ไขข้อสงสัยคดีเกาะเต่า แพะไม่แพะ ตอน 1 แรงจูงใจ-อาวุธ ไม่แปลกคนตัวเล็กฆ่าคนตัวใหญ่กว่าได้ http://www.thairath.co.th/content/455250
หลักฐานในที่เกิดเหตุ จากร่างกายผู้เสียชีวิต จากพยาน และหลักฐานแวดล้อมอื่น ที่ยังไม่ได้เปิดเผยน่าจะยังมีอยู่อีก ผลการชันสูตรเชิงลึกก็ยังไม่มีให้เห็น มีแต่ ผลการชันสูตรทั่วไป เช่น สาเหตุการเสียชีวิต ลักษณะบาดแผล ผลการตรวจร่างการผู้ต้องสงสัย ก็ยังไม่มีประกอบ... จะมีก็แต่หลักฐานที่ปรากฎอยู่ตามหน้าสื่อ...ซึ่งคงไม่มากพอที่จะสรุปว่า รูปคดีจะเป็นอย่างไร.....
การสืบสวนสอบสวนคดีอาญา จำอวดตำรวจ โดย วสิษฐ เดชกุญชร http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1412676631
ลองมาดูข้อเท็จจริงตามที่ตำรวจแถลง 1. ผู้ตายมารู้จักกันที่เกาะเต่า ไม่ได้เป็นแฟนกันมาก่อน 2. คนร้ายมีสองคน เห็นผู้ตายมีเพศสัมพันธ์กัน จึงเกิดอารมณ์ 3. สองคนร้ายฆ่าเดวิดด้วยจอบ ข่มขืนฮันนาห์ แล้วฆ่าฮันนาห์ด้วยจอบ (ลำดับตรงนี้ผมยังไม่ได้ดูละเอียดว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนหลัง) 4. ไม่พบสารเสพติดในตัวผู้ตาย (แปลว่าไม่มีการมอมยา ถูกมั้ย) ส่วนสิ่งที่เป็นข้อสงสัย 1. แผลของเดวิด มีขนาดเล็ก เหมือนแผลจากของมีคม มากกว่าแผลจากจอบ ใครใจแข็งพอก็เทียบดูได้ แผลฮันนาห์ กับแผลเดวิด ไปดูคลิปที่ TPBS ทดสอบก็ได้ 2. ฌอน แมคแอนนาดันมีแผลที่แขน คล้ายแผลของเดวิด และอ้างว่าตนรู้เหตุการณ์ จากนั้นก็อ้างว่าตัวเองถูกขู่ และเผ่นกลับไปต่างประเทศ ทำไมตำรวจไม่คุ้มกันเขาไว้เป็นพยานก่อน 3. ไม่มีรายงานร่องรอยการต่อสู้ที่ตัวฮันนาห์ ใช่ไหม ปกติการต่อสู้ขัดขืนมักจะทำให้คนร้ายเกิดบาดแผล หรือมีดีเอ็นเอคนร้ายติดอยู่ตามซอกเล็บผู้ตาย ทั้งหมดนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นยังไง ก. ถ้าคนร้ายช่วยกันฆ่าเดวิดก่อน ฮันนาห์จะไม่ดิ้นรนต่อสู้หลังจากนั้นหรือ ข. ถ้าคนร้ายข่มขืนฆ่าฮันนาห์ก่อน เดวิดร่างใหญ่ 190 ซม. จะไม่ต่อสู้จนคนร้ายเกิดบาดแผลหรือ ค. คนร้ายทำสองอย่างนี้พร้อมกัน คนนึงข่มขืนฮันนาห์ คนนึงฆ่าเดวิด จะไม่มีร่องรอยบาดแผลบนตัวคนร้ายเลยหรือ CSI LA หรือเพจไหน ๆ จะว่ายังไงก็แล้วแต่ แต่คำอธิบายเหตุการณ์เวอร์ชั่นตำรวจมันครบถ้วนพอแล้วหรือ
ขอยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเรื่องการซุยคดี เสื้อแดงชลบุรีขับรถไล่ล่าดาราคนหนึ่งชนิดเอาตาย แต่มีไอ้ด๊อกบางตัวกับตำรวยหัวขวดบางตัวออกมาบอกว่าเป็นการแสดงออกซึ่งประชาติ๊บไตย แบบนี้แหละครับที่เขาเรียกซุยคดีออกอากาศจริง ออกมาแก้ต่างให้คนร้ายเสร็จ ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ต่อด้วย
คนตัวเล็กฆ่าคนตัวใหญ่ ไม่มีอะไรแปลก แต่คนตัวเล็ก ฆ่าคนตัวใหญ่ แถมข่มขืนฆ่าอีกคน โดยที่ตัวเองไม่มีริ้วรอยเลยนี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง สองคนนั่นนอนให้ฆ่า นอนให้ข่มขืน ยอมตายแต่โดยดีงั้นหรือ
อย่าพึ่งไปตั้งธงสิครับ ไอ้พวกแดงมันอาจแค่เคลมว่าเป็นพวกตัวเองเฉย ๆ แบบตอนเลือกตั้งผู้ว่าก็ได้ และมันก็ไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์ว่าเพจนั้นพูดผิดอยู่ดีนะครับ เรามาพูดกันเรื่องข้อเท็จจริงดีกว่า ประเด็นนี้เปิดกระทู้ใหม่ก็ได้
ประเด็นน้ำจิ้ม แค่ขำ ๆ ตำรวจบอกคืนนั้นผู้ตายไปดูบอลคู่แมนยูกับสวอนซี ผมจะลองพยายามเชื่อตำรวจดู หุหุหุ เว็บพรีเมียร์ลีกมันคงโกหก
