เปิดโลกวันอาทิตย์ : รัสเซียคัมแบ็ก VS การจัดระเบียบโลกใหม่ของสหรัฐ : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย por, 26 ต.ค. 2015

  1. por

    por อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,397
    รัสเซียกลับมาแล้ว กลับมาตะวันออกกลางอีกครั้ง กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ระบือลือลั่นไปทั่วทั้งโลกาด้วยการส่งฝูงเครื่องบินรบทั้งเครื่องบินทิ้งระเบิดซูคอย หรือซู-34 เครื่องบินขับไล่ซู-24 เครื่องบินรบซู-30 และเฮลิคอปเตอร์เอ็มไอ-24 เปิดฉากโจมตีที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธกลุ่มต่างๆ ในซีเรีย ทั้งกลุ่มกบฏที่สหรัฐหนุนหลังและกลุ่มอิสลามสุดโต่งไอเอส ทั้งที่เป็นกลุ่มไอเอสของแท้และไอเอสของปลอมที่ซีไอเอให้ท้ายอยู่บื้องหลัง

    การโจมตีครั้งนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรัฐสภาในกรุงมอสโกได้ลงมติเอกฉันท์ไฟเขียวให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากการไปร่วมประชุมเนื่องในวาระครบรอบ 70 ปีของสมัชชาสหประชาชาติ ส่งกำลังทหารไปซีเรียเพื่อช่วยกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายตามคำขอของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ถูกสหรัฐและพันธมิตรนาโตช่วยกันรุมกินโต๊ะมานานถึง 4 ปี จนแทบไม่สามารถประคับประคองตัวเองได้ต่อไปหากไม่ได้รับความช่วยเหลือทางทหารโดยเร็วที่สุด จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2.5 แสนราย อีกกว่า 10 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านเกิดเมืองนอน ถือเป็นปฏิบัติการทางทหารนอกประเทศครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ทศวรรษ นับตั้งแต่ครั้งอดีตสหภาพโซเวียตส่งทหารเข้าไปยึดครองอัฟกานิสถานเมื่อปี 2522

    ก่อนหน้านี้ ผู้นำวังเครมลินได้เคยขอมติทำนองนี้จากวุฒิสภาคราวประกาศผนวกแหลมไครเมียของยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ในครั้งนี้ ปูตินย้ำว่าเป็นปฏิบัติการเพื่อสร้างสันติภาพ หรืออีกนัยหนึ่งใช้ "สงครามเพื่อยุติสงคราม”
    และปฏิบัติการทางทหารของแดนหมีขาวรัสเซียในซีเรียครั้งนี้ก็เหมือนกับย้อนรอยปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐและพันธมิตรนาโต นั่นก็คือมุ่งเน้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเท่านั้น โดยไม่ส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปร่วมรบด้วย แม้ว่ารัสเซียได้ส่งทหารและอาวุธยุโธปกรณ์เข้าไปในซีเรียล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อปลายเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนคราวส่งทหารไปยึดครองอัฟกานิสถานเมื่อปี 2522 สุดท้ายก็ถูกกลุ่มติดอาวุธที่ซีไอเอปั้นมากับมือ โดยหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ โอซามา บินลาเดน ขับไล่จนต้องกระเจิดกระเจิงออกจากอัฟกานิสถานด้วยความบอบช้ำแสนสาหัส มีทหารต้องพลีชีพถึง 14,000 ราย จนต้องหลบไปนอนเลียแผลถึงกว่า 30 ปี

    @จุดเปลี่ยนสำคัญ

    การที่หมีขาวรัสเซียตัดสินใจกระโดดเข้าร่วงวงศ์ไพบูลย์ในสงครามกลางเมืองในซีเรีย มีขึ้นหลังจากปูติน และประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งทำเนียบขาว ซึ่งเปิดสงครามน้ำลายกันบนเวทีสหประชาชาติไม่สามารถหาทางออกร่วมกันเพื่อคลี่คลายวิกฤติการณ์ในประเทศนี้ โดยผู้นำทำเนียบขาวยืนกรานเป็นกระต่ายขาเดียวว่าต้องกำจัดอัล อัสซาด ให้กระเด็นหลุดจากวงจรอำนาจให้ได้ แต่ปูตินขัดขวางเต็มที่ในฐานะที่เป็นพันธมิตรมานานกับตระกูลอัสซาดที่กุมอำนาจเด็ดขาดในประเทศนี้มา 2 ชั่วรุ่น ขณะที่พันธมิตรของสหรัฐในยุโรปก็เริ่มมีท่าทีโอนเอียงไปทางรัสเซียมากขึ้น กรณีเสนอทางออกให้ดึงคู่กรณีทุกฝ่ายรวมทั้งอัสซาดมาเข้าร่วมโต๊ะเจรจาสันติภาพ ไม่ใช่ถูกกีดกันออกไปดังที่ทำเนียบขาวยืนกรานมาตลอด

