กรุงเทพโพลล์ เผลผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง "คะแนนนิยมพรรคการเมืองไทย" พรรคเพื่อไทย ครองความนิยม ประชาธิปัตย์ คะแนนลดสูงถึงร้อยละ 10.0 วันนี้ (17ม.ค.59) กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง "คะแนนนิยมพรรคการเมืองไทย ในยุคห้ามทำกิจกรรมพรรคการเมือง" โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,052 คน พบว่าคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ร้อยละ 20.3 แซงพรรคประชาธิปัตย์ที่คะแนนนิยมอยู่ในระดับร้อยละ 19.5 แม้ว่าเมื่อพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงแล้ว ความนิยมทั้ง 2 พรรคจะลดลงเหมือนกัน (เปรียบเทียบกับ ก.ย. 58) แต่การลดลงของพรรคประชาธิปัตย์มีสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 10.0 ขณะที่พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนิยมลดลงร้อยละ 6.4 สำหรับคะแนนนิยมพรรคการเมืองอื่นๆ มีดังนี้ พรรครักประเทศไทยอยู่ที่ร้อยละ 1.3 พรรคชาติไทยพัฒนามีคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 1.2 และพรรคภูมิใจไทยอยู่ที่ร้อยละ 0.6 เมื่อถามเฉพาะผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทยว่า 'หากมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ท่านชื่นชอบหรืออยากได้ใครมาเป็นหัวหน้าพรรค' พบว่าฐานเสียงพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 59.3 อยากได้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นหัวหน้าพรรค รองลงมาร้อยละ 11.2 อยากได้ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร และร้อยละ 3.7 อยากได้ศาสตราจารย์พิเศษ ชัยเกษม นิติสิริ ส่วนร้อยละ 25.8 ไม่แน่ใจ และเมื่อถามด้วยคำถามเดียวกันกับฐานเสียงพรรคประชาธิปัตย์ พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 62.9 ยังคงอยากได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นหัวหน้าพรรค รองลงมาร้อยละ 18.2 อยากได้ ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ และมีเพียงร้อยละ 5.8 ที่อยากได้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่เหลือร้อยละ 13.1 ไม่แน่ใจ http://news.voicetv.co.th/thailand/313233.html http://bangkokpoll.bu.ac.th/ อย่าหลงเชื่อ กรุงเทพโพลล์มันเป็นโพลล์ของระบอบทักษิณ
ไอ้ที่เชียร์ พท ก็ยังเชียร์ไม่เปลี่ยน ไอ้ที่ด่า ปชป ก็ยังทำสม่ำเสมอ ถ้าเอาคนโกงเข้าคุกไม่ได้ ก็เสียของ เสียเวลาเปล่าๆ
คะแนนหดทั้งคู่ก็ไม่แปลก คะแนนลุงตู่ดีซะขนาดนั้น อย่าเพิ่งดีใจไปเลยฝ่ายปะชาทิบไต เลือกตั้งเมืีอไหร่ คนกท.ก็ไม่เลือกพท.อยู่ดี
