จะได้แก้ปัญหาให้ถูกจุดเสียที ไม่ใช่ตาบอดคลำช้าง สะเปะสะปะไปเรื่อย คอยแต่จะแก้ปัญหากันที่ปลายเหตุ ต้องใช้ประชานิยมแก้ปัญหา กันไปตลอด ทั้งๆที่แผ่นดินไทยมีดีกว่าหลายๆประเทศในโลก เหมือนคนใกล้เกลือกินด่างพิกล เสียดายโอกาสของคนไทยทั้งประเทศจริงๆ
เราอาจมีครับ แต่ยังไม่มีเวลาทำสิ่งนั้นให้ลุล่วง เพราะมัวแต่ตามแก้ปัญหา ให้รัฐบาลที่รัฐบาลก่อนๆหน้าทำไว้
ผมมองว่าทุกประเทศครับที่มีและเป็นปัญหาแบบนี้ จำนวนคนจนมากน้อยแตกต่างกันไป ระบบการเลือกตั้งทุก 4-6 ปี ทำให้ผู้ได้รับเลือกต้องทำคะแนนความนิยมให้มากที่สุด และเร็วที่สุด ขณะที่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต้องใช้เวลามากกว่านั้น ที่ผ่านมาก็มีแผนพัฒนาประเทศที่เป็นแนวทางที่รัฐต้องทำ แต่มันไม่ใช่กฎหมาย ตอนนี้น่าจะเป็นแผนยุทธศาสตร์ฯ อาจจะตรงจุดมากกว่า
นี่ถ้าให้รัฐทำจำนำข้าวทุกเมล็ดสัก 10-15 ปี ก็คงรวยกันทั่วหน้าแล้วครับ เอ่อ ..... ผมหมายถึง นักการเมืองพรรคเผาไทยนะครับ
แต่ะคนน่าจะวิเคราะห์เองได้นี่ครับ ทำไมต้องรอรัฐบาล ถ้าทำแล้วขาดทุนอย่างที่ชาวนาบ่น ก็น่าจะหาทางแก้ปัญหาของตัวเองได้เร็วกว่ารอคนอื่นยื่นมือมาช่วย ขาดเหลืออะไรมีหน่วยงานของรัฐช่วยเหลืออยู่ เช่น ฝึกอาชีพ จัดหาแหล่งเงินทุน จัดหาแหล่งน้ำ หรือกระทั่งจัดสรรที่ดินทำกิน ต้องการอะไร ขอให้บอก แต่อย่าคิดว่าต้องได้เดี๋ยวนั้น
ลองไม่หาอ่านแผนพัฒนาประเทศที่มีมาหลายฉบับจนถึงแผนปัจจุบัยสิครับ จะรู้ที่คุณคิดมันยังเล็กน้อยอ่านแผนพัฒนาแล้วมองไม่เห็นความหวังเลยแม้แต่นิด มันเหมือนหนังสืออ่านฆ่าเวลาที่ไร้สาระที่สุดมองไม่เห็นอนาคตประเทศ ว่าจะดีขึ้นกว่าเก่าอย่างไรอ่านแล้วพาท้อแท้สินหวัง สุดท้ายนักการเมืองก็กลับมาบริหารประเทศตามนโยบายหาเสียง แล้วจะมีทำไมแผนพัฒนาประเทศดูมันเหมือนเป็นโจ๊กการเมืองมากกว่า
แผนพัฒนาอะไรนั่น เกินสติปัญญาผมที่จะคิดได้ แต่เท่าที่มองจากคนรอบข้าง มองแบบบ้านๆ เข้าใจง่ายๆ(ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดบ้างก็ขออภัย) ปัญหาที่ทำให้จนซ้ำซาก ปัญหาหลักๆคือ 1.ขี้เกียจ อันนี้หนักแก้ยาก แถมจะเป็นภาระพาให้คนอื่นจนไปด้วย 2.ขาดองค์ความรู้ในอาชีพที่ทำ(ปริญญาไม่เกี่ยว) และไม่ขวนขวายหาความรู้ 3.ใช้จ่ายเกินตัว หัวสูงรายได้ต่ำ 4.เล่นการพนัน 5.เสพติดเหล้ายา ปัญหาที่ก้ำกึ่งระหว่างสำคัญหรือไม่สำคัญ (เพราะแก้ง่ายกว่า) 1.ขาดโอกาส 2.ขาดเงินทุน 3.โดนเอารัดเอาเปรียบ ********************************************** เห็นด้วยไหมครับ?
