เศร้าจัง... ผู้นำจิตวิญญาญ ศาสดาโกเต๊กที่เคยพากู้ชาติบ้านเมืองต้องมาติดคุกข้อหาโกงชาติ

อย่าร้องไห้เลย เด๋วศาสดาเราก็ออกมา

 

เอาไงแน่? แกนนำบอกเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ลูกจ้างบอกโกงชาติ ไม่ทำการบ้านกันเลย นายจ้างเคืองว่าอู้งานไม่รู้ด้วย




http://www.dailynews.co.th/politics/522158

'จตุพร'ชี้ไม่ควรสะใจ'สนธิ'ติดคุก เหตุเป็นคดีส่วนตัว
"จตุพร"ย้ำจุดยืน นปช.ต่อต้านรัฐประหาร สู้เพื่อ ปชต. ชี้ไม่ควรสะใจ“สนธิ” ติดคุก ระบุเป็นคดีส่วนตัว ไม่เกี่ยวการเมือง
พุธที่ 7 กันยายน 2559 เวลา 14.09 น.

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต่านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ว่า นปช. เป็นองค์กรของประชาชนที่ยังยึดมั่นแนวทางต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนกว่าประชาชนจะได้รับชัยชนะ แม้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นถอนประกันแกนนำก็ตาม แต่ไม่สะทกสะท้าน หรือทำให้เปลี่ยนแปลงจุดยืนการต่อสู้ไปได้ ทั้งนี้ตนขอเปรียบเทียบการเกิดของ 3 องค์กรทางการเมืองว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่ม กปปส. และ นปช. มีความแตกต่างกัน ทั้งในจุดยืนและแนวทางการต่อสู้ โดยกลุ่ม กปปส. กับพันธมิตรฯ เกิดขึ้นด้วยผลการแพ้เลือกตั้ง และต้องการล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง แต่ นปช. เกิดภายหลังการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 และต่อสู้ตามแนวทาง จุดยืนเพื่อประชาธิปไตยของประชาชน

นายจตุพร กล่าวอีกว่า นายสนธิถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 20 ปีนั้น ประชาชนไม่ควรสะใจ เพราะเป็นคดีการใช้เอกสารเท็จกู้เงินธนาคารกรุงไทย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องไม่เกี่ยวกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ ดังนั้นจึงควรรักษาพื้นที่ความเป็นมนุษย์เอาไว้ หลังการยึดอำนาจ พันธมิตรฯ รู้สึกเป็นชัยชนะ และมีการชุมนุมหลายครั้ง รวมทั้งออกมาขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วประกาศยุติการเคลื่อนไหวไป สิ่งที่นำมากล่าวนั้น แสดงให้เห็นว่าอะไรเมื่อเริ่มต้นด้วยความไม่จริง จะยืนระยะเอาไว้ไม่ได้ และอะไรที่ไม่เป็นประชาธิปไตยก็ไม่จีรังเช่นกัน ส่วน นปช. เกิดขึ้นภายหลังจากการยึดอำนาจปี 2549 หลักสำคัญคือ จุดยืนประชาธิปไตย แม้ถูกกล่าวหารับใช้นักการเมืองและตัวบุคคล แต่ในบางเรื่องได้พิสูจน์ถึงความเห็นต่างในกรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือ พ.ร.บ. สุดซอย ในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงสะท้อนได้ว่า นปช. ไม่ได้ยืนหยัดเพื่อตัวบุคคล

"เราไม่ได้ปรารถนาในการต่อสู้เพื่อใคร แต่สู้เพื่อประชาธิปไตยของชาติ โดยตัดเรื่องส่วนตัวออกไป เวลา 10 ปี ได้พิสูจน์ได้ชัดเจน ทั้งคนมีความมั่นคง และเปลี่ยนแปลงจุดยืน ดังนั้นการดำรงอยู่ของ นปช. คือประชาธิปไตยที่ถูกต้อง โดยไม่เริ่มต้นด้วยความโกหก เหมือนปฏิบัติการไอโอ ซึ่งประชาชนคงเชื่อมั่นได้ว่า แม้เหลือคนไม่กี่คน จุดยืน นปช. ยังต้องดำรงอยู่ และยึดมั่นในแนวทางประชาชน"นายจตุพร กล่าว และว่า ส่วนกปปส.เกิดขึ้น ด้วยการโหมต่อต้าน พ.ร.บ.สุดซอย เพื่อต้องการเข้าไปมีอำนาจเสียเอง เมื่อทำไม่สำเร็จจึงเปิดประตูให้คณะรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อ พ.ค.2557 และขณะนี้จึงเหลือสถานะเพียงมูลนิธิมวลมหาประชาชน มีแต่ นปช. เท่านั้น ที่ดำรงความเป็นองค์กรต่อสู้ที่ยึดแนวทางประชาธิปไตยไว้อย่างมั่นคง....

 

ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมครับ
เขาทำผิดกฏหมาย โดนตัดสินว่าผิด
ก็ก้มหน้ารับกรรมติดคุกอย่างแมนแมนแม้อายุจะเจ็ดสิบแล้ว
ก็ถือว่าเป็นลูกผู้ชายพอตัว สู้ครบสามศาล
ไม่แอบหนีไปดูโอลิมปิค

ดีกว่าทำตัวหน้าตัวเมีย ปากกล้าขาสั่น
หนีคุกหนีตารางหนีคดีหนีศาลเร่ร่อนเป็นสัมภเวสีนอกประเทศ
กลับบ้านไม่ได้ พยายามอยากกลับบ้านก็ยังเลวทำร้ายทำลายประเทศ
ยิงคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ฆ่าได้แม้กระทั่งพวกเดียวกัน
ทั้งหาทางแจกถุงขนมติดสินบน ทั้งจ้างลูกจ้างยกมือกฏหมายสุดซอย
แถมไม่ควักเงินแต่จกเงินขโมยเงินประเทศชาติมาใช้ทำชั่วหน้าตาเฉย
อันนี้น่าอดสู หน้าตัวเมีย ต่ำกว่าตุ๊ด

 

แล้วเขากู้ชาติบ้านเมืองได้หรือเปล่าล่ะ
ติดคุกข้อหาโกงชาติคงมีอีกหลายๆคน แห่ะๆๆๆ

 

ไม่รอดูอีปูก่อนรึ
กำนันเค้ากล้าเฮี่ยเท่าทักษิณ กับ สนธิ หรือโง่เท่าอีปู หรอก
ไม่งั้นป่านนี้ คงเป็นนายกไปแล้ว
แต่ถึงเวลา ไม่รู้ต้องหนีหางจุกตูดเหมือนหมา หรือ ติดคุกน๊ะ
ที่นี้รู้ยังที่ แป๊ะ มันด่า พวก ปชป. โง่ ตกลงใครโง่กันแน่
ตอนนี้ลุงกำนันเค้าชิว ๆ ว่ะ
555

