วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 26 ฉบับที่ 9368 ข่าวสดรายวัน ม.44ฟันอีก 60บิ๊กขรก.-ผู้นำท้องถิ่น บิ๊กตู่ให้ระงับปฏิบัติหน้าที่ นายกอบจ.ชัยนาท-กำแพงฯ นายกเทศมนตรี12จังหวัด โยธาหนองคาย-นอภ.อุดร "บิ๊กตู่"ใช้ม.44 เชือดบิ๊กขรก.-ผู้นำท้องถิ่นอีก ล็อตใหญ่ 60 คน นายกอบจ.มุกดาหาร-ชัยนาท-กำแพงเพชร ส่วนนายกเทศมนตรีมีถึง 12 จังหวัด อาทิ สุรินทร์-สกลนคร-ราชบุรี-ตะพานหิน ขณะที่บิ๊กขรก. โยธา ธิการหนองคาย-นายอำเภอสร้างคอม อุดรฯ-หัวหน้าปภ.กาฬสินธุ์ โดยให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างถูกตรวจสอบ เมื่อวันที่ 21 ก.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 43/2559 เรื่องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 4 รวม 60 คน ตามที่มีคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ และการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พ.ค.2558 และคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 19/2558 เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น ลงวันที่ 24 มิ.ย.2558 นั้น โดยที่หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบ ได้เสนอรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ จึงจำเป็น ต้องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติมจากรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งดังกล่าว จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มี คำสั่งดังนี้ 1.ให้ผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ 1 ผู้บริหารสถานศึกษา 2 ราย คือ รศ.ปิยพันธ์ แสนทวีสุข รองคณบดีฝ่ายบริหาร สาขาดุริยางคศิลป์ตะวันตก วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และนายสำเริง ภิปัญญา ผอ. โรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆ และกลุ่มที่ 2 ข้าราชการพลเรือน 8 ราย ได้แก่ นายมนัส นิลคุปต์ ผอ.โครงการชลประทานสมุทร ปราการ, นายปราโมทย์ ลิมป์วิทยาธร ผอ. โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีบน จ.ชัยภูมิ, นายประสิทธิ์ แสงพินิจ ผอ.สำนักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จ.หนองคาย, นายพรชัย มิ่งขวัญ ผอ.ศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 1 จ.พิจิตร, นายวีรเทพ ดำรงคดีราษฎร์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา(นายเสถียร ดำรงคดีราษฎร์), นายวีระศักดิ์ วิเชียรแสน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กาฬสินธุ์, นายชนะศึก สาตรรอด นายอำเภอสร้างคอม จ.อุดรธานี และนายอนุชัย บูรณประเสริฐกุล โยธาธิการและผังเมือง จ.หนองคาย ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว 2.ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 3 ผู้บริหารและผู้มีตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 40 ราย ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับ ค่าตอบแทน 3.ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 4 ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 10 ราย ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่ หรือสถานที่ราชการอื่นในจังหวัดนั้นๆ ตามที่ผู้ว่าฯกำหนด แต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคำร้องขอและให้ผู้ว่าฯหรือผู้ที่ผู้ว่าฯมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอำนาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม ในกรณีนี้มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจำตำแหน่ง และสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ.2555 อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคำสั่งนี้ 4.เมื่อศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 1 ถึงกลุ่มที่ 4 ต่อหน่วยงานต้นสังกัดแล้ว เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้มีรายชื่อดังกล่าว ให้หน่วยงานต้นสังกัดเร่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงหรือสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัยโดยเร็ว กรณีไม่พบว่ามีความผิดหรือการกระทำไม่ถึงขั้นทุจริตและควรกลับไปดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่เดิมได้ ให้หน่วยงานต้นสังกัดรายงานนายกฯ เพื่อพิจารณาเปลี่ยน แปลงคำสั่งต่อไป ความในวรรคก่อนให้ใช้กับกรณีผู้มีรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคำสั่ง หัวหน้าคสช.