้นเองจริงๆ
การกระทำ คือ การกระทำของตัวเอง สิ่งที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่ชาติก่อน นั่นก็กรรมอย่างหนึ่ง แต่ไม่ได้ให้ไปยึดติดอยู่ตรงนั้น ให้ติดอยู่กับการกระทำของตัวเองในปัจจุบัน ว่าทำดีหรือไม่ ทำอะไรลงไปแล้ว ใครเดือดร้อน ตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้าง เรื่องการทำบุญก็เช่นกัน หลวงพี่เป็นเหมือนสวิชท์ กับสายไฟ ตัวบุญก็เหมือนหลอดไฟ ถ้ากดสวิชท์ ไฟก็ติด ไม่กด ไฟก็ไม่ติด และก็แล้วแต่ผู้ที่จะเห็นประโยชน์
เข้าใจแล้วค่ะ แต่ยังไม่ถึงขั้นดวงตาเห็นธรรมขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าแม่มะนาวไม่เชื่อในศาสนานะคะ แต่บางทีก็มีข้อสงสัย ว่าทำไม ต้องทำอย่างนั้น ไม่ควรทำอย่างนี้ อยู่เรื่อย อย่างที่บอกค่ะ แม่มะนาวคงเป็นคนดื้อ และอัตตาในตัวเองสูงไป เรื่องอัตตานี่ก็เหมือนกันแหละค่ะ มีข้อสงสัย แต่ไว้ถามวันหลัง เดี๋ยวหลวงพี่จะเอาฝาบาตรทุ่มก่อน ว่ายัยนี่ขี้สงสัยจัง อิอิ
ถ้ายังขี้เกียจอยู่ อะไรๆ ก็ไล่ไม่ได้ ตัวขี้เกียจ มาจากการอ้างโน่นอ้างนี่ ร้อนไป หนาวไป อิ่ม หิว เหนื่อย เดี๋ยวทำก็ยังทัน บลาๆๆๆๆๆๆ ไล่ไอ้พวกนี้ออกไปดีกว่าไหม
ไม่ได้ว่าหลวงปู่ เอ๊ย..หลวงพี่ว่าแก่ ปู่แม่มะนาวก็บวชเรียนมาเหมือนกัน บางทีที่แม่มะนาวขี้เกียจทำงานบ้าน บอกเดี๋ยว ทีไร โดนเมื่อนั้นทุกที ร่ายยาวว่าด้วยเรื่องตัวขี้เกียจเหมือนที่หลวงพี่พูด ใครจะไปกล้าว่าหลวงพี่แก่ มันก็กระเทือนพุง แม่มะนาวเหมือนกันละค่ะ
หลวงพี่คะ วันนี้วันดี เทศน์โปรดสัตว์ที่บ้านดินเหนียวด้วยค่ะ แม่มะนาวนำบุญ 10 ประการที่ได้มาจากไลน์เพื่อนเก่า ชาว ส.ว. ไม่ทราบผิดถูกประการใดเจ้าค่ะ
เหตุเกิดเมื่อวาน คัดจากเฟซบุ๊คของตัวเอง ทุกวันนี้ นั่งถามตัวเอง ว่า ผู้คนพากันมาที่นี่เพราะอะไร .................มาชื่นชมไหว้สักการะพระเจ้าตนหลวง(พระพุทธชยันตีศรีเมือง งาย) พากันชี้ชวนกันชมภูมิทัศน์แบบพาโนรามา ที่มองไปได้เกือบรอบทิศ แล้วตีฆ้องเคาะระฆัง บอกเทวดาประกาศว่า มาถึงที่นี่แล้ว .......................หรือว่ามาแสวงหาความสงบจากสังคมอันวุ่นวาย มาสงบใจกับธรรมชาติ มาแสวงหาธรรมะ ............. เมื่อวานนี้ ขณะที่นั่งสวดมนต์ทำวัตรเย็น จิตใจสงบผ่องใส ไม่รับรู้เหตุการณ์อะไร เมื่อสวดมนต์เสร็จ พบว่ามีโยมผู้ชายที่ไม่รู้จักกันคนหนึ่ง มานั่งพับเพียบอย่างสงบเรียบร้อย อยู่ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ได้สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในธรรมซึ่งกันและกัน โยมบอกว่าขณะที่ฟังเราสาธยายมนต์อยู่นั้น มีความรู้สึกปิติเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก ใจสงบนิ่งมาก นั่งสนทนากันได้ประมาณชั่วโมง โยมลากลับ ใจโยมเป็นสุข ใจเราก็เป็นสุข นานมากที่จะมีแบบนี้เสียที สาธุ อนุโมทนากับโยมด้วย ปล. ลืมถามว่าโยมชื่ออะไร รูปเปลี่ยนจากในเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/profile.php?id=100007494138770
เสียงสวดมนต์ เป็นสิ่งที่แม่มะนาวไม่แปลกใจเลยที่คุณผู้ชายคนนั้น จะบอกว่าฟังแล้วเกิดสุข มีอะไรบางอย่างในการสวดที่อาจเพราะ บทสวดจะที่ทำให้ใจสงบเงียบ แม่มะนาวเคยไปภูเก็ต นั่งอยู่ในห้องพัก ได้ยินเสียงสวดของคนอิสลาม แม้ฟังแล้วไม่เข้าใจ แต่ฟังแล้วสบายไปกับเสียง อธิบายยากจัง ชอบฟังแม้กระทั่งเวลาดูหนัง อินเดียนแดงเขาร้อง หรือสวดก็ไม่รู้แหละ มีเคาะกลอง ด้วย ชอบฟังจริงๆ ถึงได้ชอบเพลง Return to Innocent
ตรรกะของเด็ก อ่านเข้าใจง่าย คิดได้ไงเนี่ย อายุเท่านี้ เหมมือนแผนผังก้างปลาที่แม่มะนาวทำ สมัยทำงาน งานมีอุปสรรค มีเพราะอะไร ทำให้เกิดอะไร ควรแก้ตรงจุดไหน แต่แม่มะนาวทำเมื่ออายุ 30 ฝ่าๆ ไม่ใช่ ป. 3 หลวงพี่เคยสอนว่า อย่าอัตตาสูง เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือภูเขายังมีต้นหญ้า แปลกนะคะ ต้นหญ้าที่ใครว่าต่ำต้อย แต่อยู่สูงกว่าภูเขา อิอิ
หลวงพี่คงไม่ค่อยสุขใจเวลาคุยธรรมะ กะแม่มะนาวแน่เรย เพราะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง (ไม่ใช่พูดไม่ได้เรื่อง แต่มักจะได้เป็นเรื่องตอนหลังทู๊กที) แม่มะนาวรู้ว่าตัวเองต้องบาปแน่ๆเลย ชาติหน้าจาเกิดเป็นไรเนี่ย ต่อปากต่อคำกับพระ