ทีมทนายปชป.จ่อยื่นอุทธรณ์คดี’บิ๊กโอ๋’ สั่งปลด’มาร์ค’ออกราชการ ลั่นสู้สุดใจ มื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นอุทธรณ์กรณีที่ศาลแพ่งมีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่นายอภิสิทธิ์ เป็นโจทก์ฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากราชการ ว่า ทีมทนายจะเดินทางไปยื่นคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ พร้อมเอกสารภายในเดือนก.พ.ไม่เกินวันที่ 20 กุมภาพันธ์ โดยเรามีเหตุผล ข้อเท็จจริง ทางกฎหมายจำนวนมาก ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้แต่จะต่อสู้ไปถึง 3 ศาล เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าศาลจะให้ความเป็นธรรม นายบัณฑิต กล่าวว่า เรามั่นใจในข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งทั้ง 2 ข้อนี้ไม่เป็นห่วง แต่ข้อสำคัญไม่รู้ว่า ศาลจะดำเนินการอย่างไร จะไปเดาใจศาลไม่ได้ เพราะปัจจุบันทำคดีลำบาก จะทำคดีใครก็ต้องระมัดระวัง ยืนยันว่า พร้อมที่จะสู้คดีเต็มที่ http://www.matichon.co.th/news/26173 พี่มาร์คสู้คดีหนีทหารยันศาลโลกเลย เอาใจช่วย สู้ๆๆ
แล้ว hot boy บอกได้ไหมครับว่าตัวเองเกณฑ์ทหารยังไง เพราะเคยมีคนหนึ่งที่โม้ว่าตัวเองฉลาดก็พูดเรื่องนี้แหละ พอถามคำถามเรื่องเกณฑ์ทหาร ยังไม่เคยได้คำตอบจนบัดนี้
ทำไมเอ็ง ไม่โจมตี สด.43 วะ หรือเอกสาร อย่างอื่น ที่ทางราชการ รับรอง สด.9 มันใช้แค่ไปยื่นแสดง ตัว คัดเลือก พี่มาร์ค เขาอยู่โน่น อังกฤษ พอได้เวลา เขาก็มาสมัครเป็นอาจารย์ สอนทหาร ถือว่าทำคุณประโยชน์ให้หน่วยงาน เขาก็ออกเอกสารรับรองให้ เอ็งจะไปเทียบกับชาวบ้านเวลาไม่เกณฑ์ แล้วไม่มีเหตุผลรองรับพอ เขาก็จับเอ็ง ไปขังคุกขี้ไก่ แม้รับโทษสมความผิดแล้ว เพื่อนก็ล้อเลียนจนเอ็งแก่ตาย ว่า HOT BOY หนีทหาร งี่เง่า
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย หนีทหาร ใช้เอกสารปลอม เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นทหารเกณฑ์ ร้อยตรีเก๊ 555
อะไรกันครับ hot boy ไม่ยอมตอบเรื่องเกณฑ์ทหารตัวเองเลย แล้วจะให้เชื่อเรื่องนี้จากปากคนทึ่ไม่เคยเกณฑ์ทหารได้อย่างไร
ผมว่า "Hot Boy" เขาไม่รู้ว่าหรอกว่า เมืองไทยเรา เกณฑ์ทหารอย่างไร ผมเดาว่าแก่เป็นน่าจะเป็น "คนเขมร" หน่ะครับ.