ตำรวจเขาก็ชัดทุกประเด็นนะ ตำรวจไขปม 6 ข้อสงสัยคดีเกาะเต่า 7 ต.ค. 57 11:51 น. ตำรวจแจง 6 ข้อสงสัยของนักสืบออนไลน์ในปมโทรศัพท์มือถือ การตรวจดีเอ็นเอ ถุงยางอนามัย การจับแพะหรือไม่? (7 ต.ค.) จากกรณีนักสืบออนไลน์มีข้อสงสัยคดีเกาะเต่า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงจับกุมผู้ต้องหาฆ่า 2 ฝรั่งชาวอังกฤษ ซึ่งในปมข้อสงสัยดังกล่าวมีในเรืองของโทรศัพท์มือถือผู้ตายที่ไปอยู่ในห้องคนร้ายได้อย่าง เพราะเพื่อนของผู้ตายได้โพสต์บอกว่าเป็นคนนำโทรศัพท์มาให้ตำรวจเอง ประเด็นเรื่องของการปิดเกาะตรวจ DNA คนต่างด้าวทั้งหมด แต่ทำไมเพิ่งมาตรวจเจอคนร้าย เกี่ยวกับประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์พร้อมกับการตั้งคำถามว่า พม่า 2 คนคือการจับแพะหรือไม่ ล่าสุดในเฟซบุ๊ค Thailand Police Story ได้โพสต์ชี้แจงข้อสงสัยเป็นประเด็นต่อประเด็น ข้อความดังกล่าวระบุว่า"ตอบข้อสงสัยคดีฆ่าเกาะเต่า" 1. ถาม : ตำรวจแถลงว่าโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ถูกทุบทิ้งแล้วโยนไว้หลังบ้านพักชาวพม่า แต่ทำไมถึงมีรูปหลุดมาว่าโทรศัพท์ของนางสาวฮานน่าห์ยังอยู่บนโต๊ะรับแจ้งความ ตอบ : มือถือที่ชาวพม่าขโมยไปแล้วทุบทิ้งเป็นของผู้ตายคือนายเดวิดครับ ไม่ใช่ของนางสาวฮานน่าห์ 2. ถาม : คนในกล้องวงจรปิดที่ถอดเสื้อวิ่งไปวิ่งมาหลังเกิดเหตุคือใคร ใช่ลูกผู้ใหญ่บ้านหรือไม่ ตอบ : เริ่มแรกพม่าทั้ง 3 คน (ใส่เสื้อทุกคน) นายวินสีดำ, นายซอสีแดง, นายเมาสีขาว เข้าไปซื้อบุหรี่ LM ที่ร้านค้า จากนั้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ออกไป เห็นได้ว่ามีการถือกีต้าร์ (ยาวๆดำๆ) เพื่อไปนั่งเล่นกันที่ริมหาด นายวินได้ถอดเสื้อออก (แลกเสื้อใส่เล่นกับนายเมา) สังเกตตอนซ้อนรถอีกครั้ง นี่คือหลักฐานว่านายวินไม่ได้ใส่เสื้อแล้ว สรุปคือคนที่ถอดเสื้อวิ่งไปวิ่งมาหลังเกิดเหตุคือนายวิน ซึ่งมีทรงผมเรียบยาว (20 วันก่อน ผมยาวประมาณในคลิป) แต่กางเกง หลังเกิดเหตุ ไม่ทราบว่าหยิบของใครมาใส่ 3. ถาม: ภาพศพของนายเดวิดมีรอยแตกปริเหมือนโดนมีด มากกว่าที่จะโดนจอบในการฆ่า ตอบ : นายเดวิดกะโหลกยุบ กระดูกใบหน้าและขากรรไกรแตก ผิวฟกช้ำ นั่นหมายถึงถูกของแข็งฟาดอัด รวมถึงมีรอยการบาดเพิ่ม นั่นคือคมเหลี่ยมของจอบ ฝ่ายนิติเวช กล่าวว่าถ้านายเดวิดโดนมีดจริง แผลด้านในและก้นแผลจะต้องเรียบ แต่ที่ตรวจสอบ ก้นแผลและขอบแผลเป็นแบบยุ่ย ซึ่งถูกของแข็งที่ไม่คม (จอบ) คนร้ายใช้จอบทุบหัวนายเดวิดทีเผลอ และใช้จอบทุบอีกหลายครั้งเนื่องจากนายเดวิดยังไม่สลบ (ทุกการทุบย่อมมีการบาด) จากนั้นมาข่มขืนนางสาวฮานน่าห์ เมื่อเธอกรีดร้องอย่างหนัก คนร้ายนำจอบมากระทุ้งสับหน้าผากในแนวดิ่ง แผลจึงแตกเป็นรูใหญ่กว่าของนายเดวิดมาก 4. ถาม : ถ้าพม่าไม่ใช้ถุงยาง แล้วถุงยางอนามัยที่ตกเป็นของใคร ทำไมมีแต่ DNA ของนางสาวฮานน่าห์ ตอบ : การรักษาสถานที่เกิดเหตุเป็นไปได้ยาก ตำรวจที่เกาะเต่ามีแค่ 7 คน เมื่อเกิดเหตุชาวบ้านได้เข้ามามุงและทำลายที่เกิดเหตุแล้ว รวมถึงน้ำทะเลได้กัดเซาะบางส่วน ถุงยางสภาพเดิมไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร พลิกด้านในหรือด้านนอก การตรวจ DNA สภาพที่ตำรวจไปเจอจึงพบแต่ของนางสาวฮานน่าห์ ซึ่งถุงยางนี้คาดว่านายเดวิดจะใช้ แต่ DNA ถูกทำลายจนเจือจางมาก 5. ถาม : ตอนเกิดเหตุแรกๆ มีข่าวว่าปิดเกาะตรวจ DNA คนต่างด้าวหมดแล้ว ทำไมเพิ่งมาตรวจเจอคนร้าย ตอบ : ไม่เป็นความจริง คนต่างด้าวบนเกาะที่ลงทะเบียนมี 4,000 คน ไม่ได้ลงทะเบียนอีก 3,000 คน ตำรวจเรียกมาเก็บ DNA ได้ เพียง 400 คนเท่านั้น แปรผลออกมาแล้ว 315 คน นายเมาทำงานร้าน Ac Two คนเดียว เคยถูกเก็บ DNA แล้วจริงเพราะร้านอยู่ในรัศมี แต่คิวการส่งตรวจเยอะ จึงยังไม่ได้แปรผล สุดท้ายนายเมาไม่ได้ก่อเหตุ ผล DNA จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะคนร้ายคือนายวินกับนายซอเท่านั้น 6. นายเมาเป็นคนเดียวที่ทำงาน Ac Two นะครับ ภาพที่ออกสื่อมีชาวพม่าสวมเสื้อ Ac Two สองคน เป็นนายเมา 1 คน ส่วนอีกคนไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้นะครับ (บางคนนึกว่านายซอ ลองเทียบหน้าตอนจับกุมดูครับ) และกล้องวงจรปิดตอนพม่า 3 คนไปซื้อบุหรี่ มีเพียงนายเมาเท่านั้นที่ใส่เสื่้อสีขาว Ac Two ผมมีช่องให้ลงภาพเพียง 6 ช่อง ภาพหน้าตาคนร้ายทรงผมอะไรต่างๆ เข้าไปดูที่ผมโพสก่อนหน้านะครับ
