กรีซกับประชาธิปไตยแบบรู้-รัก-สามัคคี เรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียนอาคิลิส อาคิมิดิส โสเกรติส เพลโต อริสโตเติล ฯลฯลฯลฯ...ไปแล้ว สำหรับการลงประชามติของชาวกรีซเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ว่าโพลจากสำนักข่าวตะวันตก หรือสำนักข่าวกระแสหลัก จะพยายามปั่น พยายามปลุกกระแส โหวตเยส ให้มาแรง แซงโค้ง เบียดกระแส โหวตโน ชนิดหวีดหวิว ฉิวเฉียด แต่ข้อเท็จจริงหรือความจริงก็ได้ปรากฏออกมาแล้ว ตามคำประกาศของกระทรวงมหาดไทยกรีซ ว่าผู้ที่ออกมาโหวตโนคราวนี้ มีจำนวนมากถึง 61.31 เปอร์เซ็นต์ ทิ้งห่างพวกโหวตเยสที่มีอยู่เพียงแค่ 38.69 เปอร์เซ็นต์ แบบไม่เห็นหัวเห็นหาง... ----------------------------------------------------------- งานนี้...เลยต้องกลายเป็นมหากาพย์ อีเลียด-โอดิซซี ไปโดยปริยาย คือหนีไม่พ้นต้องต่อภาคสอง ภาคสาม และภาคพิสดาร อันเนื่องมาจากชาวกรีซทั้งหลาย ต่างตัดสินใจที่จะดำเนินรอยตามวีรบุรุษอาคิลิส หรือหันมาใช้ ความกล้าหาญ ในการตัดสินใจ แบบที่นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส ได้สรุปไว้ในคำกล่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์ หลังรับทราบผลการลงประชามติอย่างเป็นทางการนั่นเอง แถมบรรยากาศภายในกรุงเอเธนส์นับจากนั้น...แทบไม่ต่างอะไรไปจากการฉลองตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลยูโรเมื่อหลายสิบปีก่อน คือเต็มไปด้วยความครึกครื้น คึกคัก ถือเป็นการแสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตยในแบบ รู้-รัก-สามัคคี ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบ หันมากัดกันเอง ซะอีกต่างหาก... ------------------------------------------------------------ ในเมื่อปวงชนชาวกรีซทั้งหลายพร้อมใจแสดงออกมาในรูปนี้ นักประชาธิปไตยและนักสิทธิมนุษยชน อย่างอียู ที่ต้องแบกสถานะความเป็นเจ้าหนี้เอาไว้ด้วย ย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้อง อมสากกะเบือ ไว้พลางๆ จะลุกขึ้นมาเอะอะโวยวาย แบบที่คิดออกแถลงการณ์ประณามประเทศไทยในเรื่องประชาธิปไตย เรื่องสิทธิมนุษยชน เรื่องการจับการปล่อยนักศึกษาอะไรต่างๆ ไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะการแสดงออกถึงความรู้-รัก-สามัคคีของชาวกรีซในเที่ยวนี้ล้วนดำเนินไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ตามหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ต่างไปจากกระบวนท่ากำลังภายในตามหลักวิชา ยืมหอกสนองคืน ของตระกูลมู่ย้งอีกต่างหาก... -------------------------------------------------------------- ใครที่เคยไปคิดประมาทเด็กหนุ่มๆ นักการเมืองฟันน้ำนม อย่างนาย อเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ป่านนี้อาจถึงขั้นหงายท้องตึง หรือไม่ก็หลับกลางอากาศไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว เพราะไอ้ที่คิดจะ ถีบกรีซ ออกจากอียูตามที่ได้ข่มขู่เอาไว้ก่อนล่วงหน้านั้น เอาไป-เอามาแล้ว...มันคงไม่ถึงกับ ง่ายย์ย์ย์ กันซักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเมื่อมี ผลประชามติ ของปวงชนชาวกรีซหนุนหลัง อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการเช่นนี้ พูดง่ายๆ ว่า...มันคงไม่ต่างอะไรไปจาก เครื่องมืออันทรงพลังที่สุด สำหรับกระบวนการเจรจาเพื่อยืดหนี้ ชำระหนี้ อย่างที่นาย ซีปราส แกเคยได้บอกกับปวงชนชาวกรีซเอาไว้ก่อนหน้านั้นนั่นเอง... ---------------------------------------------------------------- แถมการประกาศลาออกโดยทันทีหลังการทราบผลประชามติ ของนาย ยานิส วารูฟากิส รัฐมนตรีคลังของกรีซนั้น ต้องถือเป็นการ เล่นเป็น เอามากๆ คือถือเป็นการเปลี่ยนคนเล่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการกลับขึ้นสู่โต๊ะเจรจาได้อย่างนิ่มนวลที่สุด เพราะการคิดจะ ล้มโต๊ะ ของบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลาย เอาไป-เอามา...