 

ดูไอ้ตู่มันพูดสิ

"เราไม่ได้ปรารถนาในการต่อสู้เพื่อใคร แต่สู้เพื่อประชาธิปไตยของชาติ โดยตัดเรื่องส่วนตัวออกไป เวลา 10 ปี ได้พิสูจน์ได้ชัดเจน ทั้งคนมีความมั่นคง และเปลี่ยนแปลงจุดยืน ดังนั้นการดำรงอยู่ของ นปช. คือประชาธิปไตยที่ถูกต้อง โดยไม่เริ่มต้นด้วยความโกหก"

มันต้องหน้าด้านขนาดไหน ถึงจะกล้าพูดออกมาล่ะนั่น

5555

 

อย่างหนาเลยล่ะ ถึงจะกล้าพูดออกมา
สาวกก็ ชาบุ ชาบุ เชื่อลุงกำนันแล้วจ้า
ลุงกำนันไม่เคยโกง ลุงกำนันคนดีคนดี๊

 

ศาลตัดสินแล้วว่าโกง ???

นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องในคดีฉ้อโกงและคดีฮั้วประมูล ที่บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนตรัคชั่น จำกัด พร้อมพวกผู้บริหาร ผู้ต้องหา ในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ว่า ขณะนี้ตนยังไม่เห็นสำนวนดังกล่าว เนื่องจากเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งในวันนี้ จึงขอตรวจสอบสำนวนคดีก่อน

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงสำนักงานอัยการสูงสุดระบุว่า สำหรับสำนวนคดีฉ้อโกงที่ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนตรัคชั่น จำกัด ,นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานบริษัท พีซีซีฯ , นายวิศณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พีซีซีฯ และนายจตุรงค์ อุดมสิทธิกุล กรรมการบริษัท พีซีซีฯ ผู้ต้องหาที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงเงินค่าก่อสร้างผู้รับเหมาช่วง ในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน396 แห่งทั่วประเทศ จำนวนกว่า 90 ล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 นั้น

โดยอัยการฝ่ายคดีพิเศษได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากพิจารณาสำนวนแล้วว่า ผู้รับเหมาช่วงได้เข้าร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ ว่า ไม่ได้รับเงินค่าจ้างและเงินค่าดำเนินการต่างๆจากบริษัทพีซีซี ซึ่งทางอัยการพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า ไม่ได้เป็นการหลอกลวง แต่เป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง เนื่องจากบริษัทพีซีซีไม่จ่ายเงินให้ผู้รับเหมาช่วงตามงวดสัญญา ทำให้ผู้รับเหมาช่วงไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างสถานีตำรวจให้เสร็จสิ้นได้ และบริษัทพีซีซีก็เคยเป็นผู้รับเหมาและมีประวัติการทำงานก่อสร้างโครงการใหญ่มาก่อน เห็นว่า บริษัทพีซีซีไม่มีเจตนาฉ้อโกงและไม่มีมูลทางคดีอาญาจึงสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว

ส่วนคดีฮั้วประมูล ที่บริษัท พีซีซี ฯ , นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานบริษัท พีซีซีฯ และ นายวิศณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พีซีซีฯ ผู้ต้องหาที่ 1-3 ข้อหา โดยทุจริตร่วมกันเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐโดยรู้ว่า ราคานั้นต่ำมากเกินกว่าปกติ (ต่ำกว่าราคากลางถึง 540 ล้านบาท) จนเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้าหรือบริการ หรือเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมและการกระทำเช่นว่าเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 8 นั้น

โดยอัยการฝ่ายคดีพิเศษก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเช่นกัน เนื่องจากเห็นว่าการประมูลโดยวิธีอีอ็อกชั่นของ สตช. เป็นการประมูลอย่างถูกต้องและมีการแข่งขันราคากันหลายครั้ง ส่วนที่ดีเอสไอระบุว่า บริษัทพีซีซีเสนอราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมากเกินกว่าปกตินั้น ก็ไม่ปรากฏว่าการเสนอราคาต่ำมากจนเกินไปและต่ำกว่าเกณฑ์ของกระทรวงการคลังแต่อย่างใด

ทั้งนี้ดีเอสไอจะมีความเห็นแย้งอัยการหรือไม่นั้น ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ หากดีเอสไอเห็นพ้องด้วยกับอัยการคดีก็ถือเป็นที่ยุติ แต่หากดีเอสไอยืนยันตามเดิม สมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ก็จะต้องส่งสำนวน ให้นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด เป็นผู้ชี้ขาดว่า จะสั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่

 

หลักฐานเรื่องคดีทุจริตคือ ???

 

"บิ๊กโด่ง"รับ" อุทยานราชภักดิ์"มีแอบอ้างเรียกหัวคิวจริง แต่นำเงินไปบริจาคเเล้ว ..

วันที่ 10 พ.ย. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการทุจริตการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยยืนยันว่า การดำเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใส ยืนยันไม่หนักใจในการชี้แจง และเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อกับการทำงาน โดยในส่วนมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์มีรูปแบบการทำงานเป็นคณะกรรมการ โดยมีผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานอำนวยการโดยตำแหน่ง ส่วนการเงินจะมีเจ้ากรมการเงินทหารบกรับผิดชอบซึ่งมีหลักฐานและรายละเอียดชัดเจน สามารถตรวจสอบและชี้แจงได้


พร้อมกล่าวย้ำว่า สิ่งต่างๆ ที่ดำเนินการเกิดจากความตั้งใจดี เพราะต้องการให้อุทยานราชภักดิ์เป็นสมบัติของชาติ แต่ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้พบมีบุคคลแอบอ้างและการเรียกเก็บเงินหัวคิวของโรงหล่อ และได้ดำเนินการให้นำเงินเหล่านี้ไปคืนในรูปแบบการบริจาคแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงมีการจุดประเด็นเพื่อเชื่อมโยงกับปัญหาหลักที่เกิดขึ้นอีก และวอนผู้ไม่หวังดีให้หยุดโจมตี

ที่มาของข่าว : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1447124841

 