คดีเกาะเต่า ผบ.ตร. ลั่นแจงครั้งสุดท้าย เตือนชาวเน็ตเลิกมโน เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม คดีเกาะเต่า ผบ.ตร. พร้อมคณะทำงานร่วมชี้แจงทุกประเด็นในการทำงานของคดี ชี้มีหลักฐานเพียงพอเอาผิดผู้ต้องหา เตือนนักสืบไซเบอร์เลิกมโนแบบผิด ๆ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2557 พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วยคณะผู้เชี่ยวชาญที่มีส่วนร่วมในการคลี่คลายคดีฆาตกรรม นายเดวิด มิลเลอร์ และนางสาวฮันนาห์ วิเทอริดจ์ 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ บนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อสงสัยทุกประเด็นเกี่ยวกับคดีนี้ โดย พ.ต.อ. ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเวลา 06.30 น. วันที่ 15 กันยายน 2557 พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ 2 ราย บริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ศูนย์พิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ พบก้นบุหรี่ เสื้อผ้าผู้ตาย รองเท้าแตะ จอบ ถุงยางอนามัย 1 ชิ้น จากสอบสวนทราบว่าผู้ตายทั้งคู่เดินทางมายังเกาะเต่าเมื่อวันที่ 12 กันยายน โดยมากันคนละกลุ่ม แต่มารู้จักกันโดยบังเอิญที่โอเชี่ยนวิวบังกะโล ซึ่งเป็นที่พัก โดยคืนวันเกิดเหตุ (14 กันยายน) ผู้ตายพร้อมกลุ่มเพื่อนไปชมการถ่ายสดการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษที่ช็อปเปอร์บาร์ จากนั้นเพื่อนผู้ตายได้ขอตัวกลับห้องพัก ส่วนผู้ตายได้ไปเที่ยวต่อที่เอซีบาร์ กระทั่งถูกพบเป็นศพในเช้าวันรุ่งขึ้น ในการสอบสวนคดีนี้ได้สืบสวนจากพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ วัตถุพยาน ทั้งก้นบุหรี่ จอบ ผลการตรวจสภาพศพ และหาบุคคลที่ใกล้ชิดกับที่เกิดเหตุให้มากที่สุด โดยเชื่อว่าตรวจสอบทุกคนที่สามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุทั้งหมด ทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าว ส่วนการตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้กับที่เกิดเหตุพบเพียงชายต้องสงสัยไม่สวมเสื้อวิ่งผ่านไปผ่านมาหน้ากล้อง แต่เมื่อไปสอบพยานบุคคลมีคนเห็นว่า ก่อนเกิดเหตุมีชาย 3 คนไปนั่งเล่นกีตาร์ ตรงจุดที่พบก้นบุหรี่ จึงมีการต่อจิกซอว์จนพบว่าทั้ง 3 คนมีความเชื่อมโยงกับคดีอย่างมีนัยสำคัญ จึงเรียก นายเมา มาสอบปากคำ โดยนายเมาได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีจนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาได้ ด้าน พล.ต.ต. ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.กองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) กล่าวว่า ในวันที่ 16 กันยายน ได้มีการส่งหลักฐานดีเอ็นเอมาให้ พฐก. ตรวจ ซึ่งผลการตรวจดีเอ็นเอ คราบเลือดที่จอบเป็นของนางสาวฮันนาห์ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าคนร้ายใช้จอบเป็นอาวุธ ส่วนดีเอ็นเอที่ก้นบุหรี่ 3 อัน อันแรกเป็นบุหรี่ยี่ห้อมาร์โบโร สีขาว ไม่พบดีเอ็นเอ มีเพียงคราบลิปสติกสีแดงติดอยู่ อันที่ 2 เป็นบุหรี่ยี่ห้อแอลเอ็มแดง พบดีเอ็นเอ 1 คน เราตั้งสมมติฐานว่า นายเอ และอันที่ 3 เป็นบุหรี่ยี่ห้อแอลเอ็มแดง พบดีเอ็นเอของ 2 คน เราตั้งสมมติฐานว่า นายเอ และบี เมื่อได้ตัวอย่างดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่ก็ได้ประสานกับสถาบันนิติเวชวิทยา ซึ่งเป็นผู้ตรวจศพก็พบว่ามี 1 คน ที่มีดีเอ็นเอซ้อนกันอยู่ แสดงให้เห็นว่า คดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 คน สำหรับการตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอกลุ่มในตัวอย่างที่มีการเก็บจากบุคคลในพื้นที่ 243 คน จนถึงเมื่อวันที่ 28 กันยายน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 187 ราย ชาวไทย 56 ราย ปรากฏว่า ผลดีเอ็นเอไม่ตรงกับดีเอ็นเอที่ก้นบุหรี่ จนกระทั่งต่อมามีการส่งตัวอย่างเยื่อบุกระพุ้งแก้มของผู้ต้องสงสัย 3 คนมาตรวจ ซึ่งผลปรากฏว่าตรงกับตัวอย่างดีเอ็นเอที่พบในวัตถุพยาน ที่ส่งมาตรวจก่อนหน้านี้ ด้าน พล.ต.อ. จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา ผบ.ตร. อธิบายเพิ่มเติมว่า การตรวจก้นบุหรี่เป็นหลักฐานสำคัญที่มีการบ่งชี้ถึงตัวบุคคลที่มาเกี่ยวข้องกับคดี เพราะว่าดีเอ็นเอที่พบในก้นบุหรี่ตรงกับดีเอ็นเอที่พบในร่างของนางสาวฮันนาห์ ทำให้มีความเชื่อมโยงกันระหว่างผู้สูบบุหรี่กับผู้ที่คาดว่าจะก่อเหตุ จึงสามารถกำหนดจุดในการติดตามคนร้ายได้ สำหรับดีเอ็นเอที่พบที่ก้นบุหรี่แอลเอ็มแดงอันแรก คือ นายเมา ส่วนที่ก้นบุหรี่แอลเอ็มแดงอีกอันเป็นของนายเมาและนายเวพิว นอกจากนั้นยังพบดีเอ็นเอของนายเวพิวที่หน้าอกและอวัยวะเพศของนางสาวฮันนาห์ ส่วนดีเอ็นเอของนายซอลินตรงกับตัวอย่างดีเอ็นเอที่พบในทวารหนักและหน้าอกขวาของนางสาวฮันนาห์ ขณะที่ พ.ต.อ. ภวัต ประทีปวิศรุต รอง ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา ผู้ผ่าชันสูตรศพ เปิดเผยว่า ศพนางสาวฮันนาห์มีบาดแผลอย่างรุนแรงที่บริเวณศีรษะและใบหน้าจากของแข็งไม่มีคม ซึ่งสามารถเข้ากันได้กับวัตถุของกลางในคดี นอกจากนี้ยังพบการถูกทำร้ายทางเพศ ขณะที่ผลตรวจทางพิษวิทยา ไม่พบสารเสพติดวัตถุออกฤทธิ์ทางจิตประสาทในปัสสาวะและเลือด ไม่พบสารพิษจากอาหารในกระเพาะอาหาร ผลตรวจทางชีวเคมีพบดีเอ็นเอของบุคคลอื่น 2 คนที่บริเวณหน้าอกขวา พบอสุจิบุคคลอื่น 1 คนในอวัยวะเพศ พบอสุจิและดีเอ็นเอของบุคคลอื่น 2 คนในทวารหนัก สรุปสาเหตุการเสียชีวิต มาจากได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะจากของแข็งไม่มีคมกระทบกระแทกอย่างรุนแรง ส่วนนายเดวิด สภาพศพที่ส่งมาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ศีรษะและใบหน้า จากของแข็งไม่มีคม เข้ากันได้กับวัตถุของกลางในคดี ไม่พบการถูกทำร้ายทางเพศ การตรวจภายในพบน้ำในช่องอก 2 ช่อง ปอดพองลมบวมน้ำเต็มช่องอก ตรวจทางพิษวิทยาไม่พบสารเสพติดวัตถุออกฤทธิ์ทางจิตประสาทในปัสสาวะและเลือด ไม่พบสารพิษจากอาหารในกระเพาะอาหาร ผลตรวจทางเคมีไม่พบอสุจิในทวารหนัก สรุปสาเหตุการเสียชีวิตมาจากได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะจากของแข็งไม่มีคมกระทบกระแทกอย่างรุนแรงร่วมกับการจมน้ำทะเล สำหรับข้อสงสัยเกี่ยวกับบาดแผลบริเวณใบหน้าของนายเดวิดซึ่งสงสัยว่ามีการใช้อาวุธชนิดอื่น ก็ยืนยันได้ว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากของแข็งไม่มีคม ซึ่งสามารถเข้ากันได้ดีกับวัตถุของกลางในคดี คือ จอบ ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างบาดแผลที่เกิดจากของแข็งมีคมกับไม่มีคม คือ ถ้าของแข็งมีคมบาดแผลจะเรียบไม่มีขอบช้ำ ส่วนของแข็งไม่มีคมบาดแผลจะช้ำ ไม่เรียบ ที่กระดูกก็จะมีรอยแตก ส่วนข้อสงสัยเรื่องถุงยางอนามัยที่ตรวจพบดีเอ็นเอของนางสาวฮันนาห์เพียงคนเดียวที่บริเวณด้านนอกของถุงยาง พล.ต.ต. ธวัชชัย กล่าวว่า ตำแหน่งที่พบถุงยางอัดแน่นไปด้วยทราย อาจมีการปนเปื้อน เป็นไปได้ว่าผิวสัมผัสด้านในมีโอกาสจะตรวจไม่พบ หรือเป็นไปได้ว่าไม่มีการหลั่งอสุจิ จึงไม่พบดีเอ็นเอในถุงยาง และประเด็นเรื่องโทรศัพท์มือถือของนายเดวิดนั้น พล.ต.ต. สุวัฒน์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้นำไปฝากเพื่อนไว้ ต่อมาตำรวจได้สอบปากคำเพื่อนคนดังกล่าวไว้เป็นพยานแล้ว โดยเพื่อนคนดังกล่าวระบุว่า ได้ทุบโทรศัพท์ ก่อนนำใส่ถุงพลาสติกไปโยนทิ้งไว้ที่หลังบ้าน ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็นชนกลุ่มน้อยชาวยะไข่ มีความแนบแน่นเนื่องจากเป็นคนเชื้อชาติเดียวกัน ใช้ภาษาเดียวกัน และผ่านความยากลำบากด้วยกันในการเดินทางมาต่างถิ่น ในการก่อเหตุก็ไม่มีการเตรียมการกันมาก่อน เพียงบังเอิญผ่านมาเจอเหตุการณ์ ทำให้มีแรงจูงใจ บวกกับการดื่มเบียร์เข้าไป ทำให้ก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อกล่าวหาว่ามีการใช้กำลังบังคับให้รับสารภาพ พล.