คิดถึงเรื่องนี้มานานแล้วเหมือนกัน ว่าซักวันมันต้องเหมาหมด "......กลายเป็นว่า ปมปฏิรูปถูกฉุดให้วนอยู่แต่เกมแย่งชิงอำนาจทางการเมือง เผลอๆจะพาลให้กระบวนการปฏิรูปไม่ถึงจุดหมาย ทั้งๆที่ประเด็นใหญ่กว่าวิกฤติความขัดแย้ง ร้ายแรงกว่านักเลือกตั้งชิงอำนาจกัน มันอยู่ “ระบบกินรวบ” ที่กำลังทำลายระบบเศรษฐกิจประเทศไทย ตามปรากฏการณ์ของร้านสะดวกซื้อรุกคืบไปยึดทุกตรอกซอกซอย ขายไม้จิ้มฟันยันเรือรบ กาแฟ ข้าวผัดกะเพรา ข้าวราดแกง ลูกชิ้นปิ้ง แม้กระทั่งไข่ต้มยังไม่เว้นถูกจัดเป็นเมนูสินค้า ยึดอาชีพพ่อค้า แม่ค้า หาบเร่ แผงลอย ร้านโชห่วย ธุรกิจดั้งเดิมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยในระดับฐานรากหญ้ามาแต่ครั้งอดีตมีอันล้มหายตายจาก เจ๊งอยู่ไม่ได้ พ่อค้า แม่ค้า อาโก อาแปะ ร้านโชห่วย ธุรกิจเอสเอ็มอี รายได้หดหาย แต่รายได้ของประชาชนทั่วไปต้องไหลไปอยู่กับธุรกิจยักษ์ค้าปลีกที่ผูกขาดการตลาด กลไกเศรษฐกิจพิกลพิการ ทำลายโครงสร้างทางสังคม ถ้าไม่จัดการก็เสี่ยงชาติพัง ความขัดแย้งอาจลามถึงขั้นปฏิวัติประชาชน." http://www.thairath.co.th/content/490564
ต้องไม่ลืมว่าความรวยล้นฟ้าของเจ้าสัวผู้เป็นเจ้าของ"ทิกซาลี ส็องสุง"และการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองของฝ่ายต่างๆในสังคมไทย มันเกิดขึ้นแสนนานก่อนยุคคสช. และจะเป็นอย่างนี้ต่อไปหากการปฏิรูปประเทศไม่ได้ผล ทีมข่าวการเมืองของไทยรัฐชี้ปัญหาที่ใครๆก็รู้ แต่ไม่ได้นำเสนอต่อสังคมว่าจะแก้ไขอย่างไร เวลาเกิดวิกฤติในประเทศไทย เรามีคนกลุ่มใหญ่ที่ทำแค่สองอย่าง อย่างแรกคือกระพือปัญหาให้ความเสียหายดูใหญ่หลวงเกินความเป็นจริง อย่างที่สองคือตามล่าหาต้นตอปัญหาเพื่อเอาตัวมาบูชายัญ การศึกษาปัญหาให้ถ่องแท้และการเสนอแนะรวมถึงการเข้าร่วมแก้ปัญหานั้นแทบไม่เคยเกิดขึ้น ลุงตู่และคณะเอาชีวิต หน้าที่การงาน ความสุขสงบวัยเกษียณมาช่วยแก้ไขประเทศไทยที่กำลังเน่าเฟะ เมื่อเห็นหายนะยืนอยู่ตรงหน้า คนไทยส่วนใหญ่ก็ยอมรับการรัฐประหารและสนับสนุนลุงตู่ให้บริหารประเทศ พอเห็นแสงสว่างว่าประเทศชาติไม่ล่มสลาย บรรดาสื่อและนักวิชาการซื้อได้ นักเลือกตั้ง พ่อค้าข้าราชการที่เสียโอกาสโกงกิน ก็เริ่มออกมาแซะการทำงานคณะของลุงตู่ ใครพูดก็ถูกทั้งนั้นแหละครับว่าประเทศชาติยังมีปัญหา แต่คนลงมือแก้ไขมีน้อยมาก ข้าราชการนั่นแหละตัวดี ใส่เกียร์ว่างไปวันๆรอเข้าข้างฝ่ายชนะ
