เหตุที่ผมตั้งกระทู้นี้ก็เพราะไม่ว่าทักษิณ อภิสิทธิ์ ยิ่งลักษณ์ พระสุเทพ มหาเถรสมาคม ฯลฯ หรือแม้แต่พระธัมมชโยที่เป็นศูนย์กลางประเด็นขัดแย้ง ต่างก็จะจากโลกนี้ไปในไม่ช้าตามแต่เหตุปัจจัยของแต่ละคน แต่พระพุทธศาสนา พระไตรปิฎก พระธรรมวินัย และจิตวิญญาณแห่งการเป็นพุทธศาสนิกชน จะต้องอยู่คู่ชาติไทยและคู่โลกไปอีกนาน ทุกวันนี้ดูจะแยกการเมืองออกจากกรณีวัดพระธรรมกายไม่ออกเสียแล้ว หลายคนต่อต้านวัดพระธรรมกายเพราะวัดฯและพระธัมมชโยใกล้ชิดหรือเคยใกล้ชิดทักษิณ ต่อต้านเพราะวัดฯถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนเสื้อแดง ต่อต้านเพราะสามารถระบุได้ว่ากลุ่มคนที่ออกมาปกป้องวัดฯเกี่ยวข้องกับทักษิณ เสื้อแดง นปช ฯลฯ อีกหลายคนเคลื่อนไหวปกป้องวัดฯและพระธัมมชโยเพียงเพราะพรรคประชาธิปัตย์เคยผลักดันการตรวจสอบวัดฯและพระธัมมชโยมาก่อน เพราะพระพุทธอิสสระเป็นหัวหอกกดดันมหาเถรสมาคม ฯลฯ สองกลุ่มข้างต้นมองเรื่องคำสอน วัตรปฏิบัติ เป็นเรื่องรองทั้งที่จริงน่าจะเป็นแก่นของกรณีนี้ และต่างชู ถ้าเราเอาการเมืองและผลประโยชน์ออกไป ม่านควันก็จะจางลง ทุกฝ่ายน่าจะเห็นภาพรวมกระทบกับพุทธศาสนาโดยตรงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่นี่ก็เป็นแค่คำปรารภครับ ในที่สุดคงต้องชกกันฝุ่นตลบเหมือนเดิม
ผมว่าคนที่สนับสนุนธรรมกายพยายามจะโยงให้เป็นการเมืองเองมากกว่าครับ... มีพระอีกหลายรูป วัดอีกหลายวัด ที่ถูกมองว่าสนับสนุนการเมืองมี่สี (จากมุมมองของบางคน) อย่างเช่น พระพยอม ก็ไม่เห็นมีประเด็นอะไรใหญ่โตตามมา แต่การที่เรื่องของธรรมกายมันบานปลาย มีคนต่อต้านแบบนี้เพราะตัวพระ และผู้สนับสนุนเองมากกว่าครับ
ผมว่าลองมุมอีกนึงดีไหมครับ สลัดคราบคนทั้งหลายแหล่ออกไปว่าไม่ใช่นักการเมือง โจรหนีคดี หรือแม้แต่เป็นที่ซ่องสุมเสื้อแดง คราวนี้เรามามองว่าทุกคนคือประชาชนธรรมดา สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้คือเรื่องฉ้อโกงครับ สหกรณ์ยูเนี่ยนฉ้อโกงทรัพย์ไปบริจาคธรรมกายเพื่อ? และเอาเงินนั้นไปให้ธรรมชโยและพวกรวม 4 คน คนนึงหลักร้อยล้านเพื่อ? นี่ยังไม่รู้ว่าตัวเล็กตัวน้อยอีกจะได้รับด้วยหรือเปล่า สหกรณ์ยูเนี่ยปล่อยกู้เงินดอกต่ำให้คนกู้ไปบริจาคธรรมกายเพื่อ? กว้านซื้อที่ดิน และปลูกสร้างอาคารอลังการใหญ่โตเพืัอ? ถ้าทั้งหมดทั้งมวลบอกว่าเพื่อดำรงไว้เพื่อพระพุทธศาสนา และเผยแพ่ศาสนา ไม่จำเป็นครับ เราไม่ได้เอาเงินร้อยล้านพันร้านมาเพื่อรักษาพระไตรปิฏกคำสอนของพระพุทธองค์ เราไม่ได้ใช้สถานที่ใหญ่โตเพื่อเผยแพ่ศาสนา แค่สอนให้ถูกและใช้ให้เป็นและคิดให้ได้เท่านั้น เคยเห็นสาวกธรรมกายถูกสบากรัฐบาลรางวัลที่1 ทุกงวดไหมในเมื่อทำบุญแล้วรวย คนทำธุรกิจถ้าไม่หลอกตัวเองถามว่าผลประกอบการพุ่งยอดเมฆไหม ทำไมพระชนบทสอนและเผยแพ่ศาสนาได้แม้กระทั่งใต้ต้นไม้ ไม่ต้องสร้างจานบิน มีเงินในบัญชีหลักร้อยล้าน นะครับสลัดมันออกไปนี่คือคดีทางโลก ที่มีฆราวาสและบุคคลที่เรียกตัวเองว่าพระเข้ามาเกี่ยวข้อง
