โลกออนไลน์ เป็นอีกที่หนึ่งสำหรับ"การปลดปล่อยสัญชาติญาณดิบ" ?!?

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย suraphan07, 10 May 2016

  1. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    คิดเห็นกันเช่นไร กับประโยคและบทความนี้ครับ...
    -----------------------------------------
    Screen Shot 2016-05-10 at 09.01.43.png
    Screen Shot 2016-05-10 at 09.02.20.png
    Screen Shot 2016-05-10 at 09.02.52.png

    -----------------------------------------
    "สัญชาติญาณดิบ"...
    คำนี้ รู้สึกโดนๆ ยังไงไม่รู้...
    หรือเพื่อนๆ ว่าไง ?...;)
     
  2. ชายน้ำ

    ชายน้ำ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    9 Feb 2015
    คะแนนถูกใจ:
    7,081
    IO หรือ Information Operation ในประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองของประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

    ตอนที่กปปส.ขับเคี่ยวกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ช่วงปี2556ต่อ2557 เพื่อนคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์อำนาจของทั้งสองฝ่ายบอกว่าความได้เปรียบเสียเปรียบในขณะนั้น IOคือตัวแปรสำคัญสูงสุดและสุดยอดฝีมือของวงการIOอยู่กับฝ่ายกปปส.

    ขณะนี้IOกำลังเข้ามามีบทบาทอีกครั้งในกรณีวัดพระธรรมกาย ซึ่งฝ่ายวัดพระธรรมกายต้องพึ่งพาIOอย่างมากในการพลิกสถานการณ์

    น่าติดตามครับ
     
    Anduril, Alamos และ suraphan07 ถูกใจ
  3. annykun

    annykun อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    13 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,591
    เห็นด้วยครับ และฝ่ายเราเองก็ควรตระหนักอยู่เหมือนกัน จำได้ไหม เราใช้สื่ออินเตอร์เน็ตด่าทักษิณมากมาย แต่กลับไม่เข้าถึงใจประชาชนเลย และสมัครกับอีปูก็ชนะในเวลาต่อมา และก็ทำเละกว่าเดิม มันก็มีผลส่วนนึงมาจาก ฝ่ายตรงข้ามทักษิณบางคนปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบออกมาเนี่ยแหละ การเม้นแรงๆ แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม เราอาจมองว่ามันคือเสรีภาพ แต่มันก็กระทบจิตใจของอีกฝ่าย คือคนเราสติปัญญาไม่เท่าไง เม้นแรงๆ ด่ากันแรงๆ แทนที่มันจะสำนึก กลับกลายเป็นการไม่ฟังแถมต่อต้านอีก บางคนไม่สบายใจกับเม้นแรงๆแบบนั้น คาดเดาได้ถึงการต่อต้านที่ตามมา แต่ก็ไม่สามารถห้ามได้ เพราะกับดักเสรีภาพเช่นกัน

    คือจะอธิบายยังไงดีล่ะ คือบางคนที่เค้าฝักใฝ่ ร่านแตก ตรรกะวิบัติ จะพูดดีๆหรือด่าพ่อมันก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะยังไงเค้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง แต่การก้าวล่วงไปยังประชาชน กลุ่ม อาชีพ ชนชั้น หนึ่งๆแบบเหมารวม มันควรระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะอาจเปลี่ยนคนดีๆ คนนึง ให้หลงผิดได้ เพราะอคติ ความโกรธ ไม่พอใจ ผมเชื่อว่าถึงจะแดงมาแต่ไกลมา การด่าแรงๆ หรือการเหยียด ก็ควรเป็นตัวเลือกสุดท้ายมากกว่า เพราะไม่แน่ว่าการพูดกันดีๆ ด้วยเหตุผล อาจเปลี่ยนแปลงเค้าได้ก็ได้
     
    TheGreatBeyond, อู๋ คาลบี้, Anduril และอีก 4 คน ถูกใจ
  4. ชายน้ำ

    ชายน้ำ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    9 Feb 2015
    คะแนนถูกใจ:
    7,081
    ผมว่าในนี้หลายคนผ่านความพยายามที่จะไม่จำแนกกลุ่มคนคิดต่างกันมาแล้วทั้งนั้น บางทีหลุดปากด่าแบบเหมารวมไปแล้วต้องกลับมานึกเสียใจว่าไม่ควรทำ

