Siriwanna Jill บิ๊กป๊อกเด้ง มท.1 เตรียมลงดาบฟัน ด้วย ม.44 ข้าราชการคลองหลอด 118 คน ทุจริต มหาดไทย 115 ราย กทม. 3 ราย เป็นระดับ 10 ขึ้นไป จำนวน 3-4 ราย สั่งเร่งสอบ หากผิดชัดเจนเจอโทษวินัยสูงสุด หวั่นล่าช้า ข่าวริมคลองหลอด พวกพ่อเมือง ขี้ข้าตระกูลคูใส่เกียร์ว่าง ไม่ยอมทำงาน ตรึม ไล่ออกไปนอนที่บ้าน อยู่ไปเปลืองภาษี และถ่วงความเจริญ เผลอเป็นโกงกินบ้านเมือง Araya Pamonprawat คสช.ฉลาดนะ เลือกเวลาเหมาะ ก่อนใครบางคนจะขึ้นศาล..ขรก.มหาดไทยไม่มีใครไปเจ๋อเสนอหน้า รับปู ที่ อิสานเลย 118 รายชื่อ คงเฉลยทั้งหมดเร็วๆนี้ เมื่อชอบอยู่เฉยๆๆ ก้อควรนอนอยู่บ้าน ถูกแลัวที่ ท่านจัดให้ ?
5555 คิดถึงอดีตอธิบดีกรมการปกครองคนหนึ่งที่ออกหนังสือด่วนถึงหน่วยราชการในสังกัดกรมการปกครองให้สนับสนุนพรบ.นิรโทษกรรมโจรปล้นแผ่นดิน
เจอทุจริต115ราย มท.1ยืนยัน ขรก.ซี10ร่วมด้วย โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 23 เม.ย. 2558 07:25 ต้องขอใช้ม.44เฉดหัว มอบ‘วิษณุ’ตรวจสอบ ก่อนประกาศทางการ รมว.มหาดไทย เผยได้รับรายชื่อข้าราชการทุจริตอื้อซ่าถึง 118 ราย เป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงถึง 115 ราย อีก 3 เป็นของกรุงเทพมหานคร จ่อฟันไม่เลี้ยงตามนโยบายนายกฯ “วิษณุ” ตรวจสอบครั้งสุดท้ายว่าใครจะโดนมาตรา 44 ป.ป.ช.ไฟเขียวให้ “ธาริต” ขยายเวลาชี้แจงที่มาทรัพย์สิน ส่วนกระทรวงศึกษาธิการพบการจ้างออกแบบอาคารของสำนักงาน สกสค. วงเงิน 360 ล้านบาท ผิดชัดเจน นายกรัฐมนตรีเตรียมฟันบรรดาข้าราชการที่ทุจริตและชอบรับอามิสสินจ้าง หลังให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. รวบรวมรายชื่อข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต พบว่ามี 198 ราย นั้น ทั้งนี้ ที่กระทรวงมหาดไทย เมื่อบ่ายวันที่ 22 เม.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการดำเนินการกับข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตว่า หลังจากได้รับรายชื่อจำนวน 118 ราย จากนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เร่งรัดดำเนินการ โดยในจำนวนนี้เป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย 115 ราย กรุงเทพมหานคร 3 ราย ทั้งหมดเป็นข้าราชการประจำและข้าราชการท้องถิ่น มี 3-4 รายที่เป็นผู้บริหารระดับ 10 ขึ้นไป ขอให้สังคมสบายใจ เพราะ มีความตั้งใจต้องการเร่งรัดการดำเนินการ หากผล การตรวจสอบเป็นที่สุด จะดำเนินการเอาผิดทางวินัยด้วยโทษสูงสุด แต่หากกระบวนการตรวจสอบยังไม่สิ้นสุด จะเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาใช้ อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว จัดการกับคนเหล่านี้ ยอมรับว่าเคยทำเรื่องไปยังคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพื่อขอตำแหน่งพิเศษให้กลุ่มคนดังกล่าวไปประจำ แต่ ก.พ.