ผมรู้จักธรรมกายก่อนจะอินเรื่องการเมืองด้วยซ้ำไปครับ เจ้านานเก่าแกอินกะที่นี่ เคนพยายามชวนลูกน้องให้ไปวัด ให้ทำบุญ สร้างพระ ที่ล้อมจานบินน่ะครับ สมัยนั้น เจ้านายบอก องค์ละหมื่นบาท ผ่อนได้ จะสร้างหมื่นองค์ ล้อมจานบินเอาไว้ ผมปฏิเสธไป บอกเอาเงินไปกินเหล้า ท้องยังอิ่มกว่าแค่ไปสร้างพระพุทธรูปรอบจานบิน วันดีคืนดี ก็ชวนกันวิ่งไปดาดฟ้าตึก ไปดูภาพนิมิตรหลวงพ่อสดบนท้องฟ้า ถ้าเป็นผม ผมรังเกียจธรรมกายมาก่อนที่จะรังเกียจทักษิณครับ
ธรรมกลายนี่คงไม่ใช่แหล่งรวมการเมือง น่าจะเป็นอภิมหาพุทธพาณิชย์ของโลก อาจเป็นแหล่งระดมทุนของใครบางคนที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำ แต่ผมไม่รู้จริงๆนะว่าใคร
ผมว่าไม่ถูกนะ เพราะในสมัยโบราณพระสงฆ์ที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบได้หลีกหนีอลัชชีหมด จนพวกนี้พาพระพุทธศาสนาผิดเพี้ยนไปจนยากจะแก้ไข แล้วสมัยนั้นก็ได้พระเจ้าอโศกมหาราชมาช่วยเป็นตัวตั้งตัวตีในการทำสังคายนาพระธรรม ถ้าพระเจ้าอโศกมหาราชไม่ทรงแก้ไขด้วยตัวเองเมื่อตอนนั้นก็คือการใช้การเมืองเข้าแทรกแซงศาสนา เราก็คงไม่มีพระพุทธศาสนาอย่างเช่นทุกวันนี้ ถ้าวันนี้เรายังคงปล่อยให้เป็นเรื่องของพระสงฆ์เพียงผู้เดียวที่เข้าต่อกรกับอลัชชีแล้วล่ะก็ พระพุทธศาสนาก็คงต้องจบสิ้นไปในเร็ววันนี้นั่นแหละครับ เพราะจำนวนอลัชชีนั้นมีมากกว่าพระสงฆ์ ดังที่เราเห็นทุกวันนี้ที่อลัชชีปกป้องกันเองโดยที่พระสงฆ์ทำอะไรไม่ได้ ถ้าฝ่ายอื่นๆ ไม่ทำอะไรเรื่องก็จะเงียบหายไปเหมือนที่ผ่านๆ มาแล้วก็ถึงพระพุทธศาสนาในประเทศไทยในที่สุด เราจะเอาแบบนั้นหรือ
ศึกษาจากประวัติศาสตร์ดูครับ การปฏิรูปพระศาสนาให้บริสุทธิ์ทุกครั้งเริ่มจากฝ่ายการเมืองทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่พระเจ้าอชาตศัตรู พระเจ้าอโศกมหาราช ลงมาจนถึง ร.1 แล้วก็ปัจจุบัน ทุกครั้งเกิดจากอลัชชีเข้าเบียดเบียนพระศาสนาจนเกิดความเสื่อมเสีย เหล่าฆราวาสทั้งหลายเลยไม่อาจนิ่งนอนใจ จนต้องใช้อำนาจฝ่ายการเมืองมาปฏิรูปพระศาสนาทุกครั้ง ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่องค์กรสงฆ์จะเริ่มจัดการตัวเองก่อนปัญหาลุกลาม
ในทุกสังคม เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ศิลปะ วัฒนธรรมและศาสนา เกี่ยวพันกันทุกมิติ ไม่สามารถแยกยออกจากกันได้ ผมสรุปสั้นสั้นในความเชื่อส่วนตัวว่า เราไม่สามารถเอาการเมืองออกจากกรณี พระธรรมกายได้ และกรณีอื่นอื่นที่อาจเกิดขึ้นต่อไปก็เช่นกัน มีคนเอาเข้า ก็มีคนพยายามเอาออก มีคนเอาออก ก็มีคนพยายามเอาเข้า วน loop แน่ครับ…..
