วันที่ 14 มี.ค. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.ก่อนส่งรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ ในวันที่ 29 มี.ค. 2559 เพื่อให้ประชาชนลงประชามติว่าจะรับหรือไม่รับ ว่า ยังมีเรื่องสำคัญอีกหลายเรื่องที่เคยนำเสนอให้ กรธ.พิจารณาปรับแก้ แต่ยังเงียบอยู่ คือเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กไทย ที่ กรธ. ไปลดสิทธิของเด็กไทยที่จะได้เรียนฟรี 12 ปี อย่างมีคุณภาพ ลงเป็นเหลือแค่ 9 ปี ในมาตรา 50 ของร่างรัฐธรรมนูญนี้ว่า “รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาภาคบังคับที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง โดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย” ขณะที่ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 บัญญัติส่วนที่ 8 สิทธิ และเสรีภาพในการศึกษา มาตรา 49 ว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการได้รับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปี ที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึง และมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย” จึงขอเรียกร้องให้ กรธ.คืนสิทธิของเด็กไทยที่เคยได้เรียนฟรี 12 ปี เหมือนเดิม นายองอาจ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนขอเสนอให้ กรธ.ให้ความสำคัญกับการเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ให้รัฐมีบทบาทสำคัญในการดูแลเด็กก่อนวัยเรียน และเด็กแรกเกิด ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญของพัฒนาการของเด็กให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ ทั้งร่างกาย และสติปัญญา รวมทั้งพัฒนาการทางสมองของเด็ก เมื่อเด็กเติบโตเป็นวัยรุ่นจะไม่ก่อปัญหาให้กับสังคม และเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพช่วยสร้างสรรค์ประเทศชาติบ้านเมืองให้ก้าวหน้าต่อไปได้ ถ้ารัฐไม่ให้ความสำคัญกับการดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิด และเด็กก่อนวัยเรียนจริงจัง รัฐจะสูญเสียพลังสร้างสรรค์สังคม และต้องเสียเงินงบประมาณมากมายกับการแก้ไขปัญหาสังคม ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เราไม่ช่วยกันพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพเท่าที่ควรตั้งแต่แรกเกิด ขอให้ กรธ.ให้ความสนใจเรื่องสิทธิของเด็กแรกเกิด และเด็กก่อนวัยเรียนอย่างจริงจังด้วย
ขำดี ตกอับขนาดต้องเกาะปชป.ที่ตัวเองด่าแล้วหรือ อย่างว่าเพื่อไทยจะหวังอะไรได้ ขนาดคนกลางในนี้มีอะไรก็เรียกแต่กปปส.
