เมื่อวันที่ 3 มกราคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2559 ว่า อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับคนที่ไม่มีกำลังซื้อ เช่น เกษตรกร เพราะรายได้ตกต่ำ และอย่ามองว่าการช่วยเหลือเป็นประชานิยม แต่ควรมองว่าเป็นสวัสดิการพื้นฐานระดับหนึ่งและเป็นการบริหารเศรษฐกิจมหภาคด้วย ทั้งนี้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความชัดเจน เช่น ขอความร่วมมือประชาชนในการใช้น้ำ แต่ไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการชดเชยว่าจะดำเนินการอย่างไร นอกจากนี้เรื่องนโยบายที่จะนำรายจ่ายมาหักภาษีได้นั้น ถือว่าเป็นการช่วยคนมีกำลังซื้ออยู่แล้ว คนไม่มีกำลังซื้อก็จะไม่ได้ประโยชน์ ซึ่งมาตรการนี้ก็อาจช่วยให้ตัวเลขเศรษฐกิจปลายปีกระเตื้องขึ้นเพียงนิดหน่อย แต่จะไม่ได้ช่วยเหลือปากท้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง จึงอยากให้รับบาลมีการบริหารจัดการอย่างพอดี ช่วยประชาชนโดยไม่กระทบสถานะการคลัง นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า เรื่องการลงทุนโครงการใหญ่ในปี 2559 นั้น รัฐบาลต้องมีแผนทางการคลังให้ชัดเจน โครงการขนาดใหญ่ต้องดูรายละเอียดให้รัดกุมว่าตัวเลขการลงทุนคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคม สมเหตุผสมผลหรือไม่ โดยต้องดูรูปแบบการลงทุนว่าจะได้ข้อยุติอย่างไร ถ้านำเอกชนเข้ามาหรือร่วมทุน ไม่ใช่การกู้เงินอย่างเดียว เช่น กรณีรถไฟไทย-จีน อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พูดคุยในระดับผู้นำ จะทำให้การหาข้อยุติทำได้ไม่ยาก เพราะที่ผ่านมามีการเจรจาหลายคนมากเกินไป หรือไม่ทำให้มีปัจจัยแทรกซ้อน จนทำให้ยังหาข้อยุติเรื่องการลงทุนโครงการใหญ่ๆ ไม่ได้ "ถ้าภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างนี้ แรงกดดันต่างประเทศ เช่น ประมง การบินที่ยังสะสางไม่ได้ การฟื้นตัวเต็มที่ยังไม่ได้ รัฐบาลคงทำได้แค่ประคองจึงต้องดูแลใกล้ชิด แนะนำให้ประชาชนนำปรัชญาพอเพียงแบบไม่สุดโต่ง ใช้จ่ายสมเหตุสมผล เพราะจะคาดหวังเศรษฐกิจดีทันทีไม่ได้ เนื่องจากมีความผันผวนหลายเรื่องอยู่บริหารจัดการดีก็ไม่ถึงขึ้นเป็นการเผาจริงอย่างที่มีการวิเคราะห์" นายอภิสิทธิ์กล่าว http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451812745
ต๊ะเอ๋ 10 อันดับ เรือดำน้ำที่อันตรายที่สุดในโลก 10. S26T Yuan Class ประเทศไทย เรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าคลาส "หยวน" ที่ทางรัฐบาลไทยกำลังจะจบการซื้อขายกับทางประเทศจีน เป็นเรือดำน้ำยุคใหม่ทันสมัยที่จีนสร้างเองมากับมือ โดดเด่นด้วยระบบ AIP (Air Independent Propulsion) ช่วยให้ปฏิบัติการอยู่ใต้น้ำได้นานถึง 21 วัน โดยไม่ต้องโผล่ขึ้นมารับออกซิเจนธรรมชาติเหนือน่านน้ำ ความเร็วสูงสุด 20 น๊อต ติดตั้งจรวดต่อต้านเรือผิวน้ำและบนพื้นดินแบบ YJ-8X ราคา 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 12,000 ล้านบาท รักชาติ กู้ขาติ ต้องช็อบช่วยชาติ โอกาสสุดท้ายใกล้หมดเวลา รอหลังเลือกตั้ง อดแน่ละมื้ง
ลุงตู่ก็อธิบายตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ ว่าโครงการนี้ออกมาเพื่อกระตุ้นการลงทุน ไม่ได้ออกมาเพื่อช่วยใคร นายกฯย้ำมาตรการช็อปช่วยชาติ ลดหย่อนภาษี หวังให้เงินได้หมุนเวียน เกิดวงจรการผลิต วันนี้ (28ธ.ค.58) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช็อปช่วยชาติ ระหว่างวันที่ 25-31 ธ.ค. 2558 ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ว่า ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำจริง โดยรัฐบาลต้องแบกรับภาระในเรื่องของภาษีที่ได้ลดลง ถึงแม้จะมีผลกระทบบ้างแต่สิ่งที่ต้องการ คือให้ประชาชนได้จับจ่ายใช้สอย ได้สินค้าราคาถูก มีการหมุนเวียนการใช้จ่ายเงินในพื้นที่ โดยเฉพาะในเรื่องของการค้าขาย และทำให้เกิดวงจรการผลิต ทำให้เกิดการลงทุน นายกฯ กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญคือทำให้เกิดวงจรการผลิต ไม่ใช่มองอย่างเดียวว่าซื้อของถูก ถ้าเดิมของราคามันแพงอยู่ ซื้อไม่ได้มันก็ผลิตไม่ได้ ก็ทำให้โรงงานต่างๆ รายได้ลดลง การลงทุนก็ไม่เกิด
อย่างนี้ดีกว่าไหม กู้เงินซัก 2ล้านล้าน สร้างห้างขนาด 2หมื่นล้าน เอา100ห้างทั่วประเทศ สินค้าที่เอามาเข้าห้าง รับจำนำไว้ราคา150% สินค้าจำนำแปลว่ายังเป็นทรัพย์สินของพ่อค้า พ่อค้าเอาไปค้ำเงินกู้ ใจดีให้กู้100% เอาไปซื้อสินค้าของปลอม จีน เขมร ราคา50% สินค้าที่รับจำนำไว้ ขายจีทูจี ราคา 50% พ่อค้ารับซื้อสินค้ากลับมาทุกเม็ด ของจีน เขมรเอาหมด ทุกรอบการผลิต เอาไปจำนำได้ใบประทวนมาเอาไปกู้ คิดอย่างใคร จำได้ไหม คิดทันไหม เวลารับจำนำ กับขายให้ปชช.ใช้ทฎ. 2สูง เวลาส่งออกจีทูจีกับระบายสต็อกสินค้าให้โกดัง ใช้ทฏ. 2ต่ำ เพื่อใครทำได้กู้เลือกจริงเอ้า อย่าคิดว่ายากเป็นไปไม่ได้ ออกกม.ได้ก็ทำได้ แล้วออกกม.มันยากตรงไหน แค่ยกมือโดยคนที่ชาวนาเลือกเข้ามา