เสื้อแดงยังมีได้ ก็ยังอยู่ได้ มีวัดเสื้อแดงอีก จะเป็นไรมาก เข้าใจซะว่าเป็นวัดของเสื้อแดง ทนเสื้อแดงได้ก็ทนกับวัดเสื้อแดงได้ เพราะมีสิ่งนั้นจึงมีสิ่งนี้
ผมละขำพวกที่ออกมาปกป้องธรรมกาย อ้างว่าเป็นกิจของสงฆ์ ฝ่ายบ้านเมืองไม่ควรก้าวก่าย แต่ก็บอกไม่ได้ว่าที่เป็นประเด็นใช่กิจของสงฆ์หรือไม่ ผมนึกถึง กบฏผีบุญ เริ่มต้นจากฝ่ายอาณาจักร ไม่อยากจะไปยุ่งเพราะคิดว่าเป็นกิจของสงฆ์ แต่สุดท้ายต้องกวาดล้างเพราะมีการซ่องสุมผู้คนและอาวุธ วันนี้ธรรมกายก้าวถึงขึ้นนั้นแล้ว หากหลักฐานสาวถึงเมื่อไร กงล้อประวัติศาสตร์อาจจะเวียนมาอีกรอบ
แถมอีกนิดนุงส์ กบฏผู้มีบุญ หรือกบฏผีบุญ เป็นปฏิกิริยาที่คนในท้องถิ่นต่อต้านนโยบายของรัฐอันก่อให้เกิดผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น เช่น การปฏิรูปการปกครอง การเพิ่มภาษี การเอารัดเอาเปรียบจากภาครัฐ ฯลฯ ในประวัติศาสตร์กบฏผู้มีบุญ เคยเกิดขึ้น หลายต่อหลายครั้งด้วยกัน คนพวกนี้ คือกบฏชาวนาที่ถูกสภาพแวดล้อมบังคับกดดันอย่างหนัก และหาทางออกด้วยการล้มล้างสังคมเก่า โดยอาศัยความเชื่อทางศาสนาเป็นอุดมการณ์ และมักจะพบเกือบทุกภาคของประเทศ เช่น กบฏผู้มีบุญภาคอีสาน กบฏพระยาแขกเจ็ดหัวเมืองในภาคใต้ กบฏเงี้ยวเมืองแพร่ในภาคเหนือ แต่ที่เกิดบ่อยครั้งที่สุด ก็เห็นจะเป็นภาคอีสาน ได้แก่ กบฏบุญกว้าง พ.ศ. 2242 กบฏเชียงแก้ว พ.ศ. 2324 กบฏสาเขียดโง้ง พ.ศ. 2363 ศึกสามโบก พ.ศ. 2438 กบฏผู้มีบุญ พ.ศ. 2444-2445 กบฏหนองหมากแก้ว พ.ศ. 2467 กบฏหมอลำน้อยชาดา พ.ศ. 2479 และกบฏนายศิลา วงศ์สิน พ.ศ. 2502 การปฏิรูปการปกครองในสมัย ร. 5 มีผลทำให้ผู้ปกครองเดิมไม่มีอำนาจปกครองได้เต็มที่เหมือนในอดีต เพราะมีผู้ปกครองจากส่วนกลางเข้าไปปกครอง ทำให้ในระยะแรก ความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายที่สูญเสียผลประโยชน์ แต่ต่อมาก็พบว่า ผลกระทบกลับตกอยู่ที่ราษฎรซึ่งได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องมาจากผู้ปกครองเดิมนั้นหันไปขูดรีดราษฎรหนักขึ้น เพื่อทดแทนรายได้ที่ขาดหายไป นอกจากนี้แล้ว ชุมชนอีสานยังถูกคุกคามจากการแทรกแซงเรื่องวัฒนธรรมของภาครัฐ ทำให้ชุมชนของพวกเขาไม่ได้รับความสงบสุขเหมือนดังก่อนอีกต่อไป จึงได้รวมกลุ่มลุกฮือขึ้นต่อต้านอำนาจรัฐและลุกลามบานปลายจนกลายเป็นกบฏในที่สุด กบฏผู้มีบุญภาคอีสาน มีจุดมุ่งหมายคือความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยการล้มล้างสังคมเก่าที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวอีสาน แนวความคิดที่ถูกนำมาชักจูงให้ชาวบ้านเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏคือ อุดมการณ์พระศรีอารย์ ซึ่งมีปรากฏในวรรณกรรมทางศาสนา ซึ่งได้บรรยายคำพยากรณ์ของพระศรีอาริย์ที่เกี่ยวกับการสิ้นสุดของพุทธศาสนาในปัจจุบัน การเกิดกลียุคและการปฏิบัติตนให้รอดพ้นจากกลียุค รวมไปถึงลักษณะของยุคพระศรีอาริย์ ที่ฝรั่งเรียกว่า ยูโทเปีย (Utopia) ยุคแห่งอุดมคติ ยุคที่มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ มนุษย์และ!จะสามัคคีปรองดองไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน มีความยุติธรรม ทุกคนเสมอภาค ทั้งร่างกาย สติปัญญาและฐานะ ความสมบูรณ์เหล่านี้จะเป็นนิรันดรตราบเท่าที่ศาสนาของพระศรีอาริย์ยังคงอยู่ ด้วยเหตุนี้เอง กบฏผู้มีบุญจึงมักจะนำความเชื่อเรื่องพระศรีอาริย์มาเป็นอุดมการณ์ในการกบฏ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ชาวอีสานได้รับความกดดันจากสภาพแวดล้อมอย่างหนัก ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง ชาวบ้านพึ่งพิงผู้ปกครองไม่ได้ และในการกบฏทุกครั้งจะมีจุดประสงค์เพื่อต้องการแบ่งแยกดินแดน โดยคาดหวังที่จะปกครองดินแดนเหล่านั้นให้รุ่งเรืองดังอดีต ในการนี้ก็มักจะมีผู้ตั้งตนเป็นผู้มีบุญ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักบวชทางศาสนา ปลุกระดมความคิดตามแนวความเชื่อเรื่องพระศรีอาริย์ เพื่อรวบรวมชาวบ้านให้รวมกลุ่มกันให้ได้มากที่สุด เพื่อต่อต้านอำนาจรัฐ ซึ่งขนาดของกลุ่มจะขึ้นอยู่กับความเชื่อถือศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อผู้นำของกลุ่ม หรือผู้มีบุญ แต่กลุ่มพวกนี้ส่วนใหญร จะมีกำลังไม่มากนัก และมักจะรวมตัวกันอย่างสงบ แต่ละกลุ่มจะเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และมีไม่กี่ครั้งที่กลุ่มเหล่านี้จะใช้กำลังต่อต้านรัฐ บางครั้งก็อาจลุกลามบานปลายจนถึงขนาดเข้าปล้นชิงเมืองและฆ่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ที่เชื่อถือศรัทธาในเรื่องนี้ต่างก็จะทำตามคำแนะนำซึ่งปรากฏอยู่ในรูปแบบลายแทงหรือคำทำนายอย่างเคร่งครัด โดยหวังที่จะได้อยู่ในสังคมใหม่ที่มีแต่ความสมบูรณ์พูนสุขภายใต้การนำของผู้มีบุญ ซึ่งความเชื่อเรื่องนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสังคมอีกสานเท่านั้น ปรากฏการณ์นี้ได้เกิดขึ้นโดยทั่วไปในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำของมนุษย์ ซึ่งชาวโลกรู้จักกันดีในชื่อ Millenarism คำนี้มาจากศาสนายิว เชื่อกันว่า พระคริสต์จะมาปรากฏองค์อีกครั้งในรูปของนักรบปราบมาร และจะสร้างอาณาจักรใหม่ที่มีแต่ความเสมอภาคและความปรองดองกันถ้วนหน้า หากนำมาเป็นอุดมการณ์ในการกบฏ อาจหมายถึง ความเชื่อในขบวนการทางศาสนาที่จะไปสู่สังคมที่ดีกว่าร่วมกัน และจะมีผู้ที่อ้างตนว่าได้รับคำบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้ามาเป็นผู้นำในการกบฏ ลอกเขามาครัช