"จตุพร"ซัดร่างรธน.เลวร้ายที่สุดในรอบ 83 ปี | เดลินิวส์ „“หากประชาชนแสดงพลังไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างจะไม่ง่ายตามที่คิด เพราะผ่านหรือไม่ผ่านประชาชนไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว หากปล่อยให้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ประเทศก็พัง เนื้อหารัฐธรรมนูญจะมีปัญหาตั้งแต่วันแรก แต่ถ้าไม่ได้ใช้ก็ทำให้อยู่นานเป็นการซื้อและยืดเวลา แต่ยังไม่พังโดยฉับพลันเหมือนรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่มีทางเลือกที่ดีให้กับประชาชน มีแต่เสียมากกับเสียน้อยถ้าคว่ำรัฐธรรมนูญทำให้เสียน้อย แต่ถ้าปล่อยให้ใช้รัฐธรรมนูญก็เสียมาก เพราะการเขียนรัฐธรรมนูญเช่นนี้จะทำให้ประเทศเข้าสู่วิกฤติรุนแรงมากกว่าการใช้รัฐธรรมนูญปี 50 และเป็นการเขียนรัฐธรรมนูญที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 83 ปี” นายจตุพร กล่าว“ อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/343304 ไม่รู้ว่าหน้าส้นตีน จะเห็นความแตกต่างของการให้ความเห็น รัฐธรรมนูญ ของทั้ง 2 คนนี้หรือไม่ ของนายองอาจ เขาแจงออกมาว่า มาตราใดที่ควรแก้ไข เปรียบเทียบกับ รธน.ฉบับเดิม ขนาดหน้าส้นตีนยังอ่านเข้าใจเลยว่าเขาจะตัดสิทธิการเรียนฟรีของเด็ก ลองไปอ่านของ ลูกพี่หน้าส้นตีนดูนะ ว่ารธน.ฉบับที่จะลงประชามติ มีการยกประเด็นใด มาตราใดที่ต้องแก้ไข นี่แหละครับ ความแตกต่างของคนดี กับ ควายแดง
ผมว่า จะ ๑๒ ปี หรือ ๙ ปี ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าคุณภาพการศึกษา ทั้งด้านบุคลากรและหลักสูตรห่วยแตก แต่ถ้าปรับลดเพื่อนำงบมาพัฒนาส่วนนี้ถือว่าโอเค
จะ 12 หรือ 9 ปี หากมีประสิทธิภาพจริง ได้ทั้งนั้นแหละ ดูนี้ก่อน การ์ด ยูกิ มาดูประเทศที่ระบบการศึกษาดีที่สุดของโลกกัน! Newsmania Liu Zhaoming เป็นครูคนเดียวของโรงเรียนในหมู่บ้านเล็กๆในมณฑลหูเป่ย นักเรียนก็เหลือคนเดียวเพราะคนอื่นย้ายตามพ่อแม่ไปในเมืองใหญ่เพื่อไปหาโอกาสในชีวิตที่ดีกว่า ในอดีตโรงเรียนแห่งนี้มีครู 30 คน นักเรียนกว่า 300 คน ครู Liu หวังว่าในอนาคตคงมีคนย้ายกลับมา และมีนักเรียนเพิ่มขึ้น ยืนยันจะเปิดสอนต่อไป ไม่ปิดแน่นอน ภาพและข้อมูลจาก CCTV แทบแล็ดนะแจกครบยัง? ที่ยังไปแจกคงค้างทำไง? ของแจกหรือของให้ยืม ทำไงต่อ?
9 ปี ก็การศึกษาภาคบังคับนะนั่น ถ้านับ ป.1 - ม.3 บริการสาธารณูปโภค การศึกษา การสาธารณสุข ฯลฯ ทุกอย่างล้วนมีค่าใช้จ่าย ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ เราเก็บภาษีโหดๆ แบบหลายประเทศแถบยุโรปไม่ได้ด้วย
Veera Somkwamkid ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 3 ภาพ 12 มีนาคม เวลา 21:45 น. · รัฐบาลเผด็จการมีแนวโน้ม คอร์รัปชั่นมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะขาดระบบการตรวจสอบจากภาคประชาชน และองค์กรต่างๆ การแก้ปัญหานี้ ไม่สามารถทำได้ด้วยการปฏิรูปเพียงปีดียว การยึดอำนาจของคสช.