กรุงเทพโพลล์ เผยคนใต้พบการซื้อเสียงมากสุด ทั้งเลือกตั้งระดับชาติ-ท้องถิ่น อีสานมาที่ 2 ขณะที่กทม. รั้งท้าย เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรุงเทพโพลล์ ของศูนย์วิจัยกรุงเทพ ได้ทำแบบสอบถามภายใต้หัวข้อ ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงประเทศไทยรุนแรงเพียงใด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบปฏิรูปการเลือกตั้งของประเทศไทย รวมถึงเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง โดยเก็บข้อมูลกับประชาชน จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,192 คน พบว่า ในภาพรวมประชาชนร้อยละ 57.0 ไม่เคยพบเห็นการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2554 ที่ผ่านมา ขณะที่ร้อยละ 43.0 เคยพบเห็น เมื่อแยกพิจารณาแต่ละภูมิภาคพบว่าในการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2554 ภาคใต้เป็นภาคที่ประชาชนเคยพบเห็นการซื้อสิทธิขายเสียงมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 51.0 รองลงมาเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 49.1 ขณะที่ภาคกลาง เคยพบเห็นร้อยละ 45.9 ปริมณฑล เคยพบเห็นร้อยละ 45.3 ภาคตะวันออก เคยพบเห็นร้อยละ 40.2 ภาคเหนือ เคยพบเห็นร้อยละ 36.9 ส่วนกรุงเทพมหานคร เคยพบเห็นร้อยละ 27.4 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 72.6 ในกทม.ไม่เคยพบเห็นการซื้อสิทธิขายเสียง สำหรับเลือกตั้งท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นับจาก ปี 2554 เป็นต้นมา พบว่า ในภาพรวมประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 50.1 ไม่เคยพบเห็น ขณะที่ร้อยละ 49.9 เคยพบเห็น โดยเมื่อแยกพิจารณาแต่ละภูมิภาคพบว่า ภาคใต้เป็นภาคที่ประชาชนเคยพบเห็นการซื้อสิทธิขายเสียงมากที่สุด ร้อยละ 63.8 รองลงมา เป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เคยพบเห็น ร้อยละ 54.8 ปริมณฑล เคยพบเห็นร้อยละ 52.3 ภาคกลาง เคยพบเห็นร้อยละ 49.5 ภาคตะวันออก เคยพบเห็นร้อยละ 47.7 ภาคเหนือ เคยพบเห็นร้อยละ 45.8 กรุงเทพมหานคร เคยพบเห็นร้อยละ 34.5 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างในกทม.ร้อยละ 65.5 ไม่เคยพบเห็น ทั้งนี้จากผลสำรวจในภาพรวมที่ประชาชนเกือบครึ่งเคยพบเห็นการซื้อสิทธิ สะท้อนให้เห็นถึงระดับปัญหาที่อยู่ในขั้นรุนแรง โดยการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีระดับความรุนแรงที่มากกว่าการเลือกตั้งใหญ่ และเกือบทุกภาคจะมีระดับความรุนแรงที่พอๆ กันยกเว้นพื้นที่กรุงเทพมหานคร ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็น ในการเร่งปฏิรูปการเลือกตั้งเพื่อให้ได้ตัวแทนของประชาชนที่เป็นคนดีและคนเก่งมากที่สุด http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1448955574 ฟันใบแดงน้องเทพเทือก - MThai News กกต.ฟัน "สุเทพ เทือกสุบรรณ" แจกทุนการศึกษา ช่วยลูกพรรค ... กกต. ฟันอาญา เทพไท น้องชาย โกงเลือกตั้ง นายก อบจ ... กกต.แจกใบแดงน้องเทพไท พ้นนายก อบจ.เมืองคอน พี่โดนอาญา ... พรรคขี้โกงซื้อเสียงมากสุด