ต.ต. สุวัฒน์ กล่าวว่า การบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 2 มีทนายความร่วมรับฟัง และหลังสอบปากคำก็ได้มีการส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจร่างกาย โดยมีใบรับรองแพทย์ เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้ประเด็นนี้มาทำลายน้ำหนักการสอบสวนของตำรวจ โดยยืนยันว่า ไม่มีการทำร้ายร่างกายหรือบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด ด้าน พล.ต.อ. สมยศ สรุปหลักฐานสำคัญในคดีนี้มี 5 ประเด็น คือ 1. พยานบุคคล คือ นายเมา เมาและนายเล เล 2. การพิสูจน์ทราบดีเอ็นเอ 3. ภาพจากกล้องวงจรปิด 4. โทรศัพท์ของนายเดวิด 5. คำรับสารภาพของผู้ต้องหาต่อหน้าทนายความ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา โดยมั่นใจว่าจากประเด็นทั้ง 5 จะเพียงพอที่ทำให้ศาลพิพากษาลงโทษผู้ต้องหาได้ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าไม่มีการจับแพะอย่างแน่นอน ส่วนที่ผ่านมามักมีการตั้งข้อสังเกตมาโดยตลอดว่าตำรวจจับแพะ ตรงนี้มองว่าเป็นเรื่องของอดีต ซึ่งหลังจากที่มารับตำแหน่ง จะไม่ให้มีปัญหานี้เกิดขึ้น ขณะเดียวกันยืนยันว่าตำรวจไม่ได้หวั่นไหวกับกระแสสังคม โดยเฉพาะในโซเชียลเน็ตเวิร์ก พล.ต.อ. สมยศ ยังกล่าวด้วยว่า ที่ต้องมาแถลงข่าวในครั้งนี้เพราะไม่ต้องการให้เกิดความสับสน หากตำรวจนิ่งเฉยก็เหมือนเป็นการรับผิด ต้องออกมาชี้แจงเพื่อยุติคำถามต่าง ๆ ตนเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ซักฟอกการทำงานของตำรวจ หลังจากวันนี้จะไม่พูดแล้ว ขณะเดียวกันก็เพื่อยุตินักสืบไซเบอร์ที่ชอบมโนไปเองแบบผิด ๆ แต่ก็ยอมรับว่าในโซเชียลเน็ตเวิร์กก็มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มีส่วนช่วยการทำงานของตำรวจ ซึ่งส่วนนี้ก็ต้องขอบคุณ แต่บางส่วนที่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง สร้างความสับสน ไม่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง อยากให้เลิกเสีย เพราะไม่เกิดประโยชน์และสร้างความสับสนมากขึ้นไปอีก http://hilight.kapook.com/view/109298
เคยเห็นคนเอาจอบทุบหัววัว หัวควาย ไหมครับ ที่เดียวครับ จอด... ไม่ตายก็แน่นิ่งครับ ถ้าเอาด้านสันจอบฟาดแผลนิดเดียวครับ เป็นรอยตามแนวโค้งของสันเหล็กที่เสียบกับด้ามนั้นแหล่ะครับ
พักฟังข่าวซักนิด : http://breakingnews.nationtv.tv/home/read.php?newsid=737645 อัยการส่งสำนวนคดีเกาะเต่ากลับไปให้ตำรวจอย่างรวดเร็ว เอาไปทำให้รัดกุมขึ้น
วันนี้ (8 ต.ค.2557) ความคืบหน้าคดีเกาะเต่า โดยวันนี้ทางสำนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุย ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวที่มีความหนา 800 กว่าหน้าคืนกลับให้พนักงานสอบสวนนำไปปรับปรุงแก้ไขในจุดบกพร่องบางจุด โดยกำชับทำสำนวนให้รัดกุมมากขึ้นเพราะเป็นคดีสำคัญที่สังคมทั่วโลกให้ความสนใจ และยังไม่กำหนดเวลาจะส่งฟ้องศาลเกาะสมุยวันไหน เหตุผล คือพบจุดบกพร่องบางจุด และเป็นคดีสำคัญที่ทั้งโลกสนใจ จึงอยากให้รัดกุมครับ
มันถึงมาสองคนไงครับ... กำลังนัวเนียกันอยู่ไม่ทันระวังตัว... คนหนึ่งฟาดผู้ชาย... เปรี้ยงเดียวหมดสภาพ... สูง 190 ก็ไม่มีประโยชน์... อีกคนคอยจับผู้หญิง... ไม่ให้หนีไม่ให้ร้อง...
ไม่ได้ตายคาที่ ผู้ชายตายเพราะจมน้ำ แสดงว่าโดนทุบจนสลบหน้าคว่ำน้ำ แล้วเหตุการณ์มันเร็วมากเป็นไปได้ว่าผู้หญิงตกใจ ช๊อก แต่พอขัดขืนก็โดนทุบหน้า ทุกอย่างตำรวจก็อธิบายแล้วนี่ มาตั้งข้อสงสัยแบบตลกๆ ไม่ได้มีหลักวิชาการอะไรคนเขาเรียกว่า...
