กรุงไทย ใครโกง กรุณารับชมและวิพากษ์วิจารณ์ด้วยสติปัญญา ...เท่าที่พึ่งจะพากันมี... กรุงไทย ไอ้อี คนไหนที่โกง!!
สร้างนิยายมาหลอกควายอีกแระ.. 5555 ไม่โกหกจะตายห่ กันหรือไงว๊ะไอ้พวกแก๊งขี้ข้าเนี่ย มันบอกกฤษดามหานครเป็นลูกหนี้ชั้นดี พอถึงตรงนี้ กรูก็หยุดดูแล้วไอ้เวร ลูกหนี้ชั้้นดี ชำระเงินดี แบ้งค์กรุงเทพ มันจะปล่อยหลุดออกมารึ ไอ้เวร เก็บไว้แดกเองไม่ดีกว่ารึ กลัวไอ้ขี้ยาติดคุกอะดิ เลยเอามาเล่น กร๊ากกกก
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เยสสส สุดยอดกระทู้สำหรับคนเสื้อแดง เร้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คนกลาง หนูนุก รีบมาดูรุย รีบมาๆ เยสสส
พูดจังฉลาด สติปัญญา แล้วทำไหมคนอิจฉานี้ว่างงาน ไม่ตอบคำถามผมซักทีครับ จะหนีไปถึงเมื่อไหร่ น่าเศร้านอกจากขี้อิจฉาแล้วยังรังแกคนแก่อีก ทุเรศจริง
อันนี้ก็น่านะ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าคดีอนุมัติเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร หลังพนักงานสอบสวนส่งหนังสือเรียกผู้เกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินกรุงไทย ทั้งหมด 5 ราย ประกอบด้วย นายพานทองแท้ ชินวัตร นางกาญจนาภา หงส์เหิน นายวันชัย หงส์เหิน นางเกศินี จิปิภพ และ นายมานพ ทิวารี พ่อของ น.ต.ศิธา ทิวารี มาให้ปากคำในวันที่ 22 ม.ค. .... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/politic/411796 http://m.posttoday.com/politic/411796
ทักษิณ โกงชาติ-และอีกสารพัดเรื่องบัดซบ ฯลฯ = ไม่ผิด ยิ่งเละ ทำชาติชิบหาย โกง = ไม่ผิด ไอ้โอ๊ด = ไม่ผิด ควายแดงเผาเมือง = ไม่ผิด พวกแมร่งทำอะไรไม่เคยยอมรับผิด ขนาดบางคดีศาลตัดสินแล้วก็ยังแถ อ้างศาลเอียง บลาๆๆๆ ทุเรศว่ะ ไอ้สลัด แล้วนี่คือนิยายเรื่องใหม่อีกล่ะสินะ โถ่ๆ ไอ้สลัดเอ๊ย
อะไร ที่ไปเกี่ยวกับโคตรแม้ว ดูท่า ขี้ข้าแม้ว มันจะป้องทุกอย่างเลย แต่งนิทานหลอกควายแดง ให้มันเชื่อไปเรื่อยๆ มิน่าพวกขี้ข้าแม้ว มันถึงได้กล้าโกง อย่างท้าทายกฎหมาย เพราะมีขี้ข้าแม้ว มันเขียนนิยายเก่งนี่เอง โดนตัดสินให้ผิด ไม่สน หลอกควายแดงมันเชื่อทุกเรื่องอยู่แล้ว
http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/40928-report_40928.html (ดูคำให้การฉบับเต็มประกอบ ที่นี่ http://www.supremecourt.or.th/file/criminal/com%203-2555.pdf) อย่างไรก็ดี หากนำข้อมูลรายชื่อคณะกรรมการบริหารกรุงไทย ตามที่คำให้การของ นายธนวัตน์ ภัททมุข ไปเปรียบเทียบกับ รายชื่อจำเลยในคณะกรรมการบริหาร ที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษ คือ ร้อยโทสุชาย เชาว์วิศิษฐ์ จำเลยที่ 2 นายวิโรจน์ นวลแข จำเลยที่ 3 และนายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา จำเลยที่ 4 ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 2-4 มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การฯ มาตรา 4 ให้จำคุกคนละ 18 ปี จะเห็นได้ว่า มีรายชื่อของคณะกรรมการบริหารหายไป 2 คน คือ นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ และ นายอุตตม สาวนายน เมื่อตรวจสอบไปที่ข้อมูลในสำนวนการสอบสวนในชั้นของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) พบว่า รายชื่อผู้ถูกกล่าวหาในกลุ่มของคณะกรรมการบริหาร ที่นำส่งให้ คณะกรรมการป.ป.ช. ก็มีเพียง 3 คน คือ ร้อยโทสุชาย เชาว์วิศิษฐ์ นายวิโรจน์ นวลแข และนายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา ไม่ปรากฎชื่อ นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ และ นายอุตตม สาวนายน รวมอยู่ด้วยเช่นกัน กรณีนี้ จึงอาจวิเคราะห์ได้ว่า บุคคลทั้งสอง อาจจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อาทิ ในช่วงที่มีการประชุมพิจารณา ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม งดออกเสียง แสดงความเห็นคัดค้าน หรือ ถูกกันตัวไว้เป็นพยานตั้งแต่ชั้นการไต่สวนของ คตส.แล้ว ? แต่สิ่งที่ปรากฎชัดเจนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ คือ ชื่อของนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ และ นายอุตตม ในฐานะกรรมการบริหารรอดทั้งคู่ !