    อันที่จริง จุดหักเหสำคัญที่ทำให้จุดยืนของกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) เปลี่ยนไป มีขึ้นหลังจากคลื่นผู้อพยพราว 5 แสนคนส่วนใหญ่จากซีเรียยอมเสี่ยงตายข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้วทะลักเข้าไปยังยุโรป จนกลายเป็นวิกฤติใหญ่ที่ประเทศต่างๆ ไม่สามารถทนแบกรับได้อีกต่อไป ขณะที่สหรัฐซึ่งเป็นตัวการใหญ่ในการจุดชนวนความขัดแย้งในซีเรียได้แสดงจุดยืนให้เห็นชัดเจนว่าพร้อมจะเป็นมิตรประเภท “มีสุขร่วมเสพย์” แต่ ”ยามมีทุกข์กลับไม่ยอมร่วมต้าน” บีบให้อียูได้คิดว่าแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ไม่ใช่การปิดล้อมซีเรียและการล้มรัฐบาลอัล อัสซาด แต่อยู่ที่การเข้าไปแก้ไขที่ต้นเหตุ นั่นก็คือต้องดึงอัล อัสซาด เข้ามาร่วมเจรจาสันติภาพของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

    @กงล้อประวัติศาสตร์

    ถึงแม้จะไม่สามารถให้นิยามได้เต็มปากว่าปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียครั้งนี้เป็นสงครามระหว่าง “ฝ่ายเทพกับมาร” แต่อย่างน้อยก็สามารถพูดได้ว่าได้ตอกย้ำถึงการเป็นสมรภูมิล่าสุดของสงครามตัวแทนโดยสมบูรณ์แบบระหว่างกลุ่มที่ต้องการจัดระเบียบโลกใหม่ในตะวันออกกลาง นำโดยแดนดินถิ่นอินทรีผยองอเมริกาและพันธมิตรนาโตรวมทั้งพันธมิตรบางประเทศในตะวันออกกลางกับฝ่ายที่ต้องการล้มล้างแผนจัดระเบียบโลกใหม่ โดยมีหมีขาวรัสเซียเป็นหัวหอก

    ทั้งนี้ เพื่อจะสร้างดุลอำนาจขึ้นมาใหม่ในภูมิภาคนี้ที่ไฟสงครามกลางเมืองลุกลามไปทั่วนับตั้งแต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ประกาศจัดระเบียบโลกใหม่ขึ้น เริ่มด้วยการทำสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งที่ 1 เมื่อปี 2530-2531 ตามด้วยสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งที่ 2 และการกรีธาทัพใหญ่บุกล้มรัฐบาลตาลีบันในอัฟกานิสถาน ต่อด้วยการล้มรัฐบาลซัดดัม ฮุสเซนแห่งอิรัก รัฐบาลโมอัมมาร์ กัดดาฟี แห่งลิเบีย เชื่อว่าถ้าล้มรัฐบาลอัล อัสซาด แห่งซีเรีย ได้สำเร็จสมความมุ่งหมาย เป้าหมายต่อไปก็คือการยึดครองอิหร่าน อันเป็นความฝันสูงสุดมานานร่วมครึ่งศตวรรษ

    สิ่งที่ผู้นำทำเนียบขาวทุกรุ่นอ้างมาตลอดก็คือต้องการสร้างรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยขึ้น แต่กว่าสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลประชาธิปไตยที่สหรัฐสร้างขึ้นมากับมือล้วนแต่มีข่าวฉาวโฉ่ในเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น รวมถึงการไม่สามารถบูรณะประเทศที่พังพินาศย่อยยับให้กลับมาดีดังเดิมได้ ประชาชนยังคงยากจน หิวโหย ขณะที่บริษัทอเมริกัน ซึ่งมักจะมีรัฐมนตรีและนักการเมืองหลายคนถือหุ้นใหญ่ได้รับสัมปทานเข้าไปกอบโกยผลประโยชน์มหาศาลในโครงการฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานจนถึงทุกวันนี้

    พูดง่ายๆ ก็คือวัฏจักรหรือกงล้อประวัติศาสตร์ในตะวันออกกลางได้หมุนมาทับรอยเดิมอีกครั้ง ซึ่งผู้เล่นล้วนแต่เป็นตัวละครชุดเก่าหน้าเดิมๆ ที่เคยผลัดกันรุกผลัดกันรับในศึกชิงความเป็นเจ้าในภูมิภาคนี้ แต่คราวนี้ตัวละครสำคัญได้สับเปลี่ยนบทบาทกัน กลายเป็นปูตินสวมบทพระเอกทั้งบนเวทีการประชุมสหประชาชาติและการนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมและชอบธรรม ภายใต้ข้ออ้างว่าพร้อมจะไล่ล่ากลุ่มไอเอสเพื่อสกัดช่องทางไม่ให้หันอาวุธไปโจมตีรัสเซียได้ อีกทั้งเพื่อป้องกันไม่ให้สงครามลุกลามไปถึงอิหร่านหากรัฐบาลอัสซาดถูกสหรัฐล้มล้างสำเร็จ ส่วนทำเนียบขาวกลับกลายเป็นผู้ร้ายปากแข็งใจแข็ง ทั้งๆ ที่ติดหล่มสงครามจนยากจะถอนตัวเหมือนคราวที่เคยติดหล่มสงครามในเวียดนามมาแล้ว

    ส่วนรากเหง้าปัญหาแท้จริงไม่ได้รับการแก้ไขอยู่เหมือนเดิม หนำซ้ำยังถูกบิดเบือนให้เข้าใจผิดว่าเป็นการต่อสู้ที่ชอบธรรมเพื่อตอกหมุดประชาธิปไตยขึ้นในตะวันออกลาง

    @สงครามโฆษณาชวนเชื่อ

    พลันที่เครื่องบินรบของรัสเซียเหินหาวไปถล่มที่มั่นของฝ่ายกบฏและกลุ่มติดอาวุธ สื่อตะวันตกรวมไปถึงบีบีซี ฟ็อกซ์นิวส์ และอัล จาซีราห์ ก็เข้าสู่หมวดรบเต็มรูปแบบในการทำสงครามโฆษณาชวนเชื่อเพื่อช่วงชิงพื้นที่ข่าวเหมือนในยุคสงครามเย็นไม่มีผิด เริ่มตั้งแต่การโจมตีว่าเครื่องบินรบของรัสเซียได้ทิ้งระเบิดถล่มบ้านเรือนของประชาชน จนมีพลเรือนเสียชีวิตจำนวนมาก และย้ำแต่ประเด็นนี้โดยไม่เคยเปรียบเทียบกับตัวเลขชาวซีเรียที่เสียชีวิตขณะสหรัฐถล่มซีเรียมานานถึง 4 ปี หนำซ้ำเป้าหมายมักจะพลาดไปโดนประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก

    จากผลการสำรวจของนักวิจัยจากอังกฤษ เบลเยียม สหรัฐ และเลบานอน ที่ตีพิมพ์ในนิตยสารการแพทย์เผยว่า มีพลเรือนชาวซีเรียเสียชีวิตจากเงื้อมมือรัฐบาลราว 79,000 รายระหว่างปี 2554-2558 ในจำนวนนี้เกือบ 25 เปอร์เซ็นต์เป็นด็กและผู้หญิง หรือถ้าลงลึกมากไปกว่านั้นก็คือมีเด็กมากถึง 16 เปอร์เซ็นต์ที่เสียชีวิตจากการโหมโจมตีของทหารรัฐบาล

    หรือการตอกย้ำแต่ว่าการล้มรัฐบาลอัสซาดนั้นสำคัญมากกว่าการปราบปรามกลุ่มไอเอส โดยละเลยไม่ยอมพูดถึงว่ารัฐบาลอัสซาดนั้นมาจากการเลือกตั้งตามครรลองประชาธิปไตยเหมือนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนั้น หรือแทบจะไม่เคยวิเคราะห์โดยปราศจากอคติหรือมีผลประโยชน์ใดๆ ว่าอนาคตของซีเรียจะเป็นเช่นใดหากล้มรัฐบาลอัสซาดได้สมความมุ่งมาดแล้ว จะซ้ำรอยอัฟกานิสถาน อิรัก กับลิเบียหรือไม่ ไม่ต้องพูดไปถึงการละเลยความจริงที่ถูกปิดบังมาตลอดว่าเหตุใดการจัดระเบียบโลกใหม่ในตะวันออกกลางโดยเฉพาะในอัฟกานิสถาน อิรัก และลิเบีย จึงไม่คืบหน้าแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานกว่า 20 ปีแล้ว