ที่อ้างว่าบ้านเมืองแตกแยกต้องการยุติความรุนแรงระหว่างเหลืองและแดง ต้องการสร้างความปรองดองในชาติ ที่สำคัญที่สุดคืออ้างว่าต้องการปฏิรูปบ้านเมืองให้เรียบร้อยก่อนจึงมีการเลือกตั้ง แต่ในความเป็นจริงฉีกรัฐธรรมนูญแย่งยึดอำนาจไปจากประชาชน คสช.ทำอยู่อย่างเดียวคือให้ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อจะสืบทอดอำนาจ และนิรโทษกรรมตัวเองทุกอย่างทั้งย้อนหลังและเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า แม้ความผิดจากการคอร์รัปชันก็จะเอาผิดไม่ได้ ส่วนการปฏิรูปด้านต่างๆไม่ว่าการปฏิรูประบบการศึกษา ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูประบบราชการ ฯลฯ ไม่มีการดำเนินการเลย
ปี 59 ไทยจ่ายใต้โต๊ะลดลงเหลือ 10% หนุนดัชนีโกงดีขึ้น มากสุดรอบ 6 ปี http://www.thairath.co.th/content/571649 ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ ร้อยละ 1 - 15 ของงบประมาณเท่านั้น คิดเป็นอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ ร้อยละ 10 ลดลงจากร้อยละ 30 เมื่อ 2 ปีก่อน หรือต่ำสุดในรอบ 6 ปี http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=638698 ปี 56 มกราคม 2556 : ผลสำรวจเอกชนจ่าย “ใต้โต๊ะ” 30-35 เปอร์เซ็นต์ http://www.fpps.or.th/news.php?detail=n1363558536.news
วันนี้หน้าส้นตรีน มาแปลกมากเลย โหน ปชป. ไม่พอ ต้องมาโหน พันธมิตรอีก ไหนแต่ก่อนมีแต่ด่าเขาว่าปิดสนามบิน แต่ก็ยังเอาเขามาโหนอีก ไม่อายคนอื่น ก็น่าจะอายตัวเองบ้างก็ดีนะ ไอ้หน้าด้าน
ไม่ไหวแล้ว ขำซะจนไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ต่อจากโหนปชป. คราวนี้โหนเฟซบุ๊ควีระที่เคยเป็นพธม.อีก จำไว้เลยนปช.กับเพื่อไทยที่พึ่งไม่ได้ บังอาจทำให้เจ๋งเหม่งจ๋ายต้องกลืนน้ำลายตัวเอง
พอภาคประชาชนตรวจสอบนักการเมือง คนสนับสนุนก็จะแถว่า รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งบ้าง อิจฉาบ้าง พอถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ก็จะแถว่าศาลไม่ยุติธรรม
ถ้ามีหลักฐาน ทนไม่ไหวแล้ว เชิญออกมาไล่ ไม่มีใครสงวนสิทธิ์ ถ้ามีหลักฐานว่ามากกว่ายุคนักโทษคิดเพื่อไทยทำแล้วค่อยมาแขวะ กปปส ส่วนเรื่องนิรโทษกรรมนั้น ไว้ให้มีลายลักษณ์อักษรออกมาก่อนว่านิรโทษฯแค่ไหน อย่างไร แล้วค่อยมาว่ากัน แต่ปกติจะนิรโทษฯกรณีรัฐประหารและการออกคำสั่งต่างๆเท่านั้น ไม่ได้รวมการบริหารงานของรัฐบาล www.bangkokbiznews.com/news/detail/540477
ตกลงกระทู้นี้จะบอกว่า รัฐบาล หรือ กรธ. ตัดสิทธิ์เรียนฟรีเด็ก ครับ ? ไม่ค่อยตามข่าวเท่าไหร่ เรื่องนี้อยู่ในชั้น กรธ. ร่าง รธน. ซึ่งการที่มีคนออกมาทักท้วง ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะเป็นสิทธิของปชช. ดีกว่า ไปห่วงเรื่องอำนาจที่ตัวเองกลัวจะไม่ได้ใช้ ปล. ในเนื้อข่าว ไม่เห็นมีเนื้อหาว่าจะ ตัดสิทธิเด็กเลย ปล.2 เผด็จการนี่ ท้วงติง แสดงความคิดเห็นคัดค้านได้ด้วยหรือครับ