http://www.thaisocialist.com/word/?p=17454 คำวินิจฉัยระบุว่า โจทก์ (อัยการสูงสุด) มีนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ กรรมการบริหารธนาคารผู้เสียหาย เป็นพยานเบิกความว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.46 ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการบริหารนัดประชุมพิจารณาสินเชื่อรายของจำเลยที่ 19 (บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด) จำเลยที่ 2 (ร.ท.สุชาย เชาว์ศิษฐวิ) โทรศัพท์มาหาพยานพูดว่า เรื่องของจำเลยที่ 19 ‘นายบุญคลี’ ได้ดูดีแล้วและ ‘ซุปเปอร์บอส’ ได้ตกลงแล้ว อย่าสอบถามข้อมูลมากนัก และขอให้พิจารณาไปโดยเร็ว ในความเห็นประกอบคำวินิจฉัยคดีนี้ของนายมนูพงศ์ รุจิกัณหะ ผู้พิพากษา ปรากฎถ้อยคำที่ พยานกล่าวถึงบุคคลชื่อ ‘บุญคลี’ ด้วยเหมือนกัน สำนักข่าวอิศราสรุปสาระสำคัญส่วนหนึ่งมาเสนอดังนี้ (หน้า 66-71) ปัญหาต้องวินิจฉัยประการที่เจ็ดว่า จำเลยที่ 1 (พ.ต.ท.ทักษิณ) สั่งการผ่านทางจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 (ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ นายวิโรจน์ นวลแข นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา) ให้จำเลยที่ 2 ถึง 17 อนุมัติสินเชื่อทั้งสามราย หรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์ได้ความจากคำให้การในชั้นไต่สวนของพยานโจทก์ปากนายชัยณรงต์ อินทรมีทรัพย์ว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.46 จำเลยที่ 2 (ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ) โทรศัพท์มาหาพูดว่า “ชัยณรงค์ เรื่องของบริษัท โกลเด้นท์ฯ นายบุญคลี ได้ดูดีแล้ว และซุปเปอร์บอส ได้ตกลงแล้ว อย่าสอบถามข้อมูลมากนักและขอให้พิจารณาโดยเร็ว” พยานโต้แย้งว่า ได้เข้าไปและเกี่ยวข้องกับที่ดินบริเวณนั้นมาแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกครับถ้าดีจริงแบงค์กรุงเทพคงไม่ปล่อยมาหรอก แต่จำเลยที่ 2 ตอบกลับว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีปัญหาสามารถชี้แจงได้ และพยานยังให้การถึงคำว่า ซุปเปอร์บอส หมายถึง จำเลยที่ 1 หรือคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา เพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้ที่ชอบพูดภาษาอังกฤษ และเมื่อกล่าวถึงจำเลยที่ 1 หรือ คุณหญิงพจมาน จะใช้แทนคำว่า ซุปเปอร์บอส เสมอ ทั้งเวลาที่จำเลยที่ 2 พูดกับพยานเมื่อพูดถึงจำเลยที่ 1 จะใช้คำว่า บิ๊กบอส มั่ง ซุปเปอร์บอสมั่ง หลายครั้งหลายหน พยานจึงเชื่อตามที่จำเลยที่ 2 พูดถึง นายบุญคลี และซุปเปอร์บอส ว่าเป็นความจริง และพยานยังให้การว่า จำเลยที่ 1 กับพวก มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มกฤษดามหานคร คือ นายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นเพื่อนกับบุตรของจำเลยที่ 25 (นายวิชัย กฤษดาธานนท์) และครอบครัว สนิมสนมกัน เพราะจำเลยที่ 25 จะต้องขอรับการช่วยเหลือ สนับสนุนด้านธุรกิจจากจำเลยที่ 1 ส่วนซุปเปอร์บอส หมายถึง จำเลยที่ 1 แน่นอน
มาแนวนี้ เหมือนแนวซุกหุ้น คงไม่มีปัญญาแก้ต่างคดีแน่ๆ ก็ต้องใช้ประโยชน์แนวเดิมๆ "สองมาตรฐาน" "บกพร่องโดยสุจริต" ตอนนี้คงวิ่งถุงขนมแจกแถวศาล รอบหน้าต้องกลับมาเป็นรัฐบาลเพื่อเป่าคดี ถ้าที่เดินๆไว้ไม่เวิร์ค น้องไอซ์ติดคุกแน่นวล