ที่ 16/2558 ที่ 19/2558 และที่ 1/2559 ด้วย ในกรณีที่ชื่อและตำแหน่งของผู้มีรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ไม่ตรงตามทะเบียนประวัติของทางราชการแต่เป็นบุคคลเดียวกัน ให้หน่วยงานต้นสังกัดแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตรงตามที่เป็นจริงในปัจจุบัน 5. การรับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ หรือประโยชน์ตอบแทนใดๆ ของผู้มีรายชื่อในกลุ่มต่างๆ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ 6.ในกรณีมีปัญหา ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องเสนอปัญหาและแนวทางดำเนินการให้นายกฯวินิจฉัย คำวินิจฉัยของนายกฯให้เป็นที่สุด 7.นายกฯหรือครม.แล้วแต่กรณี อาจมี คำสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้ตามที่เห็นสมควร 8.คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 17 ก.ค.2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. สำหรับรายชื่อกลุ่มที่ 3 ผู้บริหารและผู้มีตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 40 ราย นางมลัยรัก ทองผา นายกอบจ.มุกดาหาร, นายอนุสรณ์ นาคาศัย นายกอบจ.ชัยนาท, นายสุนทร รัตนากร นายกอบจ.กำแพงเพชร นายชัยวุธ จำปาเกตกุล นายกอบต.มาบแก อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์, นายสนอง แตงทรัพย์ นายกอบต.ปางสวรรค์ อ.ชุมตาบง จ.นครสวรรค์ นายสมมิตร์ คุ้มบัว นายกอบต.หนองแจ้งใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา, นายประมวล ชื่นสุวรรณาภรณ์ นายกอบต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี, นายมงคล เหล็กลอย นายกอบต.ด่านจาก อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา, นายสำรอง บัวพร นายกอบต.เมืองหลวง อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ, นายศรชัย วารีทิพย์ นายกอบต.วรนคร อ.ปัว จ.น่าน, นายรุ่ง ทองเกตุแก้ว นายกอบต.คลองประเวศ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา, นายฉลอง คำพุด นายกอบต. ภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์, นายหลิม สาธุชาติ นายกอบต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา, นายประเสริฐ มีสมยุทธ์ นายกอบต.วัดตูม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนคร ศรีอยุธยา พ.ต.ท.วินัย เจริญสุข นายกอบต.คลองสระบัว อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรี อยุธยา, นายธนกฤต หวังวีระ นายกอบต.บ้านนา อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา, นายมานพ ผดุงหัส นายกอบต.ท่าตอ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา, นายบำรุง ก้อนทอง นายกอบต.พระแก้ว อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา, นายสกล โรจนีย์ นายกอบต.โคกม่วง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา, นายอนุทิน แก้วก้อนน้อย นายกอบต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา, นายประสาร สุขร่าง นายกอบต.โพธิ์สามต้น อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา, น.ส.วราภรณ์ สำรวล นายกอบต.บางนา อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา, นาย สมหมาย ประสพเหมาะ นายกอบต.ชะแมบ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา, ด.ต.มานิจ มะนะมุติ นายกอบต.บ้านพลับ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา, นายโกมุท ทีฆธนานนท์ นายกเทศมนตรีนครสกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร, นายวรรธนินทร์ ตั้งทวีสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์, นางศมานันท์ เหล่าวณิชวิศิษฏ นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี อ.เมือง จ.