ลึงค์ข่าวก็ไม่มี แล้วด่าชาวบ้าน หน้าลึงค์เมีย สำนักงานตรวจเงินแผ่นดดิน เตรียมชงแก้รัฐธรรมนูญเรียนฟรีจริง 9 ปี หลังประชาชนโวยฟรีไม่จริง เมื่อวันที่ 4 ก.ค.54 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สผผ.) ศ.ศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า สผผ.ได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายเรียนดี เรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ซึ่งผู้ปกครองยังต้องจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่โรงเรียน ทำให้มีข้อกังขาว่านโยบายดังกล่าวอาจไม่ฟรีจริง และอาจขัดต่อมาตรา 49 ในรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการได้รับการศึกษาไม่น้อยกว่า 12 ปี ที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึง และมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ดังนั้น สผผ.จึงได้ทำการศึกษาวิจัยในหัวข้อ “นโยบายเรียนดี เรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ” ซึ่งผลการวิจัยสรุปได้ใน 4 ประเด็นคือ 1. ขั้นตอนการกำหนดนโยบาย ไม่ได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ ทำให้การบริการฟรีทางการศึกษา 12 ปี ไม่ได้ฟรีตามเจตนารมณ์ ผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวอีกว่า 2. ความแตกต่างของความต้องการงบประมาณ การจัดสรรงบฯของนโยบายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับความจำเป็นที่แตกต่างกันของแต่ละขนาดโรงเรียน 3. ความเป็นจริงของนโยบาย ผู้ปกครองเห็นว่าไม่ฟรีจริงตามชื่อ เพียงแต่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้ จึงทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่พึงพอใจในนโยบายนี้มาก เพราะเห็นว่าดีกว่าไม่ได้อะไรเลย และ 4. กระบวนการจัดการเรียนการสอนและคุณภาพผู้เรียน ในทางปฏิบัตินั้นยังไม่สามารถพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้จริง เนื่องจากนโยบายดังกล่าวมุ่งส่งเสริมปัจจัยนำเข้ามากกว่าการพัฒนาความสามารถของครู เพื่อให้สอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าการศึกษาของชาติค่อนข้างล้มเหลว เราใช้จ่ายด้านการศึกษาสูงมาก แต่ผลผลิตต่ำ แม้ผลสำรวจของรัฐบาลชุดเก่าจะระบุว่าประชาชน 68% ชื่นชอบนโยบายดังกล่าว แต่ในความเป็นจริงคือการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เป็นการลงทุนที่สูญเปล่า ศ.ศรีราชากล่าวด้วยว่า จากการศึกษาพบว่าเราสามารถจัดการศึกษา 9 ปี ซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับ ให้ดีและมีคุณภาพได้โดยที่เรียนฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มได้ ซึ่ง สผผ.ได้จัดประชุมระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่ทบทวนการดำเนินโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ตนในฐานะผู้ตรวจการแผ่นดิน จะเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยปรับในเรื่องการรับการศึกษาไม่น้อยกว่า 12 ปี ที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย เป็นไม่น้อยกว่า 9 ปี และต้องฟรีจริงไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม. http://www.thairath.co.th/content/183873