    ก็จะพยายามอดทนต่อไปแหละครับ แต่ขอยกเว้นไอ้จอมตอแหล4-5ตัวในนี้เพราะด่ายังไงก็ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่จากไปไหน
     
    หนูอ้อย, Anduril, ฟักแม้ว และอีก 2 คน ถูกใจ
  5. sugit

    sugit อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 Mar 2015
    คะแนนถูกใจ:
    1,111
    ไม่อ่านของเค้า เราก็ไม่รู้ตัวเลย


    จริงของเค้าอะ ผมว่า ไอ้เรื่องแรงมา แรงไป นี่

    เราก็คิดว่ามันไม่มีอะไร แต่ไม่นึกว่า

    คนที่เขาคิด เขาก็คิดจริง ๆ จัง ๆ เลย


    มิน่า ศีลข้อ 4 อะ ตอนแรก ผมเข้าใจว่า

    ถ้าผิดแล้ว ผลกรรมจะน้อยที่สุด ก็กลายเป็นว่า

    ส่งผลมากอย่างที่เรา ก็ไม่เคยนึกถึงเลยอะ


    รู้สึกผิดเลย ที่เราก็ไม่ระวังตัว เอาแต่ส่งอารมณ์

    ของตัวเองไปให้มากที่สุด ไม่นึกว่า ถึงจุดหนึ่ง

    มันก็ย้อนกลับมา หาตัวเรา ทำให้เราทุกข์ใจ

    มิน่า อย่างที่คุณ anny บอกอะ ทำไม ทักษิณถึงชนะทุกที


    ธนูอันไหนที่เราพุ่งเป้า ไปถึงพวกพ้องทักษิณ

    มันก็กลายเป็น ชาวบ้านที่รักทักษิณ รับไป เจ็บแทน

    และก็เอาคืนเราทุกครั้ง ในการเลือกตั้ง


    เฮ้อออ นี่ล่ะ การที่ทักษิณมีพวกคอมมูนิสต์ หนุนหลัง

    มันถึงไม่เคยแพ้จริง ๆ สักที เพราะมันมีคน

    ที่คอยปลุกปั่น เอาคำพูดเราที่ทิ่มแทงมัน

    ไม่ทิ่มแทงใจชาวบ้านอีกต่อ


    บางทีผมว่า ตัวเอง อาจต้องหยุดการพูด

    ไปบ้าง เพราะนอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว

    บางทียังทำร้ายตัวเอง ไม่รู้ตัวก็ได้


    ถึงเราจะไม่ต้องการสื่อว่า ทำร้ายชาวบ้าน

    แต่หลายครั้ง การที่เราวิจารณ์นโยบายของทักษิณ

    มันกลับกลายเป็นว่า มันไปกระทบใจชาวบ้าน

    ทำให้เค้าคิดว่า เราไม่อยากช่วยเค้า เราเห็นแก่ตัว

    อะไรประมาณนี้


    ยากจริง ๆ เลย สิ่งที่เราทำ มันไม่ส่งผลดี

    ต่อความสัมพันธ์ กับชนชั้นรากหญ้าเลย

    เมื่อไหร่กันหนอ ที่ชาวบ้าน จะไม่ฟังเสียงพวกทักษิณ

    แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ที่เสียงที่เราอยากสื่อถึงเค้าจริง ๆ

    มันจะเข้าถึงใจพวกเค้าได้อะ
     
    emujack, Anduril, ชายน้ำ และอีก 2 คน ถูกใจ
  6. yoshikiryuichiro

    yoshikiryuichiro อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    472
    ทางที่พวกเราทำได้มีอย่างเดียวครับ
    คือทำในสิ่งที่เชื่อมั่นต่อไปเท่านั้น
    ไม่มีทางอื่นครับ เพราะคนที่เชื่อเจ้าพวกนั้นแบบสนิทใจไปแล้ว ถึงพูดอะไรก็คงไม่ฟังแน่นอน