    สูตรสำเร็จอีกอย่างหนึ่งในการนำเสนอข่าวโฆษณาชวนเชื่อของสื่อตะวันตกในช่วงนี้ก็คือการตอกลิ่มย้ำแต่ภาพการกระหายสงครามของรัสเซีย ตั้งแต่การเปิดสงครามกับสาธารณรัฐจอร์เจียเมื่อปี 2551 รวมไปถึงการฝึกอาวุธให้แก่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนจอร์เจียที่อับคาเซียและออสเซเตียใต้แล้วรับรองพื้นที่ใต้การยึดครองของ 2 กลุ่มว่าเป็นรัฐอิสระ นอกเหนือจากหนุนหลังกลุ่มกบฏแยกดินแดนในมอลโดวาและทาจิกิสถาน หรือล่าสุดก็คือหนุนฝ่ายกบฏในยูเครนตามด้วยการผนวกดินแดนคาบสมุทรไครเมียกลับไปเป็นของรัสเซีย เป็นต้น

    สื่อตะวันตกยังได้จุดชนวนความหวาดระแวงสงสัยในความจริงใจของหมีขาวที่หวนกลับคืนรังในตะวันออกกลาง อาทิ อ้างความเห็นของผู้บัญชาการนาโตที่ตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดรัสเซียถึงได้ติดตั้งระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแบบเอสเอ-15 และเอสเอส-22 ซึ่งมีประสิทธิภาพยิ่งใหญ่เกินความจำเป็นในการถล่มไอเอส เหมือนกับเอามีดโคไปฆ่าไก่มากกว่า เพราะลำพังแค่เครื่องบินรบราว 50 ลำที่ประจำการอยู่ในขณะนี้ถือว่าพอเพียงแล้ว หรือว่าแท้ที่จริงแล้วเพราะต้องการปกป้องรัฐบาลอัล อัสซาด

    @@บทสรุป

    สิ่งหนึ่งที่มหาอำนาจรวมทั้งสื่อในอาณัติละเลยไม่ให้ความสนใจก็คือทำอย่างไรถึงจะให้ชาวซีเรียสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้โดยปราศจากการแทรกแซงจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอนาคตทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลานานหลายปีก็ตาม ถ้าทำได้เช่นนี้เมื่อใด เชื่อว่าปัญหาผู้อพยพนับแสนๆ คนก็จะค่อยๆ หายไป เช่นเดียวกับการสกัดไฟสงครามไม่ให้ลุกลามออกไป

    http://www.komchadluek.net/detail/20151004/214497.html
     
  2. por

    por อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,397
    คนนี้วิเคราะได้ดีครับ ชอบคำว่า "จุดหักเหสำคัญที่ทำให้จุดยืนของกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) เปลี่ยนไป มีขึ้นหลังจากคลื่นผู้อพยพราว 5 แสนคนส่วนใหญ่จากซีเรียยอมเสี่ยงตายข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้วทะลักเข้าไปยังยุโรป จนกลายเป็นวิกฤติใหญ่ที่ประเทศต่างๆ ไม่สามารถทนแบกรับได้อีกต่อไป ขณะที่สหรัฐซึ่งเป็นตัวการใหญ่ในการจุดชนวนความขัดแย้งในซีเรียได้แสดงจุดยืนให้เห็นชัดเจนว่าพร้อมจะเป็นมิตรประเภท “มีสุขร่วมเสพย์” แต่ ”ยามมีทุกข์กลับไม่ยอมร่วมต้าน” " ปล เจ็บดีแท้ 12042979_562361143928376_5077664806492930390_n.jpg
     
  3. ทองเค

    ทองเค อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    25 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,875
    ประวัติ ศาสตร์สอนแล้ว ความหยิ่งทนง ของ ฮิตเลอร์
    ความวางก้าม เขื่องโข ของซัดดัม ยิ่งจะทำ ให้ประเทศตนโดดเดี่ยว ประชาชนล้มตาย
    เมื่อเจอภัยขั้นร้ายแรง ทั้งข่าวสาร สารพัดคำกล่าวหา ทั้งโดนถล่มด้วย กำลังทหาร
    จากประเทศ กลายเป็นชนกลุ่มน้อย ต่อไปก็โดนกวาดล้าง เหมือน อัฟกานิสถาน ปาเลสไตน์
     
