คนไทยหัวใจทองแดง พบเห็นการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่ไหนก็เอามาครับ โกงบาทสองบาทก็นำมาได้ เราจะได้นำไปดำเนินคดีกับปูยิ่งลักษณ์เสียที
มีเจ้างั่งคนหนึ่งพูดไว้ บอกไป คุณก็ไม่รู้จักโตเสียที ต่อไปจะยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้อย่างไร เอา เอา เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง มันยังไม่สายหรอกน่า ผมรู้ว่าคุณอาจจะทำได้
ปัญหาชาวนาจำนวนมากออกมาประท้วงปิดถนนเพราะไม่ได้รับเงินจากการขายข้าวในฤดูการผลิต 2556/57 เป็นปรากฏการณ์ที่ ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่า เป็น “ครั้งแรก” ในประวัติศาสตร์ที่ชาวนาทั่วประเทศขายข้าวแล้วไม่ได้เงิน เพราะฉะนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นหลักฐานชิ้น “โบว์แดง” ที่บ่งชี้ถึง “ความล้มเหลว” ของนโยบายรับจำนำข้าวภายใต้การนำของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลรับจำนำข้าวในราคาสูงกว่าตลาดโลก และรับจำนำทุกเมล็ดเพื่อเอาเข้ามาไว้ในสต็อกของรัฐบาลเพียงผู้เดียว จะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกสูงขึ้น และเมื่อระบายขายข้าวจะได้กำไร แต่ในความเป็นจริง “ไม่ใช่” เพราะผลที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาล “ขาดทุน” เนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา “พิสูจน์” แล้วว่าราคาข้าวในตลาดโลกไม่ได้ปรับสูงขึ้นอย่างที่รัฐบาลเชื่อมาตลอด และการระบายขายข้าวก็มีปัญหาการทุจริต ประกอบกับข้าวที่ระบายขายก็ได้ราคาไม่ดี ทำให้รัฐบาลประสบปัญหาขาดทุนเป็นแสนล้านบาท จึงไม่มีเงินหรือขาดสภาพคล่องสำหรับไปหมุนเวียนในโครงการรับจำนำข้าวฤดูการผลิต2556/57 และที่ผ่านมาได้ใช้เงินจำนวนมากในการดำเนินโครงการรับจำนำ จนในที่สุดปัญหาก็ปะทุขึ้นมา ทั้งนี้ ข้อมูลจาก สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (สร.ธกส.) รายงานว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตั้งแต่ฤดูการผลิต 2554/55 จนถึงฤดูการผลิต 2556/57 ณ วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นจำนวนเงินประมาณ 718,790.7 ล้านบาท http://thaipublica.org/2014/01/financing-the-rice-pledging-scheme/
ฉิบหายถ้วนหน้ากับผลพวงของนโยบายจำนำข้าว นโยบายอภิมหาประชานิยมที่ทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศไว้ตั้งแต่ปี 2554 ว่า ตนเป็นผู้คิดนโยบายเพียงคนเดียว ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า หากข้าวไทยขึ้นราคาต้นทุนมาที่ 15,000 ต่อตัน จะผลักดันราคาข้าวทั้งโลกให้ขึ้นตาม เพราะคิดแค่สั้นๆ โดยที่ไม่ได้ตระหนักว่า ไทยนั้นผลิตข้าวไม่ถึง 10% ของโลกด้วยซ้ำไป คนอื่นเขาไม่แคร์ เพราะประเทศที่ปลูกข้าวได้เยอะกว่าเรามีอีกเกือบ 10 ประเทศ เขาปลูกกินเอง และเขาได้ชิงโอกาสนี้ ที่เราออกนโยบายฆ่าตัวตาย มาแย่งตลาดข้าวไปจากเราเป็นที่เรียบร้อย จำนำข้าว ในมิติทางการเกษตร ได้ทำลายวิถีชีวิตของเกษตรกร ให้ไปผูกติดกับวิธีการปลูกที่มักง่าย ทำยังไงก็ได้ ให้ได้ข้าวเร็วไว้ก่อน จะได้เอามาจำนำเร็วๆ คุณภาพข้าวไม่ได้ต้องดีมากก็ได้ ไม่ต้องพิถีพิถันเรื่องดิน น้ำ ปุ๋ย สักแต่ขอให้ได้ข้าว สุดท้ายชาวนาก็ปลูกข้าวได้คุณภาพต่ำ ซ้ำร้ายมาเจอกระบวนการโกงอย่างเป็นระบบ ทุจริตอย่างมีระเบียบของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมุนขี้ข้าบริวารที่รอหากินกับโครงการนี้ตลอดโครงการทั้ง 4 ขั้นตอน มีวิธีการโกงจำนำข้าวได้ทั้งหมด 20 วิธีการ ตามที่ดร.