กับผลโพลนี้ก็แปลกนะ แต่ผมว่ามีนัยยะ ทั้งๆที่เพื่อไทยและปชป ไม่ได้มีบทบาทอะไรในการดำเนินงานของรัฐบาล ตามหลักคะแนนโพลน่าจะนิ่งไม่เคลื่อนไหวมาก แต่กลับมีการตกลงฮวบฮาบของทั้ง 2 พรรค เพราะอะไร เป็นเพราะ ความคาดหวังของคนต่อทั้ง 2 พรรคว่าควรจะทำได้มากกว่านี้หรือ หรือเป็นเพราะแนวทางเพื่อไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ขณะที่ ปชป ตั้งหน้าฟัดกันเอง ถ้าอย่างหลังคนใน ปชป ต้องพิจารณาตัวเองใหม่
กระทู้ใช้คำว่า"แซง" ผมเลยสงสัยเพราะถ้าสำรวจทั่วประเทศอย่างที่อ้างอิงไว้ เพื่อไทยยังไงก็ต้องสูงกว่าปชป.อยู่แล้ว ที่น่าเป็นห่วงนักเลือกตั้งคือความนิยมรัฐบาลเผด็จการของลุงตู่สูงขึ้นเรื่อยๆ และประชาชนทั่วไปก็ไม่มีใครเดือดเนื้อร้อนใจที่การเลือกตั้งจะเนิ่นช้าออกไป คนไทยคงเริ่มตระหนักรู้ว่าแท้จริงแล้ว ระบอบประชาธิปไตยจ๋าที่ลิเบอรัลเทิดทูนกัน ที่แท้คือการลงทุนซื้ออำนาจรัฐเพื่อแสวงหากำไรล้นหลามของนายทุนเจ้าของพรรคการเมืองเท่านั้น
สองพรรครวมกัน ยังไม่เท่าตอนพรรคไอ้แม้วได้จัดรัฐบาลเลยว่ะ ประเทศนี้ด้อยพัฒนาชัด ๆ ไปเข้าข้างเผด็จการทหารกระหายเลือดแบบลุงตู่ได้ไง
ยินดีด้วยนะครับ ตั้งกระทู้เลียเยอะๆ สิครับ เดี๋ยวเพื่อไทยได้กลับมาเป็นรัฐบาล เผื่อจะได้ดิบได้ดีกะเค้าบ้าง
ตีความโพล..... - เรื่องหัวหน้าพรรค นายกคนต่อไป... บลาๆ ไม่ได้มีผลชี้วัดอะไรเลย - เพื่อไทยเหมือนเดิม คนเชียร์ก็เชียร์ต่อไป - ประชาธิปปัตย์คะแนนลดเยอะ เพราะตั้งแต่ทหารเข้ามาดูจะไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน น่าผิดหวัง กระทบสุดก็เรื่องตาหม่อมนั่นล่ะ - คนกลางที่หลงไปเลือกทั้งสองฝั่ง ลดลง แต่พรรคปชป. มีสัดส่วนคนกลางมากกว่าเพราะฐานเสียงน้อยกว่าเพื่อไทยแต่ชนะเลือกตั้งในกรุงเทพฯได้ แสดงว่าพลังเงียบ/คนที่อยู่ตรงกลาง ช่วยเลือกให้ เมื่อมีสัดส่วนคนกลางสูงกว่า เมื่อผิดหวังคะแนนย่อมลดลงฮวบฮาบมากกว่า - โพลไม่ได้บอกว่า คะแนนที่ลดลงหันไปสนับสนุนใคร อาจไม่ได้เติมให้เพื่อไทย/ประชาธิปปัตย์ อาจจะไม่สนับสนุนใครเลย หรืออาจหันไปสนับสนุนลุงตู่ ก็เป็นด้ายยย มีใครรู้สึกเหมือนผมมั๊ย เมืองไทยแบ่งเป็น 3 ก๊ก ก๊กเพื่อไทย ก๊กปชป. ก๊กลุงตู่ กับเศษเหลือพรรคเล็กพรรคน้อย อัตราส่วน 3:3:3:1 แต่ก๊กลุงตู่ อินเตอร์เซปชั่นกับก๊ก ปชป. และกับเศษๆบางส่วน จึงมีค่าที่แท้จริงมากกว่า 5 ไม่งั้นก๊ก ลุงตู่ อยู่ไม่ได้หรอก
ศึกโพลล์ โอละพ่อ !!! นพดล กรรณิการ์ เอแบคโพลล์..สุขุม เฉลยทรัพย์ สวนดุสิตโพลล์ ..ยอมรับแว้ววว..แม้วแดงปูแดงเอ๋ย !!!..โพลล์นี้ชี้ชัด..ล็อคสเป็ค และ แหกตากันได้..