    ปล.หนทางของวีรบุรุษน่ะ มันโหดร้ายและโดดเดี่ยวมาก
     
    emujack, Anduril, ชายน้ำ และอีก 2 คน ถูกใจ
  7. annykun

    annykun อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    13 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,591
    ผมมองว่ามันก็เหมือนกรณี พ่อแม่ ด่าลูก พี่สั่งสอนน้อง แม้จะทำเพราะหวังดี แต่แทนที่จะทำให้ลูกเชื่อฟัง กลับเตลิดหนักไปเชื่อเพื่อนที่มโนเอาเองว่าเค้าเข้าใจตัวเองมากกว่า (สังคมไทยนี่มันแนวแว้น-สก๊อยชัดๆ) มันเลยเป็นเหมือนศิลปอยู่เหมือนกัน
    เคยเจอไหมครับ คนที่แบบ.... เราทำผิด เค้าไม่ด่าเราซักคำ แต่แค่คำตำหนิ สั่งสอนเล็กๆน้อยๆ ของเค้า กลับกดดันให้เรารู้สึกผิดได้ แถมวางเงื่อนไข แบบบีบให้เราปรับปรุงตัวให้ได้ โดยที่เราไม่อาจทัดทานหรือปฎิเสธได้เลย. ผู้นำไทยที่จะเสร้างความปรองดองได้ต้องมาแนวๆ นี้นะ คนเดียวที่ผมนึกออก ก็แบบ พล.เอก เปรม

    อินเตอร์เน็ตไม่ตอบโจทย์ เพราะการปรองดองเน้นที่การกระทำมากกว่าคำพูด. อธิบายดีๆ ต้องอธิบายยาว. คนไทยอ่านหนังสือ 8 บรรทัดมันไม่อ่าน คำด่าสั้นแต่สะเทือนใจกลับได้รับความสนใจมากกว่า แล้วอินเตอร์เน็ตคุมไม่ได้. คำที่ส่งผลให้เรื่องบานปลายมีอิทธิพลมากกว่า
     
    Anduril และ suraphan07 ถูกใจ.
  8. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
  9. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    ถ้ารู้ไม่เท่าทัน ก็เสร็จกันแหล่ะครับ...:shake:
    --------------------------------------
    4 ด้านมืด ของ Facebook ที่คุณ ต้องรู้!!!
    Posted by Monchai
    เฟซบุ๊กเป็นโซเชียลมีเดียที่คนไทยแทบทุกคนใช้ ต้องยอมรับว่าประเทศไทยใช้งานเฟซบุ๊กหนักมาก
    ทั้งขายของ แชท โพสต์ อัพโหลดรูป อัพโหลดคลิป และติดตามข่าวสารต่าง ๆ
    หลายคนมองว่ามันเป็นประโยชน์ช่วยให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาสะดวกขึ้น และมีแต่ข้อดีทั้งนั้น
    แต่จริงๆแล้ว ภัยของการใช้เฟซบุ๊ก อยู่ใกล้ตัว มากกว่าที่คุณคิด
    1. Facebook เชื่อมโยงกับ ภาวะซึมเศร้า
    เมื่อเล่นเฟซบุ๊กเราจะเจอกับเพื่อนเรามากมาย
    ในนั้น ที่แต่ละคนก็มีชีวิตที่แสนจะดี๊ดี
    ซึ่งจริง ๆ แล้วเบื้องหลังของพวกเค้าอาจไม่ได้ดีแบบภาพที่เราเห็นก็ได้
    แต่มัน ก็ทำให้เราเก็บเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองไปซะแล้ว และ
    เมื่อเปรียบเทียบไปเรื่อย ๆ และเห็นว่าตัวเองไม่มี เหมือนที่คนอื่นมีสักอย่าง
    ความซึมเศร้าก็จะเข้ามาแทนที่

    2. Facebook เป็นบ่อเกิดของ ความอิจฉา

    นอกจากภาวะซึมเศร้าแล้ว เมื่อเราเปิดเจอรูปเพื่อนแต่ละคนที่ชีวิตดี ได้ไปเที่ยวตลอด มีอาหารการกินหรู ๆ รูปร่างหน้าตาหล่อสวย หรือได้รับของขวัญชิ้นใหม่ที่เราอยากได้
    ความอิจฉาย่อมเกิดขึ้น และ
    ส่งผลให้พวกเขาต้องพยายามโพสต์ในสิ่งที่ตัวเองมี หรือพยายามจะมี เพื่อโชว์คนอื่นบ้าง เป็นวงเวียนต่อไป