ในการทำคดีของตำรวจ เมือ่เข้าสู้กระบวนการตัดสินของศาล "สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ใช่ไหมครับ ? " ที่ให้ฝ่ายผู้ต้องหา ต้องจนมุม เเละไม่สามารถจะมาหักล้างได้ เเละในเมื่อ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จากพยานวัตถุที่เก็บได้ ประกอบด้วย จอบ ถุงยางอนามัย และก้นบุหรี่ ก็เลยทำให้ทางตำรวจ สามารถตามจับกุมผู้ต้องหาได้เพียงเเค่นี้ ผมก็สงสัยว่า เเล้วถ้าฝ่ายที่ออกมาบอกว่า จับเเพะ หรือจับกุมผู้ต้องหาไม่ครบ จะดำเนินคดีต่อไปอย่างไร จะสืบจากอะไร ? ใช่ครับ อาจจะบอกว่า ก็ใช้การวิเคราะห์เหตุการณ์ โดยอ้างอิงอะไรก็ตามเเต่ หรือ อาจจะกล้องวงจรปิด ว่าหน้าตาคล้ายคนโน่นคนนี้ อาจจะใช่สิ่งเหล่านี้ตามสืบต่อไปได้ รวมถึงการจับกุม เเต่ในการต่อสู้กันในชั้นศาล ผมว่ามันต้องเป๊ะว่าใช่นะครับ ไม่ใช่เเค่คล้ายๆ ถ้าจะใช้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด เเละถ้าไม่มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ แบบชัดเจน มาประกอบสำนวน คิดว่าถ้าสู้กันในชั้นศาล ผู้ต้องหาที่โดนจับเพราะทางตำรวจไม่ได้ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในการจับกุม จะมีสิทธิ์ที่ศาลจะยกฟ้องไหมครับ ? ผมอยากจะให้ลองๆนึกนะครับ ถ้าสมมุติ ตำรวจจับใครโดยที่ไม่ได้ใช้ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบสำนวน เเล้วในที่สุดศาลยกฟ้อง ผมว่ามันน่าจะยิ่งเป็นการทำลายตำรวจไทย ทำลายเพราะเทศไทย นะครับ เพราะแบบนั้นมันจะทำให้อาจจะถูกมองเเละตีความไปได้ว่า ศาลท่านการันตีว่า ตำรวจไทยจำเเพะของจริง แบบนี้มันจะยิ่งเเย่นะครับ ถ้าเรื่องมันจะลงเอยแบบนี้ ที่ถ้าจะทำตามกระเเสสังคม โดยไม่สนใจเหตุผลหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่จริงๆเรื่องมั่ว เรื่องเอาหน้า เรื่องทำตามกระเเสสังคม ผมว่าข้าราชการไทย ตำรวจไทย ก็เก่งสุดๆ ใช่ไหมครับ เราๆท่านๆก็เห็นกันอยู่ เเต่คิดกันสิครับ เเล้วทำไมคดีนี้ ตำรวจถึงไม่ตามกระเเสสังคม เเต่ยึดจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เป็นสำคัญ ผมว่าจุดนี้มันเป็นจุดสำคัญเลยนะครับ ที่มันเป็นความเเตกต่างระหว่างคนที่ทำงานในพื้นที่จริง กับคนที่อยู่หน้าคอมนั่งวิเคราะห์เเค่ตามเนื้อข่าวรายวัน ที่เข้าหน้าที่ ทำผิดก็มีสิทธิ์ถูกฟ้อง ทำผิดก็มีสิทธิ์โดนศาลยกฟ้อง ทำผิดมีผลกระทบต่อหน้าตาประเทศ ที่มันต่างจาก อยู่หน้าคอมเเล้วมาวิเคราะห์จากข่าวจากอะไร ที่เเค่ใช่ความเชื่อ ใช่ความอะไร ก็ไปกล่าวหาใครเขาได้เเล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ปิดคอมเเล้วก็จบๆกันไป ที่ผมเองนั้นก็อยากให้ได้ลองคิดถึง ความเป็นจริงในข้อนี้กันด้วย
อันนี้พิจารณากันเอาเองนะครับ เรื่องทีมฟุตบอลที่บอกว่า แมนยูฯ เจอ สวอนซี เท่าที่ผมฟังคือไอ้คนแถลงแกไม่รู้จักทีมฟุตบอลเลยด้วยมากกว่า จะบอกว่าสวอนซีก็ไม่ใช่... ที่ผมได้ยินคือ "ทีมแมนยู กับทีมสวอน ที่ช็อปเปอร์บาร์" (นาทีที่ 10) แต่ถึงบอกผิดคู่ ความจริงคือผู้ตายก็ออกไปที่ช็อปเปอร์บาร์ก่อนอยู่ดีหรือเปล่าครับ? อันนี้ตอนจบครับ
ชาวเน็ตโดนโยนอุจาระให้ซะแล้ว _________ อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ปวีณ บอกย้ำว่าตำรวจไม่ได้ทำงานล่าช้าอย่างที่หลายคนตั้งข้อสังเกตกัน แต่ต้องเข้าใจว่าคู่กรณีที่ก่อเหตุนั้นเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ผู้เสียชีวิตเป็นคนอังกฤษ ผู้ต้องหาเป็นคนพม่า แต่เหตุมาเกิดที่ประเทศไทย หลายเหตุผลอาจทำให้การดำเนินการล่าช้าไปบ้าง และที่สำคัญยอมรับว่าตำรวจมัวไปพะวงกับเรื่องบนโลกออนไลน์มากเกินไป ทำให้หลายครั้งการสืบสวนต้องเสียทั้งเวลา และไม่เกิดประโยชน์.... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1s9117R
เรื่องนี้มีเงี่ยนงำเยอะ ขนาดสื่อยังลงข่าวไม่ตรงกันเลย อัยการตีกลับสำนวน http://news.sanook.com/1679733/สำนวนไม่แน่น-อัยการตีกลับคดีฆ่าฝรั่งเกาะเต่า/ อัยการยันข่าวมั่วเรื่องตีกลับสำนวน http://www.dailynews.co.th/Content/regional/272484/อัยการฯยันข่าวมั่ว!ตีกลับสำนวนเกาะเต่า
เป็นเรื่องของแหล่งข่าวที่ไม่ตรงกัน... ความเสื่อมศรัทธาในตัวองค์กร กำลังส่งผลกระทบอย่างหนัก ก็ได้แต่หวังว่า... คงไม่ตีข่าวจนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศที่กำลังดีขึ้น เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น.. คงมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า...ทำไปเพื่ออะไร..
“หมอพรทิพย์” กังขาคดีเกาะเต่าไร้แพทย์นิติเวชร่วมเก็บหลักฐาน ชี้ดีเอ็นเอพ่อยันลูกบริสุทธิ์ไม่ได้ http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000116070 พิสูจน์ให้สิ้นข้อสงสัยจะได้ไม่มีประเด็นคาใจ หมอพรทิพย์ว่างี้ทีมนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจว่าไง ?