จ้า !!! .. เวทีสารภาพบาป.. ที่จัดนักทำโพลล์แทบจะทุกสำนักของเมืองไทย.. ขึ้นไปประชันความคิดเห็นกันเกี่ยวกับการทำโพลล์ และ ผลของโพลล์ที่ส่งผลต่อกระแสสังคมในแง่มุมต่างๆ ในหัวข้อ "การเมืองเรื่องโพลล์" .. ซึ่งทำให้เราในฐานะประชาชน คนเสพข่าว คนเสพสื่อ คนเสพขยะ เสพอุจจาระ เสพปัสสาวะทางความคิดของใครต่อใครมากมาย ที่อ้างตนเป็นผู้สื่อข่าว ที่อ้างตนเป็นนักวิชาการ ที่อ้างตนเป็นปรมาจารย์ทางด้านการวิเคราะห์เจาะลึก .. ผ่านสื่อมวลชนสำนักต่างๆ ที่เราเองก็ต้องไปวิเคราะห์เจาะลึกต่อไปอีกว่า.. สื่อมวลชนที่เราเสพติดมันอยู่นั้น ..มันสื่อเลือกข้าง หรือ สื่อเป็นกลางกันแน่ ?? .. เวที "การเมืองเรื่องโพลล์" นี้ ทำให้เราได้ความรู้ในเรื่องข้อมูลข้อเท็จจริงเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรบางอย่างบางประการ ?? ที่มันมีทั้งเรื่องของความไม่ชอบมาพากล ที่มันเป็นที่เคลือบแคลงสงสัย และ มันเป็นความขัดแย้งในความคิดในใจเรา ในข้อมูลของเราที่เราถืออยู่ในมือมานานนั้น..ให้ได้รับความกระจ่างแจ้งเสียที .. เวทีเสวนา "การเมืองเรื่องโพลล์" นี่ดีอย่างหนึ่ง คือ ได้ตัวคีย์แมนโพลล์เด่นโพลล์ดัง ๔ สำนักใหญ่ๆมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และ ร้องทุกข์ของพวกเขาเพื่อสื่อสารไปยังสาธารณชนคนไทยที่เป็น ทั้งกลุ่มตัวอย่าง (หนูทดลอง) และ กลุ่มเป้าหมายปลายทางของการสื่อสาร (เหยื่อ) ที่เป็นทั้งแหล่งที่มาของข้อมูล (ผู้ผลิต) และ แหล่งเผยแพร่ข้อมูลและเสพข้อมูลที่ได้มาในเวลาเดียวกัน (ผู้บริโภค).. มันทำให้เราได้รู้ตื้นลึกหนาบางของที่มาที่ไปของการทำโพลล์ การตั้งหัวข้อคำถามของสำนักโพลล์ มาตรฐานในการทำงาน ข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในการทำโพลล์ หรือ ที่เราเรียกมันว่า ความผิดเพี้ยน หรือ ความคลาดเคลื่อนนั่นเอง.. ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างจะตรงกับสิ่งที่ผมเคยเขียนวิพากษ์วิจารณ์ไปก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับเรื่องของผลโพลล์แหกตา ผลโพลล์ชี้นำ ผลโพลล์ไร้มาตรฐาน ผลโพลล์รับงานปั่นกระแส และ การอวดอ้างผลโพลล์เพื่อการสร้างกระแสคะแนนนิยมแหกตาชาวบ้านชาวเมืองของพรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทยในช่วงที่ผ่านมา.. เรื่องอึมครึมพวกนี้ ตอนนี้มันทำให้พวกเรารู้สึก ..สบายใจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะครับ เมื่อมีการเปิดเวทีสารภาพบาปกันมาแบบนี้แล้ว ก็อยู่ที่ดุลยพินิจและวิจารณญาณของประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศแล้วล่ะครับว่า.. จะเชื่อผลโพลล์ของสำนักโพลลล์ดังต่างๆเหล่านี้ต่อไปดีหรือไม่ ???.. อ่านรายละเอียดข่าวระกอบเรื่องตามนี้นะครับ .. นักทำโพลล์เห็นพ้องปชป.-พท.สูสี http://www.komchadluek.net/detail/20110605/99468/นักทำโพลล์เห็นพ้องปชป.พท.สูสี.html .............................................. มีต่อ