ไม่อนุมัติ จึงต้องใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีจัดการกับคนเหล่านี้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมมีข้าราชการที่มีชื่ออยู่ 5 ราย สังกัดกรมราชทัณฑ์และดีเอสไอ ในจำนวนนี้มีรายชื่อที่ถูกชี้มูลแล้ว 2-3 ราย สั่งการให้ถอดจากตำแหน่งหน้าที่แล้ว ทั้งนี้ รายชื่อที่มีอยู่ทั้งหมด 198 รายชื่อนั้น มีทั้งที่ชี้มูลและยังไม่ได้ ชี้มูลความผิด ส่วนกลุ่มที่ต้องใช้กฎหมาย ม.44 ดำเนินการ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ตรวจสอบรายชื่อเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อเอารายชื่อแนบท้ายก่อนประกาศใช้ ม. 44 ส่วนอีกกลุ่มก็จะให้รัฐมนตรีของแต่ละกระทรวงดำเนินการตามกฎระเบียบ ในส่วนที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ที่ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียกให้ชี้แจงที่มาของทรัพย์สินนั้น วันเดียวกัน นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะ อนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้ เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวน พิจารณาคำร้องของนาย ธาริต ที่ยื่นขอขยายเวลาการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินที่ถูก ป.ป.ช.อายัดทรัพย์สินจำนวน 40.9 ล้านบาท หลังประชุมนายปรีชากล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ มีมติให้ขยายเวลาการเข้าชี้แจงของนายธาริตออกไปอีก 30 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 19 พ.ค. 58 เบื้องต้นนายธาริตชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรมาที่คณะอนุกรรมการฯก่อน แล้วมาให้ถ้อยคำด้วยตัวเองกับ ป.ป.ช.ในภายหลังได้ แต่ถ้านายธาริตมาชี้แจงทั้งหมดด้วยตัวเอง จะเป็นผลดีมากกว่า ประเด็นที่คณะอนุกรรมการต้องการให้นายธาริตชี้แจงอย่างละเอียดคือ กรณีที่ ป.ป.ช.ได้อายัดทรัพย์สินของนายธาริตไว้ชั่วคราว ตามที่ ป.ป.ช.ส่งหนังสือแจ้งให้นายธาริตทราบแล้ว นอกจากนี้ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ เนื่องจากไม่สั่งฟ้อง พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ อดีตรอง ผกก.สภ.เมืองพัทยา ผู้จ้างวานมือปืนยิงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในสมัยดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นนายธาริต ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงอย่างชัดเจนผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า พ.ต.ท.ศุภชัยเป็นผู้จ้างวานมือปืนยิงวัดพระแก้ว เป็นเงิน 5 แสนบาท ดังนั้นพฤติกรรมของนายธาริตทำในสิ่งที่สวนทางกับคำพูดของตัวเองขณะเป็นเลขานุการ ศอฉ. จึงน่าสงสัยว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ขณะนี้ทราบว่า พ.ต.ท.ศุภชัยกำลังขออนุญาต คสช.ออกนอกประเทศ จึงขอให้ คสช.พิจารณาให้รอบคอบว่า ถ้าอนุญาตให้ออกนอกประเทศแล้ว พ.ต.ท.ศุภชัยจะเดินทางกลับมาหรือไม่ อีกด้านที่กระทรวงศึกษาธิการ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงว่า ได้ชี้แจงถึงคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีการโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ โดยขอให้ผู้ที่รับหน้าที่ใหม่ไปศึกษางาน เพื่อให้การดำเนินงานต่างๆ เกิดความต่อเนื่อง ไม่สะดุดโดยล่าสุดได้แต่งตั้งให้นายกมล ศิริบรรณ รองปลัดกระทรวงฯ ปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) นายสุเทพ ชิตยวงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าฯ และเชิญทั้ง 3 คนมาพูดคุยทำความเข้าใจ ในงานที่ได้รับมอบหมาย อาจเป็นงานที่ทำให้เกิดความลำบากใจ และมีการต่อต้านจากบุคลากรในหน่วยงานอยู่บ้าง แต่ก็เชื่อว่าทั้ง 3 คนเข้าไปบริหารงานได้ หากมีอุปสรรคอะไรให้มาปรึกษาหารือ ยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่ พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวด้วยว่า ในส่วนของ สกสค. ให้ไปดูเรื่องการดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์ต่อสวัสดิการครูให้มากที่สุด ขณะองค์การค้าฯ ได้กำชับให้ดูแลการจัดพิมพ์ตำราเรียนให้ทันเปิดเรียน อย่าให้คำสั่งโยกย้ายครั้งนี้เป็นข้ออ้างทำให้การจัดพิมพ์ตำราเรียนเกิดความล่าช้า ส่วนการตรวจสอบความถูกต้องและโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ การบริหารการเงิน ทรัพย์สิน และผลประโยชน์อื่นใดของทั้ง 3 หน่วยงาน คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) จะเข้ามาช่วยดูแล หากมีข้อมูลใดที่เกี่ยวข้อง ขอให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ฯ ทั้ง 3 หน่วยงาน ดูแลให้ข้อมูลกับ คตร.เพื่อให้การตรวจสอบมีความรอบด้านมากขึ้น นายกำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในวันที่ 24 เม.ย. พล.ร.อ.ณรงค์ได้เชิญคณะกรรมการ สกสค.คณะกรรมการคุรุสภา และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าฯ รวม 3 หน่วยงานประชุมกัน เพื่อหารือแนวทางแก้ปัญหาต่างๆ และตั้งแต่ที่มีคำสั่งโยกย้ายผู้บริหารกระทรวงฯ ก็ยังไม่มีการพูดคุยกับนายสมศักดิ์ ตาไชย และนายสมมาตร มีศิลป์ สำหรับนายสมศักดิ์ นายสมมาตร ขณะนี้ยังถือว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหา ยังไม่ถือว่ามีความผิด คงต้องให้โอกาสชี้แจง ในส่วนของ สกสค. และองค์การค้าฯ จะมีปัญหาในลักษณะที่คล้ายกัน คือปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งกรณีทุจริตการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ จำนวน 360 ล้านบาท ซึ่งตนเป็นประธานสืบสวนข้อเท็จจริง ผลออกมาแล้วว่ามีมูลที่ส่อไปในทางทุจริต มีการขยายเวลาการก่อสร้าง แก้ไขแบบ ทำให้ผิดสัญญา ไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ก่อให้เกิดความเสียหายกับทางราชการ ขณะที่องค์การค้าฯ จะมีข้อร้องเรียน ที่เคยได้รับการตรวจสอบไปแล้ว อาทิ การเช่าแท่นพิมพ์ พิมพ์แบบเรียนในราคาที่สูงเกินจริง เป็นต้น ส่วนคุรุสภา มีปัญหาเรื่องร้องเรียน การเรียกรับเงินในการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการคุรุสภาจังหวัด แต่ยังไม่มีผู้เสียหายมาร้องเรียนโดยตรง จากนี้หากมีผู้มาร้องเรียนก็จะมีการตรวจสอบต่อไป ขณะที่นายพินิจศักดิ์กล่าวว่า หลังจากมีคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.และมอบนโยบายให้เข้าไปดูแลโครงการต่างๆของสำนักงาน ให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส ได้เชิญรองเลขาธิการ สกสค.