เห็นหัวกระทู้นี้ เห็นเนื้อข่าวที่นำมาลง ซึ่งชี้นำไปในทางที่ ต้องการให้คนอ่านคิดในทางเดียวกับที่ตัวเองอยากให้เป็น ผมนึกถึง ข้อความ ข่าวสาร ทางโซเซี่ยล ที่นำมาลง ส่งต่อ แชร์กัน ซึ่งโดยมากจะเป็นแบบนี้ ผู้อ่านที่ติดตาม ส่วนมากมักจะไม่อ่านรายละเอียดและไม่คิดตาม ถึงความเป็นไปได้ของเนื้อข่าว ก็วิพากย์วิจารณ์ ด่ากันอย่างสนุกปาก สะท้อนให้เห็น สติปัญญาของผู้คนได้เป็นอย่างดี
ไม่เอาแบบรัฐบาลหนึ่งที่ส่งเสริมการศึกษาโดยออกแทปเลตก็พอฮะ จนป่านนี้เด็กไทยเป็นอัจฉริยะหรือยังฮะ หมดไปกี่พันล้าน เอาเงินไปทำโรงเรียนซ่อมแซมแจกสื่อวิดีทัศน์ให้โรงเรียนที่ทุนน้อยดีกว่าไหมฮะ
ขอร้อง อย่ายกไปเทียบ บรูไน สิงคโปร์ อัตราค่าเงินส่งเสริมการศึกษา กะประชากรเท่านั้น เรียนฟรี+สร้างสถานการศึกษา มันเทียบเหมือนครอบครัว เงินเดือน 30,000.- ลูกคนเดียว กะอีกครอบครัว ที่มีลูก 3คน ไม่ได้หรอก แต่ความสุขพื้นฐาน อนาคตครอบครัว ความเป็นอยู่ในอนาคต นั่นต่างหากที่น่าเป็นตัววัด ซาอุฯ รวยจิง แต่ความสุขในแวดวงครอบครัวมีมากรึ? ขอบอกว่า ภูเก็ต โตเร็วมาก ไม่จำเป็น อย่าไปเที่ยวนะ ค่าครองชีพสูงพอๆกรุงเทพฯ อาจมากกว่าด้วย แต่คนภูเก๊จ ก้ออยู่ดี และดีมากกว่าคนสิง๕โปร์มาก
จขกท.คิดจะตั้งกระทู้กรุณากรุณาอ้างอิงที่มาแหล่งด้วยครับให้เครดิตข่าวเขาหน่อยเขาจะได้มีข่าวให้เอามาตัดแปะอีกรักษากฏของการตัดแปะด้วยครับตามมารยาทไม่ใช่อยากเอาอะไรจากใหนมาแปะมั่วๆ
เรื่องแท็ปเลต ผมเคยมีโอกาสคุยกับจนท.ที่เกี่ยวข้องว่า ไม่น่าจะเกิดประโยชน์เพราะเรายังไม่มีcontent แล้วเป็นแค่การลงทุนในhardwareสิ้นเปลืองไม่ใช่infrastructureก็ไม่เกิดการต่อยอดอะไรได้ และถ้าไม่เป็นinteractiveก็ไม่น่าจะใช้ได้ผลซักเท่าไรหรอก ถ้าจะเอาเทคโนโลยีมาช่วย น่าจะเอาทุนมาผลิตสื่อการสอนกลางหรือเลกเชอร์กลางแจกจ่ายตามรร.เลยดีกว่า เข้ากับhardwareเดิมๆของรร.ได้อยู่แล้วคอม&projectorไม่กี่ชุดก็วนใช้กันได้ทั้งรร. หรือถ้าเอาง่ายกว่านั้น ก็รวมกับงบที่เคยจ้างติวเตอร์มาสอนออกทีวีเนี่ยแหละ ซื้อลิขสิทธิ์เลกเชอร์เขามาเลย(หรือขอฟรีปีเก่าหน่อยเขาก็อาจจะให้) ถ้าอยากสดใหม่ก็จ้างเขามาสอนอัดเทปเลย หรือประหยัดก็ขุดสื่อyoutubeมายำจัดเรียงตามบทก็ได้ ไรท์DVDส่งทุกรร.