จากข่าว.. เวทีเสวนา "การเมืองเรื่องโพลล์" .. นพดล กรรณิการ์ จากเอแบคโพลล์ออกมาเปิดเผยธาตุแท้ของสำนักโพลล์เมืองไทย โดยแบ่งโพลล์ที่น่ากลัวต่างๆออกเป็น ๓ ประเภทด้วยกัน นั่นก็คือ .. ๑. โพลล์ทาส คือ โพลล์ที่รับอามิสสินจ้างในการทำโพลล์ ..(โอ้โห..ตรงเป๊ะ !!) ๒. โพลล์เทียม คือ โพลล์ที่ไม่ได้ทำตามหลักวิชาการ ไม่ได้ควบคุมตัวแปรอย่างดี ..(อืมม..อันนี้..ก็โป๊ะเช๊ะ !! ) ๓. โพลล์ปลุกระดม คือ โพลล์ใส่ร้ายป้ายสี ที่จะมาในโค้งท้ายๆของการแข่งขัน ( โอ๊ววว้าวว..ชาวบ้านเขารู้กันมาแล้วล่ะคร๊าบบ ..เพิ่งรู้เหรอ ??) เฮ้อ !!! ..ฟังความคิดเห็นของ นพดล กรรณิการ์ แห่งเอแบคโพลล์แล้วก็ได้แต่ อนิจจา หางโพลล์จริงๆ ..ไม่มีอะไรที่เราคนไทยจะไว้ใจได้เลยใช่ไหมเนี่ย..เกี่ยวกับโพลล์ต่างๆ ?? .. จำนวนตัวเลขคะแนนนิยมอะไรต่างๆของพรรคการเมืองแต่ละพรรค ที่สื่อผ่านสายตาเราไปตั้งแต่ช่วงโหมโรงการเลือกตั้งมานี้ .. จะมีสักกี่ผลโพลล์ ? จะมีสักกี่สำนักโพลล์ที่เราพอจะเชื่อใจได้ว่า ??.. พวกเขาไม่เป็นโพลล์ประเภทใดประเภทหนึ่งในโพลล์น่ากลัว ๓ ประเภท.. ตามที่ นพดล กรรณิการ์ แห่ง เอแบคโพลล์ ร่ายออกมา !!!.. ........................................ ถัดจากความคิดเห็น.. ของ นพดล กรรณิการ์ แห่งเอแบบคโพลล์ .. ก็ลองมาฟังความคิดเห็นของเจ้าพ่อสำนักโพลล์ดังอีกโพลล์หนึ่งล่ะกัน..นั่นก็คือ .. สวนดุสิตโพลล์ ของ สุขุม เฉลยทรัพย์ ..ที่บอกให้เราทราบว่าในการเลือกตั้งหนนี้ สำนักโพลล์ของเขาหมดเงินไปกับการทำโพลล์ออกมาทั้งหมด .. เฟสแรก ๕ - ๖ ล้านบาท !!!.. และ หากมีการทำ เฟสสอง ก็อาจจะต้องจ่ายเพิ่มถึง ๑๐ ล้านบาท !!!.. สุขุม เฉลยทรัพย์ จากสวนดุสิตโพลล์ ..ยอมรับว่าสำนักโพลล์ของเขา จ่ายไป ๕ - ๖ ล้านบาท เพื่อที่เราจะได้เห็นผลโพลล์เจ้ากรรมเจ้าปัญหาของพวกเขา ที่หลายต่อหลายครั้งมันมีการโดดขึ้นโดดลงของตัวเลขที่ดูผิดเพี้ยนคลาดเคลื่อนเกินเหตุ .. ยกตัวอย่างเห็นๆก็ตอนช่วงมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ต่อเนื่องมาถึงช่วงหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลงไปแล้ว ผลโพลล์ของสำนักโพลล์ของเขานั่นแหละ มันค้านสายตาประชาชนเป็นอย่างมาก และ ค้านกันเองในเชิงเหตุและผลของที่มาของตัวเลข.. ระหว่างการอภิปรายรัฐบาลผลโพลล์ออกมาได้คะแนนดีทุกอย่าง พอหลังจบการอภิปรายซึ่งห่างกันแค่ไม่กี่วันสรุปให้ฝ่ายค้านชนะเฉยเลย ทั้งๆที่ฝ่ายค้านก็เอาข้อมูลเก่าๆมาเป่าหูประชาชาทั้งดุ้น ไม่มีเรื่องอะไรแปลกใหม่ให้ฮือฮา น่าจับผิดรัฐบาลได้ด้วยซ้ำ !!!.. นี่ก็เหมือนกัน..นับตั้งแต่มีการโหมโรงการเลือกตั้งกันมา สวนดุสิตโพลล์ก็ออกผลโพลล์ที่เมื่อเราเอาไปเปรียบเทียบกับสำนักโพลล์อื่นๆ มันก็ขัดแย้งทางข้อมูลตัวเลขกันอย่างสิ้นเชิงอยู่ดี โดยเฉพาะเรื่องตัวเลขของ..