ทั้ง 4 คนมาพูดคุยเรื่องการทำงาน พร้อมทั้งได้ขอเอกสารการดำเนินโครงการที่เกิดปัญหา มาศึกษาในรายละเอียด ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและทำความเข้าใจพอสมควร ในการประชุมบอร์ด สกสค. วันที่ 24 เม.ย. อาจจะยังไม่มีการนำผลสอบสวนข้อเท็จจริง เกี่ยวกับโครงการก่อสร้าง อาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน 360 ล้านบาทของสำนักงาน สกสค. ที่พบว่าส่อมีการทุจริตมาพิจารณา แต่จะพิจารณาเรื่องเร่งด่วนที่ตกค้าง ส่วนประเด็นข้อร้องเรียนการทุจริตต่างๆนั้น ขอเวลาในการศึกษาและตรวจสอบรายละเอียดก่อน สำหรับตนพร้อมทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ และอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เมื่อรัฐบาลและ คสช.มีความชัดเจนว่าต้องการทำให้กระทรวงใสสะอาด ก็ไม่กลัวว่าจะมีใครเข้ามาล้วงลูก หรือเกิดรายการคุณขอมา การตรวจสอบครั้งนี้ ตนทำหน้าที่ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่ หากมีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การสืบสวนข้อเท็จจริง การดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน 360 ล้านบาทของสำนักงาน สกสค.นั้น คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงฯ พบหลักฐานที่ชัดเจนว่า กรณีการจ้าง หจก.เอี่ยมเกศกิจออกแบบก่อสร้างอาคาร อาจดำเนินการมิชอบด้วยกฎหมาย โดย หจก.แห่งนี้ มีคุณสมบัติไม่ตรงตามประกาศเชิญชวนเข้าเสนอราคาของ สกสค. โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีผลงานประกอบการพิจารณาตั้งแต่ต้น จากการไปตรวจสอบสถานที่ตั้ง หจก.เอี่ยมเกศกิจ ของเจ้าหน้าที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พบว่า ปัจจุบันศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของ หจก.แห่งนี้ไว้เด็ดขาด เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2555 ต่อมาได้มีคำพิพากษาให้ล้มละลาย เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2556 อีกทั้งยังพบว่างานออกแบบของ หจก.เอี่ยมเกศกิจที่ชนะการออกแบบ ไม่สมบูรณ์ ไม่ตรงตาม TOR ที่กำหนดไว้ ที่สำคัญคือผู้บริหาร สกสค.มีเจตนาในการเปลี่ยนแบบแปลนการก่อสร้างจาก 7 ชั้น เป็น 9 ชั้น โดยที่ไม่ได้มีการเสนอขออนุมัติจากบอร์ด สกสค.ก่อน แต่พอมีเรื่องร้องเรียนเกิดขึ้นจึงมีการนำเสนอให้บอร์ดพิจารณาในภายหลัง ซึ่งบอร์ด สกสค.ให้ก่อสร้างตามแบบแปลนเดิม
รายชื่อข้าราชการทุจริต118คน 115ของมหาดไทย 3ของกทม. นี่ต้องเอาตะแกรงร่อน เผาไฟ ตากแห้ง แล้วเอากากไปเคี่ยวจนตกตะกอน จึงเหลือรอดมา118ชื่อ แต่ก็น่าเห็นใจ ถ้าจะปราบคนโกงในมหาดไทยกันจริงๆจะเหลือเจ้าหน้าที่ไว้เช็ดพระรูปกรมพระยาดำรงฯที่ตั้งอยู่หน้ากระทรวงหรือเปล่า
เนื่องจากการโกงกินเห็นกันอยู่ทั่วไป จนพวกข้าราชการที่กินตามน้ำ(รับซอง รับส่วย) บางคน นึกว่าตัวเองบริสุทธิ์ คือจะคิดว่าผมไม่ไปเรียกร้องอะไรเขานะ เขาเอามาให้เอง น่าจะเป็นเรื่องช่วยๆกัน ไม่ใช่ทุจริต แถมยังคิดว่าตัวเองเป็นคนดี ไม่รีดไถใคร กลายเป็นว่ารับซองแล้วยังถือว่าตัวเองมีบุญคุณกะเขาซะด้วย.....เวร.....
ผมก็รักท่านมากครับ ตอนที่ท่านออกมาปกป้อง เรือเหาะ ที่ภาคใต้ ผมรักท่านที่สุดดดด ถ้าพวกท่านทำผิด ท่านแมนมากๆ แผล็บๆๆๆ