เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของสถานทูตแคนาดาประจำประเทศไทยได้เผยแพร่แถลงการณ์แสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีใจความระบุว่า แคนาดามีความกังวลที่ประเทศไทยได้มีการนำคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 13/2559 มาใช้เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งได้ขยายอำนาจรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับเจ้าหน้าที่ทหารของไทย การบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว แสดงถึงการบั่นทอนหลักนิติรัฐและกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเป็นไปได้ในการละเมิดสิทธิมนุษยชน แคนาดายังขอกล่าวย้ำถึงความกังวลอย่างสำคัญเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิพลเมืองและการเมืองพื้นฐานของรัฐบาลทหาร รวมทั้งความตั้งใจที่รัฐบาลได้แจงไว้ว่าจะขยายการใช้การปรับทัศนคติเพื่อเป็นเครื่องมือทำให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและนักกิจกรรมหวาดกลัว แคนาดายังติดตามความคืบหน้าของกฎหมายประชามติอย่างใกล้ชิดและเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจของไทยรับรองว่าประชาชนชาวไทยจะสามารถเข้าร่วมการอภิปรายอย่างเสรีและมีส่วนร่วมเกี่ยวกับคุณค่าของร่างรัฐธรรมนูญ แคนาดาเรียกร้องให้ประเทศไทยเคารพพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนนานาชาติของประเทศ รวมทั้งที่เกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพในการชุมนุม และหลักนิติรัฐ http://www.matichon.co.th/news/102676
อเมริกาก็พูดแบบนี้ แล้วไง ยังค้าขาย จับมือกันอยู่เลย ยังรอคำตอบอยู่นะครับ หรือจะคิดจะหนีไปเรื่อยๆก็ทำไป
ทุกประเทศเค้ามองประโยชน์ของชาติตนเองเป็นหลักทั้งนั้นแหละ ไอ้ที่ออกมาเอะอะโวยวาย สุดท้ายก็ลงเอยด้วยผลประโยชน์ จะเลวก็แต่ไอ้คนไทยใจหมา เห็นประโยชน์ของพ่องแม้วมากกว่าประเทศชาติ ปะเทศจะล่มจมยังไง ขอให้ไอ้แมวโกงได้แบบรอดคุก ไอ้พวกระยำ
มันดูไม่ออกวะเฮ่ย ง่ายๆเค้ารัฐประหาร แล้วไงอีก แค่แถลงการณ์เหรอ ไม่ไปเยี่ยมเสื้อแดงแจกของซักหน่อยเหรอ มันชอบขันนะ
กลัวอะไรหนักหนากับประเทศแคนาดาประเทศเดียวละ ขนาดยกกันมาทั้งแก๊งค์ UN ยังไม่กลัวเลย อดีตนายกฯ คนหนึ่งเคยกล่าวไว้ประมาณนี้ละ
กังวลระดับไหนล่ะ? กินไม่ได้นอนไม่หลับ อกจะแตกตาย ไม่มีกระจิตกระใจทำงาน นอนซมให้น้ำเกลือ เตรียมเขียนพินัยกรรมสั่งเสียญาติพี่น้องอะไรอย่างงั้นรึเปล่า
หากยึดหลักความเท่าเทียมกันตามหลักประชาธิปไตย การที่แต่ละประเทศสามารถวิพากษ์วิจารณ์ประเทศอื่นๆได้โดยไม่มีข้อจำกัดว่า ประเทศใดใหญ่หรือเล็กมีอำนาจทางทหาร เศรษฐกิจมากกว่ากันได้ โลกนี้คงจะวุ่นวายน่าดู และการที่ประเทศเล็กมักนิ่งเฉยเมื่อถูกวิจารณ์อาจเพราะ เกรงกลัวกับปัญหาที่อาจจะเกิด และหรือ อาจเพราะ มีมารยาทที่ดีกว่าก็ได้
พวกนี้ น่าจะออกมาเรียกร้องตามกระแสการเมืองในประเทศเรานั่นแหละ อาศัยดูกระแสจากสื่อและนักการเมืองว่าเคลื่อนไหวไปอย่างไร เพราะดูแล้วการเรียกร้องมันก็ไม่ต่างจากที่สื่อเส็งเคร็ง และนักการเมืองโสโครกของไทย พยายามพูดหรือประโคมข่าวอยู่ตลอดเวลา เมื่อเขาเห็นว่าในประเทศมันมีกระแสอย่างนี้เกิดขึ้น เขาก็ออกมาเรียกร้องบ้าง เพราะบทบาทมันถูกกำหนดให้มาทำอย่างนี้ ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร คงไม่รู้หรอกเพราะอาศัยข้อมูลจากพวกสื่อ และปฏิกิริยาของพวกนักการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลเท่านั้น มันก็เป็นเรื่องที่กระทรวงต่างประเทศของเรา ต้องคอยตามชี้แจงนั่นแหละ
มันห่วงอะไรของมันว่ะ ไม่ใช่ลูกใช่เต้ามันซักหน่อย ไอ้พวกนี้เห็นมันห่วงกันทั้งปีเลย เป็นโรคซึมเศร้ากับมั่งป่ะ
เพิ่งรู้ประวัติ การสร้างชาติของแคนาดา อ่านแล้วรู้สึกเหมือนเจออดีตโจร อวดเบ่งว่าข้าไม่เป็นโจรแล้วนะโว้ย.. --------------------------------------------------------------------------------- ในอดีตเมื่อนานมาแล้วปี ๒๔๓๐ แคนาดาเคยออกกฎหมายกีดกันการเข้าเมืองของคนจีน คือถ้าเห็นเจ๊กมาเมื่อไหร่ ให้ถีบหัวเรือกลับทันที ต่อมาปี ๒๔๕๓ ได้ออกกฎหมายที่ใช้หลักการแหล่งกำเนิด ว่ามาจากยุโรปหรือไม่ใช่ยุโรป เป็นการเปิดรับคนเข้าเมือง โดยใช้ชาติพันธุ์เป็นตัวกำหนดว่า สมควรรับผู้ใดเข้ามาตั้งถิ่นฐานในแคนาดา หรือควรถีบออกมหาสมุทร เอาชัดๆ คือแคนาดามองเรื่องการรับคนเข้าไปตั้งถิ่นฐานอย่างเป็นการถาวร เพื่อเป็นฐานการเก็บภาษีให้แก่รัฐบาลกลางและรัฐบาลของรัฐ กฎหมายกีดกันชาติพันธุ์ที่ว่าเพิ่งจะมายกเลิกเอาเมื่อปี ๒๔๐๕ นี่เอง นั่นคือเรื่องราวของการส่งเสริมและเคารพในสิทธิและเสรีภาพมนุษย์ของแคนาดา http://www.thaipost.net/?q=จะหยิ่งยโสไปถึงไหน