ผมแนะนำเอาหลักฐานชิ้นนี้ให้พี่ไอซ์เอาไปต่อสู้ในศาลนะครับ รับรองศาลจะอึ้งในหลักฐานชิ้นนี้ เพราะศาลไม่เคยเห็นหลักฐานชิ้นนี้มาก่อน คนกางกับหน้าโยนีส่งไปให้พี่ไอซ์โดยด่วน จะได้ไม่ต้องเลื่อนนัดกับศาลอีก
คนที่เอามาเผยแพร่ต่อนี่ จะโดน พรบ. คอมฯ ด้วยหรือเปล่าหว่า ถ้าโดน จะคุ้มค่ากับค่ารับจ้างโพสหรือเปล่าหนอ
คดีนี้ศาลตัดสินไปแล้วไม่ใช่เหรอ ********************************************* แต่ในส่วนของพี่ไอซ์นั้น รอ DSI สอบเพิ่มก่อนนะ ติ่งพี่ไอซ์ยังไม่ต้องรีบออกมาดิ้น ความคืบหน้าการสอบสวนคดีฟอกเงินของธนาคารกรุงไทย กรณีการปล่อยกู้ให้เครือกฤษดามหานคร ดีเอสไอ เตรียกเรียกบุคคลมาให้ปากคำ 2 ชุด โดยมีชื่อของนาย พานทองแท้ ชินวัตร และเลขาส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ รวมอยู่ด้วย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ บอกถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีฟอกเงิน กรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดามหานคร ว่า คณะทำงานแบ่งการสอบสวนออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกกรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัท อาร์เคโปรเฟสชั่นแนล จำกัด ในเครือกฤษดามหานคร 500 ล้านบาท จะเชิญบุคคลเข้ามาให้ปากคำจำนวน 32 คน ซึ่งไม่มีเครือข่ายนักการเมือง แต่เป็นบุคคลที่ปรากฏหลักฐานว่ารับเงินจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร ที่ถูกคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ จำคุก 12 ปี เช่นคนขับรถ โดยจะสอบถามในประเด็นว่า ได้รับเงินไปจริงหรือไม่ และ 3 ธ.ค. 2558 จะเริ่มทำหนังสือเชิญบุคคลในข่ายเข้ามาให้ปากคำได้ ส่วนชุดที่สอง คือ กรณีธนาคากรุงไทยปล่อยกู้บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด 9.9 พันล้านบาท จะมีชื่อของเครือข่ายการเมือง เช่น นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร นางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ นายวันชัย หงส์เหิน สามีนงกาญจนาภา และนายมานพ ทิวารี พ่อของน.ต.ศิธา ทิวารี อดีต ส.ส.เพื่อไทย แต่ชุดนี้ยังไม่ได้เชิญมาให้ปากคำ ต้องรอผลการสอบสวนจากชุดแรกให้เสร็จก่อน นอกจากนี้จะเชิญตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เข้ามาให้ข้อมูล กรณีนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ ลูกชายนายวิชัย นำเงินปล่อยกู้สินเชื่อจากบริษัท โกลเด้นฯ ไปซื้อหุ้นขอองบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 4.2 แสนหุ้น ไปเสนอขายให้กับพนักงานในบริษัทของนายพานทอง โดยได้ทำหนังสือเชิญไปตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. อยู่ระหว่างรอตัวแทนจากสำนักงาน ก.ล.ต. เข้ามาให้ข้อมูล *********************************************** ส่วนพี่ไอซ์ ถ้าอยากให้คดีจบเร็วๆ ก็อย่าเลื่อนการสอบสวนซิ รีบๆ มาให้ปากคำซะ เรื่องมันจะได้รีบจบๆ กันไปซะที พานทองแท้ แจ้งเลื่อนพบดีเอสไอ คดีฟอกเงิน ธ.กรุงไทย ดีเอสไอ 22ม.ค.-ดีเอสไอ ให้ผู้เกี่ยวข้องคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้กลุ่มกฤษดาฯ เลื่อนเข้าให้ปากคำได้ 1 ครั้ง พ่อ “ศิธา” นัดเข้าพบดีเอสไอต้นเดือนก.