ทำไม "ทักษิณ" ไม่กลับมาสู้คดี "นพดล ปัทมะ" มีคำตอบ?
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊คส่วนตัว (Noppadon Pattama) ดังนี้
มีคนถามผมว่าถ้า "ทักษิณ" ไม่ผิดจริง ทำไมไม่มาสู้คดี ผมคิดว่าคำถามนี้น่าสนใจ และอยากจะชี้แจงครับ ผมยินดีตอบคำถามที่สงสัยอย่างบริสุทธิ์ใจ ดังนี้
1)หลังยึดอำนาจ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งประกอบด้วยคนที่เป็นปฎิปักษ์กับทักษิณมาสอบสวนในหลายคดี เพราะจะเอาผิดให้ได้ เพื่อใช้สร้างความชอบธรรมในการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากประชาชน การรัฐประหารนั้นถือว่าขัดหลักนิติธรรม การตั้งปฎิปักษ์มาสอบสวนเป็นการขัดหลักนิติธรรมแบบดับเบิล

2) ผมขอยกตัวอย่างคดีที่ดินรัชดาที่ตัดสินว่า พตท ทักษิณผิดนั้นก็เป็นผลการสอบสวนของคตส. ครับ ข้อเท็จจริง ท่านเซ็นให้ภรรยาไปประมูลซื้อที่ดินที่เป็นทรัพย์สินเน่าจากกองทุนฟื้นฟู ภายใต้แบงค์ชาติ ท่านไม่ได้ใช้อำนาจนายกฯช่วยภรรยาตนเอง เพราะเป็นการประมูลซื้อ เปิดซองกันจะๆเลยครับ ใครเสนอราคาสูงสุดก็ได้ไป

3) นอกจากนั้นก่อนประมูลก็ถามแบงค์ชาติว่าภรรยานายกประมูลได้ไหม เขาตอบว่าประมูลได้ คุณหญิงจึงเข้าประมูล และใช้ชื่อจริง ถ้าท่านไม่บริสุทธิ์ใจ ท่านคงไม่ใช้ชื่อตนเองเข้าประมูลหรอกครับ

4) การตัดสินของ.....ไม่ถูกต้องตามกฎหมายในหลายประเด็นครับ ประเด็นแรกมาตรา 100 กฎหมายปปช.ห้ามคู่สมรสของเจ้าหน้าที่รัฐทำสัญญากับหน่วยงานที่ตนกำกับ ควบคุม หรือสั่งการ เช่น เมียของรัฐมนตรีคมนาคมไม่สามารถขายรถเมล์ให้ ขสมก. แต่สามารถขายยาแก้ปวดให้กระทรวงสาธารณสุขได้ เพราะสามีของตนไม่ได้กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข

5) โดยหลักการตีความกฎหมายนั้น กฎหมายจำกัดสิทธิ์ต้องตีความอย่างแคบ และกฎหมายให้สิทธิ์ต้องตีความอย่างกว้างกฎหมายมาตรา 100 นี้เป็นกฎหมายจำกัดสิทธิ์ครับ ต้องตีความอย่างแคบ แต่ในคดีนี้......ตีความอย่างกว้าง โดยตีความว่านายกฯมีอำนาจกำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งตามกฎหมายแล้วแบงค์ชาติเป็นอิสระจากรัฐบาลนายกฯสั่งการไม่ได้ เห็นมั้ยครับรัฐบาลเห็นว่าดอกเบี้ยสูง ก็สั่งผู้ว่าแบงค์ชาติให้ลดดอกเบี้ยไม่ได้ กองทุนฟื้นฟูยิ่งเป็นอิสระจากรัฐบาลไกลออกไปอีกครับ

6) ต้องยอมรับครับว่าในบรรยากาศบ้านเมืองเช่นนี้ เราอยากเห็นความเป็นกลางและความเที่ยงธรรมของการ.....ครับ เราไม่อยากเห็นใครเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อทำลายกันทางการเมือง เราต้องไม่มีการบังคับและใช้กฎหมายอย่างสองมาตรฐาน ผมว่าถ้าเราใช้กระบวนการยุติธรรมปกติ สอบสวนปกติ ตัดสินปกติ ใครก็อยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน

7) ท่านใดที่ไม่ได้ได้รับความอยุติธรรมอาจไม่เข้าใจว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน การยุบพรรคเพียงเพราะกรรมการบริหารคนเดียวทำผิดแล้วตัดสิทธิ์กรรมการที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบเหมาเข่ง การเปิดพจนานุกรรมเพื่อหาความหมายของคำว่าลูกจ้างทั้งๆที่ต้องเอาความหมายจากประมวลกฎหมายแพ่งหรือกฎหมายแรงงานเท่านั้น และการตัดสินให้ท่านสมัครพ้นจากความเป็นนายกฯเพราะการไปทอดไข่เจียวออกทีวี หรือแม้กระทั่งการไปเติมคำว่า "อาจ" ไปในรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือการใช้กฎหมายที่ประกาศโดยคณะรัฐประหารย้อนหลังตัดสิทธิ์กรรมการพรรคการเมืองพรรคไทยรักไทย ก็ขัดหลักนิติธรรม เพราะกฎหมายใช้ย้อนหลังเป็นคุณได้ แต่ใช้ย้อนหลังเป็นโทษไม่ได้ครับ

ดังนั้น ที่ถามว่าทำไม พันตำรวจโท ทักษิณไม่กลับมาต่อสู้คดี ผมคงต้องถามกลับละครับว่า เหยื่อของการรัฐประหาร จะได้รับความยุติธรรมจากคดีที่เริ่มต้นสอบสวนโดยคณะรัฐประหาร และโดยคนที่เป็นปฎิปักษ์ทางการเมืองของเหยื่อ ซึ่งล้วนละเมิดหลักนิติธรรมหรือไม่ ผมว่าคำตอบหาได้ไม่ยากเลยครับ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1365862100&grpid&catid=01&subcatid=0100

 

จาก "สุเทพ" แถไป "อุดมเดช" เพื่อ ????

 

ไม่ต้องดัดจริตทำเป็นเศร้าหรอก ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ไม่ต้องแถ

 

หาได้ยังว่าแก้กฏหมายอะไรย้อนหลังเอาผิด...