    3. เพื่อนบน Facebook มีมาก ใช่ว่าจะดี
    เพื่อนบนเฟซบุ๊กและเพื่อนในชีวิตจริงของเรามีไม่เท่ากัน
    สังเกตดูได้จาก ตอนที่เรามีปัญหา จะมีเพื่อนแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เราสามารถพึ่งพาได้
    ดังนั้นการมีเพื่อนในเฟซบุ๊กมากไปใช่ว่าจะดี บางทีการมีเพื่อนเยอะ ๆ
    อาจมีมิจฉาชีพปะปนมาในหมู่พวกเขาอีกก็ได้
    นอกจากนั้นการเจอกันตัวเป็น ๆ ยังส่งผลให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นกว่าการคุยกันผ่านทางโซเชียลมีเดียอย่างเดียวมากเชียวล่ะ

    4. Facebook ดูดกลืนเวลาชีวิต อย่างมหาศาล
    มันเป็นเหมือนยาเสพติดชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้
    เพราะมันทำให้คนเรายึดติดอยู่กับมันได้เป็นเวลานาน
    ทั้งเวลาที่ว่าง หรือไม่ว่าง
    เมื่อเราได้กดเข้าไปครั้งหนึ่ง มันก็เป็นการยากที่จะหักห้ามใจตัวเองให้เลิกเล่น
    เพราะมีผู้คนมากมายวนเวียนอยู่ในนั้นคอยอัพเดตสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา
    ซึ่งยิ่งเราแหวกว่ายตรงนั้น มากเท่าไหร่ เรายิ่งสูญเสียเวลาในชีวิตไป มากเท่านั้น

    จาก http://www.smartsme.tv/content/29622
    -----------------------------------
    http://www.oknation.net/blog/monchai83/2016/04/24/entry-1
     
    Last edited: 11 May 2016
    plunk, หนูอ้อย, Anduril และอีก 1 คน ถูกใจ.
  10. ชายน้ำ

    ชายน้ำ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    9 Feb 2015
    คะแนนถูกใจ:
    7,081
    เด็กที่บริษัทฯคนหนึ่งชอบเล่นเฟสบุ๊ค เพิ่งมาขอลาออก บอกว่าจะไปใช้ชีวิตในโลกตะวันตก

    ให้ลูกน้องไปสืบดูเลยรู้ว่าเธออยากมีผัวเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวเพราะเธอเห็นเฟสบุ๊คของเพื่อนหลายคนที่มีผัวฝรั่ง รู้สึกว่าชีวิตของเพื่อนดีกว่าของเธอแบบเทียบกันไม่ได้
     
    อู๋ คาลบี้, หนูอ้อย, Anduril และอีก 1 คน ถูกใจ.
  11. อู๋ คาลบี้

    อู๋ คาลบี้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    12,204
    อินเทอร์เน็ตช่วยให้ข่าวลือ ข่าวบิดเบือน โฆษณาชวนเชื่อใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม
    กระจายไปไกลและเร็ว สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน
    สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ สติ และ ปัญญา ของผู้รับข้อมูลข่าวสาร ต้องไปด้วยกัน
    อย่าเชื่อหมดใจเพียงเพราะเป็นข้อมูลของฝ่ายที่ตัวเองชื่นชอบ
     
    Anduril และ หนูอ้อย ถูกใจ.
  12. เลอคู

    เลอคู สมาชิกทั่วไป

    สมัคร:
    17 Jul 2015
    คะแนนถูกใจ:
    36
    เหมือนสมัยที่แมงสาปเป็นฝ่ายค้าน เลย :devil:
     
  13. Alamos

    Alamos อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    7,052
    เหมือนเลอคูนั้นแหละ ไม่ต้องมาทำเขินอาย ใครๆก็รู้
     
  14. temp

    temp อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    9 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    868
    บางทีด่าแบบไม่เหมา แต่โดนฤาษีแปลงสาสน์เหมาให้ซะ แถมจัดแบ่งชนชั้นให้เสร็จสรรพ โดนจับได้ก็แถว่ากรูแค่ดักฟาย
    พวกคิดมาจากบ้านแล้วคอยยัดคำพูดใส่ปากคนอื่นนี่ก็เจอบ่อยเลย
     
    อู๋ คาลบี้ และ suraphan07 ถูกใจ.
  15. Surawong

    Surawong อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    22 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,544
    "ถ้าคุณคิดจะปลดปล่อยสังคม ขอแค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้นก็เป็นพอ" แต่วันนี้ โฆนิม บอกว่า เขาคิดผิด