กลุ่มพลังเงียบ !!!.. ที่ สุขุม เฉลยทรัพย์ แห่งสวนดุสิตโพลล์ เขาบอกพวกเราว่าตอนนี้มีน้อยมากอย่าไปหวัง และ ไม่อยากให้พรรคการเมืองขนาดเล็กนั้นไปคาดหวังอะไรให้มากกับคะแนนพลังเงียบ ?? .. ทว่า ในความเป็นจริงแล้ว สุขุม เฉลยทรัพย์ กับ ท่าทีล่าสุดบนเวทีการเมืองเรื่องโพลล์นั้น เขาต้องการสื่อความหมายไปหาพรรคเล็กพรรคน้อยจริงหรือ ? ..หรือ เขาต้องการสื่อไปหาพรรคการเมืองขนาดใหญ่บางพรรคว่า ..อย่าไปหวังกระแสพลังเงียบ ??!!!.. สวนดุสิตโพลล์ ..ผมสงสัยพวกคุณไปเอาเงินมาจากไหนมากมายมหาศาลขนาดนั้น ?? เพื่อนำมาทำโพลล์ที่ในแต่ละครั้งมันก็ยังมองไม่เห็นความมีมาตรฐานที่น่าเชื่อถือใดๆแบบไร้ข้อครหาตามที่พวกคุณกล่าวอ้างมาเลย .. พวกคุณลงทุนทำอะไรกันบ้างในการทำโพลล์ในแต่ละครั้งที่ผ่านมา ???.. ทั้งๆที่ผลโพลล์ของพวกคุณที่พวกคุณนำเสนอออกมานั้น .. มันก็เกิดจากการโทรสอบถามเอากับกลุ่มตัวอย่าง .. ที่พวกคุณเลือกสุ่มมาเพียงพันกว่าตัวอย่างแค่นั้นเอง ??!!! .. สุขุม เฉลยทรัพย์ แห่งสวนดุสิตโพลล์ กำลังจะโม้ตัวเลขก้อนเงินลงทุนในการทำโพลล์แต่ละครั้งของสำนักโพลล์ของเขาให้เราเคลิบเคลิ้มตามว่า.. พวกเขาเป็นสำนักโพลล์ที่มีมาตรฐานการทำงานเพราะมีเงินลงทุนสูงหรือเปล่า ??.. เงินลงทุน ??..มันใช่ที่มาของมาตรฐานคุณภาพของผลโพลล์จริงๆหรือ???..มาตรฐานที่มาของผลโพลล์และคุณภาพอันน่าเชื่อถือนั้น ..มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับจิตใจและความซื่อสัตย์ต่อข้อมูลความจริงของคนทำโพลล์..หรอกหรือ ??.. โพลล์แท้ โพลล์เทียม มันน่าจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางด้านความคิดทางการเมืองของคนทำโพลล์มากกว่า..ใช่หรือเปล่า ??.. โพลล์แท้ โพลล์เทียม มันน่าจะขึ้นอยู่กับ ปัจจัยสำคัญที่ว่า คนทำโพลล์นั้น สำนักโพลล์นั้น..มีความเป็นกลาง หรือ เลือกข้างทางการเมืองมากมายขนาดไหน ???..ใช่หรือไม่ ???.. สุขุม เฉลยทรัพย์ แห่งสวนดุสิตโพลล์ ..เผยคำสารภาพออกมาเป็นการปิดท้ายเองว่า โพลล์นั้นสามารถล็อกผลได้แน่นอน !! ..และ มันเกิดจากการตั้งคำถาม เพื่อหวังผลถึงคำตอบได้ หากโพลล์ไร้มาตรฐาน !!!.. ซึ่งการตั้งคำถามเพื่อหวังผลถึงคำตอบนั้นมันเป็นเรื่องระวังยากมากอยู่แล้ว สำหรับคนทำงานวิจัยข้อมูล เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งคนทำโพลล์เอง และ กลุ่มตัวอย่างเอง ต้องไม่เกิดความกดดันจากภาวะใดภาวะหนึ่ง จากสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง.. ทั้งจากการตั้งคำถามชี้นำของคนสำรวจ หรือ จากการคะยั้นคะยอให้กลุ่มตัวอย่างต้องตอบ คนทำโพลล์ที่ผ่านมานั้น ควบคุมเรื่องพวกนี้ได้ดีขนาดไหน ??.. หากควบคุมไม่ได้ ..อะไรจะเกิดขึ้นตามมา ??.. ......................................... สุดท้ายนี้.. ก็อยากจะบอกกับทุกๆฝ่ายการเมือง.. ที่กำลังขับเคี่ยวเอาเป็นเอาตายกับการหาเสียงแข่งขันกันอยู่ในตอนนี้ว่า.. โปรดอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน อย่าหลงผลโพลล์ เดี๋ยวจะโง่ ..