เรื่องทีมฟุตบอลผมก็แค่บอกขำ ๆ เป็นน้ำจิ้มเท่านั้นแหละ แต่มันก็ทำให้เห็นว่าคนพูดไม่แม่นยำในสิ่งที่ตัวเองพูด อย่างน้อยหนึ่งเรื่อง เอ๊ะ หรือมากกว่านั้น ลักษณะการพูดเหมือนพยายามพูดเร็ว ๆ ให้มันจบ ๆ ไป หึหึหึ
ไขข้อสงสัยคดีเกาะเต่า แพะไม่แพะ ตอน 2 จอบอาวุธสังหาร ตรวจ DNA ถุงยาง? http://www.thairath.co.th/content/455501
หรือคดีข่มขืนศพไม่เคยมี? ผมว่าคุณยึดความคิดตัวเองมากไปมั๊ย คดีข้างล่างเหยื่อขัดขืนเลยทุบหัวแล้วข่มขืนโดย ไม่สนใจว่าเหยื่อตายไปแล้ว http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000158238 (ทำไมชอบใช้คำประชดประชัน? เครียดเกินไปมั๊ย)
ผมข้องใจแต่เรื่องไม่ตรวจดีเอ็นเอของลูกผู้ใหญ่บ้าน ที่ชื่อนมสด นั่นแหละครับ จะบอกว่า ตรวจพ่อแล้วไม่ตรวจลูก มันไม่ถูก การเก็บตัวอย่างก็ต้องเก็บจากเจ้าตัวสิครับ พม่า 2 คนนี่อาจจะเป็นคนร้ายจริง แต่การที่บ่ายเบี่ยงแบบนี้ มันทำให้สงสัยว่า มีคนร้ายคนที่ 3 ที่ 4 หรือเปล่า? จริงๆ ควรจะทำให้กระจ่าง ชัดเจนไป แค่นี้ก็ลดคำครหาและสร้างความเชื่อถือไปได้ตั้งเยอะแล้ว แต่ก็ไม่ทำ คำถามคือ "ทำไม?"
ผมตามไปดูคลิปที่เมเนเจอร์แล้ว ในส่วนที่บอกว่า "ดีเอ็นเอพ่อยันลูกบริสุทธิ์ไม่ได้" ไม่เห็นมีคำพูดของคุณหญิงหมอในคลิปอ่ะครับ ผมไม่ได้บอกว่าผู้ต้องสงสัยคนนั้นบริสุทธิ์นะครับ(ขอย้ำไว้ก่อน เดี๋ยวจะมีคนตีความผิดอีก) แต่ผมอ่านจากอีกข่าวนึง ในส่วนนี้จะบอกว่าคุณหญิงหมอบอกว่า "ส่วนประเด็นที่สังคมคาใจเรื่องการไม่ตรวจดีเอ็นเอลูกชายผู้ใหญ่บ้านเกาะเต่า โดยพนักงานสอบสวนชี้แจงว่าได้ตรวจดีเอ็นเอของผู้ใหญ่บ้านแล้วนั้น จึงไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอของบุตรชาย เพราะเสียเวลาและไม่มีความจำเป็น พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ชี้ว่าผู้ตอบคำถามอธิบายผิด ซึ่งในข้อเท็จจริงต้องอธิบายในเชิงนิติวิทยาศาสตร์ของการตรวจสอบดีเอ็นเอว่า ดีเอ็นเอของบิดาสามารถใช้พิสูจน์เปรียบเทียบบุคคลที่เป็นบุตรได้" http://news.sanook.com/1679985/หมอพรทิพย์-เจาะประเด็น-dna-คดีฆ่านักท่องเที่ยวเกาะเต่า/ ความหมายของประเด็นที่ผมยกขึ้นมาทั้งสองข่าว ต่างกันมากนะครับ ไม่รู้ว่าข่าวไหนถูกต้อง แต่เพราะสื่อชอบออกข่าวที่ไม่แน่นอนชอบเร็วไว้ก่อนนี่แหล่ะที่ทำให้เกิดประเด็นมากมายในโซเชี่ยล
สงสัยต้องถอดเทปสัมภาษณ์ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ดูซะล่ะมั้งฮะ คุณ netcomeng เหตุผลไม่ตรวจก็งี่เง่ามากไปหน่อย "เสียเวลาและไม่จำเป็น" เวลาที่เรียกร้องให้ข้าราชการทำอะไรสักอย่าง แล้วมันบอกว่า "เสียเวลา ไม่จำเป็น" เนี่ย มันน่าโมโหนะครับ เป็นเหตุผลที่เฟ๊ดเฟ่เอามากๆ มันจะเสียเวลาสักแค่ไหนกัน สัก เดือนนึงหรือครึ่งปี? แล้วค่าใช้จ่ายนี่เมิงออกเองหรือเป็นเงินภาษีประชาชนวะครับ? ชั้นสืบสวนก็ควรจะตรวจสอบให้มันทุกอย่าง ทุกความเป็นไปได้สิครับ เพื่อให้ชั้นกระบวนการไต่สวนว่าความเขาได้ใช้เป็นข้อมูลที่ครอบคลุม ถ้าชั้นสอบสวนบอกว่า ไอ้นี่กุทำ ไอ้นี่ไม่ต้องทำ ไอ้นี่กุว่าไม่จำเป็น กุไม่ทำ มันใช้ได้หรือครับ? คดีมันสอบสวนมาถูกไม่ถูกไม่รู้ แต่สร้างความเชื่อมันได้ตายห่ะเลย ไม่คิดงั้นเหรอ? (╯°□°)╯︵┻━┻
ฟันจากหัวหน้าสอบสวน เขาบอกมีDNA ผู้ต้องสงสัย2ราย นี่เป็นที่มาของคำว่าไม่จำเป็นรึเปล่า สื่อไปถามคนนั้นที คนนี้ที เอาคำพูดคนนั้นไปถามคนนี้ ความคลาดเคลื่อนมันสูง ยิ่งมาเจอนักสืบหน้าจอ ที่หลักฐานคือคำถาม_คำตอบจากสื่อยิ่งทำให้มั่วไปใหญ่ เอาแค่csi laมันฟันธงว่าโจรใช้มีดชกนี่ก็มั่วแล้ว เพราะมีดชกทำกระโหลกยุบไม่ได้ http://m.sanook.com/tablet/news_detail/latest/1678929/