ถ้าจะเอาการเมืองมาแก้ไขกรณีวัดพระธรรมกายณ ขณะนี้อาจทำได้ในระดับหนึ่ง แต่ฝั่งการเมืองที่สนับสนุนวัดพระธรรมกายก็มีอำนาจมากนะครับ และมีแนวโน้มว่าอาจได้อำนาจรัฐกลับมาอีกหลังการเลือกตั้งด้วย ถึงเวลานั้นแล้วฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับวัดพระธรรมกายมิต้องหนีไปอยู่ป่าหรืออย่างไร ผมเชื่อว่าเสื้อแดงไม่น้อยยังมีสัมมาทิษฐิเรื่องพุทธศาสนาแต่ที่ต้องเงียบหรือออกมาปกป้องวัดพระธรรมกายเพราะถูกแปะสลากการเมืองให้อยู่ตรงข้ามกับฝ่ายต่อต้านครับ
ผมเชืีอว่านี้คือจังหวะสำหรับพวกอยากล้มล้างศาสนาเลยละ ที่จะเสนอความคิดว่า ให้เป็นแบบอเมริกาไม่มีศาสนาประจำชาติ ไม่มีกฏหมายคุ้มครองศาสนาใดๆ แยกศาสนาออกจากการเมืองอย่างเด็ดขาด ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกัน ให้ศาสนามีอยู่แค่วงจำกัด แต่ต้องไม่สามารถสร้างฐานอำนาจให้ยิ่งใหญ่แบบโป๊บในสมัยสงครามครูเสดได้
นิมิตรูปหลวงปู่สด บนท้องฟ้า ถูกนำไปโฆษณาบนหนังสือ ไทยรัฐ แบบเต็มหน้า ทีี่ได้ขึ้นไปดู บนดาดฟ้า ได้เห็นอะไรบ้าง
ผมเห็นเสื้อแดงที่มีสัมมาทิฐิ อยู่บ้าง แต่ไม่เยอะ คงเป็น ธรรมชาติ ของคน ที่มี มิจฉาทิฐิ มองมุมไหน เรื่องไหน ทั้ง การเมือง ศาสนา ก็เป็น มิจฉาทิฐิไปหมด
ขอค้านครับ เวลาที่คนอื่นด่าพ่อ ด้วยคำหยาบช้า แล้วยังไชโย โห่ร้อง สนับสนุน เป็นที่สนุกสนาน มันใช่ปรกติ ของ มนุษย์ พึงกระทำหรือ มนุษย์ มักหวงแหนสิ่งที่ตนรัก ต่อผู้มีคุณ และไม่อยาก ให้ใครทำร้าย ทั้งทางวาจา และทางกาย ผมจะบอกไว้เลย ขาดพ่อ ผมหนาวแน่ ไม่ใช่คุณ แต่เป็นผมเอง
ผมสงสัยว่าคดีนี้การเมืองตรงไหน เหมือนคุณ HiddenMan แสดงความเห็นไว้. เหล่าสาวกลากการเมืองเข้ามาก็ส่วนนึง คนเสื้อแดงก็มโนลากการเมืองเข้ามาเพื่อแสดงว่ารัฐประหารไม่ดีมาตัดสินพระก็อีกส่วนนึง ทั้งๆที่เป็นเรื่องฉ้อโกง เรื่องหลอกลวงบิดเบือนคำสอน เรื่องอวดอุตริ ทั้งหมดว่ากันตามกฏหมายก็ว่ากันไป ไม่เห็นเป็นการเมือง
หากจำได้ การนำคนเข้ามาสายอีสาน สายเหนือ หลายครั้งมาพักที่วัด ธรรมกาย ก่อนนำเข้ามาในกรุงเทพ เช่นกรณี ดำรงค์ พิเดช เปิดละเอียด! มติที่ประชุม ป.ป.ช. ตั้งอนุฯสอบ “ดำรงค์ พิเดช-พวก” ปมอ้างพา จนท.กรมอุทยานแห่งชาติฯ อบรม "ธรรมกาย" ก่อนโผล่ร่วมชุมนุมเสื้อแดงหน้ารัฐสภาปี’55 ให้สอบปากคำอดีต ส.ว. 3 ราย อดีตบิ๊กขรก.กรมอุทยานแห่งชาติฯ 1 ราย ขอข้อมูล สตง.-ขรก.ที่เกี่ยวข้องด้วย หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : เป็นเอกสารการประชุมของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีการแจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนให้แก่นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าน และพันธุ์พืช นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ และนายธนโรจน์ โพธิสาโร ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง กรมอุทยานแห่งชาติฯ ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีอนุมัติค่าใช้จ่ายโครงการฝึกอบรบจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ จำนวน 2,500 คน เมื่อวันที่ 7-16 มิถุนายน 2555 ที่วัดธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และมีการศึกษาดูงานเกี่ยวกับการบริหารและจัดการสัตว์ป่า ที่สวนสัตว์ดุสิต โดยเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งพบว่า มีการนำเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เข้าร่วมในการชุมนุมของ นปช. ด้วย ที่มา http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/36690-nacc_1082.html
ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ใคร ๆ ก็ไม่สามารถยกเลิกไม่ให้เป็นปาราชิกได้ -ภิกษุเสพเมถุน ต้องอาบัติปาราชิก -ภิกษุมีเจตนาที่จะถือเอาสิ่งของของผู้อื่นมีราคา ๕ มาสก ต้องอาบัติปาราชิก (ราคา ๕ มาสก พิจารณาด้วยการเทียบน้ำหนักทองคำกับข้าวเปลือก ๒๐ เมล็ด คือเอา ข้าวเปลือก ๒๐ เมล็ดมาชั่ง ได้น้ำหนักเท่าไหร่ น้ำหนักทองคำเท่านั้นตีเป็นเงินออกมา) -ภิกษุมีเจตนาฆ่ามนุษย์ ต้องอาบัติปาราชิก -ภิกษุอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน ต้องอาบัติปาราชิก (อุตตริมนุสสธรรม ได้แก่ ฌาน มรรค ผล นิพพาน) เมื่อภิกษุต้องปาราชิกสิกขาบทเข้าแล้ว ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เป็นผู้พ่ายแพ้ในพระพุทธศาสนา ไม่สามารถที่จะเป็นพระภิกษุอีกต่อไป เปรียบเหมือนกับบุคคลผู้มีศีรษะขาด ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เปรียบเหมือนกับใบไม้เหลืองหล่นจากขั้ว ที่ไม่สามารถกลับมาเขียวสดได้อีก เปรียบเหมือนกับตาลยอดด้วนที่ไม่สามารถเจริญงอกงามได้อีก และเปรียบเหมือนกับศิลาแตก ที่ไม่สามารถประสานเข้ากันได้อีก ชัดเจนขนาดนี้แล้ว ยังไม่จับสึก แล้วมีอำนาจอะไรมาเกียวข้องกับเรื่องนี้???
... ... ..... ทุกๆสิ่งอย่าง ... หากไปแตะต้อง ..กล่องดวงใจ ( ที่เป็น ตัวเงินตัวทอง ) และจะเป็นการที่จะทำให้ ..ผลประโยชน์.. ที่เคยได้รับต้องหายไป.. ..พวกนี้ ..มันทำ โยงโทษ นู้นนี่นั่น แถไถ ไปน้ำขุ่นๆ.. ได้เสมอ.... ครัช ...ซะพัก เดวววก็มี ..ดีแต่พูด / ชั่งไข่ / หนีตะหาน / โฮปเวล / โรงพัก ........โอยยยยย นึกมายออกแระ ... ครัช
เอาจริง ๆ ผมไม่เคยมองว่าเป็นวัดเสื้อแดงครับ เกลียดธรรมกายก่อนทักษิณด้วยซ้ำมั้ง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเสื้อแดงต้องออกรับแทน