ราชบุรี, นายบูรณะ แสงรวีวิสิฐ นายกเทศมนตรีเมืองตะพานหิน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร, นายณรงค์ วิบูลย์มา นายกเทศมนตรีตำบลหนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่, นางมุขสุดา ติวุตานนท์ นายกเทศมนตรีตำบลศรีสำโรง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย, นาง วิราวรรณ์ ยาท้วม นายกเทศมนตรีตำบลทองแสนขัน อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์,นายภู ภูลคร นายกเทศมนตรีตำบลเม็งราย อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย, นางจุรีพร เศวตอมรกุล นายกเทศมนตรีตำบลท่าช้าง อ.เฉลิม พระเกียรติ จ.นครราชสีมา, นายบุญเรียง บุตรศรี นายกเทศมนตรีตำบลสังคม อ.สังคม จ.หนองคาย, นายไพบูลย์ ศรีสุข นายกเทศมนตรีตำบลอรัญญิก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา, นายโกวิท เกตุนวม นายกเทศมนตรีตำบลบางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา, นายชูศักดิ์ ศรีอัญชลี รองนายกเทศมนตรีตำบลบางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา, นายวัฒนา ม่วงทอง รองนายกเทศมนตรีตำบลบางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา, นางสุวดี ดีศรีศักดิ์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลบางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา, นายพิษณุพงศ์ รุ่งสุวรรณรังษี เลขาฯนายกเทศมนตรีตำบลบางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา, สำหรับกลุ่มที่ 4 ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 10 ราย ดังนี้ นายไพฑูรย์ สัตยวงศ์ทิพย์ ปลัดอบจ.กำแพงเพชร, นายเริงรมย์ เหล่าบุญกล่อม ปลัดอบต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร, นายยุทธพงษ์ สุปติ ปลัดอบต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ, ว่าที่ร.ต.วชิระ เจริญศรี ปลัดอบต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี, ว่าที่ร.ต.ฑีชโยดม จันทกูล ปลัดอบต. ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา นายเสรี ศิลปเพ็ชร ปลัดเทศบาลตำบลบางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา, ว่าที่ร.ท.มงคล ปานอินทร์ ปลัดเทศบาลตำบลเม็งราย อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย, ว่าที่ร.ต.หญิงกฤติยาณี จันเทศ ผอ.กองคลัง เทศบาลตำบลเม็งราย อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย, น.ส.ธูปทอง แช่มช้อย ผอ.กองคลัง เทศบาลตำบลบางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา, น.ส.เยาวลักษณ์ ดีเลิศ ผอ.กองคลัง อบต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
น่าจะเปลี่ยนหัวกระทู้ว่า มีคนไปประท้วงเพื่อ ปชต. มีคนติดคุกเพราะเสื้อแดง แต่ทำไมไม่เคยมีชื่อนายพลตัดแปะกับร่างแยกในนั้น
บางทีก็ไม่เข้าใจพวกกาสรสีชาดนะครับ ว่าทำไมพวกนี้ชอบตั้งคำถามในสิ่งที่คนอื่นเค้าได้ตอบไปเรียบร้อยแล้ว ปล. แถมตอบไป 10 วันแล้ว ไม่เคยเปิดทีวีฟังข่าวกันบ้างหรือไงนะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันยังไม่ใช้มาตรา 44 ปลดผู้ว่าฯ กทม.ออกจากตำแหน่ง ตามที่ สตง.ตรวจพบทุจริตโครงการอุโมงค์ไฟ 39 ล้านบาท ระบุให้รอผลสอบสวนของกระทรวงมหาดไทย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงวถึงกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ตรวจสอบพบการทุจริตโครงการประดับไฟส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ของ กทม.หรืออุโมงค์ไฟ มูลค่ากว่า 39 ล้านบาทว่า ว่าเรื่องนี้กระทรวงมหาดไทย อยู่ระหว่างการตรวจสอบจึงต้องรอผลการสอบสวนก่อน ซึ่งมีฏหมายหมายอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อมีการร้องเรียนก็มีหน่วยงานตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 ดำเนินการกับหม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ด้าน พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวย้ำว่าได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และ สั่งการปลัดกระทรวง เป็นผู้ดำเนินการทางคดีกับผู้ว่าฯกทม.และ ผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่อทุจริตอุโมงค์ไฟ 39 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่ต้องให้แล้วเสร็จ แม้ว่าผู้ว่าฯกทม.