พ. 59 ส่วน “พานทองแท้”ต้องเข้าให้ปากคำด้วยตนเอง ไม่สามารถตั้งทนายความมาแทนได้ เพราะเป็นคดีอาญา พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีเรียกผู้เกี่ยวข้องคดีฟอกเงินกรุงไทยเข้าให้ปากคำวันนี้ (22 ม.ค.) ได้แก่ นายพานทองแท้ ชินวัตร นายวันชัย และนางกาญจนาภา หงส์เหิน นางเกศินี จิปิภพ และนายมานพ ทิวารี พ่อของน.ต.ศิธา ทิวารี เพื่อแจงประเด็นมีชื่อรับเช็คเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร แต่ทั้งหมดได้การแจ้งขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนพิจารณา แล้วอนุญาตให้เลื่อน 1 ครั้งโดยจากการประสานกับนายมานพ นัดหมายว่า จะเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนอีก 4 คน อยู่ระหว่างนัดหมาย ซึ่งจะต้องเดินทางมาพร้อมกัน สำหรับคดีนี้เป็นคดีอาญา ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งนายพานทองแท้ จึงต้องมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกด้วยตนเอง ไม่สามารถแต่งตั้งทนายความมาพบพนักงานสอบสวนแทนได้.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/386418
จะวิจารณ์สติปัญญาคนอื่น ช่วยอ่านข้อมูลที่เขาโพสท์ให้ดูด้วย สมองกับทวารหนักทำหน้าที่ต่างกันนะ อย่างหนึ่งใช้คิด อีกอย่างหนึ่งไว้ขับถ่ายของเสีย อย่าใช้สลับกัน
รอสอบพี่ไอซ์ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะมีข้อมูลใหม่ๆ ออกมาอีก คดีรับเช็คกฤษดามหานคร 26 ล้าน ฟอกเงินและแจกจ่ายพนักงานบริษัท “ฮาวคัม” แม่และสามีของนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงอ้อ เตรียมเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ส่วน “พานทองแท้” ยังรอนัดให้ปากคำ ขณะที่พนักงานสอบสวนเร่งปิดคดีฟอกเงินจากการทุจริตปล่อยกู้ของแบงก์กรุงไทย ให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ ความคืบหน้าการสอบสวนคดีฟอกเงินที่สืบเนื่องจากคดีทุจริตปล่อยกู้ของ ธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร พันตำรวจโทสมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 10.00 น. นางเกศินี จิปิภพ มารดาของนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พร้อมด้วยนายวันชัย หงษ์เหิน สามีนางกาญจนาภา จะเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำชี้แจงกรณีมีแคชเชียร์เช็คมูลค่า 26 ล้านบาท สั่งจ่ายเข้าบัญชีของนางเกศินี เพื่อซื้อหุ้นผู้มีอุปการะคุณบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน หรือ ทอท. โดยหุ้นดังกล่าวมีการกระจายให้กับพนักงานบริษัท ฮาวคัม จำกัด และบริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ที่มีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น ส่วนนายพานทองแท้ นางกาญจนาภา และนายมานพ ทิวารี บิดาของนาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดวันเข้าให้ปากคำ ซึ่งอาจไม่ทันภายในเดือนนี้ แต่ผู้เกี่ยวข้องในการรับเช็คทุกรายต้องเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วยตน เองที่ดีเอสไอเท่านั้น จะไม่มีการเรียกสอบปากคำนอกสถานที่ โดยพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนคดีฟอกเงินให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไปก่อนคดีหมดอายุความในปี 