ลองให้รัฐบาลจัดตั้งในค่ายทหารครับ -วิ่ง เช้า-เย็น (เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง เพราะการวิ่งเต้นมันเหนื่อย) -ฝึกวินัยในการรับประทาน ก่อน-ระหว่าง-หลัง (จะได้ไม่กินมูมมาม) ฯลฯ ทหารจะฝึกให้รัฐบาลชุดนั้นมีระเบียบ อดทน เข้าใจความลำบากและหาทางนำไปปรับใช้ช่วยเหลือฐานเสียงของตนเองให้พ้นจากความยากจนครับ
น่าแปลกที่เรากำลังเห็นรัฐบาลทหารกำลังแก้ความยากจนทั้งระบบ อย่างยั่งยืน ตัวอย่างด้านการเกษตรก่อน เพราะบ้านเมืองเราเป็นเมืองเกษตรกรรม - ทำ Agri-Map (Agricultural Map) คือแผนที่เพื่อแสดงว่า ผืนดินใดปลูกไรได้บ้าง ผืนดินใดปลูกไรไม่ได้บ้าง อย่าเลียนแบบกัน เห็นเขารวยก็จะปลูกตามเขาทั้งๆที่ที่ดินเราไม่เหมาะที่จะปลูก - รวมการผลิตเป็น "ที่นาแปลงใหญ่" หรือ "ผลผลิตกลุ่มใหญ่" ตกลงกันในแปลงใหญ่, กลุ่มใหญ่ ว่าจะปลูกข้าวพันธุ์ใดบ้าง เลี้ยงสัตว์ประเภทใดบ้างในกลุ่ม เพื่อให้ไม่ซ้ำกันเองมากในหมู่เกษตรกร ป้องกันอาการ "ผลผลิตล้นตลาด" - สามัคคีกันรวมกลุ่มทำการเกษตร เพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อนา 1 ไร่ เป็นต้น เช่นไม่ใช้ปุ๋ยเคมี เปลี่ยนเป็นไถกลบปอเทือง หรือพืชตระกูลถั่วอื่นๆ ใช้เครื่องหยอดเมล็ดข้าวตอนปลูก(เลิกหว่าน) ใช้แสงเลเซอร์ปรับระดับดินในแปลงนาเพื่อการบริหารน้ำมาเลี้ยง จัดเก็บข้าวเปลือกไว้ในชุมชนตนเองรอราคาท้องตลาด เพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการผลิตข้าวของชุมชนแบบครบวงจรเช่นจัดตั้งโรงสีชุมชน และติดต่อตลาดกันเอง เพื่อให้ชาวนาจำหน่ายข้าวเปลือกในราคาที่เป็นธรรม เครื่องหยอดข้าว สามารถลดการใช้เมล็ดพันธุ์ได้มาก ความยากจนเมืองไทย ต้องแก้ด้วยระบบรวมกลุ่มสามัคคีกัน และต้องการความเสียสละของทุกคนเท่านั้น คงหวัง "รัฐบาล" อย่างเดียวไม่ได้ ขอแค่อย่าเข้ามาคอรัปชั่นก็น่าจะพอ (ส่วนความยากจนในกลุ่มอาชีพอื่นๆก็ใช้หลักการคล้ายคลึงกัน...)
