อดีตรองอธิบดีสรรสามิต ชี้คดีเบนซ์สมเด็จช่วง ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เพราะไม่มีส่วนนำรถเข้ามา ไม่ได้เป็นผู้รับซื้อ และไม่ได้เลี่ยงภาษีศุลกากร เป็นเพียงผู้รับบริจาครถโบราณเพื่อให้พุทธสานิกชนได้ชมเท่านั้น นายสมชัย อภิวัฒนพร อดีตรองอธิบดีกรมสรรพสามิต โพสต์ข้อความ ในเฟซบุ๊ก Somchai Ap ถึงกรณีการดำเนินคดีกับรถเบนซ์โบราณของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ว่ารถยนต์ จดประกอบเริ่มประมาณปี 52-54 อนุญาตให้นำชิ้นส่วนมาประกอบเป็นคัน เสียภาษีสรรพสามิตแล้วขอจดทะเบียนกรมการขนส่งทางบกโดยมีวิศวกรรับรอง ผู้ประกอบการหัวหมอ เลยแยกนำเข้า ต่างวันเวลา แล้วเสียภาษีนำเข้าเป็นชิ้นส่วน นำชิ้นส่วนไปประกอบเป็นคัน อัตราภาษีมันต่างกัน ถ้านำเข้าทั้งคันภาษี ประมาณร้อยละ 80 ถ้าแยกเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ ร้อยละ 20-60 แล้วสำแดงราคาต่ำคือ ต่ำทั้งอัตราและราคานำเข้า อธิบดีศุลกากรมีอำนาจเรียกเก็บภาษีได้ ถ้าเห็นว่าผู้นำเข้ามีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรต้องเรียกจากผู้นำเข้าตาม ม.27 แห่ง พรบ.ศุลกากร ส่วนผู้ครอบครอง กฎหมายได้บัญญัติไว้ ตาม ม.27 ทวิแห่ง พรบ. ศุลกากร กำหนดว่า ของที่ผู้ซื้อหรือรับไว้ว่า "ซึ่งของอันตนรู้อยู่ว่าเป็นของที่นำเข้าโดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร" จะเห็นว่ามาตรานี้มีองค์ประกอบ 2 ข้อ คือ 1.ของนั้นต้องเป็นของหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร 2.ผู้ซื้อหรือผู้รับไว้ ต้องรู้ ว่าเป็นของนำเข้าหลีกเลี่ยงภาษี ประเด็นสำคัญที่จะกล่าวหาหรือกล่าวโทษ คือต้องพิสูจน์ เจตนา ว่าผู้ซื้อผู้รับ รู้หรือไม่รู้ จะเห็นว่ากรณี ของสมเด็จช่วง ไม่เข้าองค์ประกอบ ตาม ม.27 ทวิแห่ง พรบ.ศุลกากร ผู้นำเข้าได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของศุลกากร เสียภาษีชิ้นส่วนอะไหล่ถูกต้อง (เรียกว่าในขณะนำเข้าถูกต้อง) จากนั้นไปประกอบเป็นคันเสียภาษีสรรพสามิตซึ่งตามปกติผู้ซื้อจะเห็นรถ ที่ประกอบเป็นคันแล้วผู้นำเข้าหรือผู้ประกอบรถจะนำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อเสีย ภาษีสรรพสามิต ผู้ซื้อก็เซ็นไปตามวิธีการเพื่อให้สรรพาสามิตประเมินราคาเรียกเก็บภาษีเจ้า หน้าที่สรรพสามิต ก็จะมีราคารถรุ่นนั้นรุ่นนี้ราคาประเมินเท่าไหร่ แล้วไปยื่นชำระภาษี ไม่ปรากฎหลักฐานยืนยันว่าสมเด็จช่วง ได้ทราบเรื่อง รู้เห็นในกระบวนการรถยนต์คันดังกล่าว ก็มีผู้นำมาถวาย จดทะเบียนใช้ชื่อทาน จอดเป็นรถโบราณให้พุทธสานิกชนชม ไม่ได้ไปขับหรือใช้บนท้องถนน ผมเสนอทางเลือกให้เจ้าพนักงานดำเนินการ 1. ยึดรถ ตาม ม.16,17 แห่ง พรบ.ศุลกากร 2. อาศัย ม.6 แห่ง พรก.พิกัดอัตราศุลกากร ในฐานะของครบชุดจากผู้นำเข้า (แต่ต้องคืน อากรตอนนำเข้าและภาษีสรรพสามิต) 3.ไม่สามารถดำเนินคดี ตาม ม.27 ทวิแห่ง พรบ.ศุลกากร กับผู้ครอบครอง http://news.voicetv.co.th/thailand/346239.html
ใครจะรู้รองฯคนนี้อาจจะได้รับของขวัญย้อนหลังเป็น ม.157 เป็นของขวัญหลังเกษียน เป็นยามรักษาความปลอดภัยหน้าตูบ้านเสือกเปิดประตูให้โจรเขามาขโมยของในบ้านแล้วกลับมาพูดว่าโจรไม่ได้ปีนเข้าบ้านมันเดินมาขอให้ยามเปิดประตูแล้วยัดเงินค่านํ้าใส่มือยามยามโง่เลยพาซื่อเปิดประตูให้โจรเข้าไปขนของง่ายๆ ยังเสนอหน้ามาแก้ต่างให้โจรอีก ตกลงจะเป็นยามดูแลบ้านหรือจะเป็นคนดูต้นทางให้โจร เลี่ยงบาลีเก่งนักผู้รักษากฏหมาย จะยกกฏหมายมาอ้างทำไม่ได้ยกมาทั้งหมวดไม่ใช่เลือกยกมาแสดงแค่บางมาตราให้มันแค่เฉียดไปเฉียดมาพอได้เสียว แบบนี้คนรับของโจรก็ไม่ผิดเพราะไม่รู้นะสิพยายามชี้ช่องให้กันจัง
ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เพราะไม่มีส่วนนำรถเข้ามา ไม่ได้เป็นผู้รับซื้อ และไม่ได้เลี่ยงภาษีศุลกากร บอกก็ไม่หมด ไม่เป็นประชาธิปไตยด้วยหรือมั้งเนาะ
แต่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถ ง่ายๆ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา พิสูจน์ตัวเองในชั้นศาล เมื่อพ้นมลทินก็รับตำแหน่งสังฆราชได้ ถ้ายังมีมลทินอยู่ก็ไม่สมควรรับตำแหน่ง และควรบอกผู้สนับสนุนให้หยุดได้แล้ว
กฎหมายรอศาลตัดสิน แต่ศีลขาดไปแล้ว สิกขาบทนิสัคคิยปาจิตตีย์ เป็นสิกขาบทที่ต้องสละวัตถุที่ทำให้ต้องอาบัตินั้นก่อนจึงแสดงอาบัติได้
งั้นวัดที่ตั้งชื่อวัด เป็นชื่อหลวงพ่อ หลวงตา หลวงปู่ หลวงน้า ก็ถือว่าวัดนั้นเป็นของหลวงพ่อ หลวงตาหลวงปู่หลวงน้า ด้วยนะสิ
ตกลงจะดูถูกสมเด็จช่วงว่าโง่ ไม่รู้ว่ารถนำเข้าหนีภาษี รึ มันมีใครที่ไหนมั่งที่ไม่รู้ว่ารถแบบนี้ ราคาไม่สมเหตุสมผลแบบนั่นหนีภาษีเข้ามา
อยู่ที่จดทะเบียนในชื่อหลวงพ่อ หลวงปู่ด้วยหรือเปล่าละ ถ้าใช่ก็เป็นได้ ว่าแต่วัด จดทะเบียนเป็นชื่อบุคคลได้เปล่า
งั้นพระที่ไปเปิดบัญชีธนาคาร แล้วมีคนโอนเงินให้ เพื่อร่วมบุญบวช เพื่อสร้างวัด เงินนั้นก้เป็นของพระ ด้วยนะสิ
มโนเอาเองเปล่า การเปิดบัญชีแต่ละครัง ของวัดส่วนใหญ่ เป็นในรูปของคณะกรรมการ และมักเป็นกรรมการเฉพาะกิจ เป็นงานๆไป
ผมว่า ต่อไปควรจะต้องห้ามเปิดบัญชีธนาคารในนามของพระรูปใดรูปหนึ่ง ถ้าจะเปิดต้องเปิดในนามของวัดโดยมีพระและ ฆราวาส เป็นผู้ร่วมในการเบิกถอนรวมทั้งธนาคาร ต้องมีการรายงานบัญชีที่วัดเปิด ไปให้หน่วยงานของรัฐ และรัฐต้องสามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวของบัญชีได้ การเข้ามาบวชในบวรพระพุทธศาสนา เพื่อการลดละกิเลสของตนให้หมดสิ้นไป มิใช่เพื่อเพิ่มพูนกิเลส ถ้าพระที่เข้ามาบวชเพื่อสิ่งนี่ ก็คงไม่มีข้อขัดข้องในการตรวจสอบของรัฐ นอกจากจะเข้ามาเพื่อกอบโกย
การเอาชื่อไปตั้งเป็นชื่อวัด ชื่อโรงเรียน ชื่อโรงพยาบาล ฯลฯ สังคมถือว่าเป็นการให้เกียรติ ไม่ใช้การครอบครอง อนึง พระธรรมดาผมไม่บังอาจไปก้าวล้วงหน้าที่ของมหาเถระสมาคมที่มีหน้าที่ แต่สำหรับตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก ถ้ามามีเรื่องด่างพร้อย พูดตรงๆคือ ปวดใจ ม๊อบทำลายศาสนามาอีกแล้ว
นนทบุรี 22 ก.ค.-กรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงยืนยันชัดเจนการครอบครองรถเบนซ์โบราณของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และหลวงพี่แป๊ะผิดหลายข้อหา โดยเฉพาะชื่อของผู้ครอบครอง คือ สมเด็จช่วง และหลวงพี่แป๊ะ เตรียมพิจารณาแจ้งดำเนินคดีต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงรถหรูหลวงพี่น้ำฝน ก็พบมีเจตนาเลี่ยงภาษี พร้อมแจ้งความคืบหน้าคดีเณรคำ ว่าขณะที่ทางการสหรัฐได้จับกุมตัวไว้แล้ว พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษแถลงผลการตรวจสอบรถเบนซ์ทะเบียนขม 99 ครอบครองโดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ตั้งแต่ปี 2556 พบมีการกระทำผิดในหลายข้อหา โดยเฉพาะผู้ครอบครองรถดังกล่าวจะพิจารณาแจ้ง 2 ข้อหา คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง กับพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ และผู้ร่วมขบวนการ ข้อหาแรก คือ ร่วมกันครอบครอง ซึ่งสินค้าที่รู้ว่าไม่เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ผิด พ.