 

ลุงกำนันเมือกให้รวบสัญญา
แถมยังกำชับอย่ารื้อ ทุบทิ้งของเก่า
เหมือนแกจะรู้ จะได้มีที่หลบฝนหลบแดดกัน
ดีเนอะ ลงุกำนันแกยังห่วงตำรวจ กลัวจะเป็นหวัดกัน
คนดีแบบนี้หาได้ที่ไหน

 

คนทำสัญญาบอกไม่ให้ทุบของเก่าทิ้ง แต่คนบริหารสัญญาไปทุบของเก่า แล้วต่อมาไม่มีที่อยู่ที่ทำงานเอง
สรุป คนทำสัญญาผิด ??? ตรรกะวิบัติกว่านี้มีอีกไหมเนี่ย

แถมคนบอกให้รวมสัญญานี่ก็เป็นทางสำนักงานตำรวจทำเรื่องส่งมาเองด้วย

พลตำรวจเอกปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าชี้แจงต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กรณีการเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง และแฟลตตำรวจ 163 แห่งทั่วประเทศ โดยยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงสัญญาไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและทำตามหน้าที่ โดยเป็นไปตามแนวทางของคณะรัฐมนตรีที่ต้องทำเป็นสัญญาเดียว โดยใช้งบประมาณผูกพัน 3 ปี ตั้งแต่ปี 2552-2554

ส่วนการทำสัญญาโดย เสนอราคาเป็นรายภาคนั้น เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน แต่ตนไม่มั่นใจว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีอำนาจเปลี่ยนแปลงสัญญาจากสัญญาเดียวตามมติ ครม. มาเป็นการทำสัญญาแบบรายภาค 9 สัญญาได้หรือไม่ เพราะการจัดสรรงบประมาณกำหนดให้เป็นงบประมาณผูกพัน 3 ปี แต่การทำสัญญาในลักษณะนี้จะต้องจัดสรรงบประมาณผูกพันออกเป็น 9 สัญญา

ทั้งนี้ พลตำรวจเอกปทีป ปฏิเสธว่าการรวมสัญญาก่อสร้างเป็นสัญญาเดียว ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้การก่อสร้างสถานีตำรวจล่าช้า โดยขอให้ติดตามหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะบริษัทที่เข้าแข่งขันทั้ง 5 ราย ขณะเดียวกันการทำสัญญาแบบสัญญาเดียวยังทำให้ประหยัดงบประมาณไปได้ 800-900 ล้านบาท พร้อมปฏิเสธที่จะให้ความเห็นด้วยว่า คดีความที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการบริหารสัญญาผิดพลาด เนื่องจากตนเกษียณราชการไปตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2553 ซึ่งสมัยที่รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็เกี่ยวข้องเฉพาะช่วงที่มีการประกวดราคาเท่านั้น

ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่าเตรียมทำหนังสือถึง พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการแจ้งความในคดีการก่อสร้างโรงพักไม่แล้วเสร็จแล้ว เพื่อให้ดีเอสไอสามารถดำเนินการสอบสวนต่อไปได้ เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้เสียหายโดยตรง

ทั้งนี้ นายธาริตยืนยันว่าไม่มีเจตนาให้ร้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติในคดีนี้ และพร้อมจะเดินทางไปขอโทษผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้เกิดภาพความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานยุติธรรม

http://news.voicetv.co.th/thailand/63063.html

 

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คนสั่่งทำสัญญาเจ้าเดียวผิดครับ
แกยกเลิกคำสั่งเดิม และเปลี่ยนให้รวมเป็นสัญญาเดียว ...

 

แถมคนบอกให้รวมสัญญานี่ก็เป็นทางสำนักงานตำรวจทำเรื่องส่งมาเองด้วย

ปล. เอาเอกสารมาอ้าง แต่ดันอ่านเอกสารราชการแล้วไม่เข้าใจซะงั้น
จะบอกให้เอาบุญ ลายเซ็นต์สุดท้ายคือ พล.ต.อ.ปทีป ทำเรื่องเสนอให้รวมสัญญา แล้วสุเทพก็เซ็นต์อนุมัติตามที่ตำรวจร้องขอ
แถมทิ้งท้ายไว้ด้วยว่าห้ามทุบของเดิมที่มีอยู่

พลตำรวจเอกปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าชี้แจงต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กรณีการเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง และแฟลตตำรวจ 163 แห่งทั่วประเทศ โดยยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงสัญญาไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและทำตามหน้าที่ โดยเป็นไปตามแนวทางของคณะรัฐมนตรีที่ต้องทำเป็นสัญญาเดียว โดยใช้งบประมาณผูกพัน 3 ปี ตั้งแต่ปี 2552-2554

ส่วนการทำสัญญาโดย เสนอราคาเป็นรายภาคนั้น เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน แต่ตนไม่มั่นใจว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีอำนาจเปลี่ยนแปลงสัญญาจากสัญญาเดียวตามมติ ครม. มาเป็นการทำสัญญาแบบรายภาค 9 สัญญาได้หรือไม่ เพราะการจัดสรรงบประมาณกำหนดให้เป็นงบประมาณผูกพัน 3 ปี แต่การทำสัญญาในลักษณะนี้จะต้องจัดสรรงบประมาณผูกพันออกเป็น 9 สัญญา

ทั้งนี้ พลตำรวจเอกปทีป ปฏิเสธว่าการรวมสัญญาก่อสร้างเป็นสัญญาเดียว ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้การก่อสร้างสถานีตำรวจล่าช้า โดยขอให้ติดตามหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะบริษัทที่เข้าแข่งขันทั้ง 5 ราย ขณะเดียวกันการทำสัญญาแบบสัญญาเดียวยังทำให้ประหยัดงบประมาณไปได้ 800-900 ล้านบาท พร้อมปฏิเสธที่จะให้ความเห็นด้วยว่า คดีความที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการบริหารสัญญาผิดพลาด เนื่องจากตนเกษียณราชการไปตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2553 ซึ่งสมัยที่รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็เกี่ยวข้องเฉพาะช่วงที่มีการประกวดราคาเท่านั้น

ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่าเตรียมทำหนังสือถึง พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการแจ้งความในคดีการก่อสร้างโรงพักไม่แล้วเสร็จแล้ว เพื่อให้ดีเอสไอสามารถดำเนินการสอบสวนต่อไปได้ เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้เสียหายโดยตรง

ทั้งนี้ นายธาริตยืนยันว่าไม่มีเจตนาให้ร้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติในคดีนี้ และพร้อมจะเดินทางไปขอโทษผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้เกิดภาพความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานยุติธรรม

http://news.voicetv.co.th/thailand/63063.html

 

แถมพวกลูกกระแป๋งตะแบงจะให้สุเทพผิดให้ได้ แต่ตอนอัยการดันไม่ฟ้องตอนปี 2556 ซึ่งอีปูก็มีอำนาจอยู่ แต่ไม่ได้ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง
ประเด็นนี้จะเอายังไงดีละ หรืออีปูเห็นว่าสุเทพไม่ผิดตามที่อัยการบอกเลยปล่อยไปยังงั้นรึ ???
แล้วธาริตละ ตอนนั้น DSI ยืนยันแล้วยืนยันอีก ทำไมปล่อยไว้ไม่ทำอะไรต่อละ หืม ???

ในคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการก็บอกอยู่แล้วว่า เรื่องตอนประมูลไม่มีปัญหาอะไร ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง

ถ้ามีสมองคิดซักนิดก็น่าจะรู้ว่า ถ้าตอนประมูลมันถูกต้อง แล้วที่เกิดปัญหานี้มันควรจะเกิดจากขั้นตอนการประมูลหรือว่าขั้นตอนหลังประมูลกันแน่ ???

นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องในคดีฉ้อโกงและคดีฮั้วประมูล ที่บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนตรัคชั่น จำกัด พร้อมพวกผู้บริหาร ผู้ต้องหา ในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ว่า ขณะนี้ตนยังไม่เห็นสำนวนดังกล่าว เนื่องจากเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งในวันนี้ จึงขอตรวจสอบสำนวนคดีก่อน

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงสำนักงานอัยการสูงสุดระบุว่า สำหรับสำนวนคดีฉ้อโกงที่ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนตรัคชั่น จำกัด ,นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานบริษัท พีซีซีฯ , นายวิศณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พีซีซีฯ และนายจตุรงค์ อุดมสิทธิกุล กรรมการบริษัท พีซีซีฯ ผู้ต้องหาที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงเงินค่าก่อสร้างผู้รับเหมาช่วง ในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน396 แห่งทั่วประเทศ จำนวนกว่า 90 ล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 นั้น

โดยอัยการฝ่ายคดีพิเศษได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากพิจารณาสำนวนแล้วว่า ผู้รับเหมาช่วงได้เข้าร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ ว่า ไม่ได้รับเงินค่าจ้างและเงินค่าดำเนินการต่างๆจากบริษัทพีซีซี ซึ่งทางอัยการพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า ไม่ได้เป็นการหลอกลวง แต่เป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง เนื่องจากบริษัทพีซีซีไม่จ่ายเงินให้ผู้รับเหมาช่วงตามงวดสัญญา ทำให้ผู้รับเหมาช่วงไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างสถานีตำรวจให้เสร็จสิ้นได้ และบริษัทพีซีซีก็เคยเป็นผู้รับเหมาและมีประวัติการทำงานก่อสร้างโครงการใหญ่มาก่อน เห็นว่า บริษัทพีซีซีไม่มีเจตนาฉ้อโกงและไม่มีมูลทางคดีอาญาจึงสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว

ส่วนคดีฮั้วประมูล ที่บริษัท พีซีซี ฯ , นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานบริษัท พีซีซีฯ และ นายวิศณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พีซีซีฯ ผู้ต้องหาที่ 1-3 ข้อหา โดยทุจริตร่วมกันเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐโดยรู้ว่า ราคานั้นต่ำมากเกินกว่าปกติ (ต่ำกว่าราคากลางถึง 540 ล้านบาท) จนเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้าหรือบริการ หรือเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมและการกระทำเช่นว่าเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 8 นั้น

โดยอัยการฝ่ายคดีพิเศษก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเช่นกัน เนื่องจากเห็นว่าการประมูลโดยวิธีอีอ็อกชั่นของ สตช. เป็นการประมูลอย่างถูกต้องและมีการแข่งขันราคากันหลายครั้ง ส่วนที่ดีเอสไอระบุว่า บริษัทพีซีซีเสนอราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมากเกินกว่าปกตินั้น ก็ไม่ปรากฏว่าการเสนอราคาต่ำมากจนเกินไปและต่ำกว่าเกณฑ์ของกระทรวงการคลังแต่อย่างใด

ทั้งนี้ดีเอสไอจะมีความเห็นแย้งอัยการหรือไม่นั้น ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ หากดีเอสไอเห็นพ้องด้วยกับอัยการคดีก็ถือเป็นที่ยุติ แต่หากดีเอสไอยืนยันตามเดิม สมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ก็จะต้องส่งสำนวน ให้นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด เป็นผู้ชี้ขาดว่า จะสั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่

 

ก็คือเสื้อแดงจะให้ฝ่ายตรงข้ามโกงให้ได้ล่ะนะ ไม่เชื่อศาลไปเชื่อทนายของโจรเชื่อสื่อของโจร ก็เป็นลูกน้องโจรนี่นะไม่น่าแปลกใจ

 

ถามหน่อยเถอะ เชื่อตามพลตำรวจเอกปทีปเรอะ ที่แกบอก
"การเปลี่ยนแปลงสัญญาไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและทำตามหน้าที่"

 

ถามหน่อยเถอะ เชื่อเรอะ
"การเปลี่ยนแปลงสัญญาไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและทำตามหน้าที่"

 

ถามหน่อยเถอะ เชื่อเรอะ
"การเปลี่ยนแปลงสัญญาไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและทำตามหน้าที่"

 

ทำไมมันสะเปะสะปะ ไปทั่วยังงี้ล่ะ

 

มีตัวละครหลักดังนี้

อภิสิทธิ์ = นายกรัฐมนตรี
สุเทพ = รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสตช.
ปทีป = ผบ.ตร.
และที่ขาดไม่ได้เลย "ตัวต้นเหตุ"
จูดี้ พงศพัศ = คนนำเสนอ
ช่วงเลือกตั้งพยายามตีปีบ เอาเรื่องโรงพักเล่นงานสุเทพลามไปถึงอภิสิทธิ์
แต่ดันบ้องตื้นเอาข้อเท็จจริงมาพูดไม่หมด จะมาพูดแบบบ้านๆให้ฟัง
ตอนแรกกล่าวหาสุเทพว่าผิดเพราะ "ฮั้วประมูล" มีนอกมีในกับบริษัทที่ว่า
พอตอนหลังกลายเป็นว่าไม่ได้ฮั้ว แต่ก็ยังจะให้ผิดอีก
ชักสงสัยสุเทพผิดเพราะอะไร ไปจ้างเขาแพงไปหรือเปล่า!!!??
กลายเป็นว่า "จ้างถูกเกินไป" 55555
ถูกมากจนกลายเป็นว่าขาดความรอบคอบ ฮาาา
บริษัทที่ว่าไม่ได้เพิ่งมารับงานแค่วันสองวันนี้นะครับ ทำโครงการใหญ่ๆมานานแล้ว