2560 ทั้งนี้ นายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร ได้นำเงินกู้บางส่วนไปจ่ายเป็นค่าที่ดินให้กับผู้ที่ซื้อบ้านในโครงการก ฤษมหานครนั้น จากการสอบปากคำพยานพบว่าเป็นการจ่ายที่มีมูลหนี้ และผู้รับเช็คไม่มีความผิดฐานฟอกเงิน แต่นายวิชัยจะต้องรับผิดคดีฟอกเงินแบบเรียงกระทงเนื่องจากเป็นการนำเงินที่ ได้จากการปล่อยกู้ให้ไปฟื้นฟูกิจการไปใช้ในลักษณะที่ผิดวัตถุประสงค์ โดยมีเงินจำนวน 26 ล้านบาท ถูกนำไปซื้อแคชเชียร์เช็ค
เริ่มสอบปากคำกันแล้ว แม่และสามี “นางกาญจนาภา หงษ์เหิน” เลขานุการคุณหญิงพจมาน ยอมรับว่ามีเงินจากผู้บริหารกฤษดานครเข้าบัญชีจริง หลังจากเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอเมื่อช่วงสายของวันนี้ ส่วน นายพานทองแท้ ชินวัตร นัดหมายจะเดินทางเข้าให้ปากคำในวันที่ 4 มีนาคม เพื่อชี้แจงปมรับเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งทางอัยการ ระบุว่าได้สอบปากคำพยานในคดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ไปกว่า 200 ปากแล้ว มั่นใจจะสามารถสรุปสำนวนได้ภายในเดือนเมษายนนี้ นางเกศินี จิปิภพ พร้อมด้วย นายวันชัย หงษ์เหิน แม่และสามีของนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ช่วสงเช้าที่ผ่านมา เพื่อให้ปากคำคดีฟอกเงินซึ่งสืบเนื่องจากการทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย ให้กลุ่มกฤษดามหานคร โดยพันตำรวจโทสมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ทั้ง 2 คน เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน เพื่อชี้แจงกรณีที่พบว่ามีเงินจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารกฤษดามหานครโอนเงินเข้าบัญชีของนางเกศินี โดยนางเกศินี ให้การยอมรับว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีจริง พร้อมนำหลักฐานเอกสารการซื้อขายหุ้นบางส่วนมาประกอบการชี้แจง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในการให้ปากคำได้เพราะจะกระทบกับรูปคดี ทั้งนี้ ในวันที่ 4 มีนาคม ดีเอสไอยังได้นัดสอบปากคำพยานอีก 2 ปาก คือนายพานทองแท้ ชินวัตร และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน ซึ่งในส่วนของนายพานทองแท้มีหลักฐานว่าได้รับเช็คโอนเข้าบัญชีเป็นเงิน 10 ล้านบาท รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า คดีนี้ได้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 200 ปาก หรือ คืบหน้าไปประมาณร้อยละ 70 คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีได้แล้วเสร็จในเดือน เมษายนนี้ เมื่อสอบปากคำผู้มีรายชื่อรับเงินจากกฤษดามหานครครบถ้วนแล้ว ก็จะเข้าไปสอบปากคำจำเลยคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยฯซึ่งยังคงถูกจำ คุกอยู่ในเรือนจำด้วย ด้านนายวัชรินทร์ ภานุรัตน์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามมติคณะกรรมการคดีพิเศษ ปี 2552 ที่ให้ดำเนินคดีกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และผู้บริหารเครือกฤษดามหานครในข้อหาฟอกเงิน แนวทางสอบสวนก็ต้องเป็นไปตามที่วางไว้ ซึ่งคดีดังกล่าวมีผู้ต้องหาในคดีเดิมอยู่ จึงไม่รู้สึกหนักใจอะไร