กันรายสัปดาห์/รายเดือนก็ยังไหวด้วยฝีมือไปรษณีย์ไทย hardwareทางนู้นก็แค่ทีวี&เครื่องเล่นแผ่น โคตรถูก ถ้ามีสื่อกลาง(แห่งชาติ)แล้วเนี่ย ครูคนไหนเก่งเกินมาตรฐานแล้วไม่อยากใช้ก็เชิญsoloเองตามชอบ ครูคนไหนอยากสะดวกก็ทำตัวเป็นไกด์ให้เด็กเรียนไปตามสื่อกลางนั่นได้เลย แก้ปัญหาในวิชาที่ขาดแคลนครูได้ รวมถึงส่วนที่หลายคนวิจารณ์ว่า"ครูไม่ได้มาตรฐาน"ด้วย ท่านแย้งมาว่า ถ้านำเสนอhardwareแล้ว ก็จะมีผู้ผลิตcontentตามออกมาเอง ส่วนในขั้นต้นนี้contentก็ต้องขึ้นกับศธ. .....สุดท้าย contentที่แจกก็ด็อกด๋อยอย่างที่เห็นกันแหละครับ มาจนบัดนี้ก็ยังไม่น่าจะเรียกว่ามีcontentดีๆใหม่ๆซักเท่าไร ส่วนhardwareนั้นเน่าไปแล้ว ในเรื่องสื่อ/วีดีโอ เคยคุยกับครูหลายท่านทั้งครูแก่&ครูเด็ก แทบไม่มีใครเห็นด้วย เหตุผลมักจะเป็นว่า เนื้อหามันจะไม่ตรงเพราะแบบเรียน/หลักสูตรเปลี่ยนบ่อย เนื้อหามันจะไม่ทันสมัย นั่งดูทีวีเฉยๆเด็กไม่ชอบหรอก .....อ้าวแล้วรร.ดาวเทียมในกลุ่มไกลกังวลเด็กเขาไม่เรียนทีวีเหรอ ติวเตอร์ต่างๆก็เห็นเด็กจ่ายแพงๆเพื่อเรียนกับทีวีกันเป็นปกตินะ ในส่วนเนื้อหา 'หลัก'มันก็คงไม่ได้เปลี่ยนหรอก-ส่วนต่างเล็กน้อยครูก็พูดสอนเสริมเอาดิครับ ไม่ใช่ว่ากดปุ่มplayแล้วเดินออกจากห้องซะเมื่อไรล่ะ ก็ไม่รู้จะเถียงอะไร เพราะผมไม่ได้เป็นครู ไม่รู้หลักสูตร ไม่เห็นเด็ก ปล. ที่เคยเห็นแล้วปวดตับที่สุดคือ เจอในข่าวทีวีเรื่องแท็ปเลตเนี่ย ภาพจากห้องเรียนขณะที่สอนเขียนอักษรไทย เจอนร.คนนึงติดมาในกล้องด้วย ใช้นิ้วโป้งลากเส้นตามตัวอย่างบนจอ stylusเขาไม่มีแจกก็ต้องนิ้วล่ะนะ แต่ไหงไม่ใช้นิ้วชี้ว๊า จุดพีคคือ เด็กถือเครื่องแบบlandscape ตัว ก.ไก่ บนจอมันก็นอนจิกพื้นอยู่ไงครับ
ปัญหาศธ.นี่โคตรเยอะ ข้ออ้างก็เยอะ ไอ้เรื่องฟรีเนี่ย ไหงมีวันเก็บค่าเทอมกันแทบทุกที่เลยแฮะ แต่ชื่ออื่นนะ เช่น ค่าทรัพยากร ค่าบำรุง ค่าสนับสนุน ฯลฯอีกหลายชื่อ คงไม่อาจนับเป็นเงินบริจาค เพราะว่าราคามันเป็น fix rate ซึ่งไม่เกี่ยวกับค่ากิจกรรมพิเศษด้วยนะ อันนั้นเก็บแยกต่างหาก แล้วก็ขยันเปิดกันมากๆๆๆๆๆ ห้องGifted-EP-miniEP นร.ชั้นปีมี50คนยังอุตส่าห์มีห้องพิเศษโผล่มาตั้ง2ห้อง ได้ไงว้า เปิดกันก็ไม่รู้ว่าถูกระเบียบราชการไหม ยังมีเรื่องการบริหารเงินส่วนนี้อีก เรื่องการบริหารนี่ก็ เอิ่ม... ครูชอบสอนก็สอนไป ดูแลเด็กก็เต็มที่ อยู่กันจนขึ้นหิ้ง อยู่นานอยู่ทน แต่แม้จะรับงานบริหารได้ดี ก็เข้าตำแหน่งไม่ได้เพราะไม่เรียนต่อ ทำดีทำฟรีจ้า ครูที่ไม่สอนไม่สน ก็ป.โทบริหารเลยแจ้ เจริญเติบโตมาสร้างปัญหาต่อไป ผอ.&รอง.ยุคหลังเนี่ย ยิ่งระดับเขต/ส่วนกลางยิ่งหนัก วันหน้าคงได้แต่ปิดตาปิดหูไม่มอง (แค่เท่าที่เคยได้ยินได้เห็นนี่ หลายเคสก็ได้แต่อุทานว่า "Hear! YOUกล้าทำได้ไงวะ" แล้วก็อุ้มสมกันไปwin-win) ผมว่าเอาที่ทำได้จริง ทำได้ทันที คือ คืนครูเข้าห้องเรียน เงินจ้างธุรการ/จนท.ฝ่ายสนับสนุนน่ะหาได้เยอะแยะ ถ้ายังจะหน้าด้านอ้างว่าเงินไม่มีจริงๆ ก็เอาจนท.ส่วนกลางนั่นแหละ โยกไปลงหน้างานซะ (ทุกกระทรวงน่ะ จะเหยียบกันตายในสนง.แล้ว) แล้วก็ไม่รู้มันจะประเมินอะไรกันนักหนา ดันต้องจ้างoutsourceซะด้วย บริษัทใครมั่งเนี่ย อีกปัญหาก็เรื่องรร.ขนาดเล็ก ทั้งจำนวนครู-จำนวนเด็ก-ทรัพยากร กระจายเป็นเบี้ยหัวแตกเลย ต่างฝ่ายก็ติดๆขัดๆกันทั้งนั้น จะยุบก็โดนด่า-จะไม่ยุบก็คาราคาซังกันอยู่เงี้ย คือมันก็เป็นไปตามสภาพตลาด&จำนวนเด็กเกิด ทางรอดก็คือลองจับกลุ่ม school-pool กันในเขตพื้นที่ใกล้เคียง(ยิ่งในกทม.ยิ่งทำได้) แบ่งกันสอนเป็นช่วงชั้นหรือกลุ่มวิชา แต่ดันเคยได้ยินปัญหาง้องแง้งเช่น ก็เสมือนรร.โดนยุบซิ ชื่อรร.ก็ไม่เหลือซิ ตำแหน่งผอ.ล่ะ ฯลฯ (แถมยังเคยได้ยินในข่าวว่าหลายปีก่อนรร.ตจว.ที่ไหนเคยทำแล้วนะ เอารถตู้วิ่งรับส่งเด็ก แต่คุ้นๆว่าให้เลิกไปแล้วเพราะผิดระเบียบ ถ้าจริงก็ ...ห่านเอ๋ย) แก้ง้องแง้งนี่ก็ไม่น่ายาก รวมตั้งชื่อโรงเรียนซิ 'สมมุติ'เช่น "กลุ่มรร.xxxบลาๆเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์รร.A" "กลุ่มรร.xxxบลาๆเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์รร.B" ก็ว่าไป คล้ายๆวิทยาเขตน่ะ ผลคือทรัพยากรเพิ่มขึ้นในทุกด้าน โดยตัวปัจเจกไม่มีใครต้อง'เสีย' (เห็นชอบตั้งชื่อรร.กันแบบนี้ด้วยซ้ำ แบบพวกรร.พี่-น้อง-ลูก-หลานอะไรเงี้ย ตอนได้ยินทีแรกผมยังงงๆ เช่น รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการXXXYYY มีตั้งเยอะแน่ะ ขออภัยที่พาดพิง มิได้ว่ารร.ท่านไม่ดี แค่จะบอกว่าชื่อพางงครับ เมื่อหลายสิบปีก่อนผมรู้จักแต่ตอ.ใหญ่) ยังมีเรื่องใบอนุญาตครูที่ง้องแง้งกันมาทุกปี (ปัญหาเริ่มมาจากตั้งแต่ที่หาเรื่องเพิ่มปี5ในป.ตรีนั่นแหละ) อันนี้ไม่กล่าวต่อดีก่า เพราะดราม่าจะมาทุกที
เริ่มเห็นด้วยกะ กรธ แล้วอะ เพราะเรียนฟรี 12 ปี แต่ถ้าปัญญาเท่าห่างอึงเท่าเจ๋งเหม่งจ่าย ก็พอสะท้อนได้ว่า 12 ปีที่เรียนมาสูญงบไปเปล่าๆ เพราะไม่ได้ใช้หลักความคิด หลักวิเคราะห์ หลักแยกแยะอันไดเลยนอกจากตัวขีดเส้นใต้ไร้สระ
มีคนตั้งแล้ว ขอย้ายไปไว้ทู้นู้นนะครับ https://xn--12c4db3b2bb9h.net/threads/ฟ้าผ่า-คสช-ใช้-ม-44-ปฏิรูปกระทรวงศึกษา.4110/
อ้อ นอกจากเรื่องเรียนฟรีพื้นฐานแล้ว คงต้องแก้ระบบนร.ทุนด้วยละ อย่าให้กับคนที่ไม่สมควรจะได้ แต่ก็บอกยากนะ ไม่รู้ล่วงหน้าว่าใครจะหนีทุน-ทิ้งทุน วันนี้เจอเด็กไปลุยเพจเจ๊อ๋อย ชักจะกังวลคุณภาพเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องแล้วครับ เกี่ยวกับการทุ่มงบในรร.เฉพาะทาง จำนวนนร.ทุนนี่เหมาะสมไหม? เริ่มจากอันนี้ แล้วเด็กก็ลุยโต้เถียงกะเจ๊รัวๆ [ที่นี่ https://ask.fm/OillyLoveKing ] แต่เห็นตรรกะแล้วรู้สึกละเหี่ยยังไงอยู่นะ
ชื่อ ผาสุข พงษ์ไพจิตร เอามาอ้างอิงทางการเมือง เรื่องทุจริต คอรัปชั่น ขำว่ะ สมัยอีปูทุจริตขนาดไหนมันยังชมหน้าด้าน ๆ เลย อ่านรายละเอียด http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356666095