นิพนธ์ วงศ์ตระหง่าน ในฐานะนายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย ได้กรุณาแฉไว้อย่างละเอียดดังนี้ การจำนำข้าว มีการทุจริตใน 4 ขั้นตอนหลักๆ สอดคล้องกับข้อมูลที่รองปลัดกระทรวงการคลังสุภา ปิยะจิตติ ได้ให้ข้อมูลไว้กับคณะกรรมาธิการการเงินการคลัง วุฒิสภา เริ่มตั้งแต่ 1.การขึ้นทะเบียนชาวนา 2.การนำข้าวเปลือกเข้าโรงสี 3.การนำข้าวสารที่สีแล้วเข้าโกดัง 4.การระบายข้าว ทั้ง 4 ขั้นตอนหลักในการดำเนินโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ สามารถแยกย่อยวิธีโกงได้เป็นอีก 20 วิธีการ 1.ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนชาวนา มีวิธีการโกงจำนำข้าวคือ 1.การ ขึ้นทะเบียนพื้นที่ปลูกข้าวมากเกินความเป็นจริง 2.การแจ้งผลผลิตข้าวเกินความเป็นจริง 3.การขึ้นทะเบียนที่นาซ้ำซ้อนระหว่างเจ้าของที่นาและผู้เช่าที่นา 4.การขายสิทธิใบรับรองเกษตรกรให้โรงสี ในขั้นตอนขึ้นทะเบียนชาวนานั้น เมื่อสะท้อนตัวเลขเม็ดเงินภาษีที่รัฐบาลผลาญทั้งหมด 6.8 แสนล้าน สำหรับการรับซื้อข้าวเปลือก 44 ล้านตันนั้น แท้จริงคือการที่ทำให้ดูเหมือนมีตัวเลขเกษตรกรเยอะเข้าไว้ คนโกงจะได้เอาข้าวจากเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์เกษตรกรเหล่านี้ได้ หรือไม่ก็จากการที่เกษตรกรเอาข้าวมารับจำนำจำนวนนิดเดียว แต่มีการเขียนในใบประทวนให้มีจำนวนมากเกินจริง เพราะ ชาวนาไทยจริงๆ 86% ของทั้งประเทศปลูกข้าวได้ไม่เกิน 25 ตันต่อปี หรือคิดเป็นค่าข้าว 3.5 แสนบาทต่อปีเท่านั้น ดังนั้นจำนวนที่โป่งออกมหาศาลนี้ จึงเป็นช่องให้เกิดการสวมสิทธิ์จำนำข้าวได้มากมาย ตามหลักฐานปรากฎการลักลอบขนข้าวมาจากเพื่อนบ้าน ทั้งกัมพูชา และพม่า นอกจากนี้ต่อประเด็น วิธีการซื้อสิทธิใบรับรองเกษตรกรจากชาวนา ชาวนาพอขายข้าวเสร็จก็ขายใบรับรองสิทธิต่อ โรงสีก็เอามาทำข้าวลม บ้างก็มี คือเขียนจำนวนข้าวไปรับเงินจากใบประทวนที่เขียนเอง แต่ข้าวจริงไม่มี และนี่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า เป็นต้นตอของการเผาโกดังข้าวทิ้งหลายจังหวัดหรือไม่อย่างไร เป็นต้นตอของการที่ไม่กล้าเปิดโกดังขายข้าวใช่หรือไม่อย่างไร เพราะถ้าเปิดแล้วในโกดังคงมีแต่ลม ไม่ก็ข้าวขึ้นรา ขึ้นมอดแบบที่เจอกัน 2.ขั้นตอนการนำข้าวเปลือกเข้าโรงสี มีวิธีการโกงจำนำข้าว คือ 5.โกง คุณภาพข้าวเปลือกจากชาวนา โรงสีสามารถตั้งเวลาเครื่องปั่นข้าวเปลือกให้นานจนข้าวผิดรูป 6.โกงความชื้นข้าวเปลือก 7.โกงสิ่งเจือบน 8.โกงตาชั่ง เพราะระบบชั่งของโรงสีเป็นระบบดิจิตอลที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ 9.โกงใบประทวนชาวนา จงใจออกไปประทวนล่าช้าจะได้นำข้าวไปสีขายก่อนช่วงที่ราคาดี 10.โกงชาวนารับซื้อใบรับรองถูกๆ มาสวมสิทธิ์ออกใบประทวน 11.โกงใบประทวนที่นำไปขึ้นเงินกับธ.ก.ส. ไม่แนบใบชั่งน้ำหนักของชาวนาไว้ ทำให้ไม่มีการตรวจสอบว่า ชาวนาขายข้าวเปลือกจริงๆ เท่าไหร่ จึงเป็นช่องในการโกงต่อจากขั้นตอนแรกอย่างเป็นระบบ ในกรณีการนำข้าวเปลือกเข้าโรงสีนี้ จะเห็นได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ล้วนแล้วแต่เอาชาวนาเป็นเครื่องมือ เป็นเหยื่อของนโยบายทางการเมืองที่ออกโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์-คิดโดยทักษิณ ชินวัตร แถลงการณ์ของนายกฯยิ่งลักษณ์ กลางสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ มาขอความเห็นใจจากชาวนา จึงเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ตอแหล หน้าด้าน และอำมหิตมากที่นอกจากจะทำร้ายเขาแล้ว ยังกล้ามาทวงบุญคุณ และขอความเห็นใจจากเขาอีก 3.ขั้นตอนการนำข้าวสารที่สีแล้วเข้าโกดัง ขั้นตอนนี้คือ ขั้นตอนที่เงินจากการโกงส่วนใหญ่จะถูกส่งตรงเข้า "ฝ่ายการเมือง" มีวิธีโกงจำนำข้าว คือ 12.