ผลโพลล์คงลืมสำรวจเรื่องนี้อ่ะครับ ทรท.โดนยุบเพราะจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=10510.0;wap2 พปช.โดนยุบเพราะกรรมพรรคโกงเลือกตั้ง ใช่มั้ย ตู้เย็น
ไม่ได้อ่านให้ดีไง เห็นคำว่าภาคใต้รีบกระโดดงับทันที งั้นต้องแก้กฎหมายห้เข้มงวด เพื่อปราบโกงเลือกตั้ง นายเวรเห็นด้วยมั้ย
ขอจิ้นนะกับประโยค พรรคไหนหว่าที่พยายามเจาะภาคใต้ แต่เสียพื้นที่เรียบ ภาคใต้เป็นภาคที่ประชาชนเคยพบเห็นการซื้อสิทธิขายเสียงมากที่สุด ร้อยละ 63.8
เห็นตัวเลขใกล้กันขนาดนั้นแล้ว กลัวว่าถ้าเอาทางสถิติมันเป็นแค่แตกต่างอย่างไม่มีนัยสำคัญ (=ไม่แตกต่างกันในทางสถิติ)
"กกต." มีมติให้ใบแดง "อดีตผู้สมัคร ส.ส. เพื่อไทย" เข้าข่ายหาเสียงหลอกลวง หลังปลอมวุฒิการศึกษา -นอกจากนี้ "ส.ว.เพชรบูรณ์" ยังโดนด้วยเช่นกัน http://politic.tnews.co.th/content/118826/ ศาลยืนยันใบแดง ตามกกต. เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ยงยุทธ 5 ปี http://www.prachatai.com/journal/2008/07/17305 กกต.ยันแจกใบแดง"เก่ง"ไม่ได้โจมตีพท..... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/politic/161774
ตั้งโพสต์มาแบบนี้ แสดงว่าจขกท.เอง ก็เห็นด้วยว่าการซื้อสิทธิ์-ขายเสียง เป็นเรื่องเลวร้าย เสนอเป็นกฎหมายเลยดีไหม ***ใครขายเสียงติดคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ***ใครซื้อเสียงติดคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา แต่ขอเพิ่มอีกอย่าง เพราะมันเลวยิ่งกว่าซื้อสิทธิ์-ขายเสียงตอนเลือกตั้ง ***สส.ขายตัว ติดคุก 10 ปี ไม่รอลงอาญา ***ใครซื้อสส. ติดคุก 20 ปี ไม่รอลงอาญา ใครใส่ร้ายกลั่นแกล้งผู้อื่น ติดคุกสองเท่าของแต่ละกรณี
ถ้ายกมาแบบนี้แสดงว่าภาคใต้ พบเห็นมากและดำเนินคดี... ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบเห็นพอกันๆแต่รับได้เลยปิดปากเงียบหรอ
ตอนนั้นทักษิณพยายามจะเอาภาคใต้ให้ได้ ถึงกะลงพื้นที่เองไปที่ตรัง จะไปหั่นหมูย่าง แล้วบ่อง "หมูย่างตรัง นี้เหนียว" แต่สะใจที่ผลการเลือกตั้ง ปชป.กวาดเกือบเรียบ แถมที่สงขลา มีกระดาษใบเล็ก ๆ หล่นมาด้วยจากบัตรเลือกตั้ง แต่ก้็ถือว่าเป็นบัตรเสีย เพราะไม่ได้ผิดกฎแต่อย่างใด กระดาษใบนั้นเขียนว่า "ผมจน แต่ผมมีศักดิ์ศรี ข้างบ้านผมได้คนละ 200 แต่ผมไม่เลือกมัน"
อย่าไปไล่ต้อนลูกกะหรี่มากเลยครับ เดียวมันแถต่อไม่ได้ มันจะกล่าวหาว่าท่านเป็นพวกหลายล็อคอินซะเปล่าๆ นี่แหละ ผลของการไม่อ่านเนื้อหาไม่ครบก่อนยกข่าวมาอ้าง