    ผมว่าถ้า โฆนิม คิดแบบนี้ น่าจะคิดผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว และจากการที่คิดผิดมาแต่แรกก็เลยทำให้เขาผิดหวังอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันนั่นแหละ

    สิ่งที่โฆนิมมองข้ามไปคือ ความรู้สึกร่วมของประชาชน ประชาชนชาวอียิปย์มีความรู้สึกร่วมกันอยู่ก่อนมานานแล้วคือ ความอึดอัดต่อการปกครองของบูมารัก ความรู้สึกร่วมอันนี้มันกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศแต่ ไม่มีจุดรวม เมื่อโฆนิมใช้อินเตอร์เน็ตปลุกระดมคนที่มีความรู้สึกเดียวกันมันก็เกิดจุดรวมขึ้นมา และก็ไม่น่าจะมีโฆนิมคนเดียวหรอกที่ทำแบบนี้ น่าจะมีอีกหลาย ๆ คนทำเหมือนกัน เมื่อมีจุดรวมมันก็เกิดการนัดหมาย เกิดการออกไปแสดงพลังความอึดอัดไม่พอใจ เพราะฉะนั้นอินเตอร์เน็ตที่โฆนิมใช้ มันจะมีบทบาทเป็นศูนย์รวมของคนที่คิดเหมือน ๆ กันเท่านั้น มันบังเอิญว่าคนที่คิดเหมือน ๆ กันมันเยอะแยะมากมายเพราะอยู่ภายใต้การปกครองของ บูมารักมายาวนานจนรู้สึกอึดอัดเบื่อหน่าย ในทางตรงกันข้ามถ้าประชาชนอียิปต์ไม่มีความรู้สึกอึดอัดเบื่อหน่ายแม้โฆนิมและคนอื่น ๆ จะใช้อินเตอร์เน็ตปลุกระดมอย่างไร ก็ไม่น่าจะได้ผล อย่างที่เราเรียกกันว่า "จุดไม่ติด" นั่นแหละ

    อีกสิ่งหนึ่งที่โฆนิมมองข้ามไปก็คือ การเปลี่ยนจากอำนาจนิยมมาเป็นประชาธิปไตยแบบนี้ ยังไงมันก็ เละ เพราะประชาธิปไตยมันก็คือการชิงกันเข้าสู่อำนาจนั่นแหละ ถ้าพื้นฐานไม่ดี ไม่มีระบบจัดการที่ดี รับรองได้ว่า เละทุกประเทศ จะไปเอามาตรฐานอย่างอเมริกาหรือยุโรปมาวัดไม่ได้ เพราะประเทศเหล่านั้นใช้ระบบนี้มายาวนานแล้ว การบิดเบื่อนข่าว กุข่าว ใส่ร้ายป้ายสีกันต่าง ๆ นานา ล้วนเกิดจากพวกที่ต้องการชิงอำนาจทางการเมืองทั้งนั้น ไม่ใช่เกิดจากการใช้อินเตอร์เน็ตของคนทั่ว ๆ ไป

    ผมมองว่าการใช้อินเตอร์เน็ต เช่นการเปิดเฟสบุ๊ค ขึ้นมาแล้วมีคนติดตามเป็นล้าน มันไม่ได้บ่งบอกว่าคนที่ิติดตามเขาจะเชื่อไปทั้งหมดทุกเรื่อง จำนวนคนติดตามเป็นล้าน อาจเป็นเพราะบังเอิญคนเหล่านั้นไปสนใจเรื่องหนึ่งเข้า แต่พอเรื่องนั้นหมดไปก็เลิกติดตามแต่จำนวนมันยังอยู่ ก็มีเยอะ

    ผมว่าทดลองดูก็ได้ คนที่เปิดเฟสบุ๊คแล้วมีคนติดตามเป็นล้าน ๆ คนเนี่ยะ ลองปลุกระดมเรื่องใดเรื่องหนึ่งดู แล้วดูผลว่าจะมีคนออกมาร่วมเป็นล้าน ๆ หรือเป็นร้อย ๆ แต่ต้องเป็นการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้นนะ ไม่ใช่ให้ สส ในพื้นที่ไปเกณฑ์ชาวไร่ชาวนาขึ้นรถมาร่วม
     
    Anduril, อู๋ คาลบี้ และ suraphan07 ถูกใจ

Share This Page