การเปิดรับสมัครโกดังเข้าโครงการ อันดับแรกต้องจ่ายค่าแรกเข้าใต้โต๊ะให้กลายเป็นโรงสีในสังกัด อัตราต่างกัน ใกล้ชิดนักการเมืองท้องถิ่น สนิทเจ๊มากจ่ายน้อย สนิทน้อยจ่ายมาก เป็นค่าสะพานสู่การเดินเข้าคอกขี้ข้า 13.ข้าวสารที่ถูกส่งเข้าโกดังที่ขึ้นทะเบียนกับนักการเมืองแล้ว จะต้องจ่ายต๋งค่าส่วนกลาง 10 บาทต่อกระสอบแลกการได้ค่าเช่าในอัตรา 2 บาทต่อเดือนอีก วิธีการนี้เป็นโมเดลเหมือน 'ธุรกิจคอนโด' เก็บค่าส่วนกลางจากลูกบ้านตามตารางเมตรของห้องในคอนโด 14.เซอร์เวเยอร์ ที่เป็นผู้ถูกคัดเลือกให้ตรวจคุณภาพข้าว มีการชี้เป้าว่าเป็นใคร เมื่อเซอร์เวเยอร์มีรายได้จากการไปตรวจคุณภาพข้าว ก็ต้องจ่ายค่านายหน้ารายได้ให้ฝ่ายการเมืองอีก 15.กำหนดหลักเกณฑ์ให้เซอร์เวเยอร์ไม่ต้องรับผิดชอบข้าวขาออก เปิดช่องให้โรงสีส่งข้าวคุณภาพต่ำแลกการจ่ายหัวคิวแทน ทำงานสืบเนื่องต่อจากขั้นตอนที่ 1 และ 2 อย่างมีระบบอีกเช่นเดียวกัน ด้วยผลร้ายของขั้นตอนที่ 3 นี้ ทำให้เมื่อรัฐเปิดประมูลข้าวแล้ว ผู้ซื้อจะกดราคาเพราะคุณภาพข้าวต่ำมาก ไม่มีใครเสนอราคาสูงเป็นที่พอใจ จนสุดท้ายก็ไม่มีใครร่วมประมูลข้าวกับรัฐบาลจนเป็นเหตุให้ ขายไม่ออก ล้นโกดัง ไม่มีเงินมาจ่ายคืนชาวนา เพราะแค่ 3 ขั้นตอนนี้ ก็โกงกันสะบั้นหั่นแหลกแล้ว 4.ขั้นตอนการระบายข้าว มีวิธีโกงจำนำข้าวจากกระบวนการนี้มีหลักฐานชัดเจนแน่นหนาที่สุด จนกระทั่งเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องรอป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาในสัปดาห์หน้านี้ เพราะเป็นขั้นตอนที่มีใบเสร็จมัด ตัวได้ชัดที่สุด เนื่องจากการระบายข้าว โดยเฉพาะหากเป็นการส่งออกต่างประเทศจะต้องมีใบเสร็จ สัญญา รวมถึงเอกสารตามระบบธนาคาร ระบบศุลกากรที่สามารถตรวจสอบย้อนหาหลักฐานได้อย่างดิ้นไม่หลุด ขั้นตอนนี้มีวิธีโกงคือ 16.โกงขายข้าว จีทูจี บังหน้า ซึ่งเรื่องนี้คือประเด็นที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ และเป็นจุดเริ่มในการยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.เพราะพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ไม่มีการขายข้าวจีทูจีกับจีนจริง สรุปสั้นๆ คือ คนใกล้ชิดรัฐบาลไปเปิดบริษัทจีนปลอมไว้ที่จีน เพื่อทำเอกสารซื้อขายข้าวแบบจีทูจี จะได้เขียนราคาได้ถูกๆ พอได้ข้าวมาก็เอาไปขายแพงได้ แต่ความจริงคือ ข้าวก็ยังหมุนเวียนอยู่ในไทยที่แหละ ไม่เคยออกจากท่าเรือไปจีนเลย นายกฯ เป็นประธานนโยบายข้าวแห่งชาติ รู้ข้อมูลแล้ว ยอมให้ทำต่อจึงเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ สมรู้ร่วมคิดการโกงครั้งนี้ 17.โกงจากการประมูลทั่วไปในราคาต่ำมาก เพราะพ่อค้าทั่วไปรู้ว่าคุณภาพต่ำไม่ซื้อ จึงขายถูกส่งๆไปให้พ่อค้าเครือข่ายเดียวกัน จนสุดท้ายเป็นเหตุให้ตอนนี้แม้แต่อิรัก ประเทศที่เคยมีแต่สงคราม ก็ยังไม่กล้ากินข้าวไทย สั่งแบนการนำเข้าข้าวไทยจนกว่าจะปรับปรุงคุณภาพ 18.โกงข้าวถุง-ข้าวบริจาค กรณีนี้ต่อเนื่องจาก ข้อ 17 คือ เอาข้าวออกมาราคาต่ำเพราะคุณภาพต่ำ แล้วก็ทำเหมือนว่าจะระบายข้าวออกด้วยการทำข้าวถุง หรือข้าวบริจาคให้ชายแดนใต้ หรือโครงการต่างๆ เช่น มุสลิมผู้มีรายได้น้อย แต่สุดท้ายพอตรวจสอบจริงพบว่า ไม่มีการทำข้าวถุงครบตามจำนวนข้าวที่เบิก จึงออก ข้อ 18 มาละลาย ข้อ 17 หวังให้คนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน 19.