ผมละขำกับการเอาโพลล์มาอ้างแล้วแปลความตามวัตถุประสงค์ของตัวเอง นัยยะการทุจริตการเลือกตั้ง กับการปรากฏว่าภาคใต้มีตัวเลขสูงสุด ไม่ได้หมายความว่า ปชป ซื้อเสียง แต่อาจจะแปลความว่าบางพรรคพยายามซื้อเสียงอย่างมากแต่ผลการเลือกตั้ง กลับไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ ตรงกันข้าม นัยยะอื่นประกอบกลับบ่งชี้ไปว่าทำไม ยิ่งลักษณ์ จึงสามารถเป็นนายกได้ใน 49 วันทั้ง ๆ ที่หล่อนไม่เคยมีประสบการณ์ ทำไมการทุจริตภาคใต้ถึงสูงสุด พรรคไหนต้องการคะแนนเสียงพื้นที่นี้มากกว่าปกติ
ทำไมเอาของเก่ามาเล่นหรือไม่มีจะเล่นแล้ว กลุ่มมวลชนปฏิรูปประเทศไทย 6 กุมภาพันธ์ 2014 · สิริพรรณ นกสวน อ.จาก ม.จุฬาฯ กล่าวว่า การที่โซเชี่ยลมีเดียมีการเผยแพร่ผลการวิจัยว่า “ภาคที่มีการซื้อเสียงได้ผลมากที่สุดคือ ภาคใต้และภาคกลาง” นั้น ไม่ตรงกับข้อสรุปของการศึกษา คำถามที่ใช้ในการวิจัยข้อหนึ่งคือ "ท่านรู้สึกว่าการรับเงิน ผลประโยชน์ หรือ ค่าตอบแทน เป็นสิ่งผูกมัดให้ท่านต้องเลือกผู้สมัครหรือไม่?" ผลทั้งประเทศ ตอบ ต้องเลือก 10.1% ที่เหลือ ตอบไม่ต้องเลือก การที่คนใต้ตอบต้องเลือก ย่อมไม่ได้แปลว่า มีการซื้อเสียงมากที่สุดในภาคใต้ อาจตีความได้เพียงว่าคนใต้ หากรับผลประโยชน์มา ก็จะตอบแทนด้วยการลงคะแนนให้ ใน%สูงกว่าภาคอื่น ส่วนภาคใดจะมีการซื้อเสียงสูงที่สุดและได้ผลมากที่สุด ย่อมไม่อยู่ในวิสัยที่งานวิจัยชิ้นนี้จะตอบได้ อ่านฉบับเต็ม => 22 ธ.ค. 2556 - เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา สิริพรรณ นกสวน รองศาสตราจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ชี้แจงทางเฟซบุ๊ค กรณีที่มีการเผยแพร่งานวิจัย "การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554: ศึกษาบทบาทพรรคการเมือง และพฤติกรรมและการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชนในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง" และระบุว่า "ภาคที่มีการซื้อเสียงได้ผลมากที่สุดคือ ภาคใต้และภาคกลาง" โดยสิริพรรรณชี้แจงว่าเป็นคำกล่าวที่ไม่ตรงกับข้อสรุปของการศึกษา โดยรายละเอียดของคำชี้แจงมีดังนี้ สำหรับผู้ที่สนใจรายงานวิจัย เรื่องการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554: ศึกษาบทบาทพรรคการเมือง และพฤติกรรมและการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชนในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่นะคะhttp://www.tdw.polsci.chula.ac.th/… ขออนุญาตชี้แจงด้วยว่า การที่ social media เผยแพร่ผลการวิจัยว่า “ภาคที่มีการซื้อเสียงได้ผลมากที่สุดคือ ภาคใต้และภาคกลาง” เป็นคำกล่าวที่ไม่ตรงกับข้อสรุปของการศึกษา คำถามที่ใช้ในการวิจัยข้อหนึ่งคือ "ท่านรู้สึกว่าการรับเงิน ผลประโยชน์ หรือ ค่าตอบแทน เป็นสิ่งผูกมัดให้ท่านต้องเลือกผู้สมัครหรือไม่?" ผลทั้งประเทศ ตอบ ต้องเลือก 10.1% ที่เหลือ ตอบไม่ต้องเลือก การที่คนใต้ตอบต้องเลือก ย่อมไม่ได้แปลว่า มีการซื้อเสียงมากที่สุดในภาคใต้ อาจตีความได้เพียงว่าคนใต้ หากรับผลประโยชน์มา ก็จะตอบแทนด้วยการลงคะแนนให้ ใน%สูงกว่าภาคอื่น ส่วนภาคใดจะมีการซื้อเสียงสูงที่สุดและได้ผลมากที่สุด ย่อมไม่อยู่ในวิสัยที่งานวิจัยชิ้นนี้จะตอบได้ หากนำผลคะแนนเลือกตั้งมาวิเคราะห์ประกอบแล้ว จะเห็นว่า ในภาคใต้ พรรคที่มาเป็นอันดับหนึ่งในทุกเขต ชนะพรรคอันดับ 2 ด้วยคะแนนล้นหลาม เกิน 10,000 เสียง บางเขตชนะกันเกิน 80,000 คะแนน (ยกเว้นใน 4 จังหวัดที่มีพี่น้องมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก การแข่งขันจะสูสี) การชนะขาดเกิดขึ้นในภาคเหนือทุกเขตเลือกตั้ง ยกเว้นเขต 2 อุตรดิตถ์ และ 97 เขต ต่อ 29 เขต ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การชนะกันด้วยคะแนนเสียงจำนวนมากเช่นนี้ ชี้ว่าเงินและการซื้อเสียงไม่น่าจะเป็นปัจจัยหลักในชัยชนะ ด้วยเหตุผลเบื้องต้น 2 ข้อ คือ หนึ่ง คะแนนที่ทิ้งห่างกันมาก บ่งบอกว่าประชาชนเลือกเพราะชอบผู้สมัครและพรรคการเมืองนั้น ซื้อเสียงหรือไม่ประชาชนจำนวนมากก็เลือกอยู่แล้ว และสอง นักการเมืองย่อมคำนวณต้นทุนที่เหมาะสมเพื่อประกันชัยชนะ แต่จะไม่ทุ่มซื้อคะแนนส่วนเกินจำนวนมาก ขณะเดียวกันงานวิจัยมิได้ปฏิเสธว่า ไม่มีการซื้อเสียง ข้อค้นพบในหลายพื้นที่คือ มีการใช้เงินจำนวนมาก แต่ผู้สมัครที่ใช้เงินมหาศาลกลับไม่ชนะ การศึกษาพบว่าปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ ได้แก่ พรรคการเมือง นโยบาย และความต้องการตอบสนองผลประโยชน์และความคาดหวังของตน ในขณะที่ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล หัวคะแนน และการซื้อขายเสียงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยลง และมีความซับซ้อนมากขึ้น ส่วนในประเด็นว่า คนจบการศึกษาสูงกว่า ป.ตรีเลือกพรรคเพื่อไทยมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์นั้น พบว่า ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2550 ประชากรกลุ่มนี้เลือกพรรคประชาธิปัตย์มากกว่าพรรคเพื่อไทย (พลังประชาชนขณะนั้น) การตัดสินใจเลือกตั้งที่เปลี่ยนไปของประชากรกลุ่มนี้ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2554 น่าจะเป็นผลจากมุมมองที่มีต่อปรากฎการณ์ชุมนุม เมษา พฤษภา 2553 การวิจัยใช้แบบสอบถามผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 6,558 ชุด ใน 22 จังหวัด 45 เขตเลือกตั้ง สุ่มเลือก 98 หน่วยเลือกตั้งจากทุกภูมิภาค อัตราความคลาดเคลื่อนไม่เกินร้อยละ 3 ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 และสัมภาษณ์หัวคะแนน ผู้สนับสนุนพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และสื่อมวลชนในพื้นที่
อ้าว ช่วยๆกันน่ะพวกแดง ช่วงนี้ไม่มีเลือกตั้ง จงช่วยกันลบความชั่วทั้งหลายที่พวกเราทำไว้ ถึงยากแต่ก็ต้องพยายาม โยนความผิดให้สลิ่มให้หมด ยังไงพวกเราก็เชื่ออยู่แล้ว พยายามเข้า อ้าว ฮุยเลฮุย !!!