แต่หนักใจกับสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนว่าคดีดังกล่าวมีการ แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ทั้งๆที่ขณะนี้ยังคงเรียกสอบในฐานะพยานเท่านั้น ในขณะที่นางสาวขัตติยา สวัสดิผล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายพานทองแท้ ชินวัตร ส่งหนังสือชี้แจงถึงสื่อมวลชน หลังจากที่มีสื่อนำเสนอทำให้เข้าใจว่านายพานทองแท้ ตกเป็นจำเลยคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย โดยทางทีมงานจะพิจารณาดำเนินคดีฟ้องหมิ่นประมาทต่อไป 25 ก.พ. l ข่าว 12.00 น.พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษเรียกพยานเข้าให้ปากคำ จากกรณีสืบเนื่องธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้ให้กับกฤษดามหานคร “โอ๊ค พานทองแท้”โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชี้ดีเอสไอเรียกสอบในฐานะพยานคดีกู้เงินธนาคารกรุงไทย เป็นการกระทำแบบสองมาตรฐาน วันนี้ (25ก.พ.59) นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra ระบุว่า “ข้อเท็จจริงที่ผมได้พบ จากการที่ถูก DSI เรียกสอบ กรณีเงินกู้แบงค์กรุงไทย คือระบบสองมาตรฐานยังคงมีอยู่ ในกระบวนการยุติธรรมไทย โดยไม่เปลี่ยนแปลงครับ หนังสือที่ DSI ส่งเรียกผมไปสอบถามทุกฉบับนั้น ส่งเรียกไปให้ข้อมูลในฐานะพยาน เช่นเดียวกับคนอีก 2-300 คน ที่มีกระแสการเงิน เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็ถูก DSI เรียกไปด้วยเหตุผลเดียวกัน ทั้งหมดนี้ในฐานะ"พยาน"ทั้งสิ้น 2-300 คน ที่ถูกเรียกไปนั้น ได้ยินว่ามีทั้ง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ แทบจะครบทุกเหล่า นายตำรวจ มูลนิธิฯ สถาบันการเงินและบุคคลทั่วไป ซึ่งในการส่งหนังสือ เรียกตัวบุคลเหล่านั้นไปสอบ ทาง DSI มีการกระทำอย่างเงียบเชียบ ด้วยความระมัดระวัง ไม่ต้องการให้พยานต้องเสียหาย หรือตกเป็นจำเลยของสังคม ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีคำพิพากษา หรือวินิจฉัยใดๆทั้งสิ้น สำหรับตัวผม นั้น ตรงกันข้ามเลยครับ ถ้าแห่กลองยาวมาได้ คงถือหนังสือพร้อมส่งเสียงโห่นำขบวนมาแล้ว ฝ่ายที่อคติกับตัวผมใช้ช่องทางผ่านสื่อ บางคนที่ซ่อนตัวอยู่บางสำนักใช้เป็นเกมทางการเมืองไม่คำนึงถึงความถูกผิดขอ ให้ใส่ร้ายไว้ก่อน ชี้นำตลอดยิ่งกว่าผู้กระทำความผิด ทั้งที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและยินดีให้ข้อมูล หลักฐานกับ DSI เพื่อพิสูจน์ความจริงและความบริสุทธิ์ได้ เอกสารยังไม่ทันถึงมือผมเลย สื่อมวลชนลงข่าวเรียบร้อย ก่อนที่ผมจะทราบเรื่องเสียอีก แถมตามด้วยแหล่งข่าวจาก DSI ที่ไม่ประสงค์จะออกนาม ออกมาให้สัมภาษณ์ในทางเป็นลบ ราวกับว่าผมตกเป็นผู้ต้องหาฯ ทุกครั้งที่ DSI ส่งหนังสือมา ดีเอสไอยอมรับมีแคชเชียร์เช็คธนาคารกรุงไทยมูลค่า 26 ล้านบาทโอนเข้าบัญชีก่อนถูกนำไปซื้อหุ้น พร้อมเรียกสอบ “พานทองแท้-กาญจนาภา” 4 มี.ค.