เปิดประมูลข้าวสารในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ่อค้าในเครือขายรับเต็มๆ ถ้านอกเครือข่ายจะไม่รู้ข้อมูลวงในทำให้ไม่สามารถรับข้าวรัฐบาลต่อได้เลย สุดท้าย ข้อที่ 20 ขอสรุปอย่างชัดเจนเลยว่า วิธีการโกงจำนำข้าว นั้นเป็นการ "ทุจริตเชิงนโยบายแบบอภิมหาประชานิยม" หลอก ตั้งแต่ฐานเสียงให้ลงคะแนนด้วยตัวเลขกลม 15,000 บาท สุดท้ายก็ใช้ฐานเสียงชาวนากว่าสิบล้านครัวเรือนทั่วประเทศนั่นแหละ เป็นเหยื่อในการหากินกับโครงการนี้ ลิ่วล้ออิ่มหมีพีมันไปตามๆ กัน เพราะหวังจะกู้มาโปะไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็ฝีแตก ชาวนาไม่ได้เงินค่าข้าว ความเป็นอยู่ และระดับรายได้แย่ลง ข้าวในโกดังไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีครบจริงหรือไม่ คุณภาพข้าวต่ำ เสียแชมป์ส่งออก เสียแชมป์คุณภาพข้าว ทำลายกลไกการค้าข้าว กลไกตลาดไปอย่างให้อภัยไม่ได้ http://www.naewna.com/politic/columnist/11148
"รังสรรค์" สรุปโครงการจำนำข้าวขาดทุนถึง 30 ก.ย. 57 ที่ 7 แสนล้านบาท เป็นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 5.3 แสนล้านบาท นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว ประชุมคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ข้าวถึงรอบสิ้นปีงบประมาณ 2557 คือถึงวันที่ 30 กันยายน 2557 พบผลขาดทุน 7 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 1.8 หมื่นล้านบาท จากการปิดบัญชีครั้งที่แล้วที่ปิดถึง 22 พฤษภาคม 2557 มีผลขาดทุน 6.82 แสนล้านบาท ซึ่งผลขาดทุน 7 แสนล้านบาทนั้น ถ้าแยกเป็นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 4 โครงการ ขาดทุน 5.36 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนที่ขาดทุน 5.18 แสนล้านบาท ส่วนอีก 11 โครงการก่อนหน้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์มี 11 โครงการ ผลขาดทุน 1.63 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับผลขาดทุนครั้งก่อนที่ขาดทุน 1.64 แสนล้านบาท สำหรับการปิดบัญชีครั้งนี้บันทึกตัวเลขสตอกข้าวที่ 17.5 ล้านตัน มีมูลค่าที่เหลือยู่ 2.3 แสนตัน เนื่องจากสามารถขายไปได้แล้ว 1.6 ล้านตัน จากครั้งที่แล้วที่มีสตอกเหลืออยู่ 19 ล้านตัน นายรังสรรค์ กล่าวว่า เตรียมรายงานผลขาดทุนต่อนายกฯรับมนตรีในช่วงสัปดาห์หน้า โดยผลขาดทุนที่ไม่เพิ่มขึ้นมากนี้มาจาก ราคาข้าวที่นำมาคิดบัญชี ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 เพิ่มขึ้นจาก 22 พฤษภาคม 2557 ประมาณตันละ 2,000 บาท โดยการปิดบัญชีครั้งนี้ได้มีการนำผลการตรวจสตอกและคุณภาพข้าวของ ชุดของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาคำนวณทางบัญชีแล้ว รวมถึงได้มีการตัดต้นทุนตามค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการปิดบัญชีครั้งนี้ยังมีตัวเลขเกี่ยวกับการระบายข้าวที่ยังไม่ตรงกัน ดังนั้นมอบให้กรมการค้าภาย กรมการค้าภายใน ต่างประเทศ องค์การคลังสินค้า(อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรรม(อ.ต.ก.) กลับไปดูตัวเลขมาให้และให้เสนอมายังอนุกรรมการสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นตัวเลขไม่มาก และจะมีผลต่อบัญชีที่ปิดครั้งนี้เพียงเล็กน้อย สำหรับข้าวที่เหลืออยู่ในสตอก 17.5 ล้านตัน ได้มีการแบ่งเกรดข้าวตาม ชุดของ ม.ล.ปนัดดา คือแบ่งเป็นเกรด A B C D และในเกรดที่แบ่งย่อยยังเป็น B1 B2 B3 ทำให้สามารถปิดบัญชีได้ละเอียดขึ้น พบว่า มีข้าวที่ผ่านเกณฑ์หรือคุณภาพ เกรด P-A เพียง 2.9 ล้านตัน ส่วนที่เหลือเป็นข้าวที่คุณภาพต่ำและไม่ตรงชนิด ที่เคยรายงานไว้ นอกจากนี้ ยังมีสตอกข้าวที่ไม่สามารถตรวจนับได้ หรือที่เรียกว่า ข้าวกองล้ม เช่น กระสอบแตกเสียหาย มีจำนวนประมาณ 4.25 แสนตัน ซึ่งในทางบัญชีถือว่า ยังเป็นข้าวที่มีคุณภาพดี ส่วนข้าวที่เสื่อมคุณภาพ(ข้าวเน่า) มีอยู่จำนวนประมาณ 8 แสนตัน และผลการปิดบัญชีครั้งต่อไป จะเป็นการปิดบัญชีรอบปีบัญชี 2558 ส่วนการชำระบัญชีนั้น