เพราะเรายังไม่เคยมี ผู้มีอำนาจในคณะรัฐบาล ที่เคยประสบความยากจนจริงๆมาก่อน คนที่ไม่เคยผ่านความลำบากมาก่อนจะรู้ได้อย่างไรว่า การจะหาความสบายนั้น ควรจะทำอย่างไร
เพราะระบบของเรา คนที่จะมีอำนาจได้ ต้องมีสส.สนับสนุน(คุมสส.ได้ ยิ่งคุมได้มาก ก็ต่อรองอำนาจได้มาก) แต่จริงๆแล้ว มีสส.หลายคนที่เคยยากจนมาก่อน แต่พอได้เป็นสส. ได้มีอำนาจ ดันกลับลืมอดีตไปซะ
หนึ่งในปัญหา ที่รัฐบาล ทั้งปชต.และเผด็จการ ก็แก้ไม่ได้ **********************************************
ถ้ามีคนถามว่า เอาไหมค่ะพ่อแม่พี่น้อง แล้วตอบกันว่าเอา ดีไหมค่ะพ่อแม่พี่น้อง แล้วตอบว่าดี ผมว่าอีกนาน คนเห็นแกได้เยอะไปหน่อย
เกษตรกรรม ตามความคิดผม เราจะทำให้เป็นจุดอ่อนหรือจุดแข็งของประเทศก็ได้ ***จุดอ่อน ทำโดยต้องพึ่งพาคนอื่นตลอด ***จุดแข็ง ทำโดยพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด แต่สิ่งที่เป็นจริง ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้คือ ทุกคนในโลกนี้ต้องกินอาหาร ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหน นี่คือจุดแข็งโดยธรรมชาติ ของการเกษตร
พึ่งพาตนเองได้ กับ ความรวย มันต่างกันครับ กระทู้ถามว่าทำไมคนส่วนใหญ่ยังยากจน ผมจึงชี้ให้เห็นว่า ประเทศที่เจริญแล้วทุกประเทศไม่มีประเทศที่เน้นเกษตร เอาใกล้ที่สุดเลยคือ สิงคโปร์ คนสิงคโปร์ก็กินข้าว ข้าวไทยแพงเขาก็ไปกินข้าวเวียดนาม ข้าวพม่า มันจริงที่ทุกคนต้องกิน แต่มันจริงยิ่งกว่าที่มันเป็นสินค้าที่ทุกประเทศผลิตได้ง่ายๆ ราคาจึงไม่มีทางแพงกำไรไม่มีทางสูง แล้วแรงงานภาคเกษตรค่าแรงมันต่ำกว่าภาคอุตสาหกรรม
ฝรั่งเขารู้มามากกว่า200ปีแล้วครับ ว่าความมั่งคั่งของชาติไม่ใช่เงิน ไม่ใช่ทรัพยากรด้วยซ้ำไป แต่คือ "ค่าตอบแทนของแรงงาน" แล้วอาชีพอะไรล่ะ ที่ค่าตอบแทนของแรงงานสูง? ก็ต้องเป็นอาชีพที่"มีการศึกษาสูง" (ไม่ใช้วิธีโง่ๆแบบขึ้นค่าแรงของแรงงานไร้ฝีมือนะครับ เพราะ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มันทำให้เกิดเงินเฟ้อ "ค่าตอบแทนที่แท้จริง" แทบไม่เปลี่ยน) ทำไมสิงคโปร์เจริญกว่าไทย ก็เพราะ รายได้ที่แท้จริงของคนสิงคโปร์สูงกว่าไทย ก็เพราะการศึกษาเขาสูงจนสามารถทำงานตำแหน่งดีๆ รายได้สูงๆได้ แต่ของไทยพัฒนาการศึกษาผิดๆ คิดว่าปริญญาเป็นวุฒิไว้อัพเกรด เลยไปเรียนแต่คณะที่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน... จบตรีของบางมหาวิทยาลัยค่าแรงยังต่ำกว่าไปเรียนปวช ปวส ซะอีก...