เฉลิม หาช่องได้ใส่คู่ปรับเก่าอย่างสุเทพทันทีว่า ผิด!!!!
แทนที่จะแยกประมูลดันรวมประมูล แต่ข้อเท็จจริงที่ลืมไปว่า
ไม่ว่าจะแยก หรือ รวมประมูล ขั้นตอนวิธีการไม่ใช่นายสุเทพสั่งหรือต้นคิด
แต่เป็น......พงศพัศ เอ๊ะ จูดี้มาเกี่ยวยังไง จูดี้ ทำทีโออาร์ เสนอให้แยกประมูล
ส่งขึ้นไปสุเทพก็เห็นชอบ ต่อมาปทีป เห็นว่าทำตามที่พงศพัศเสนอมันมีปัญหา
เกี่ยวกับกฎระเบียบการประมูลทางอิเล็คทรอนิค ไม่ได้ ควรจะประมูลรวม
สุเทพก็ให้ความเห็นชอบ พอประมูลเสร็จ คนที่ลงนามเสนอให้สุเทพอนุมัติ
มีข้อความว่า "พิจารณาแล้ว เห็นว่าการดำเนินการชอบด้วยกฎหมาย
กฎระเบียบ มีความเหมาะสม ขอให้ท่านผบ.ตร. ทำหนังสือถึง
ท่านรองนายกรัฐมนตรีอนุมัติ" คนที่เขียนชื่อ "พงศพัศ พงษ์เจริญ"
ถ้าตัดตัวละครสโคปจริงๆ อภิสิทธิ์ ถูกตัดทิ้งได้เลย ปทีป ก็แค่ส่งตามความเห็นไป
เหลือ "สุเทพ พงศพัศ"
พูดกันแบบชาวบ้านๆ ถ้าพงศพัศไม่ผิด สุเทพก็ไม่มีทางผิด
ถ้าสุเทพผิด พงศพัศต้องผิด
ถ้าพงศพัศผิด สุเทพ อาจไม่ผิด
อ่านแล้ว งง ไหมครับ ตามให้ทันนะจ๊ะ พวกแดงตัดปะ

เพราะอะไรถึงบอกเช่นนี้ เพราะที่สุเทพอนุมัติเป็นความเห็นที่กลั่นกรอง
มาตามลำดับขั้น เฉลิมพูดทำนองว่าพงศพัศอยากให้แยกประมูล
เพราะรู้ว่ารวมประมูล มีฮั้ว แสดงว่า.........
"พงศพัศ ก็ต้องรู้ว่ารวมประมูลมีฮั้ว แล้วทำไมถึงเสนอให้สุเทพอนุมัติ"
กลายเป็นว่า "พงศพัศรู้ สุเทพไม่รู้" ล่ะซิ
ทำไมพงศพัศรู้ข้อเท็จจริง ไม่ยืดอกแสดงความเป็นลูกผู้ชาย

ว่าแต่กระทู้นี้ ทำไม สะเปะสะปะไปทั่วแบบนี้

 

อย่ามั่ว ไอ้หน้าตัวเมียทำตัวให้ดูดี ให้ลิ่วล้อมาพูดตามโพยให้น่าสงสาร
ไม่เคยบอกถึงความเป็นจริง
ไอ้หน้าตัวเมียสู้คดีแรกจน ขึ้นศาลมีทนายแก้ต่าง ทั้งผัวทั้งเมีย
แต่เห็นว่าไม่รอดเพราะแพ้ข้อเท็จจริงทางคดี ต้องออกอุบายไปดูโอลิมปิค
หนีการฟังคำพิพากษา ศาลพิพากษาติดคุก เลยไม่กลับมา
เพราะกลับมาติดคุก

สู้คดีความแพ้ บอกศาลไม่เป็นธรรม
บอกสองมาตรฐานบอกตีความแคบ
บอกไม่เป็นประชาธิปไตย
สร้างข่าวให้ตัวเองดูดีไม่มีความผิด น่าสงสารถูกกลั่นแกล้ง
แต่ไม่พูดว่าศาลให้โอกาสสู้คดีความ
ต่อสู้กันบนศาลทั้งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา
สุดท้ายแพ้ข้อเท็จจริงแพ้คดีเพราะทำผิดจริงต่างหาก
ไม่เคยเอามาพูด

สรุปนะ
ทักษิณมาสู้คดีความอย่างเต็มที่บนศาลแล้ว
แต่เพราะมันทำผิดทำเลวทำชั่วศาลเลยบอกว่าผิดให้ติดคุก
ความชั่วเลยแสดงหลอกศาลมาโอลิมปิค

ทักษิณนี่มันหน้าตัวเมียชัดๆ
ลูกน้องและลูกจ้างเลยหน้าตัวเมียตาม

 

ที่น่าขำกว่านั้น คือเรื่องสัญญานี้ พวกกาสรสีชาดก็เอามาเล่นที่รากดำนา ดงพวกกาสรสีชาดซะด้วย
แถมถูกตบคว่ำแม้แต่อยู่ในดงพวกตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าพวกกาสรสีชาดที่นี่จะเอาเล่นซ้ำอีก

http://pantip.com/topic/31477008
http://pantip.com/topic/30125493

 

ในยุคที่พรรคเพื่อไทยเป็นใหญ่ จะเล่นสุเทพเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดไม่ใช่เรื่องยาก แต่กลับถอยซะงั้น หรือว่ายิ่งสาวยิ่งเข้าตัว
หลังจาก DSI เห็นแย้งตามข่าว ผ่านมาไม่กี่เดือนก็ปิดปากเงียบแล้ว

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1382080144

 

คนฉลาดที่ไหนก็ถอย ขอลี้ภัยไปที่อื่นครับ
ถ้าเจอแบบนี้ ในกะลาแลนด์

แค่เซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้อง แค่นี้ ต้องติดคุก สองปี
เมียคนไปซื้อที่ ไม่ยักกะติดคุก

....... ฮ่วย แต่ติดคุก ดันเป็นคนเซ็นต์รับรองสำเนานอนอยู่บ้านเฉยๆ
รัฐก็ไม่ได้เสียหายอะไร สักกะบาท

ปรส. ที่พวกคนดีรักชาติก่อกรรมทำไว้ เสียหายไปแปดแสนล้านๆบาท
ทำไม๊ทำไม รอแค่ลงอาญา {ฮา}

ทักษิณ ไม่ขอลี้ภัย เผลอๆถ้าเข้าไปอยู่ในคุก
ก็มีคนหวังดีปั๊มหัวใจ ทำให้ตับแตกตายจนได้{ฮา}

 

พากันพูดอย่างเต็มปากเต็มคำดูหน่อย

ไม่มีการเมือง ไม่มีนักการเมืองที่ชื่อสุเทพเข้ามาเกี่ยวข้อง
ความผิดล้วนเป็นของข้าราชการตำรวจ
ทำผิดเอง ส่งเสนอเรื่องไปเองทั้งหมด

 