ร.บ.สรรพสามิต 2527 มาตรา 161(1) และกฎหมายอาญามาตรา 83 ข้อหาที่ 2 ร่วมกันแจ้งข้อความเท็จลงในเอกสารราชการ และแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่ ผิดกฏหมายอาญามาตรา 137 และมาตรา 267 ประกอบมาตรา 83 ส่วนประเด็นรถยนต์หรูโบราณเปิดประทุนของหลวงพี่น้ำฝน พยานหลักฐานชัดเจนว่า จดทะเบียนโดยสมบูรณ์ ในยี่ห้อแพนเธอร์ที่สหรัฐ มีหมายเลขทะเบียนรถ จากนั้นแยกชิ้นส่วนนำเข้ามาประกอบในไทยในยี่ห้อจากัวร์แทน จึงมีความผิดชัดเจนว่าหลบเลี่ยงภาษี ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และสรรพสามิตร นอกจากนี้ ยังพบความผิดกฎหมายอาญาและแจ้งใช้เอกสารปลอมในการยื่นจดทะเบียนด้วย มีโทษทั้งจำและปรับ โดยโทษจำสูงสุดถึง 5 ป ซึ่งพนักงานสอบสวนจะพิจารณาดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ดีเอสไอยังได้แจ้งความคืบหน้าคดีเณรคำ ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐอเมริกาว่า ได้จับตัวเณรคำไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างสำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ของทางสหรัฐอเมริกา ซึ่งรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่งในเร็วๆ นี้ สำหรับทั้งสองกรณีรถหรูดีเอสไอจะมีการพิจารณาแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป กับผู้นำเข้า ผู้จดทะเบียนโดยผิดกฎหมาย และผู้ครอบครอง.-สำนักข่าวไทย ข่าว 7 สี - หลังรับคดีรถจดประกอบเป็นคดีพิเศษเมื่อปี 2556 ดีเอสไอชี้แจง มีรถอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 7,123 คัน ส่วนที่ชัดเจนแล้วคือ รถในความครอบครอง หลวงพี่น้ำฝน และสมเด็จช่วง ที่พบมีการกระทำผิดเกิดขึ้น ไปติดตามจากรายงาน คดีรถจดประกอบ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษตั้งแต่ปี 2556 แม้ปัจจุบันนี้ รถยนต์จดประกอบทั้ง 7,123 คัน จะยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบพิสูจน์ความผิดเป็นรายคดี แต่ส่วนที่มีความชัดเจนแล้ว วันนี้ดีเอสไอได้นำมาชี้แจง 2 คดี คดีแรก เป็นคดีครอบครองรถยนต์โบราณ ยี่ห้อแพนเทอร์ ของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน ซึ่งพบหลักฐานการซื้อขายต่อ 2-3 ทอด และการว่าจ้างคนไทยแยกชิ้นส่วน เพื่อนำเข้าไทยโดยผิดกฎหมาย พิสูจน์ชัดมีเจตนาหลีกเลี่ยงการจ่ายอากรชัดเจน อีกคดีเป็นผลการตรวจสอบรถโบราณ ยี่ห้อเมอซีเดสเบนซ์ 200 บี ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ พบว่ามีการนำเข้าเครื่องยนต์โดยไม่ชอบ ปลอมเอกสารการนำเข้าและปลอมรายมือชื่อโรงประกอบรถยนต์ของผู้อื่น และแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ หลังการแถลงข่าวของดีเอสไอ ทนายความสมเด็จช่วง ได้ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชน ยังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ของสมเด็จช่วง ส่วนเรื่องสำนวนคดีจะขอดูในรายละเอียดก่อน เนื่องจากเห็นว่าต่างฝ่ายต่างมีหลักฐานเหมือนกัน จึงไม่เข้าใจเหตุผลที่ดีเอสไอยังคงเดินหน้าเอาผิดกับสมเด็จช่วง ทั้งที่เห็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ กรุงเทพฯ 23 ก.ค.