พูดในฐานมุมมองคนภายนอก นะครับคุณเผด็จการฯ ถ้าทำตำรวจทำงานปุบปับ จริงจัง ไม่โยกโย้ หน้าไหนตรวจหมด สอบหมด คนก็เชื่อถือ ผลสอบออกมาอย่างไร ย่อมไม่มีข้อระแวงสงสัย การที่ตำรวจทำงานแบบยึกๆ ยักๆ มีทำโน่นไม่ทำนี่ มันสร้างความไม่น่าเชื่อถือ อย่างเรื่องดีเอ็นเอนี่ก็ไม่ค่อยมีเหตุผล ลองคิดดูนะครับ เร่งรัด จริงจัง ออกแถลงข่าวหลายช่อง เป็นคดีไม่กี่คดีที่ตำรวจออกมานั่งแถลงตอบข้อสงสัย เพราะเป็นคดีที่ทั้งโลกจับตา มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ แต่บอกว่ ไม่ตรวจดีเอ็นเอลูก เพราะ "เสียเวลาและไม่จำเป็น" ผมว่าขัดแย้งกันอย่างน่าประหลาด ทั้งนี้ล้วนๆ ผมคงไม่ไปเถียงกระบวนการสืบสวน เพราะผมก็ไม่ได้เห็นข้อมูลดิบ และไม่เก่งเหมือน เทพโทมะ โซ จาก QED หรือเป็น คินดะอิจิ แต่การที่คนทั่วไป ไม่ค่อยเชื่อถือเพราะ การบ่ายเบียงแบบนี้ ชื่อเสียงการจับแพะของตำรวจ รวมไปถึงไอ้คนที่กล่าวถึงเป็นลูกของผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ผมคงไม่แปลกใจหากวันหน้ารื้อคดีสอบใหม่เราจะเจอดีเอ็นเอชุดที่ 3 จากศพฮันน่าก็ได้... การสร้างความเชื่อมั่นต่อผลการสอบสวน ก็เป็นงานของตำรวจนะเหมือนกันนะครับ เอาเถอะ เราอาจจะอคติกับภาพลักษณ์ของตำรวจมากไปก็ได้ ถ้าพม่า 2 คนนี้เป็นคนร้ายจริง และตำรวจทำเต็มที่แล้วจริงๆ ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ ตำรวจในยุค คสช. ล่ะครับ เอาแค่นี้ละกัน
อ๊ายยย หมอ GT200 มีหน้ามาสอนตำรวจ แหม มีทำแผนไปแล้ว จะต้องจำลองเหตุการณ์ไปอีกทำมั้ย หมอ GT200 จะให้มโนหราาาา
เข้าใจเห็นด้วย ความน่าเชื่อถือตำรวจไทยตกต่ำมาก ประกอบกับสื่อหลายเจ้าหลายสำนักมั่วกันไปใหญ่ หัวหน้าชุดสอบสวนยังเอ่ยปากเลยว่าหลงประเด็นเพราะสอบตามคำบอกโลกโซเชียล
กดโค้ตแล้วมันจะยังไม่โค้ตทันที มันจะไปเก็บรวบรวมไว้ก่อน เพื่อจะทำเป็น multi quote ได้ ต้องสั่งแปะโค้ตอีกครั้ง ด้วยการกดปุ่ม insert quotes ใต้กล่องคอมเมนต์
นมสดโดนปล่อยข่าว ทั้งเกาะมีตำรวจ7คน โดนข้อหารับส่วยเป็นล้าน นมสดอิทธิพลสูงขนาดตำรวจระดับนายพลจากส่วนกลางต้องยอม ความเห็นที่ก๊อปมามาจากข่าวโอบาม่าo_O http://www.manager.co.th/Around/Vie...entReferID=25670381&CommentReferNo=5&#Comment _______________________ ความคิดเห็นที่ 5+26 สองคนที่ตายไม่ได้มาเอากัน ที่ตรงนั้นนะครับ จุดที่ตายห่างจากห้องพักที่เป็นบังกะโล แค่ 50 เมตร เขาไปเอากันที่ห้องตัวเองก็ได้ แต่ คนที่ตายไปมีเรื่องกันที่ ผับ AC BAR ของอดีตผู้ใหญ่บ้านเกาะเต่า ผู้หญิงถูกนักเลงคุมผับลวนลาม (ลูกกับน้องชายผู้ใหญ่) พวกนั้นจะเอาแหม่ม มอมเหล้าไส่ยาแล้วด้วย ผู้ชายฝรั่งที่ตายเขามาช่วย นักเลงคุมผับจึงตามกลับมาที่พักจัดการฝรั่งผู้ชายและ ข่มขืนผู้หญิง พวกที่ลงมือมีไม่ต่ำกว่า 4-5 คน จริงๆ ตำรวจและชาวบ้านเกาะเต่ารู้หมดแล้วใครทำ แต่ที่ตำรวจต้องเปลี่ยนคดี จับแพะแทน เพราะ ตำรวจรับส่วยจากครอบครัวฆาตกร มานานอาจจะเดือนละหลายล้านบาท จากทั้งเกาะ (ไม่จ่ายส่วยมันเปิดร้านเหล้าขายยาไม่ได้หลอก) คนไทยที่หาว่า คนที่ไม่เห็นด้วยกับตำรวจไม่รักชาติคุณเข้าใจผิดแล้ว นี้คือยอดภูเขาน้ำแข็ง พวกมาเฟียเกาะเต่า มีเรื่องแบบนี้บ่อยแต่ไม่เป็นข่าวเท่านั้นเอง ร้านดำน้ำของฝรั่งบนเกาะเต่าต้องจ่ายส่วยทุกเดือน ให้กับมาเฟียและตำรวจ เกาะเต่าส่งให้ตำรวจเกาะพงันและส่งให้ตำรวจ สุราษส่ง ภูธรภาค 8 ส่งกรุงเทพอีกที ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ปลายเหตุและอาจจะเป็นจุดเริ่มของการล้างบางระบบตำรวจไทย คนไทยที่รักชาติ lily
ใครมันบอกวะว่าไม่เห็นด้วยกับตำรวจไม่รักชาติ ทุกคนเขาก็อยากตามความจริงกันทั้งนั้น แล้วจนตอนนี้มันก็ยังไม่มีหลักฐานแย้งหลักฐาน DNA ได้เลย มีแค่คุณหญิงหมอมาตั้งข้อสังเกตเท่านั้นเอง คุณหญิงหมอเห็นด้วยกับแผลโดนจอบด้วยซ้ำไป มาเฟียก็ต้องจัดการ แต่ถ้ามาเฟียมันไม่ได้ทำแล้วไปยัดให้มันทำ มันใช่วิธีปราบมาเฟียเหรอ