นึกให้ต่อครับ นึกถึง ตรรกะวิบัติ ตรรกะวิบัติมีหลายกรณี ที่เจอกันมาก เค้าเรียกว่า “ตั้งหุ่นฟาง” ฝรั่งเรียก ‘Straw man fallacy’ แบบแผนของตรรกะวิบัติข้อนี้คือ 1. นาย ก. เสนอ X 2. นาย ข. อ้างว่า นาย ก.เสนอ Y (เป็นการบิดเบือนหรือลด X ลงมาให้เหลือรูปที่อ่อนที่สุด ชัดที่สุดว่าไม่มีเหตุมีผล) 3. นาย ข. โจมตี Y 4. นาย ข. อ้างว่าดังนั้น X จึงผิดหรือไม่มีเหตุมีผล ยกตัวอย่าง นาย ก. บอกว่า “เพื่อกำจัดวงจรอุบาทว์ของนักการเมืองโกง เราต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” นาย ข. โต้ว่า “ไม่ให้มีเลือกตั้งก็เท่ากับเป็นเผด็จการชัดๆ” ทั้งที่ นาย ก. ไม่ได้เสนอว่า ‘ไม่ต้องมีเลือกตั้ง’ แต่เสนอว่าควร ‘ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง’ ปรับใช้ได้หลายเรื่องครับสำหรับ ขาเกรียน น่าจะได้ผล เกรียนสมใจปรารถนา
ไปอ่านโพสท์ของหมอเหวงในกระทู้"ฝนตกขี้หมูไหล" ในข้อ 3. แกโจมตีการรัฐประหารว่าพยายามทำลายล้างวัดพระธรรมกายที่เป็นกำลังสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตย................. นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่คนพยายามดึงการเมืองเข้ามายุ่งเรื่องศาสนา ก็คงต้องชกกันฝุ่นตลบต่อไปครับ
ถึงต้องแยกและพูดให้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องกลั่นแกล้งหรือการเมือง เป็นเรื่องฉ้อโกง หลายร้อยล้านบาท รวมถึงบิดเบือนคำสอน อวดอุตริ ไม่เกี่ยวอะไรกับสารเขียว ประชาธิปไตย เสื้อแดงเสื้อเหลือง ว่ากันตามกฏหมาย เอากฏหมายเป็นหลักพิง สุดท้ายเรื่องจะต้องไปศาล ก็ต่อสู้กันสามศาล ถ้าธรรมกลายไม่คิดว่าตัวเองผิดก็สู้กันบนศาล ฉ้อโกงก็อาญัติทรัพย์ไม่ให้เสียหาย เรื่องถึงศาล มีผู้กล่าวบิดเบือนโยงการเมือง ก็ขออำนาจศาลหรือกฏหมายเล่นงานตามข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย ตอนนี้ที่พยายามโยงการเมืองและการเมืองก็พยายามเอามาโยง ก็เพื่อประโยชน์หลายๆอย่าง เช่นใช้การเมืองปกป้องตัวเอง ใช้การเมืองยื้อเวลา ใช้การเมืองสั่งข้าราชการ ใช้เรื่องนี้เรียกมวลชน ใช้เรื่องนี้ทำลายเครดิตรัฐบาลทหาร ซึ่งก็ทำกันมาเป็นสิบยี่สิบปีแล้ว เรื่องมันเลยไม่จบซะที ผมว่าอธิบายได้ สื่อสารมวลชนก็ต้องช่วยบอกให้ชัดๆว่าเรื่องทางกฏหมาย บางทีสื่อสารมวลชนก็แค่รายงาน เอาไมค์จ่อปากนายกถามนายก นายกตอบ ก็มีพวกมาบอกแล้วว่าเป็นเรื่องการเมือง ทีนี้สื่อก็จับมาเล่นเพราะมันขายได้ ก็ไปกันใหญ่ ยกตัวอย่างเช่นมีคนโกงเงินเอามาทำบุญให้พระ พระแค่คืนทรัพย์ให้วัด แถมอัยการไม่ฟ้อง บอกเรื่องจบแล้ว พอมีคนมาตรวจสอบเพิ่ม บอกการเมือง มันก็ไม่ไหว
ถ้าเป็นประชาธิปไตยเพื่อให้ไอ้ขี้ข้าควายพวกนี้ออกมาเห่าหอนได้เสรี เราควรเป็นเผด็จการไปอย่างนี้จนกว่ามันจะเน่าตายหมด อย่างน้อยก็ไม่มี m79 ปลิวไปตกที่นั่นโน่นนี้จนเดือดร้อนไปทั่ว
มันอยากได้มันก็จะยึดเอาครับ ผมดีใจจริงๆ ธรรมกายจะได้เป็นวัดของคนเสื้อแดง เอางั้นเลย สลิ่มที่อยากเป็นสาวกธรรมกาย ก็ไปเป็นเสื้อแดงแล้วกัน ไม่ผิดครับ เอาเลย