จนโงหัวไม่ขึ้น !!!.. สำนักโพลล์ นอกจากจะมีภาพลักษณ์ที่อ้างอิงอยู่กับสถาบันการศึกษาแล้ว ในอีกภาพลักษณ์หนึ่งที่เราจะลืมไปไม่ได้เลย ก็คือ พวกเขาก็คือ "สื่อ" แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สื่อสารข้อมูลของพวกเขาโดยตรงออกมาหาประชาชน หรือ ผู้เสพสื่อโดยตรง .. ทว่า ในทุกๆครั้งที่พวกเขามีผลโพลล์ออกมา พวกเขาก็มักจะมีการเปิดเผยผลโพลล์ผ่านสื่อมวลชน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะของการเกื้อหนุนข้อมูลต่อกันและกัน .. ดังนั้น สายสัมพันธ์ระหว่าง สำนักโพลล์ กับ สื่อกระแสหลักบ้านเรา .. จึงเป็นอะไรที่แยกจากกันไม่ได้ !! .. หากคุณทำผลโพลล์แล้วเอาไปใส่แฟ้มเก็บไว้ในชั้นวางเอกสารในห้องทำงานของพวกคุณ มันก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อความคิดเห็นของผู้คนในสังคม มันก็คงเป็นกระดาษงานธรรมดาๆอีกเพียงแผ่นสองแผ่น ที่อ้างว่าเป็นผลของงานค้นคว้างานวิจัยงานสำรวจเชิงวิชาการ เกี่ยวกับเรื่องที่น่าสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในช่วงระยะใดเวลาหนึ่งก็เท่านั้นเอง .. ทว่า หากพวกคุณสำนักโพลล์ต่างๆ..ไมได้หวังให้ผลงานค้นคว้าผลงานการสำรวจข้อมูล (อันมีมาตรฐาน หรือ ไร้มาตรฐาน??..แล้วแต่จะอ้างหรือแก้ตัวกันไป) ชิ้นนั้นๆของพวกคุณเป็นเพียงแค่กระดาษงานธรรมดาๆที่อยู่ในแฟ้มเอกสาร .. พวกคุณก็อาจจะเอามันไปวางเผยแพร่ที่เว็บไซต์ข่าวของสำนักข่าวไหนก่อนก็ได้สักที่สองที่ เพราะพวกคุณรู้ดีว่าเดี๋ยวเดียวมันก็มีคนนำไปเผยแพร่ต่อในวงกว้าง จากนั้นสื่อกระแสหลักในบ้านเรา ทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ก็จะนำมันไปเผยแพร่ต่อไปผ่านตัวเลขสรุปผลเพียงไม่กี่ตัว เพื่อชี้นำความคิดของผู้คนในสังคมได้เป็นวงกว้าง .. ดังนั้น ในช่วงที่ผลโพลล์ของสำนักโพลล์ต่างๆในบ้านเราหลายๆสำนักได้ให้ความสนอกสนใจต่อสถานการณ์การหาเสียงเลือกตั้งอยู่ในขณะนี้ ข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ ใครมีคะแนนนำ ? ใครจะได้พื้นที่คะแนนนิยมตรง..ภาคไหน ?? พื้นที่ใด ? มากกว่ากันนั้น ..จึงเป็นอาหารข่าวอันโอชะที่ประชาชนปรารถนาอยากจะเสพกันอยู่แล้ว ..เปิดข้อมูลมาตอนไหนก็ฮือฮากันตอนนั้นนั่นแหละ .. ทว่า ที่มันมีปัญหาโต้แย้งครหากันอยู่ในตอนนี้นั้น ก็คือ มันเกิดจากกรณีผลโพลล์ที่แล้วๆมาของสำนักโพลล์ต่างๆเกี่ยวกับเรื่องของคะแนนนิยมของพรรคการเมืองต่างๆนั้น มันมีความไม่ชอบมาพากลในเรื่องของตัวเลข ที่ผลโพลล์ในแต่ละสำนักนั้น มีความคลาดเคลื่อนทางตัวเลขกันค่อนข้างจะมาก และ ไปคนละทิศละทาง .. แม้หัวโพลล์จะพยายามชี้นำไปในทางเดียวกัน