มันคงไม่ถึงกับง่ายซักเท่าไหร่ดังที่กล่าวไปแล้ว ไม่เพียงแต่เจ้าหนี้รายใหญ่อย่างเยอรมันอาจต้องถูก ชักดาบ ไปโดยทันที เป็นจำนวนเงินสดๆ ไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านยูโร ดังที่นาย Gunther Krichbaum หัวหน้าคณะกรรมาธิการกิจการยุโรปของเยอรมันออกมาเปิดเผยเอาไว้ก่อนหน้านี้ อันอาจส่งผลให้เสาหลักของอียู กลายสภาพเป็น ไม้หลักปักขี้เลน โงนๆ เงนๆ ขึ้นมาได้ง่ายๆ บรรดาเสาอื่นๆ ของอียู ที่ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยหนี้กับหนี้ไปด้วยกันทั้งสิ้น ย่อมต้องโงนๆ เงนๆ ตามไปด้วย และนั่นย่อมทำให้อียูทั้งอียู กลายสภาพเป็นอีย้วยหรืออียับเยินได้โดยทันที ------------------------------------------------------------------- ยิ่งไปกว่านั้น...การถีบกรีซออกไปจากอียู ยังแทบไม่ต่างอะไรไปจากการสไลด์บอลไป เข้าเท้า รัสเซีย ที่กำลังถูกอียูทั้งอียูต่อต้าน แซงก์ชั่น ตามคำสั่งของคุณพ่ออเมริกา แบบชนิดส้มหล่นกันกลางสนามซะอีกต่างหาก อันเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ จะโดยการวางแผน หรือไม่วางแผนก็แล้วแต่ แต่การที่นายกรัฐมนตรีกรีซพยายามหันไปจูบปากกับรัสเซียแบบชนิดสุดแสนจะดูดดื่ม คว้าเอาโครงการธุรกิจ ลงทุน ไม่น้อยกว่า 4 พัน 5 พันล้านดอลลาร์ติดไม้ ติดมือ กลับมาด้วยเสมอๆ ทุกๆ ครั้งที่เดินทางไปเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะโครงการท่อส่งก๊าซราคาถูก จากริมฝั่งทะเลดำมาขึ้นบกที่ตุรกีต่อเชื่อมไปยังกรีซนั้น แทบไม่ต่างอะไรไปจากการเปลี่ยนแผนภูมิทางยุทธศาสตร์ ไม่ว่าในแง่เศรษฐกิจ หรือการทหาร ก็ตามแต่... ---------------------------------------------------------------------- การถีบกรีซออกจากอียู...มันจึงเป็นอะไรที่ต้องคิดหน้า คิดหลัง นั่งคิด นอนคิด ตะแคงข้างคิดอยู่พอสมควร เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องเงินๆ-ทองๆ เพียงลูกเดียวเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องการเมือง การทหาร เข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันอย่างมิอาจแยกออกจากกันได้อีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้...จึงถือเป็นเรื่องไม่แปลกที่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายต้องนั่งสุมหัว รวมตัว โทรศัพท์หากันให้วุ่น หลังทราบผลประชามติกรีซออกมาแบบสดๆ ซิงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลยกลายสภาพไปเป็นมหากาพย์ อีเลียดและโอดิซซี ด้วยประการฉะนี้... --------------------------------------------------------------------- แถมในหมู่ประเทศอียูทุกวันนี้...มันยังเต็มไปด้วยพวกที่คิดจะหันมาใช้วิธี ยืมหอกสนองคืน เพื่อนำไปสู่การ Out of the Euro ชนิดแทบทุกประเทศ ถ้าหากการถีบกรีซออกจากยูโร ไม่ถึงกับทำให้ลูกหลานโสเกรติสต้องพังพินาศไปทั้งประเทศ สามารถกัดก้อนเกลือกินและอยู่รอดปลอดภัยต่อไปได้บ้าง แม้จะยากลำบากอยู่ในช่วงต้นๆ ก็ตาม สิ่งเหล่านี้...ย่อมต้องกลายเป็นแบบอย่าง แนวทาง หรือทำให้กระแส Out of the Euro ระเบิดเถิดเทิงชนิดขี้แตก ขี้แตน ไปทั่วทั้งยุโรป หรือถึงขั้นทำให้เครื่องจักรสงครามอย่างนาโตทั้งนาโต ต้องกลายสภาพเป็น โน แอคชั่น ทอล์ก โอนลี่ เอาง่ายๆ ด้วยเหตุนี้...คงต้องติดตามกันต่อนั่นแหละว่า สุดท้าย อาคิลิส จะไปขึ้นฝั่งกันตรงไหน เทพนิยายกรีกจะมีมุมจบออกมาในรูปใด แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ทุกสิ่งทุกอย่างมันคงเป็นไปดังที่นาย ซิกมา กาเบรียล Vice-Chancellor ของเยอรมันได้ว่าเอาไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหละว่า “วิกฤติยุโรปครั้งนี้ถือเป็นครั้งร้ายแรงที่สุด นับจากการร่วมลงนามข้อตกลงความเป็นสหภาพยุโรปตั้งแต่ปี 1957 เป็นต้นมา”... --------------------------------------------------------------- ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Hanson W. Baldwin (อีกครั้ง)...“The nation’s combat potential is no stronger than the will of its people.- ในการเผชิญหน้ากับสงคราม ไม่มีศักยภาพใดๆ มีพลังอำนาจเหนือไปกว่ากำลังใจและความมุ่งมั่นของพลเมือง...” ปล เอาหละสิอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
มีข้อสังเกตุนิดหนึ่งครับ ในอนาคต อะไรก็ตาม ที่เป็นผลให้ EU แตกกระจาย ซึ่งเมื่อตอน ประกาศใช้ค่าเงิน ผมว่า เงิน ดอลล่า น่าจะทำคะแนน นะครับ เห็นได้จาก จีน จับมือ กับรัฐเซีย แล้ว ภายหน้า ยกเว้นทองคำ ผมว่า น่าจะเกิด สกุลเงินใหม่ usa เช็ดน้ำลายค้าง อุตส่าห์ วางแผนมา ตั้งนาน