แล้วคนดีๆที่ไหนเขาทำผิดกฏหมายละครับ
มีที่ปรึกษาทางกฏหมายมากมาย
แต่เลือกทำผิดกฏหมาย เพราะความโลภอยากได้ของถูกทำกำไร
แล้วมาอ้างสองมาตรฐาน กะลาแลนด์


ทำเลวทำผิดกฏหมาย แต่ไม่อยากติดคุก
หน้าตัวเมียครับ
ชัดเจนนะ

 

"เมียคนไปซื้อที่ ไม่ยักกะติดคุก"

พจมาน นี่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการมืองด้วยเหรอ ???
คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

http://rsu-lawonline.com/news_detail.php?bn_id=1731

 

มันไม่ใช่แค่เซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้องนะจ๊ะ
มันเรื่องผลประโยชน์ส่วนบุคคลขัดแย้งผลประโยชน์ส่วนรวม
ผิดกฏหมายนะจ๊ะ
อย่าเชื่อตามโพยนะจ๊ะควายแดง

ทักษิณผิดพ.ร.บ. ป.ป.ช. ม.100(1)

องค์คณะผู้พิพากษาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีอำนาจในการกำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูฯ เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 1 การซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 กับกองทุนฟื้นฟูฯ จึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนบุคคลขัดแย้งผลประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งต้องห้ามมิให้กระทำ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 100(1) ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 122 วรรคหนึ่ง


แจงประเด็นกองทุนฯเสียหาย

ประเด็นเรื่องทำให้กองทุนฟื้นฟูฯ ได้รับความเสียหายจากการประมูลซื้อขายที่ดินหรือไม่ จำเลยที่ 1 เป็นนายกรัฐมนตรี มีฐานะมั่งคั่ง เป็นบุคคลที่มีอำนาจ บารมี ทางการเมืองสูง การที่มีการประมูลราคาการขายที่ดินดังกล่าวจะได้ราคามากหรือได้น้อย ย่อมมีผลถึงสถานะทางการเงินของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบอยู่ ขณะที่จำเลยที่ 2 เป็นภริยาและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไป โดยก่อนมีการประมูลขายที่ดิน ก็ได้มีข่าวแพร่กระจายไป ก่อนแล้วว่า ภริยานายกรัฐมนตรีจะร่วมประมูลราคาด้วย และอาจกล่าวได้ว่าค่านิยมของข้าราช การส่วนใหญ่ มักจำยอมต่อผู้มีอำนาจ กระบวนการจัดการประมูลราคาครั้งที่ 2 ที่มีการกำหนดวงเงินมัดจำขั้นต่ำสูงถึง 100 ล้านบาท ทำให้สามารถกันผู้เข้าประมูลให้น้อยลง จึงมีผู้เสนอราคาเพียง 3 ราย

เมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ร่วมประมูลทั้ง 2 ราย รู้ว่ากำลังเสนอราคาแข่งกับจำเลยที่ 2 ซึ่งผู้ประมูลทั้ง 2 รายรู้ดีว่า ไม่สมควรชนะการประมูลครั้งนี้ จำเลยที่ 2 จึงชนะการประมูล จึงเป็นที่เห็นว่ากองทุนฯ ไม่สามารถขายที่ดินทั้ง 4 แปลงได้ประโยชน์เท่าที่ควร จึงถือเป็นการขัดกันของผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวมโดยชัดเจน ซึ่งต้องห้ามไม่กระทำตามมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดิน จึงถือว่าเป็นการกระทำของจำเลยที่ 1 ตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรค 3

พจมานรอด-ชี้ก.ม.ไม่ระบุโทษ

ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น มาตรา 100 เป็นบทบัญญัติให้การกระทำเป็นความผิดเนื่องจากผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งยังบัญญัติให้การกระทำของคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐถือเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเอง แต่มาตรา 122 ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษของผู้ฝ่าฝืนมาตรา 100 ระบุไว้ชัดเจนว่า ให้ลงโทษแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ฝ่าฝืนมาตรา 100 ไม่ได้ระบุให้ลงโทษรวมไปถึงคู่สมรสหรือบุคคลอื่นด้วย จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิด และไม่ต้องร่วมรับโทษตามมาตรา 122 กับจำเลยที่ 1

 

ยึดอำนาจ แล้วออกกฏหมายเอาผิดย้อน เขียนยังไงก็เขียนได้
คนมันจะใส่ความเอาผิดคนอื่น


ผมอยากให้"ผู้ที่ฝักใฝ่ระบอบเผด็จการรัฐประหาร" โปรดจงสำเหนียกไว้ด้วยว่า หากเมื่อแม้แต่คนอย่างเช่น"ท่านทักษิณ"ที่เป็นถึงอดีตนายก รมต ของประเทศไทย ยังโดนกลั่นแกล้งได้ง่ายๆเพียงแค่เซ็นชื่อให้เมียซื้อที่ดินประมูลที่รัชดาฯ จากพวกองศ์กรเถื่อน คตส และ ตลก "แกงศ์ตุลาการภิวัฒน์" ด้วยกฏหมายมั่วๆ มาตรา100(1)วรรคสาม ที่ไม่มีบรรญัติไว้ในตำรากฏหมายแต่อย่างใดๆได้เลย แล้วยังงี้ชาวบ้านธรรมดาทั่วๆไปจะไม่ตายเหรอครับ.??..




ฟังรายละเอียดได้จากนาทีที่.30 ในคริปนี้ครับ..

และสำหรับคริปนี้
ควรเริ่มตั้งแต่นาที่ที่.8 ครับ..

ซึ่งในกรณีพวก"คณะตลก"มันก็ยังกล้าหน้าด้าน มั่วตัดสินให้ติดคุกถึง2ปี โดยไม่ให้รอลงอาญาอีกตั้งหาก ทั้งๆที่ผู้ถูกกล่าวหา"ท่านเคยเป็น นายก.รมต" ที่เคยทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติและปชชไทยมาก่อน ( แต่ในกรณีของอดีตนายก.รมต ที่มาจากการทำรัฐประหารยึดอำนาจของประชาชน ผู้ที่บุกรุกที่เขตป่าสงวนแห่งชาติเขายายเที่ยง แต่"คณะตลก"มันกับบอกว่าไม่มีเจตนา" ซะงั้น..



และหนึ่งในคณะผู้ตัดสินมั่วๆในคดีประมูลที่ดินรัชดาฯ
โดย ณ.ปัจจุบันนี้ เมียของมันก็ได้โกงโฉนดที่ดินชาวบ้านไปจำนำ แล้วไม่ยอมคืนอีกด้วย.. ทุเรศไหมครับ.??