.... ใช่ครับ จะอายทำไม อายกันเป็นซะที่ไหนภูมิใจเสียอีก มาร์คเป็นทหารรับใช้ชาติตั้ง 35 วัน ลาไปต่างประเทศ 3 ครั้ง รวมลากิจลาอะไรแล้วก็ 221 วันที่ไม่ทำงาน แถมยังได้เงินเดือนอีก .... โค๊ดภูมิใจเลย
"พอดีเป็นคนไม่มีสี ไม่รู้เรื่องนี้กับพวกเสื้อแดง อยากปฎิรูปกะลาแลนด์มากกว่า" เป็นการยืนยันได้ว่าเสื้อแดงคือความน่าอายที่สุดในจักรวาล มาร์คน่ะยังเหลืออีก 2 ศาล ชิลๆ
มิใช่อย่างที่เข้าใจเลย.... มันไม่ใช่สิ่งที่น่าอับอายอะไร บอกแล้วไง ผมคนไม่มีสี .....แต่ถ้าคุณจะยกย่องเชิดชูให้ผมเป็นคนเสื้อแดง ผมจะภาคภูมิใจมาก นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ผมก็อยากเป็นเหมือนกันคนเสื้อแดง ไม่รู้ทำไงถึงจะได้เป็น เพราะพวกคนเสื้อแดงจิตใจสูงส่งน่านับถือ พวกเค้าทำเพื่อส่วนรวมทำเพื่อคนส่วนใหญ่
พอดีผมเฉยๆอ่ะครับเพราะมาร์คชนะคดีหมิ่นประมาทที่เขาหมิ่นเรื่องหนีทหารมาแล้ว ผมก็เกรงว่าคนกลางจะโดนไปด้วยอ่ะครับ ผมก็งงนะครับหนีทหารมาเป็นทหาร ก่อนเป็นทหารก็ต้องฝึกก่อนด้วยหนีไม่พ้นครับ ก๊ากกกกกกกกกก
...... ครับผมฉลาดแท้..... ตอบซะหน่อยเมนต์นี้ มีคนดักดานกดถูกใจเยอะ.... แก้ตัวโต้แย้งแทนมาร์คได้ง่ายดีเนอะ ง่ายๆสั้นๆแบบนี้เลยเรอะ ไปเรียนอังกฤษ จบมาสมัครเป็นอาจารย์สอนทหาร เขาออกเอกสารให้ จบ! ....เรื่องมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะครับ ผมคงไม่มานั่งอธิบายหรอกนะ ไปศึกษาค้นคว้าเอา ผมนำมาให้บริโภคแล้ว เปิดจะๆ คำเบิกความ"ตู่"จตุพรคดีหมิ่น"อภิสิทธิ์ " หนีทหาร โชว์ ... A A A เรื่องราวเป็นมายังไง มาร์คหนีทหารใช้เอกสารเท็จเข้ารับราชการแบบไหน พยายามอ่านให้เกินสามบรรทัด มาร์คฟ้องจตุพรหมิ่นประมาทเรื่องหนีทหาร ศาลตัดสินออกมาแบบนี้ V V V ศาลยกฟ้อง‘จตุพร’หมิ่น‘มาร์ค’หนีทหาร เวลา 09.00 น. วันที่ 27 ก.ย. ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาท อ.1008/53 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา โดยโจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 53 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค.- 15 ก.พ.53 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยได้กล่าวปราศรัยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อหน้าประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง และประชาชนที่รับฟังและชมโทรทัศน์ช่องพีเพิล แชนแนล ที่มีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ ทำนองว่า โจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีที่สั่งฆ่าประชาชนและหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร และข้อความอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังว่า โจทก์เป็นคนมีจิตใจโหดเหี้ยม สั่งฆ่าประชาชน หนีทหาร เหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328,326,332 คดีนี้หลังจากศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่า ที่จำเลยกล่าวปราศรัยเมื่อวันที่ 29 ม.ค.53 ทำนองว่า นายอภิสิทธิ์จะขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส. เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ต้องถูกดำเนินคดีหนีทหาร ใช้เอกสารเท็จสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร.นั้น เมื่อบุคคลทั่วไปรับฟังย่อมเข้าใจและรู้สึกว่าโจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลีกเลี่ยงและจงใจหนีการเกณฑ์ทหาร ซึ่งเป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคน โจทก์จึงไม่มีความน่าเชื่อถือศรัทธาไม่มีความเหมาะสมสง่างามที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยจำเลยย่อมตระหนักดีอยู่แล้วว่าการกล่าวปราศรัยนั้นจะกระทบชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์ ข้อความที่จำเลยกล่าวจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ แต่มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า การกระทำดังกล่าว จำเลยได้แสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมตามวิสัยของประชาชนที่จะกระทำได้หรือไม่ เห็นว่า ตามที่โจทก์เบิกความตอบคำถามค้านของทนายความจำเลย ฟังได้เพียงว่า โจทก์เป็นนักศึกษาในความดูแลของก.