นี้ วันนี้(25ก. พ.59)นางเกศินี จิปิภพ มารดาของ นางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวของ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร นายวันชัย หงส์เหิน สามีนางกาญจนาภา พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำคดีฟอกเงินที่สืบเนื่องจากคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดามหา นคร กรณีมีแคชเชียร์เช็คมูลค่า 26 ล้านบาท สั่งจ่ายเข้าบัญชีของนางเกศินี เพื่อซื้อหุ้นผู้มีอุปการะคุณบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. โดยหุ้นดังกล่าวมีการกระจายให้กับพนักงานบริษัท ฮาวคัม จำกัด และบริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ซึ่งมีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ทั้งสองคนเข้าให้ให้ข้อมูลในฐานะพยาน ซึ่งนายวิชัยได้ยอมรับมีเงินจำนวน 26 ล้านบาท โอนเข้าบัญชีของนางเกศินีจริง โดยอ้างว่าใช้สำหรับซื้อขายหุ้น พร้อมนำหลักฐานการซื้อขายหุ้นมาประกอบการให้ปากคำด้วย ส่วนในวันที่ 4 มี.ค.นี้ ได้เรียกสอบนายพานทองแท้ และนางกาญจนาภา ซึ่งในส่วนของนายพานทองแท้มีหลักฐานชัดเจนว่าได้รับเช็คเป็นเงิน 10 ล้านบาทโอนเข้าบัญชี ขณะที่นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานการสอบสวน ระบุว่า คดีดังกล่าวได้ดำเนินการสอบปากคำพยานที่เกี่ยว ข้องไปแล้วกว่า 200 ปาก ซึ่งคดีมีความคืบหน้าไปแล้ว ร้อยละ 70 และหากพบว่าพยานหลักฐานมีการเชื่อมโยง ถึงบุคคลใด ก็จะดำเนินคดีฐานฟอกเงินทันที
เอาลิงค์ มาให้อ่าน รายชื่อครบทุกคน เกิน ๔ บรรทัด ไม่รู้อ่านไหวมั้ย http://www.dailynews.co.th/crime/344197 ปล. ไม่รู้ถามให้ตอกย้ำโอ๊คไปทำไม ว่า เป็นลูกนักโทษหนีคดี ลูกคนขี้โกง ๕๕๕๕
ทักษิณไม่ใช่บิ๊กบอส ??? จริงอยู่ในคำพิพากษาของศาลไม่ได้บอกว่า ใครเป็นบิ๊กบอส แต่ถ้าไปดูคำพิพากษาฉบับเต็ม ศาลเห็นว่า บิ๊กบอสจะเป็นจำเลยที่ 1 หรือภรรยา จำเลยที่ 1 ก็ได้ แต่ศาลยังไม่ชี้ชัดว่าบิ๊กบอสเป็นใครเท่านั้นเอง เพราะหลักฐานไม่ได้ชี้ชัดเจนขนาดนั้น ในคำพิพากษาฉบับเต็ม ในเนื้อหาเส้นทางการเงิน ในชั้นอนุกรรมการตรวจสอบเห็นว่า "บิ๊กบอส" อาจเป็นจำเลยที่ 1 หรือภรรยาจำเลยที่ 1 ก็ได้ แต่ในชั้นอนุกรรมการไต่สวนฟันธงไปว่าเป็นจำเลยที่ 1 ซึ่งศาลเห็นว่า การสอบสวนในชั้นอนุกรรมการตรวจสอบน่าจะตรงกับความจริงมากกว่า เนื่องจากสอบสวนห่างจากเวลาเกิดเหตุไม่นาน ศาลจึงไม่ชี้ชัดว่า "บิ๊กบอส" เป็นใคร อธิบายภาษาชาวบ้าน อนุกรรมการตรวจสอบเห็นว่า "บิ๊กบอส" อาจเป็นแม้วหรืออ้อก็ได้ แต่อนุกรรมการไต่สวนเห็นว่า "บิ๊กบอส" เป็นแม้วเท่านั้น แต่ศาลคิดว่าอนุกรรมการตรวจสอบน่าเชื่อมากกว่า เพราะสอบสวนหลังเกิดเหตุไม่นาน และเมื่อคณะกรรมการทั้ง 2 ส่วนสอบสวนออกมาไม่ตรงกัน ศาลจึงยังไม่วินิจฉัยในประเด็นนี้ จบ เพิ่มเติมในส่วนที่ขีดเส้นใต้ ศาลบอกว่ามีการโอนเงินไปให้ลูกและผู้ใกล้ชิดของจำเลยที่ 1 (แม้ว) จริง แต่บุคคลเหล่านั้น (ลูกและบุคคลใกล้ชิดของแม้ว) ก็เป็นลูกและบุคคลใกล้ชิดของอ้อด้วยเช่นกัน http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/41409-oakoak_8d8fd8_01.html แต่ในขั้นตอนการไต่สวนของคณะอนุกรรมการ ได้มีกรรมการธนาคารคนหนึ่งบอกมาเองว่าบิ๊กบอสเป็นใคร **************************************** ทั้งที่ในขั้นตอนการไต่สวนของคณะอนุกรรมการ คตส. ได้รับการยืนยันจากหนึ่งในกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งการให้มีการปล่อยเงินกู้ โดยก่อนหน้าการประชุมกรรมการบริหารเพื่อพิจารณาการปล่อยสินเชื่อรายนี้ ร.ท.สุชาย ได้แจ้งที่ประชุมว่า ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จาก “บิ๊กบอส” คนหนึ่ง ให้ปล่อยกู้รายนี้ โดย “บิ๊กบอส” ที่ ร.