จะเริ่มได้ต่อเมื่อรัฐบาลสามารถขายข้าวในสตอกได้หมด ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ ส่วนการชำระหนี้เงินกู้โครงการก็ยังคงเดินหน้าต่อไป นายรังสรรค์ กล่าวถึงการการพิจารณาเรียกค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าวตามการมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาร่วมกับหน่วยงานนักกฎหมายว่า ใครคือผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว โดยอาจต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา เพื่อให้ชัดเจน จากนั้น จึงจะเริ่มกระบวนการเรียกความเสียหาย หากท้ายสุดไม่สามารถเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดได้ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการฟ้องศาลในคดีแพ่ง โดยผลการปิดบัญชีครั้งนี้จะถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นมาพิจารณาเรียกคืนค่าเสียหาย ตามมติ ป.ป.ช.ต่อไป ซึ่งจะพิจารณาร่วมกับข้อมูลของป.ป.ช.ต่อไป http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/636445
http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/28510-rice_28510.html สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันข้อมูลจากทีมไต่สวนคดีระบายข้าวจีทูจี ก่อนหน้านี้ ว่า ในการไต่สวนคดีนี้ คณะอนุไต่สวนฯ ได้รับหลักฐานสำคัญเป็นแคชเชียร์เช็คจำนวนหลายพันใบ ที่สั่งจ่ายให้กับกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อชำระเป็นค่าข้าวในสต๊อกรัฐบาล ซึ่งอ้างว่าเป็นการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยจากการประสานงานขอข้อมูลไปยังธนาคารที่ออกแคชเชียร์เช็คเหล่านี้ทุกแห่ง คณะอนุไต่สวนฯ ได้รับการยืนยันว่าเป็นการสั่งจ่ายโดยบริษัทค้าข้าวในประเทศไทย ไม่ได้สั่งจ่ายจากบริษัทเอกชนสองรายจากจีน ที่ระบุว่าเข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวกับไทยในรูปแบบจีทูจี ตามที่มีการ กล่าวอ้างแต่อย่างใด ขณะที่จากการเชิญตัวแทนบริษัทค้าข้าว ที่ปรากฎว่ามาเป็นผู้จ่ายเช็ค มาให้ปากคำ คณะอนุไต่สวนฯ ได้รับการยืนยันข้อมูลตรงกันว่า ได้ซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลจริง โดยกระบวนการที่เกิดขึ้น บริษัทเหล่านี้อ้างว่า จะต้องติดต่อซื้อข้าวผ่าน "บริษัทสยามอินดิก้า" ก่อน แต่ถ้าจะขนข้าวได้จะต้องสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คให้กรมการค้าต่างประเทศ คณะอนุไต่สวนฯ รายหนึ่งระบุว่า "เมื่อวิเคราะห์พยานและหลักฐานที่ได้รับมา ไม่ว่าจะเป็นการที่บริษัท จีเอสเอสจี จำกัดและบริษัท ไห่หนาน จำกัด ตัวแทนจากจีน ที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายกับกรมการค้าต่างประเทศ ที่ไม่สามารถแสดงหลักฐานการมอบอำนาจจากบริษัท คอฟโก รัฐวิสาหกิจของจีน ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีน ให้เป็นผู้ดูแลเรื่องการค้าข้าวเพียงแห่งเดียว มายืนยันความเป็นตัวแทนของจีนในการรับซื้อข้าวจากไทยครั้งนี้ได้" ขณะที่ข้าวในสต๊อกรัฐบาล ที่อ้างว่ามีการระบายออกไปต่างประเทศ ไม่ได้ถูกส่งออกไปจริง แต่วนเวียนไปอยู่ในมือของบริษัทค้าข้าวในไทยกลุ่มนี้ แถมการซื้อขายจะต้องติดต่อผ่านบริษัทสยามอินดิก้าก่อน และมีการสั่งจ่ายเช็คให้กับกรมการค้าต่างประเทศ จึงเป็นใบเสร็จชิ้นสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า การซื้อขายข้าวส่วนนี้ ไม่ได้เป็นการซื้อขายแบบจีทูจีจริง สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะผู้รับผิดชอบการไต่สวนคดีนี้ ที่กล่าวยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ก่อนหน้านี้ ว่า คณะอนุฯ ได้รับการยืนยันว่าบริษัทเอกชนค้าข้าว กลุ่มหนึ่ง เป็นผู้ออกแคชเชียร์เช็คซื้อข้าว สั่งจ่ายให้กรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งบริษัทเหล่านี้อ้างว่า ต้องซื้อข้าวผ่านบริษัทสยามอินดิก้า แต่จะต้องสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คผ่านกรมการค้าต่างประเทศ “มันไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ เพราะถ้าเป็นรัฐต่อรัฐจริง คุณจะจ่ายเงินแบบนี้ได้ไง กรมการค้าต่างประเทศอยู่ที่ไทยนะ ไม่ใช่กรมการค้าต่างประเทศของจีน เป็นของไทย เมื่อเป็นแบบนี้ ข้าวมันก็ต้องวันอยู่ในประเทศนี้ ไม่ได้ส่งออกไปข้างนอก มันจะไปอยู่นอกประเทศได้ไง คุณขนข้าวไปเมื่อไร ”
เจ้าพระยา เนี้ยโคตรโง หรือไม่รู้อะไรบ้างเลยเหรอ หลักฐานต่างๆอยู่ที่ ปปช มีทั้งหมด 6 หมื่นกว่าหน้าเลยนะ ว่าเเต่ทำไมไม่ขอหลักฐานที่ ปปช หละ ง่ายกว่ามั้ย หรือมันหนาไป อ่านได้ เเค่3 บรรทัด http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9580000115836 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000115755
จำนำข้าว นายวิชา มหาโจร ก็ยอมรับกลางสภาว่า ไม่มีหลักฐานว่าโกง แต่นายวิชาคิดว่าแค่ส่อว่าจะโกง นี่ถือว่าโกงแล้วหรือ?? แล้วพวกที่เชื่อ ที่กำลังหาข้อมูลหลักฐานมา ถ้าผมบอกว่าพวกคุณไม่ได้เป็นควาย แต่ส่อว่าจะเป็นเหีย แสดงว่าเป็นเหียจริงๆแล้วใช่ไหมเนี่ย.... 555+ เหียจริงๆด้วย ไม่งั้นจะเชื่อได้เหรอ 55+
เหี้ยมั้ยละครับ เพราะเสี่ยเปี๋ยงสยามอินดิก้าโดนอะไร และเหี้ยมั้ย หรือนายเวรจะแถว่าไม่โกง อ้อ นังปูโดนม.157 นะแจ๊ะ ข้อหา ไม่ตรวจสอบ ปล่อยให้เกิดการโกง นังปูจะมีส่วนหรือไม่อีกเรื่องแต่ ม. 157 ในฐานะประธาน กขช.จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ http://www.komchadluek.net/detail/20140624/187060/จำคุก6ปี!เสี่ยเปี๋ยงคนสนิททักษิณ.html นอกจากขี้แพ้แล้วยังเหี้ยด้วยนะเนี่ย ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก
โธ่... ไอ้ควายโง่ บรมโง่ยิ่งกว่าควาย คดีนี้มันเกิดตั้งแต่ปี 2550 ยิ่งลักษณ์เป็นนายก ปี 2554 จะโดนข้อหา ไม่ตรวจสอบ ปล่อยให้เกิดการโกงในปี 2550 ก่อนที่จะมาเป็นนายกได้ไง เหีย แล้วยังตอแหลได้ใจจริงๆ จำคุก6ปี!'เสี่ยเปี๋ยง'คนสนิท'ทักษิณ' ศาลแขวงสมุทรปราการ พิพากษาจำคุก 'เสี่ยเปี๋ยง' คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวม 6 ปี ปรับ 12,000 บาท คดียักยอกข้าวกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่เจ้าตัวเตรียมยื่นอุทธรณ์ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน2557 ที่ห้องพิจารณาคดี 5 ศาลแขวงสมุทรปราการ ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 6264/2551ที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวงสมุทรปราการ เป็นโจทก์ฟ้อง บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และนายอภิชาติ หรือ เสี่ยเปลี๋ยง จันทรสกุลพร นักธุรกิจชื่อดัง เป็นจำเลย ฐานยักยอกข้าวกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องส่งไปขายอิหร่าน 2 หมื่นตัน มูลค่า 200 ล้านบาท ทั้งนี้คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2550 เวลา ถึงวันที่ 16 กรกฎาคม 2550 กรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพานิชย์ ผู้เสียหายได้ส่งมอบข้าวสารขาว 5 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 20,000 ตัน ให้กับบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริฯ โดยมีนายอภิชาติ รับทราบด้วยให้ปรับปรุงเป็นข้าวสาร 100 เปอร์เซ็นต์ ส่งลงเรือไปยังรัฐบาลอิหร่าน เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2550 ถึง วันที่ 2 กันยายน 2550 แต่ทางบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริฯ และนายอภิชาติ ไม่ได้มีการส่งมอบข้าวสารดังกล่าวให้กับทางรัฐบาลอิหร่าน ทั้งที่รัฐบาลอิหร่านได้นำเรือมาจอดรอรับข้าวสารขาวที่บริเวณท่าเรือ ซึ่งจำเลยทั้งสองได้มีการเบียดบังเอาข้าวสารขาว 5 เปอร์เซ็นต์ รวม 16,400 ตัน ราคา 175,480,000 บาท เป็นของจำเลยทั้งสองเสียเอง โดยเหตุเกิดที่ ต.