-ดีเอสไอ สรุปผลตรวจสอบ รถทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เป็นผู้ครอบครอง พบผิดกฎหมายตั้งแต่การนำเข้า และจ่ายภาษีไม่ครบ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ นำคณะพนักงานสอบสวน เปิดเผยผลตรวจรถหรูทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นผู้ครอบครอง จากพยานหลักฐาน พบว่าการได้มาของรถคันนี้มีการกระทำผิดกฎหมาย ตั้งแต่การนำเข้าเครื่องยนต์ ใช้เอกสารปลอม แจ้งขอจดทะเบียนเท็จ ปลอมลายมือชื่อ แสดงมูลค่ารถยนต์เสียภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง จึงเชื่อว่าผู้ครอบครองย่อมรู้ว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่ได้มาโดยไม่ชอบตามกฎหมายเข้าข่ายมีความผิด 2 ข้อหา คือ 1. ร่วมกันครอบครอง ซึ่งสินค้าที่รู้ว่าไม่เสียภาษี หรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน และ 2. ร่วมกันแจ้งข้อความเท็จ ซึ่งดีเอสไอ จะร่วมกับกรมสรรพสามิตแจ้งข้อหาต่อไป ด้านนายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการประสานจากดีเอสไอ โดยขอดูรายละเอียดก่อน และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ยังไม่ทราบว่ากำลังจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี เมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ออกมาระบุว่า จะมีการเคลื่อนไหวคัดค้านกรณี แจ้งข้อกล่าวหาสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนดำเนินการตามกฎหมาย และเรื่องดังกล่าวใช้กฎหมายดูแลอยู่แล้ว หากผิดกฎหมายต้องดำเนินการโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งคนไทยควรรู้ว่ากฎหมายไม่ได้ยกเว้นใคร และหากเชื่อว่าไม่มีความผิดก็ขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์และต่อสู้ในข้อเท็จจริง ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรณะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือพศ. ตอบคำถามที่ว่าการถูกแจ้งข้อกล่าวหา ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ จะนำไปประกอบการพิจารณาการเสนอแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช องค์ใหม่ต่อนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดอะไรทั้งหมด จึงไม่สามารถตอบอะไรสมบูรณ์ได้ ต้องเห็นรายละเอียดก่อนแล้วจะมีคำตอบให้ ถามย้ำว่า การที่บุคคลถูกแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่าไม่ได้จบกฎหมายก็ไม่รู้จะตอบยังไง ดีเอสไอ ยังสรุปผลตรวจรถยนต์ ทะเบียน กก 1177 กรุงเทพมหานคร ของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม พบเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี โดยตั้งแต่ต้นรถคันนี้จดทะเบียนทั้งคัน ยี่ห้อ “PANTHER” ที่สหรัฐอเมริกา จากนั้นซื้อขายต่อกันโดยคนไทยในสหรัฐ มีการถอดแยกชิ้นส่วนนำเข้ามาประกอบใหม่เป็นรถคันเดิม แต่แจ้งเป็นยี่ห้อ “จากัวร์” แทนจึงมีความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากร โทษสูงสุดจำคุก 10 ปี ผู้ครอบครองมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาเรียกเก็บอากรในส่วนที่ขาดจากกรมศุลกากร ก่อนจะแจ้งข้อหาต่อไป ด้านหลวงพี่น้ำฝน ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (22 ก.ค.59) ยืนยันว่า การครอบครองรถหรูทะเบียน กก 1177 ได้เสียภาษีอย่างถูกต้องพร้อมย้ำชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา และล่าสุดหลวงพี่น้ำฝน เลื่อนการแถลงข่าวชี้แจงกับสื่อมวลชนจากเดิมนัดวันนี้ เลื่อนเป็นวันอังคาร 26 กรกฎาคมนี้.-สำนักข่าวไทย