ท.สุชาย เอ่ยถึงนั้น ทุกคนในคณะกรรมการบริหารต่างเข้าใจตรงกันว่าหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากเป็นคำที่ ร.ท.สุชาย ใช้เอ่ยถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอดเวลา และที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อวงเงินขนาดใหญ่หลายครั้งที่เกี่ยวพันกับครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้บริหารระดับสูงของพรรคไทยรักไทยคนหนึ่งด้วย http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/40910-pantongtaeee02.html ใครอยากอ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม ก็ไปดาวน์โหลดได้ที่นี่ http://goo.gl/jFGVjY http://www.supremecourt.or.th/file/criminal/am_3-55.pdf ส่วนที่กล่าวถึงเส้นทางการเงินของ "บิ๊กบอส" จะอยู่ในหน้าที่ 72-73
รีบๆ ไปให้ปากคำนะดีแล้วพี่ไอซ์ เรื่องมันจะได้จบๆ ไปซักที 4 มี.ค. l ข่าว 12.00 น.นายพานทองแท้ ชินวัตร เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ กรณีทุจริตปล่อยกู้ของ ธ.กรุงไทยแล้วตั้งแต่ 2 วันที่ผ่านมา ขณะที่เลขานุการส่วนตัว คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ขอเลื่อนเข้าให้ปากคำ
ปล่อยกู้แล้วเก็บหนี้ไม่ได้ มันเป็นเรื่องปรกติ เกิดขึ้นได้กับทุกแบ็งค์แหละ แต่ไอ้ที่สร้างนิยายบอกกฤษดาเป็นลูกหนี้ดี แล้วแบ็งคกรุงเทพปล่อยมาให้กรุงไทยรับมานี่ดิ นิยายหลอกควาย
ข่าว 7 สี - ศาลฎีกา เดินหน้าพิจารณาคดีค้างเก่าของนายทักษิณ ชินวัตร เริ่มนัดแรก 5 มีนาคมนี้ คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกประกาศนัดไต่สวนผู้ร้องวันที่ 5 มีนาคม ในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร และพวก รวม 27 คน เป็นจำเลยร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษฎามหานคร จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย เป็นการนัดไต่สวนครั้งแรก หลังศาลยกเลิกคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว และให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป ไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย ซึ่งเป็นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ ดังนั้นถึง นายทักษิณ จะหลบหนีคดีก็จะถูกนำมาพิจารณาต่อ ทั้งนี้ นายทักษิณ สามารถตั้งทนายความต่อสู้คดีก่อนที่ศาลจะตัดสินคดี คดีนี้ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยผู้เกี่ยวข้องมาแล้ว เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 เช่น ร้อยโทสุชาย เชาว์วิศิษฐ, นายวิโรจน์ นวลแข อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และพวกอีก 2 คน คนละ 18 ปี และจำคุกอดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย พร้อมผู้บริหารเครือบริษัทกฤษดามหานคร รวม 12 คน คนละ 12 ปี ขณะที่ นายทักษิณ จำเลยที่ 1 หลบหนีคดี ศาลให้ออกหมายจับ และจำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของ นายทักษิณ ไว้เป็นการชั่วคราว
ดูคลิป มีแต่เสียงผู้ประกาศข่าว ผมอยากฟังเสียงพ่อไอซ์สักหน่อยแต่ก็ผิดหวัง เฟสบุ๊คจ้างเขาเขียนได้ แต่ให้ปากคำแบบตัวเป็นๆกับเจ้าหน้าที่ น่าหนักใจแทน