สำโรงกลาง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ http://www.komchadluek.net/detail/20140624/187060/จำคุก6ปี!เสี่ยเปี๋ยงคนสนิททักษิณ.html
ก็เห็นทำมาเรื่อยๆนี่ ภาษาชาวบ้าน เหยียบเบรคเป็นมั้ย ตีน ก็มี เขาเรียกว่ามีหน้าที่ขับรถ จะขับมากี่ พ.ศ หรือเปลี่ยนกันขับระหว่างทาง รถมันไหลลงคู แค่เอ็งเหยียบเบรค ไม่ใช่กระทืบคันเร่ง หรือ ทานของว่าง แล้วจะเป็นนายก ทำอะไร แต่งตัวสวยงาม ทานอาหารกลางวัน ทักษิณ ก็บอกปาวๆ ว่าเป็นโคลนนี่ง
หืม... เวลาตำรวจเห็นโจร แล้วไม่จับ ไม่ได้แปลว่าตำรวจเป็นโจร เอ็งไม่เข้าใจเหรอ เขาว่าตำรวจทำผิดกฎหมาย เขาไม่ได้ว่าตำรวจ เป็นโจร
เอ็งนี่ก็พยายามมั่วให้ได้ใจจริง ๆ ปี 50 มันก็คนละคดีกับที่โกงในรัฐบาลอีโง่ สิว๊ะ ของรัฐบาลอีโง่ มันก็มีคดีอีกต่างหาก http://www.posttoday.com/politic/399371 เวลา 09.30 น. วันที่ 12 พ.ย. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลนัดฟังคำสั่งการตรวจพยานหลักฐาน ในคดีอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์....... ในวันนี้นายบุญทรง นายภูมิ และจำเลยคนอื่น ๆ พร้อมทนาย ต่างทยอยเดินทางมาศาล แต่มีจำเลย 3 คนที่ไม่ได้เดินทางมาศาล คือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 14 ที่ถูกควบคุมตัวตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไอ้เปี๋ยง มันมีคดีจำนำข้าวทุกยุคแหละ ขอให้เป็นรัฐบาลเผาเมืองแค่นั้นแหละ http://news.sanook.com/1848078/
เจ้าพระยาควายขี้แพ้เขาบอกว่า เสี่ยเปี๋ยงโดนคดีโกง แต่นังปูครองอำนาจ เสี่ยเปี๋ยงไม่ได้โกง จริงๆนะ เชื่อเวรขี้แพ้กันหน่อยนะ ก๊ากกกกกกก http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข่าวอิศรา/item/42048-inves01_42048.html http://www.isranews.org/investigative/investigate-procure/item/26171-rice_26171.html
อ่ะ หลักฐานอีกอัน เรื่องจีทูจี เอาบทความนี้ไปอ่านนะ แล้วตรวจสอบว่าจริงมั้ย http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/556570 อ้อ แวะกระทู้นี้ด้วยนะ รออยู่ ก๊ากกกกกกกกกก ผลุบๆโผล่ๆ ไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักที https://สภากาแฟ.net/threads/เจ้าพระ...งเกต-แล้ว-ขอข้อมูลคนอื่น-กรุณาให้ด้วยนะ.3461/
จ่ายช้าก่อนมีกปปส.อีกนะ แถมธนาคารเดี๋ยวนี้เขาทันสมัย ไม่ต้องเดินเข้าธนาคารไปโอนนะจ๊ะ ไปอยู่หลังเขาไหนมา กปปส.มาธนาคารเขาไม่ปิดหรอก แต่ควายแดงเขาต้องปิดหนีเพราะมันมีพฤติกรรมแบบนี้ครับ
ทำไมไม่ขายข้าวหล่ะ เงินที่ขายข้าวเอามาจ่ายให้ชาวนา แต่ดันไปกู้ธกส.จนเขาแทบเจ๊งเพราะเบี้ยวหนี้ ที่ออมสินก็เงินเก็บเงินออกของคนที่ทำงานหนักเก็บหอมรอมริบ อยู่ดีๆจะให้รัฐบวยเอาไปผลาญแล้วเบี้ยวเล่นแบบธกส.เหรอครับ
http://www.thairath.co.th/content/406730 28 ก.พ. 2557 15:00 ค้างข้ามปี... ทั้งนี้ ในจังหวัดมีชาวนากว่า 5,000 ราย ยังไม่ได้รับเงินรวมกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเฉพาะชาวนาในเขต อ.บางไทร ซึ่งได้รับผลกระทบ 2 เท่า เพราะเงินค้างจ่ายตามโครงการรับจำนำข้าว ปี 2555/56 หรือโครงการเมื่อกลางปีที่แล้ว โดยยังไม่ได้รับอีก 460 ราย เป็นเงินกว่า 87 ล้านบาท.