และเรื่องแบบเช่นนี้มันก็ไม่ใช่มีแค่ในกรณีของ"ท่านทักษิณ"เพียงผู้เดียวเท่านั้น แต่ยังเคยมีเกิดขึ้นในหลายๆครั้งหลายๆคดีในประเทศไทย
อธิเช่นในกรณี"ใช้พจนานุกรมตัดสิน ท่านสมัคร"ในคดีโชว์การสอนวิธีทำอาหารออกโทรทัศน์ แต่ต้องโดนตัดสินกลั้นแกล้งให้พ้นจากตำแหน่งนายก.รมต ของประเทศไทย.

โดยทั้งๆที่"หนึ่งในคณะผู้ตัดสินคดี"นี้ ก็ได้ไปรับงานพิเศษทำ ด้วยการสอนหนังสือบรรยายในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังด้วยเช่นกัน..




หรือแม้แต่การสั่งจำคุก"ท่านวาสนา เพิ่มลาภ" (อดีต กกต. ที่มาจากเลือกตั้ง) ในข้อกล่าวหา ที่ว่า"จัดการเลือกตั้งให้เป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมือง...เพียงเพราะจัดให้มีการหันก้น(ตูด)ออกคูหา" (ข้อหาโคตร ตลก ไหมครับ.??)

และ ณ.ปัจจุบันนี้ คดีนี้ก็ได้รับการยกฟ้องไปเรียบร้อยโรงเรียนอำมาตย์แล้ว. สาเหตุก็เพราะว่าในตอนแรกนั้นพวกมันรีบเร่งรับคดีไปตัดสินกันอย่างมั่วๆโดยไม่ได้ยึดโยงกับข้อกฏหมายแต่อย่างใดนั้นเอง.

***"วาสนา เพิ่มลาภ" พ้นบ่วงคดีจัดเลือกตั้ง..
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01USXpOREF6Tmc9PQ==


สรุปว่า.. คดีทางการเมืองบางคดีในประเทศไทยนั้น มันก็แค่ปาหี่ ที่พวกตุลาการภิวัฒน์ มันได้ตัดสินตามธงที่พวกอำมาตย์ชั่วๆมันสั่งให้ทำ โดยไมได้ยึดโยงวิธีการตัดสินตามข้อกฏหมายแต่อย่างใด และหน่ำซ้ำก็ยังไม่ต้องแคร์หรือต้องรับผิดชอบในการตัดสินมั่วๆที่ผิดพลาดด้วย ในกรณีใดๆก็ตาม เพราะว่ามีกฏหมายโจร50 มาตรา309 ให้การคุ้มครองพวกมันให้ทำชั่วได้นั้นเอง (บ่องตง.)



ซึ่งสาเหตุที่ผมต้องยกตัวอย่างคดีมาให้ดูตามข้างบนนี้.. ก็เพราะว่าอยากให้ท่านทั้งหลาย ได้นำไปคิดเป็นอุทาหรณ์กันด้วยว่า"แม้แต่คนใหญ่คนโตในสังคมไทยยังโดนกลั้นแกล้งกันได้ง่ายๆเพียงเช่นนี้" แล้วประชาชนคนไทยตาดำๆชาวบ้านผู้ยากจนอย่างเช่นพวกเราล่ะ จะเหลือเหรอ.??

และถ้าหากพวกท่านยังไม่สำเหนียก แล้วมิหน่ำซ้ำยังคิดจะไปสนับสนุนพวกมารชั่ว ให้มารังแกประชาชนด้วยกันอีก ผมก็อยากที่จะขอ"สาปแช่ง"ให้พวกท่าน ได้โดนกระทำย่ำยีกลั่นแกล้งเหมือนเช่นเดียวกันนี้ให้จงประสพเจอขึ้นกับตัวเองบ้างในวันหนึ่ง เพื่อที่จะได้รู้สึกรู้สารู้สำนึกกันได้บ้างเมื่อพวกท่านเองต้องตกเป็นผู้ถูกกระทำรังแก.

(ไม่ทราบว่าเคยได้ยินข่าว"คดีแพะเชอรรีแอน"กันบ้างไหมครับ.?? ก็ขอให้ระวังกันบ้างนะ"ผู้ฝักใฝ่เผด็จการฯ"ทั้งหลาย")
http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=104854





ท้ายนี้ ผมขอเตือนด้วยสุภาษิตภาษาอังกฤษที่ว่า.. What goes around comes around. Amen.!! ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นก็จะกลับมาถึงตัว.. สาธุๆๆ

เคดิสคุณ Oriental-UK

 

ออกกฎหมายมาเพื่อรองรับโดยเฉพาะ หุ หุ

http://www.komchadluek.net/news/culture/148674

 

กฏหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 ไม่มี วรรค 3 ????
https://www.nacc.go.th/download/act044.pdf





ใครอยากรู้เรื่องมาตรา 100 ก็ไปฟังที่นาทีที่ 3 นะ

 

สงสัยออกราชกิจนุเบกษาย้อนหลังได้ ???

 

สงสัยคงรีบ อ่านแต่พาดหัวข่าว ไม่ได้อ่านเนื้อหาข่าว

http://www.komchadluek.net/news/culture/148674

 

"ผู้นำจิตวิญญาญ ศาสดาโกเต๊กที่เคยพากู้ชาติ" ผู้รับเหมาไล่Hereครับ ส่วนตัวเป็นไงก็เรื่องนึง รับผิดชอบกันไป กล้าทำกล้ารับ ดีกว่าให้คนอื่นทำให้คนอื่นผิด บางเรื่องสลัดไม่พ้นก็หนีแล้วก็เห่าลับหลัง ใครว้า???

 

มาตรา 100 มีประกาศตั้งแต่ปี 2544
อันนี้ตบเกรียนแตก โพยโดนกลั่นแกล้งนี่ไร้ราคา
ขยะชัดๆ

 

อ่านโพย แล้วไปขยายความต่อ ๆ กันโดยไม่ต้องไปค้นหาข้อเท็จจริง
ติดเชื้อสมองวัว สมองควายกันไปหมด
5555

 

ผมว่าขี้โม้ โกหกเป็นขบวนการต่างหาก

 

ขบวนการให้ความรู้ ยึดมั่นเอาความจริงไล่ต้อนความเท็จ
เราถือหลักปรัญญา เหลืองฉลาด ชาติจะเจริญ

 

เข้าไปดูตามลิงค์นี้ ไม่มีการตัดต่อแบบของคุณนะ
https://www.nacc.go.th/download/act044.pdf

 

ของปี 2542 ก็มีวรรค 3 อยู่แล้วนะ จะแถไปอ้างของปี 2550 ทำไม ???
https://www.nacc.go.th/download/act044.pdf