พ. โดย ก.พ.เป็นผู้ดำเนินการผ่อนผันให้โจทก์โดยมีแบบหนังสือผ่อนผันการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหาร (สด.41) แต่โจทก์ไม่มีหนังสือผ่อนผันดังกล่าวมาแสดงประกอบ ส่วนที่โจทก์ตอบคำถามค้านอีกว่า โจทก์เคยแสดงเอกสารเกี่ยวกับการผ่อนผันเป็นบัญชีรายชื่อนักเรียนที่ไปศึกษาต่างประเทศ ซึ่งได้ยกเว้นหรือผ่อนผัน (สด.20) ต่อประธานรัฐสภา เมื่อพิจารณาเอกสารดังกล่าวพบว่า มีชื่อโจทก์อยู่ลำดับที่ 3 ระบุว่าได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผันเมื่อวันที่ 4 พ.ย.29 เพื่อไปศึกษายังประเทศอังกฤษระหว่างปี 2530-32 แต่เอกสารดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเป็นหนังสือผ่อนผันการตรวจเลือกฯ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะหนังสือผ่อนผันที่ถูกต้อง จะต้องเป็น สด.41 ที่ลงนามโดย รมว.มหาดไทย หรือผู้ว่าราชการจังหวัด ดังนั้น ในส่วนที่โจทก์ไม่ไปตรวจเลือกเข้ารับเกณฑ์ทหารโดยอ้างว่าได้รับการผ่อนผันจึงยังมีข้อพิรุธน่าสงสัยพอสมควร ส่วนที่โจทก์สมัครเข้าเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร. โจทก์เบิกความว่าไม่เคยใช้เอกสารเท็จในการสมัครเข้ารับราชการ ซึ่งเป็นการเบิกความลอยๆ ไม่มีเอกสารพยานหลักฐานใดมาสนับสนุน ซึ่งขณะเกิดเหตุโจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีถือเป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมตกเป็นเป้าการวิพากษ์วิจารณ์ความประพฤติรวมถึงประวัติชีวิตความเป็นมาตามสมควร เพราะเป็นบุคคลที่ประชาชนให้ความสนใจ ส่วนจำเลยเป็นส.ส.ฝ่ายค้าน จึงเป็นปกติที่จำเลยต้องตรวจสอบเรื่องราวฝ่ายรัฐบาลและตัวโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิจะตรวจสอบแสดงความเห็นโดยสุจริต เพราะหากเป็นไปตามที่จำเลยปราศรัย ย่อมแสดงว่าโจทก์จงใจประพฤติตนฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งจะขาดคุณสมบัติเป็นส.ส.และนายกรัฐมนตรีได้ จำเลยซึ่งมีสิทธิวิจารณ์เรื่องของโจทก์ได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยสร้างขึ้นมาเอง โดยจำเลยได้ตั้งคำถามต่อโจทก์ก่อนจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่โจทก์กลับไม่ได้ชี้แจง จึงแสดงให้เห็นเจตนาจำเลยชัดเจนว่าจะตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว แม้โจทก์อาจจะได้รับการผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร และไม่ได้ใช้เอกสารเท็จใดๆ ในการสมัครเข้าเป็นอาจารย์ แต่เอกสารที่เกี่ยวข้องมีพิรุธน่าสงสัยหลายประการ และยังไม่ปรากฏว่าเอกสารที่จำเลยนำมาอ้างนั้น โจทก์ได้โต้แย้งว่าเป็นเอกสารปลอมหรือเท็จ พยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบมาจึงมีเหตุตามสมควรที่ทำให้จำเลยมีความสงสัยและเชื่อว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่จำเลยปราศรัย การกระทำนั้นจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ป.อาญา ม.329 (1) (3) ส่วนที่จำเลยกล่าวปราศรัยเมื่อวันที่ 15 ก.พ.53 ทำนองว่าโจทก์เป็นประธานนั่งประชุมวางแผนล้อมปราบประชาชน วางแผนสั่งปราบปรามประชาชนนั้น เห็นว่า การกล่าวปราศรัยดังกล่าวทำให้คนเสื้อแดงอาจมีความคิดคล้อยตามไปได้ว่าโจทก์กระทำการดังกล่าวจริง ซึ่งจะทำให้บุคคลทั่วไปรู้สึกว่าโจทก์จิตใจโหดเหี้ยม อำมหิต เจ้าเล่ห์เพทุบายจนรู้สึกเกลียดชังโจทก์ ขณะที่จำเลยนำสืบกล่าวอ้างเพียงลอยๆ ไม่มีหลักฐานใดมาสนับสนุนว่าโจทก์กับพวกรวมประชุมวางแผนปราบปรามประชาชน แม้โจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่การกล่าวถ้อยคำของจำเลยเป็นการกล่าวยืนยันข้อเท็จจริงโดยไม่มีมูลความจริงใดๆ และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อกล่าวหาและใส่ร้ายโจทก์ จึงไม่เป็นการกระทำโดยสุจริตหรือติชมด้วยความเป็นธรรม แต่เป็นการปราศรัยเพื่อยั่วยุปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อก่อให้เกิดความเกลียดชังในตัวโจทก์ ซึ่งจำเลยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อความที่จำเลยปราศรัยเป็นความจริง จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง พิพากษาว่า ให้จำคุกจำเลย 6 เดือนและปรับ 50,000 บาท ตาม ม.328 แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยรับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ที่มา มติชนออนไลน์ มาร์คฟ้องสุกำพล ศาลตัดสินออกมาแบบนี้ V V V ศาลแพ่งยกฟ้องสุกำพลไม่ผิดออกคำสั่งย้อนหลังปลดอภิสิทธิ์ ... เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลแพ่งมีคำพิพากษา ในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงกลาโหม ที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุที่จำเลยปลดโจทก์ออกจากราชการ เนื่องจากโจทก์ขาดการตรวจเลือกทหารแล้วนำใบสำคัญ (ใบสด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายอันเป็นเท็จ มาแสดงต่อสัสดีจังหวัดนครนายก ทำให้สัสดีจังหวัดนครนายกไม่ทราบความจริงว่าโจทก์ครบเวลาที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร จึงไม่ได้ระบุสถานะว่า เป็นผู้ขาดการเกณฑ์ทหาร เป็นเหตุให้สัสดีจังหวัดนครนายกออกใบสำคัญ สด.3 (ใบขึ้นทะเบียนกองประจำการ) ให้แก่โจทก์ อีกทั้งโจทก์ไม่มีใบสด.41 ซึ่งเป็นเอกสารแสดงว่าได้รับการผ่อนผันกรณีศึกษาที่ต่างประเทศว่าไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร โจทก์จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติและไม่มีคุณสมบัติที่จะบรรจุเข้ารับราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตรได้ การสมัครและบรรจุโจทก์เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร กับการแต่งตั้งโจทก์เป็นนายทหารสัญญาบัตรฯ ตามคำสั่งกระทรวงกลาโหมเป็นการไม่ชอบ คำสั่งของจำเลยที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งของจำเลย ด้านนายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทีมทนายความ เปิดเผยว่า คดีนี้นายอภิสิทธิ์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีกลาโหม โดยทางทีมทนายเพิ่งทราบคำพิพากษาแบบฉุกละหุก จึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ ต้องขอศึกษารายละเอียดก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ นายอภิสิทธิ์ เคยยื่นฟ้องพล.อ.อ.สุกำพล ต่อศาลปกครองกลาง กรณีที่ได้รับความเสียหายจากการที่พล.อ.อ.สุกำพล ผู้ถูกฟ้องคดี มีคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 1163/2555 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน ปลด ร.ต. อภิสิทธิ์ ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการทหาร ต่อมาศาลปกครองกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2557 ให้โอนคดีดังกล่าวไปให้ศาลแพ่งวินิจฉัยชี้ขาดตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ.2542 และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลปกครอง ต่อจากนั้น นายอภิสิทธิ์ จึงได้ ยื่นฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล ต่อศาลแพ่ง เรื่องกระทำการโดยมิชอบในการออกคำสั่งกลาโหม ในการออกคำสั่งดังกล่าว โดยนายอภิสิทธิ์โจทก์ ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่ง รมว.กลาโหม ดังกล่าว โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ออกคำสั่ง เนื่องจากมีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวนข้อร้องเรียนที่เคยพิจารณาไปแล้วเมื่อปี 2542 และยังมีการเร่งดำเนินการจัดทำรายงานว่าโจทก์กระทำผิดตามข้อกล่าวหา โดยไม่เรียกไปให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐาน ขณะที่โจทก์ได้ลาออกจากข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตรที่ได้รับบรรจุ ปี 2530 ในตำแหน่ง รรก.อจ.ส่วนการศึกษา จปร.แล้ว ตั้งแต่ปี 2532 เพื่อลงสมัครผู้แทนราษฎร http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451385786
หลักฐานครับ มีหรือเปล่า อย่าสักแต่จำขี้ปากเขามา ถ้ารับใช้ชาติแค่ 35 วัน ฟ้องทหารที่อนุญาตให้ลาได้ด้วยสิ