คนที่ซื้อเสียงไม่ได้หมายความว่าซื้อแล้วจะชนะทุกคน ภาคใต้อาจจะมีสถิติซื้อเสียงแต่เขาอาจจะเอาเงินแล้วไม่เลือกก็ได้ใครจะรู้ ส่วนตัวผมการซื้อเสียงภาคที่รุนแรงสุดน่าจะเป็นภาคอีสาน เพราะมีประชากรมากว่ามีส.ส.มากกว่ามีเขตเลือกตั้งมากกว่า ยิ่งแบบสำรวจสถิติตัวแปรมันเยอะผลรับอาจจะไม่ต้องกับความจริง คนให้ขอมูลสถิติอาจจะสะท้อนภาพรวมของประเทศก็ได้ ถ้าเทียบหลังคาเรือนต่อหลังคาเรือนภาคใต้ยังไงก็แพ้ภาคอีสาน
สงสัยเป็นพวกสังคโลก ชอบเล่นแต่ของเก่า ทั้งสื่อที่เอามาเผยแพร่ และ ผู้ที่เอามาเผยแพร่ โพลนี้สำรวจการเลือกตั้งที่มีขึ้นปี 2554 ไม่รู้เป็นโพล สมัย รัฐบาลไหน เป็นช่วงที่ โพลเกือบทุกสำนัก ทำขึ้นมาเพื่ออวยรัฐบาลช่วงนั้นมากที่สุด
ว่าตามจริง โพลนี้ก็ไม่สามารถเอาไปทำอะไรได้ เพราะบอกว่า "โดยเก็บข้อมูลกับประชาชน จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,192 คน" ซึ่งไม่มีอะไรบอกว่าผู้สำรวจอยู่ในภูมิภาคใด ก็แปลว่าผู้ถูกสำรวจอาจเป็นคนใต้ 90% เลยก็ได้ อีกนัยหนึ่งถ้าวัดลวกๆ แบบเจ้าพระยาที่ชอบเหมารวมและอ้างปริมาณอยู่ร่ำไป สถิติประชากรปี 2557 จะได้ประมาณนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 21,845,254 คน ภาคใต้ 9,206,223 คน ถ้าคำนวณกับร้อยละตามที่อ้าง ก็จะเท่ากับภาคใต้ซื้อเสียง 4,695,173 ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือซื้อเสียง 10,726,019 ซึ่งดูยังไงก็เยอะกว่าเท่าตัว ก็แปลได้ว่า 1. เจ้าพระยามั่ว 2. เจ้าพระยาตกเลข 3. เจ้าพระยาไม่รู้จำนวนประชากรในประเทศเลย 4. ไม่ก็ปัญญาอ่อน 5. ไม่ก็ทั้งหมด
ลองเอาประชากรคนใต้กับภาคเหนือกับอีสานมาเทียบเป็น%จะรู้ว่า ภาคเหนือกับิีสาน มีการขายเสียงมากกว่าภาคใต้ หลายเท่าตัวนัก
ตกภาษาไทยใช่ไหมครับ "เลือกตั้งหลังสุดอาจจะเป็นเพราะเราใช้เงินมากกว่า" อีกอย่างคำพูดคนๆเดียวอ้างอิงอะไรได้ครับ ถ้ามีเวลาตอบแบบนี้ก็บอกผมได้ใช่ไหมว่าคนภาคใต้ซื้อเสียงมากที่สุดได้ไง
ค่าใช้จ่ายที่ตรวจสอบได้... เงินซื้อเสียงตรวจสอบได้ด้วยหรอ หรือว่าบางพรรคใช้เงินที่ตรวจสอบได้น้อย แต่ใช้กับอย่างอื่นที่ตรวจสอบไม่ได้เยอะ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000001713
คนใต้นอกจากไม่ขายเสียง ยังบริจาคเงินให้พรรคที่พวกเขาเลือกอีกตังหาก สังเกตดูสิพรรคนั้นได้เงินสนับสนุนผ่าน ภงด มากที่สุดทิ้งพรรคที่มีเศรษฐีเป็นเจ้าของพรรคไม่เห็นฝุ่น
ซื้อทิชชู่มาเช็ดก้นนี่ก็เรียกว่าใช้เงินนะเออ สงสัยเด็กอายุสมองแค่18อย่างลูกกะหรี่จะไม่เคยใช้เงิน แล้วก็อัพเดตมั่ง อ้างมาหลายปีจนอลงกรณ์เค้าลาออกจากพรรคแล้ว ยังจ่าหัวรองหัวหน้าพรรคอยู่นั่น