โลตัส เซเว่น = CP ความเห็นผม น่าจะใช้กรณีเชียงใหม่ ขยายผล ทำลายจักรวรรดิ CP ลงไปซะ ห้ามไม่ให้ CP ผูกขาดธุรกิจอาหารอะไรอีก สินค้าเลียนแบบบนห้างตัวเองก็ต้องห้ามขาย ห้ามไม่มีเซเว่นอยู่ห่างกันน้อยกว่า 15 กิโลทั้งแนวระนาบ แนวดิ่ง และทุก ๆ แนว
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งมองไปรอบตัวทุกวันนี้ แต่ละโปรเจค มีใครอยู่เบื้องหลัง สมคบกับใครที่อยู่ใกล้ตัวท่านนายก แถมยังตรวจสอบไม่ได้ เพราะมีอำนาจล้นฟ้า ก้าวพ้นทักษิณ แล้วมาเจอ เจ้าสัวแทน ฮา ไม่ออกแน่
ก็ไม่รู้จริงๆว่ากลไกอะไรที่ทำให้แม่ค้าต้องขายของแพงๆ อย่างกาแฟตลาดนัดแถวบ้าน ใส่ถุงอย่างสวยมีน้ำนิดนึง 25บาท สุดท้ายผมก็เลยเลือกที่จะเข้า 7-11 แก้วใหญ่ 20 กว่าบาทเหมือนกัน ใส่น้ำแข็งครึ่งแก้วอิ่มจนอืด บางทีอยากแค่นิดหน่อยก็แฟกระป๋อง ซึ่งจริงๆก็ชอบกาแฟรถเข็น แต่ราคาที่ชาวบ้านกำหนดทำให้ผมต้องเอาตังส์ไปให้เศรษฐีครับ
ผมว่าสุดท้ายแล้ว ร้านเล็ก ๆ เหล่านี้ก็จะหมดไปจากประเทศไทย เหมือนกับขนมเก่า ๆ ของไทยที่เคยมี แต่วันหนึ่งเจอขนมห่อ 5 บาทเอาไปหมด จนกว่าจะหาขนมเก่า ๆ เจอก็ต้องเป็นงานวัด หรือร้านขายเฉพาะ...
ในมุมผู้ซื้อ ผมซื้อข้าวกินในเซเว้นยังถูกกว่าข้าวราดแกงห้องแถว - เมื่อวานพึ่งกินข้าวราด2อย่าง45-50 เทียบกับเซเว้น35-40
ก็จริงนะครับ 45-50 ถ้าอร่อยสมราคาก็ซื้อกินได้ไม่มีปัญหา และอยากอุดหนุนแม่ค้าที่ทำอาหารอร่อยๆด้วย ถ้าเป็นสมัยก่อน(อีกแล้ว) แม่ค้าขายข้าวแกงนี่ขายกันตลอดชีวิต ลูกค้าก็เลือกร้านที่ถูกจริต ลูกค้าแฮ้ปปี้ได้กินอาหารอร่อยถูกใจ แม่ค้าก็อยู่ได้แม้ไม่ร่ำรวย แต่เดี๋ยวนี้แค่ต้มไข่เป็นก็ริตั้งแผงขายข้าวแกงกันแล้วแถมยังขายแพงด้วย ในที่สุดก็แพ้7-11เพราะอย่างน้อยได้รสชาดกลางๆและราคาเป็นธรรม บางทีเราเองต่างหากที่ไปช่วยให้เจ้าสัวเจ้าของ"ทิกซาลีส็องสุง"แกรวยได้รวยดี
ต้องถามในมุมกลับกันด้วยว่า ในขณะที่รายใหญ่ปรับตัวเองเพื่อรุกตลาดข้าวแกง ร้านข้าวแกงรายย่อยได้ปรับปรุงตัวเองบ้างหรือยัง คุณภาพดีขึ้น? รสชาติอร่อยขึ้น? ราคาถูกลง? ปริมาณมากขึ้น? ถ้าเอางอแงแล้วไม่ปรับปรุงตัวเอง แบบนี้ผมว่าก็สมควรไปทำอาชีพอื่นนะครับ