http://news.sanook.com/1682673/ เชียงราย ชาวนากว่า 100 ราย ทวงเงินค่าจำนำปี 56 หลังถูกโกง 5 ล้าน ที่ศาลากลาง จังหวัดเชียงราย ได้มีกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 2556 ประมาณ 100 คน นำโดย พินิต ชัยรัตน์ ตัวแทนชาวนาเดินทางไปชุมนุมกันเพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือกรณีมีชาวนาพื้นที่อำเภอแม่ลาว จำนวนมากนำข้าวไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวนาปรังปี 2556 กับเอกชนคือท่าข้าวนิธิผลสหการเกษตรกร แต่ปรากฏว่าไม่มีการออกใบประทวนให้จนกระทั่งปัจจุบันเกิดเป็นคดีความฟ้องร้องกันและมีผู้ถูกดำเนินคดีไปแล้ว แต่ชาวบ้านยังไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวดังกล่าวแต่อย่างใด โดยกลุ่มชาวนาได้ถือป้ายข้อความต่าง ๆ ต่อมา นายชาติชาย สงวนพงษ์ ปลัดจังหวัดเชียงราย เข้ารับเรื่อง โดยพบว่าเกิดความความเสียหายทั้งหมดเป็นเงิน 9,572,400 บาท ซึ่งที่ผ่านมาทางโรงสีได้เยียวยาให้กับเกษตรกรเป็นเงินแล้วจำนวน 4,215,420 บาท คงเหลือเงินคงค้างจำนวน 5,356,980 บาท เบื้องต้นทางจังหวัดเชียงรายแจ้งกับกลุ่มชาวนาว่า ทางจังหวัดจะดำเนินการให้มาเจรจาไกล่เกลี่ยตามที่ชาวบ้านร้องขอมาต่อไปถึงแม้ว่าจะมีการดำเนินคดีทางกฎหมายไปแล้วก็ตาม ทำให้กลุ่มเกษตรกรพอใจและแยกย้ายกันกลับไปรอฟังข่าวต่อไป
งั้นลองติดตามดูเรื่องนี้ละกัน ว่าโกงกันถึงสลึงเดียวหรือเปล่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่ศูนย์บริการประชาชน (สำนักงานก.พ.) นายจงรักษ์ เหล็งหนูดำ ทนายความบริษัทซิงตั๊ก กรุ๊ป จำกัด เดินยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกี่ยวกับการตรวจสอบการคัดแยกพันธุ์ข้าว โดยนายจงรักษ์ ระบุว่า บริษัทฯ ได้ประมูลซื้อข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก จากองค์การคลังสินค้าปีการผลิต 2556/2557 จำนวน 39,000 กว่าตัน มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท แต่พบว่ามีข้าวเหนียวขาว 10 % อยู่ 20 กระสอบ ที่เหลือเป็นข้าวเสียที่ปลอมปนทั้งหมด ซึ่งมีการอำพรางโดยนำมีข้าวเหนียวขาวล้อมรอบด้านบนและด้านข้าง จากการที่ทางบริษัทฯ และเจ้าหน้าที่ๆ เกี่ยวข้องได้เข้าไปดำเนินการคัดแยก คาดว่ามีข้าวที่รับซื้อจากการสวมสิทธิ์จากต่างประเทศอยู่มาก ทั้งนี้เมื่อทางบริษัทฯ ตรวจสอบแล้วว่าพฤติการดังกล่าวเป็นความผิด ก็มีเจ้าของโรงสีมาเจรจาขอซื้อข้าวคืนและชดใช้ความเสียหายให้ แต่ทางบริษัทฯ ไม่ยอมเพราะถือว่าผิดกฎหมายและจะเข้าทางผู้ที่ทุจริตและเชื่อว่าเรื่องนี้มีการทำมาเป็นกระบวนการ “ในระหว่างการคัดแยกข้าวได้มีบุคคลอ้างตัว ว่าเป็นตัวแทนจากโรงสีเพื่อขอเจรจาซื้อข้าวในคลังสินค้าคืนทั้งหมด หรือขอชดใช้ความเสียหายให้แก่บริษัทฯ บางส่วน และขอให้บริษัทฯ ยุติเรื่องทั้งหมด แต่บริษัทไม่ตกลงด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาขอเจรจาแต่ทางบริษัทไม่ตกลง” นายจงรักษ์ กล่าว นายจงรักษ์ กล่าวว่า บริษัทฯจะเร่งดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการปนปลอมข้าวทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน จากนั้นจะนำข้อมูลต่างๆ มาเปิดเผยต่อสาธารณะชนทั่วไป ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นประโยชน์ต่อการทำคดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งในวงการค้าข้าวในประเทศไทยนั้น ผู้ค้าส่วนใหญ่ล้วนรู้จักกันเกือบทั้งหมด ทำให้ทราบได้ว่าการกระทำความผิดในคดีนี้ ทำเป็นกระบวนการใหญ่ และผู้กระทำล้วนมีอิทธิพลทางด้านการเงิน กำลังคนและนักการเมืองหนุนหลัง อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะสามารถปราบทุจริต ประพฤติไม่ชอบทั้งในภาครัฐและเอกชนได้