จะหมดวาระในช่วงเดือนกันยายนนี้ เพราะกฎหมายยังมีผลบังคับใช้ แม้ว่าผู้กระทำผิดจะเกษียณอายุไปแล้ว พร้อมกันนี้ พลเอก อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงการทำงานของศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการออกเสียงประชามติว่า ยังไม่มีการรายงานปัญหาสำคัญในการทำงานและย้ำว่า ศูนย์ดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามปกติเพื่อให้การทำประชามติเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยทำหน้าที่จัดทำรายชื่อ รวมถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และสร้างความเข้าใจประชาชนเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนกรณีที่กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ เตรียมจัดกิจกรรมรณรงค์ในทุกสัปดาห์นั้น มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่แล้ว ทั้งในส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ คสช. รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงสาเหตุที่บัญชีข้าราชการทุจริตล็อต 4 ไม่มีชื่อของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เนื่องจาก ศอตช.ไม่ได้ส่งรายชื่อมาให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังมีข้อสังเกตกรณีคำสั่งมาตรา 44 ระงับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการและผู้บริหารท้องถิ่น จำนวน 60 คน ไม่มีชื่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หลังถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินชี้มูลเกี่ยวพันทุจริตโครงการไฟประดับของ กทม.มูลค่า 39 ล้านบาท และยังมีข้อร้องเรียนหลายคดี โดย ระบุว่า เนื่องจากศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ไม่ได้ส่งรายชื่อมาให้ แต่รายชื่อที่ส่งมา ล้วนผ่านการโหวตและเห็นชอบกันเป็นเอกฉันท์ใน ศอตช.แล้ว นอกจากนี้ กรณีของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ นายวิษณุ เปิดเผยว่า บัญชีรายชื่อข้าราชการถูกกล่าวหาทุจริต ล็อต 4 ที่ส่งมาถึงนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีแค่ 60 รายชื่อ แต่มีถึง 200 ราย ในจำนวนนี้กว่า 100 ราย เป็นเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการระดับซี 8 จึงไม่จำเป็นต้องใช้ มาตรา 44 และส่งรายชื่อไปยังผู้บังคับบัญชา สอบสวนและพิจารณาความผิด
ต้องทำความเข้าใจให้ดี เขาใช้ ม 44 สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ มันไม่ใช่การลงโทษ หรือแปลว่าเขาผิดนะครับ เพราะขั้นตอนมันยังอยู่แค่การตรวจสอบว่าผิด หรือไม่ผิด แต่การให้หยุดปฏิบัติหน้าที่อาจเป็นเพราะกลัวว่าจะไปทำลายหลักฐาน หรือ อาจทำให้ผู้รู้เห็นที่จะให้ข้อเท็จจริงได้ เช่นลูกน้องทั้งหลายแหล่ ไม่กล้าให้ข้อเท็จจริง ถ้าคนที่ถูกตรวจสอบยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ เพราะฉะนั้นเมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วคนเหล่านี้อาจผิดหรือไม่ผิดก็ได้ จึงไม่ใช่ การฟัน หรือเชือด อย่างที่สื่อพูด ม 44 มันเป็นการให้อำนาจหัวหน้า คสช ที่จะสั่งการ สารพัดเรื่อง ไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่าเอาไปปนกับกฎหมายของ ปปช ที่ชี้มูลความผิดแล้วต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณีคุณชายหมูนั้น เขาไปไกลกว่าคนเหล่านี้แล้ว ก็ผู้ว่า สตง มาออกสื่ออยู่ปาว ๆ ว่า ส่งกระทรวงมหาดไทยแจ้งความดำเนินคดีแล้วบ้าง ส่ง ปปช แล้วบ้าง แกเข้าไปอยู่ในกระบวนการที่ไกลกว่า 60 คนนี้แล้ว จะไปดึงให้กลับมาอยู่ในสภาพถูกตรวจสอบเหมือน 60 คนนี้เพื่ออะไร เขาก็ต้องเดินหน้าไปเรื่อย ๆ จน ปปช ชี้มูลความผิดนั่นแหละ
ในกทม.มีข้าราชการขี้ฉ้อเยอถึงเยอะมาก ถ้าสอบดีๆตรวจบัญชีเบิกจ่ายการใช้งบเกือบครึ่งหมดไปกับการละลายงบเช้าพกเข้าห่อตัวเองกับพวกพ้องมันเป็นแบบนี้มานานแล้วไม่ใช่เพิ่งมาเป็นตอนผู้ว่าหมู สำหรับผู้ว่าหมูส่วนตัวผมคิดว่าแกไม่น่าจะโกงเองหรือมีเจตนาโกงแต่ต้องมาตกม้าตายเพราะลูกน้องคนสนิทคนใกล้ชิดรวมทั้งพวกข้าราชการกทม.ที่จ้องหากินตอนชายหมูมึนๆ ถ้าผมเป็นชายหมูจะลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบและความบริสุทธิ์แล้วให้ปปช.ลงพื้นที่ปูพรมสอบกทม.ทุกหน่วยงานเอาแบบล้างบางทีเดียวเลย