ชาวเน็ตงัดหลักฐานเด็ด ! อัด "ตู่ จตุพร" หลังโบ้ยเบียง เผย "อ๊อด" คือ แดงเทียม กระดานสนทนา หมวด ข่าว Socialโพสท์โดย นักล่าข่าว ชาวเน็ตงัดหลักฐานเด็ด ! อัด "ตู่ จตุพร" หลังโบ้ยเบียง เผย "อ๊อด" คือ แดงเทียม อัด รบ. ใช้วิธีสกปรกใส่ร้าย นปช. จากกรณี นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว ที่เกี่ยวพันคดีวางระเบิดแยกราชประสงค์ ซึ่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ระบุว่า เป็นการ์ด นปช. และแนวร่วม นปช. ซึ่งถูกหมายจับในคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง เมื่อปี 53 และระเบิดย่านมีนบุรี ปี 57 เป็นผู้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิดตามหมายจับว่า ได้ตรวจสอบรายชื่อการ์ด นปช. ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้น วันที่ 30 กันยายน 2558 ล่าสุุด นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน กล่าวในรายการมองไกล ผ่านยูทูบ ถึงกรณีนายยงยุทธ พบแก้ว หรือ นายอ๊อด พยุงวงศ์ ผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันการวางระเบิด โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ระบุว่า เป็นการ์ด นปช. และถูกหมายจับในคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทองปี 53 และระเบิดย่านมีนบุรี ปี 57 ว่าได้ตรวจสอบรายชื่อการ์ด นปช.ตั้งแต่ปี 49 โดยตนได้มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ด นปช. ไปค้นในทะเบียนประวัติการ์ด นปช. และปรากฏว่าไม่พบรายชื่อ นาย อ๊อดในทะเบียนประวัติ และขอยืนยันว่า นายอ๊อด เขาไม่ใช่แนวร่วม นปช. อย่างแน่นอน ซึ่งรัฐบาลจงใจเลี้ยวเอาข้อหามาใส่ร้อย นปช.โดยโยงนายอ๊อดมาเชื่อมคนเสื้อแดง เท่ากับมองคนเสื้อแดงเป็นศัตรู เป็นวิธีสกปรกชั่วช้าที่สุดเท่าที่เคยพบมา ในเวลาต่อมาชาวสังคมอินเตอร์เน็ตได้พยายามงัดหลักฐานโดยค้นหารูปภาพนายอ๊อด ขณะตอนที่เป็นการ์ดให้กับ นปช. ปรากฏว่าพบเจอภาพนายอ๊อดเกี่ยวพันกับแกนนำ นปช.และยังเป็นแนวร่วม นปช.อยู่จริง ตามที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวไว้ ซึ่งเมื่อวานนายจตุพยายามตอแหลผ่านสื่อ อ้างว่า นายอ๊อด ไม่ใช่แนวร่วม นปช. ซึ่งเป็นกระทำ "เสร็จนา ฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" นั้นเอง https://xn--12c4db3b2bb9h.net/threads/เป็นแดงแท้นี่มันต้องตายก่อนเลยเรอะไง.4428/ เป็นเหลืองแท้พันธุ์ทาง นี่มันต้องโง่ยันตายถึงจะเป็นกันได้เลยเรอะไงคับ ที่ผมถามแบบนี้ ก็แบบว่า.... เวลาเค้าสร้างข่าวอะไรขึ้นมา จับแพะชนแกะ โยงแม่มมั่วไปหมด ขออย่างเดียว ขอให้ไปเกี่ยวข้อง เป็นผลเสียต่อ นปช. เสื้อแดง จะพากันเชื่อหมดใจโดยสนิท แบบว่าไม่ได้ใช้การ ในการใช้หัวคิดกันใช่ไหมครับ ขอแค่ข่าวมันถูกจริตกุก็เป็นพอ กุจะพากันเชื่อกันไว้ก่อน (ฮา) เปิดชีวิต "มานพ" ซาเล้งชุดดำ - เล่าที่มาภาพถ่ายเดินถือปืน เมื่อ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" เดินทางไปพบนายมานพ ชาญช่างทอง คนเก็บของเก่าขาย ซึ่งเป็นบุคคลในภาพที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าเป็นชายชุดดำ โดยพบว่านายมานพพักอาศัยอยู่ที่บ้านใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี กับภรรยาและลูกๆ รวม 4 คน ภายในบ้านโทรมๆ ที่ปลูกขึ้นเอง ด้วยไม้เก่าแผ่นป้ายโฆษณา มาทำเป็นฝาบ้าน และสังกะสีเก่าๆ ที่เก็บได้มามุงหลังคา นอกจากนี้ ยังเลี้ยงเป็ดและปลูกผักไว้กินเอง และชาวบ้านใกล้เคียงส่วนใหญ่สงสารครอบครัวนายมานพ มักจะนำอาหารและขนมมาให้เป็นประจำ นายมานพกล่าวว่าไปร่วมชุมนุมกับนปช. ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.2553 เนื่องจากเห็นว่าประชาชนถูกกลุ่มอำมาตย์ปล้นประชาธิปไตยไป จึงต้องการไปทวงคืนกลับมา ทำหน้าที่เป็นการ์ดอาสาช่วยดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องเสื้อแดงที่มาชุมนุม เข้าเวรยามช่วงเที่ยงคืนถึงเช้า อีกทั้งทุกๆ วัน จะมีหน้าที่ซื้อหนังสือพิมพ์ให้แกนนำ เวลาที่เหลือก็จะเดินเก็บขวดน้ำ กระป๋องน้ำอัดลมในพื้นที่ชุมนุม เพื่อนำไปขายหารายได้ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 สถานการณ์ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศเริ่มตึงเครียด มีเฮลิคอปเตอร์โปรยใบปลิว และโยนแก๊สน้ำตาลงมา พอช่วงเย็นก็เริ่มมีเสียงปืนดังขึ้น ซาเล้งเก็บของเก่ากล่าวต่อว่า ขณะนั้นทราบมาว่ามีกำลังทหารนำรถถังและรถหุ้มเกราะมาปิดล้อมพื้นที่ด้านโรงเรียนสตรีวิทยา และแยกคอกวัว แกนนำประกาศบนเวทีขอกำลัง 5,000 คน ไปช่วยผู้ชุมนุมที่คอกวัว จึงเดินทางไปช่วย และใช้เวลาเดินทางนานมาก เนื่องจากทหารปิดถนนหลายสาย ไปถึงเที่ยงคืนกว่า และเสียงปืนก็เงียบลง เห็นกลุ่มทหารกว่า 30 นาย พร้อมอาวุธปืน ตกอยู่ในวงล้อมของผู้ชุมนุมที่บริเวณโรงเรียนสตรีวิทยา เห็นท่าไม่ดีจึงประสานกับทางแกนนำว่าจะเอาอย่างไรกับทหารกลุ่มนี้ หากปล่อยไว้คงจะอันตราย นายมานพกล่าวว่า จากนั้นก็เข้าไปพูดกับนายทหารผู้คุมกำลัง เพื่อขอปลดอาวุธทั้งหมด และจะพาออกไปอย่างปลอดภัย ทหารก็ยอม จึงเข้าไปปลดอาวุธ เป็นปืนทาโวร์ 4 กระบอก และเอ็ม 16 ก่อนจะนำปืนไปมอบให้แกนนำที่เวทีผ่านฟ้าฯ ระหว่างที่นําปืนออกมาก็มีช่างภาพหลายคนเข้ามาถ่ายรูป ขณะลำเลียงปืนไปที่เวที จนกระทั่งถูกกล่าวหาเป็นชายชุดดำ และจำเลยคดีก่อการร้าย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะถือปืนหลายกระบอกมายิงกับทหาร และก็ยิงปืนไม่เป็น ไม่เคยเป็นทหาร จึงขอความเป็นธรรมด้วย "ในวันเกิดเหตุ ผมใส่เสื้อดำ และสวมไอ้โม่งดำจริง เพราะเห็นคนอื่นใส่เท่ดี จึงใส่บ้างไม่ได้คิดร้ายอะไร และที่ใส่ถุงมือก็เพื่อไว้จับกระป๋องแก๊สน้ำตาที่ทหารโยนใส่ผู้ชุมนุมเท่านั้น อีกทั้งไอ้โม่งดำคลุมหัว ก็เพราะเป็นคนหัวล้าน หากรู้มาก่อนว่าใส่ไม่ได้ก็คงไม่ทำ" นายมานพ กล่าว นายมานพกล่าวอีกว่า ส่วนวันที่ 19 พ.ค.2553 สถานการณ์ตึงเครียดทั้งวัน หลังแกนนำประกาศบนเวทียุติการชุมนุม และให้ผู้ชุมนุมไปหลบภายในวัดปทุมฯ ตนก็เข้าไปหลบอยู่ด้านในวัด ไม่ได้ออกมา แต่ได้ยินแต่เสียงปืนดังอยู่ด้านนอก และในวัดขณะนั้นก็มีคนถูกยิงบาดเจ็บและตายหลายสิบราย จนกระทั่งเช้าวันที่ 20 พ.ค.2553 ตำรวจนำกำลังเข้ามาช่วยพาตัวผู้ชุมนุมทั้งหมดออกจากวัดและพากลับบ้าน จากนั้นก็กลับที่พักย่านบางบัวทอง ไม่ได้หนีไปไหน และยังคงขับซาเล้งเก็บขวดกระดาษเหมือนเดิม "หลังจากอยู่บ้านได้ 2 เดือน ก็มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกว่า 30 คน นำหมายจับคดีก่อการร้าย มาบุกจับผมถึงบ้าน นำตัวมาแถลงข่าว โดยจับตามภาพถ่ายขณะที่ผมสวมไอ้โม่ง และสะพายปืน ถูกข้อหาบุกโรงแรมเอสซีปาร์ค ทั้งๆ ที่ไปโรงแรมยังไม่ถูกเลย ผมพยายามอธิบายแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ลองคิดดูหากเป็นชายชุดดำ หรือผู้ก่อการร้ายจริง ผมจะมานั่งเก็บขยะอยู่แบบนี้หรือ หลังถูกจับก็ต้องอยู่ในคุกนานหลายเดือน จนกระทั่งมีผู้ใหญ่นำเงิน 600,000 บาท มาช่วยประกันตัวออกมา ทุกวันนี้ผมก็ยังเก็บขยะขาย รายได้เฉลี่ย 2-3 วัน ประมาณ 300 บาท" นายมานพกล่าว http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME56RXdNekl5T1E9PQ==§ionid= http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME56RXdNekl5T1E9PQ==§ionid=
ขำดีนะ แต่ผมมีคำถามที่ดีกว่าจะถามผู้พิชิต สนามบิน005 "ผู้พิชิต สนามบิน005 ไม่ยอมยอมรับว่าตัวเป็นเพื่อนกับเสื้อแดงติดคุกกับจ่านิว เพราะมันน่าอายมากใช่ไหม"