ศาลพิจารณาคดีความหมิ่นประมาทเอ็ง ก็ตัดทอน บางส่วนของคำวินิจฉัย มาอ้างมาโจมตี ถ้าเปรียบเทียบงานเขารับวุฒิ ม.6 แต่มาร์ค ใช้วุฒิ ป.ตรี มันผิดตรงใหนวะ โจมตีหวังเจาะยาง สร้างกระแส ฝันไปเหอะ รัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ประกาศใช้ พวกเองกลัวไม่มี คนเทียบเคียงได้ ช่างน่าขัน หวังจะยัดโอ๊คอ๊าค ในทางลับ พวกเอ็งเห็นประเทศไทยเป็นอะไร พอไม่ได้ ก็เลยทำลายคู่แข่งกันไว้ก่อน
เหอะๆ สลดใจจริงๆเมื่อเห็นการแถ... ยังจะเข้ามาให้ยำร้อยตรีมาร์คอีก มันไม่ผิดรับ วุติ ม 6 แต่มาร์คใช้วุติ ป.ตรี ของจริง แต่มันผิดตรงที่ วุติ ป.ตรี ของมาร์ค มันดันเป็น วุติ ป.ตรี ของปลอม มันเป็นเอกสารเท็จ ออกโดยมิชอบด้วยกฏหมาย คนหนีทหารไปสมัครเป็นยาม เค้ายังไม่รับเลยนะ พากันอายเพศทางเลือกไหมนั้น เหอะๆ
มันก็แปลว่าคุณอาจไม่มีความรู้เรื่องทหารเลยก็ได้ หรือแปลว่าจริงๆคุณไม่เคยเป็นทหารหรือเกณฑ์ด้วยซ้ำ แล้วจะรู้อะไรได้ไม่ได้
ไงครับ จะไม่เคลียร์เรื่องตัวเองทิ้งเพื่อนหน่อยเหรอ อีกอย่างนานแล้วนะครับ ถามว่าชอบปชป.เพราะอะไรยังไม่ตอบเลย
เออผมไมีมี สด.43 สด.8 เป็นการผ่านทหารนะครับ ผมก้ไม่ได้ผ่านเกณฑ์ทหารแต่ถูกเรียกประจำการ 10 ปี ผ่านระบบ 3 3 4 ของ กองกำลังสำรอง
http://www.thairath.co.th/content/785177 "ศิริโชค" เผยศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ปม "สุกำพล" สั่งปลด "อภิสิทธิ์" พ้นทหารสัญญาบัตร แจง "มาร์ค" เป็นทหารนอกราชการ ชี้คำสั่งไม่มีผล อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/785177
ขอแนะนำว่า เหลือ "รูหมาลอด" ให้พวกกาสรสีชาดบ้างครับ http://www.thairath.co.th/content/785177 เพิ่มเติมเอกสารคำพิพากษาศาลครับ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเพิกถอนคำสั่งปลด"อภิสิทธิ์"พ้นทหาร วันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 เวลา 07:21 น. ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ สั่งเพิกถอนคำสั่งปลด "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ออกจากราชการทหาร ระบุ "พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต" ปลด "นายอภิสิทธิ์" ให้มีผลย้อนหลังไม่ได้ เพราะขณะมีคำสั่ง "นายอภิสิทธิ์" ไม่ได้เป็นข้าราชการกองประจำการ นายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทนายความ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่นายอภิสิทธิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงกลาโหมที่ให้ปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากราชการ โดยศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษากลับจากกรณีที่ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้อง พร้อมให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงกลาโหมที่ปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากราชการแต่คดียังไม่ถึงที่สุด เพราะพลอากาศเอกสุกำพล ยังสามารถยื่นฎีกาได้อีก สำหรับคดีดังกล่าวศาลแพ่งซึ่งเป็นศาลชั้นต้น ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.58 ว่า คำสั่งของกระทรวงกลาโหมให้นายอภิสิทธิ์ ออกจากราชการนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว และไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งของจำเลย แต่ต่อมานายอภิสิทธิ์ ได้ยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 มาตรา 7 บัญญัติว่า ทหารผู้ใดกระทำผิดต่อวินัยทหารจะต้องรับทัณฑ์ตามวิธีในพระราชบัญญัติ และอาจถูกปลดจากประจำการ หรือ ถูกถอดยศทหาร ทำให้เห็นว่าทหารที่จะถูกลงโทษทางวินัย ต้องเป็นทหารประจำการ หรือทหารกองประจำการที่รับราชการอยู่ แต่คดีนี้จำเลย มีคำสั่งปลดโจทก์ออกจากราชการ หลังจากโจทก์พ้นจากราชการแล้วถึง 23 ปีเศษ ซึ่งการพิจารณาลงโทษย้อนหลัง ไม่อาจกระทำได้ เพราะการปลดข้าราชการทหารออกจากประจำการต้องเป็นข้าราชการทหารที่ประจำการอยู่เท่านั้น ดังนั้นจำเลยจึงไม่มีอำนาจสั่งปลดโจทก์ออกจากราชการ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 มาตรา 7 จึงพิพากษากลับให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวของกระทรวงกลาโหม
เอ่อ .. คิดเรื่องอื่นไม่ออกแล้วเหรอครับ จำได้ว่ามีเรื่องที่ลือกันว่า จอมพลสฤษฐ์ ธนะรัช ท่านก็มีเชื้อเขมรอยู่ด้วย