ก็คือ พรรคเพื่อไทย มีคะแนนนำ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่พอจะรับได้ในช่วงเริ่มแรกของการหาเสียง เพราะพรรคเพื่อไทย คือ แชมป์เก่า ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์คือผู้ท้าชิง !!!.. ทว่า กับหางโพลล์ ที่เป็นตัวเลขของกลุ่มพลังเงียบ ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกข้าง เลือกพรรคใด เนี่ยดิ ..มันชัดเจนว่าโพลล์แต่ละสำนักให้ความใส่ใจในระดับที่ต่ำมาก และ มั่วข้อมูลกันไปคนละทิศละทางจนเห็นได้ชัด !!!.. เหตุผลสำคัญเป็นเพราะว่าสำนักโพลล์ต่างๆมัวแต่ไปจ้องให้ความสำคัญกับตัวเลขผลสำรวจต่างๆของพวกเขา ..ที่อาจจะมาจากการค้นหาข้อมูลมาจริงๆ หรือ อาจจะมาจากการนั่งยกเมฆตัวเลขขึ้นมาลอยๆ ตามลักษณะพฤติกรรมสันดานของ พวกโพลล์เทียม โพลล์ทาส ทั้งหลาย.. ที่ทำขึ้นมาเพียงเพื่อหวังจะได้ใช้เป็นไฮไลท์หลอกแหลกสำคัญๆ เพื่อสนับสนุนชี้นำเข้าข้างพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ?? ในเรื่องของการสร้างข่าว สร้างภาพ สร้างราคา และ สร้างกระแสปลุกระดมให้ผู้คนในสังคมคล้อยตามขึ้นมาว่า .. ณ เวลานี้ ..กระแสคะแนนนิยม (ของตัวเลขมั่วๆนี้) ..ของใครดีกว่าใคร ??.. ณ เวลานี้ ..ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ..อยากให้ใครเป็นรัฐบาล ??? ณ เวลานี้ ..ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ..อยากได้ใครเป็นนายกฯ ???.. ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว..ตัวเลขที่นำเสนอออกมานี้มันอาจจะไม่ใช่ !!!.. หรือ..มันอาจจะไม่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงของกระแสสังคมจริงๆเลยก็ได้ !!!.. ใครล่ะ ..จะไปรู้...จริงไหม ???!!!.. ที่มา http://www.oknation.net/blog/vincentoldbook3/2011/06/05/entry-3 เจ้าของเอแบคโพลอย่าง นพดล กรรณิการ์ เป็นไงละ เจ้าของสวนดุสิตโพลอย่าง สุขุม เฉลยทรัพย์ เป็นไงละ ออกมายอมรับอย่างนี้แล้ว ยังจะมีควายตัวไหนดิ้นอีก โปรดแสดงตัวด่วน
เคยมีอาจารย์สาวจากเอแบคโพลให้สัมภาษณ์ทางวิทยุ เธอยืนยันขันแข็งว่าไม่มีใครซื้อผลโพลได้ การที่จนท.ออกสำรวจข้อมูลแต่ละวันมาจากการวางแผนไว้ล่วงหน้าโดยเธอเป็นคนควบคุมอย่างเข้มงวด ผู้จัดรายการถามเธอว่าวันนี้จนท.ไปสำรวจเขตไหนและกี่ตัวอย่าง ท่านอาจารย์สาวผู้นั้นอึ้งไปสักพักเพราะหาคำตอบไม่ทัน เจอถามซ้ำเข้าก็กลายเป็นคนติดอ่างไปเลย ที่ผมหงุดหงิดก็คืออาจารย์สาวท่านนี้ไม่สามารถออกเสียงร.เรือหรือคำควบกล้ำได้เลย ก็ได้แต่สงสารผู้บริโภคโพยและบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของเธอ
เท่าที่ดู จขกท.คือเจ้าพระยาหน้าตาดีที่ดันสร้างล็อกอินใหม่มาแทนของเดิมเพื่อก่อกวน ขอแนะนำแอดมินให้ลบล็อกอินนี้เลยดีกว่า