  4. ทองเค

    ทองเค อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    25 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,875
    การจัดระเบียบโลก นี่ต้องดู ทรัพย์สิน และ ทรัพยากร ด้วยหรือเปล่า

    งบประมาณ ของสหรัฐ ที่ใช้ไปกับการดังกล่าว มันช่างมหาศาล

    ทำไปเพื่อ ??? หรืออุดหนุนลูกค้า ในด้านยุทโธปกรณ์

    ทุบทำลาย แล้วสร้างใหม่ เราจะได้ข่าว บริษัท ยุโรป เข้ามาสัมปทาน ในการพัฒนา ประเทศเหล่านี้
     
  5. AlbertEinsteins

    AlbertEinsteins อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,479
    เป็นการปรับสมดุลของดีมานและซัพพลายส่วนนึง
    ทำลายสเถียรภาพสมดุล เพื่อสร้างสมดุลใหม่

    ทำลายความเชื่อมั่น เพื่อสร้างความไม่แน่นอน มันจะทำให้โอกาสที่ดอลล่าร์ยังเป็นใหญ่อยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพ เพื่อคงสภาพความแข็งแกร่งให้อเมริกาที่ส่งออกดอลล่าร์เป็นหลัก ในฐานะผู้กู้รายใหญ่ที่สุดในโลก และไม่ย้อนกลับมาทำให้อเมริกาต้องล้มละลายจากการสูญเสียความสำคัญของดอลล่าร์

    ไม่รู้ว่าทำไมผมกลับมองว่าอเมริกาปล่อยให้รัสเซียเข้ามาเล่นเกมนี้แบบจงใจ. และผมเชื่อด้วยว่าเกมนี้จะลากกันยาวนานพอสมควร จนรัสเซียจะง่อยเปลี้ยลงเนื่องจากการใช้เงินจำนวนมากละเลงลงไปในสงครามที่ไม่ก่อประโยชน์มากมายแก่รัสเซีย เชื่อว่าเป็นความจงใจที่จะก่อให้เกิดความเสียหายจนปูตินจะอยู่ไม่ได้ ทางเดียวที่รัสเซียจะไม่เสียหายมากคือเข้าไปแล้วสงครามจบสงบอย่างรวดเร็วจนรัสเซียสามารถถอนทหารส่วนใหญ่ออกมาได้

    แต่ผมว่ามันจะไม่จบแบบเร็ว
     
    por likes this.
  6. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
  7. ParaDon

    ParaDon อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    2 Aug 2015
    คะแนนถูกใจ:
    3,168
    Location:
    Thai
    original.jpg
    สหประชาชาติ วิพากษ์วิจารณ์อเมริกาที่ใช้โดรนในการโจมตี โดยกล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
    เมื่อปีก่อนหน้านี้ แม้จะมีการทดลองฐานทัพ Chabelley แต่อเมริกา ได้ลงนามข้อตกลง กับจิบูติ “มาตรการทางการบริหารในระยะยาว” เพื่อจะทำให้ฐานทัพดังกล่าว เป็นฐานทัพ “ถาวร”
    อเมริกาอ้างว่าการปฏิบัติการของโดรน มีจุดประสงค์เพื่อโจมตีกลุ่มติดอาวุธที่ก่อความไม่สงบ แต่ในรายงานและหลักฐานพยานและสถิติจากหน่วยงานท้องถิ่นที่บ่งชี้ว่า การโจมตีส่วนใหญ่ของโดรนอเมริกา ทำให้พลเรือนจำนนมากเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ
    8b6d02a0-d029-4cae-88cb-659b1558b38d.jpg
    ที่มา http://www.abnewstoday.com/5743

    พิกัด google map Chabelley Airport
    https://www.google.co.th/maps/place/Chabelley+Airport+(CBA),+จิบูตี/@11.5176477,43.065483,433m/data=!3m1!1e3!4m2!3m1!1s0x16230f79db6db007:0x1f77ed8ca9f98b16?hl=th
     
    Last edited: 28 ต.ค. 2015
    por likes this.

Share This Page