สืบเนื่องมาจากบทความในหน้า 3 ของหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2558 ที่เขียนแสดงความเห็นใจโคตรพ่อโคตรแม่มัน ว่า “ตลอดระยะเวลานับจากหลังการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2544 กระทั่งรัฐประหารในเดือนพฤษภาคม 2557 ล้วนอาศัย “จำนำข้าว” มาเป็นอาวุธเป็นดั่ง “ปลายหอก”เจาะทะลวงเข้าไปโค่นล้ม ทำลาย และบดขยี่รัฐบาล และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างได้ผล ไม่เพียงแต่นำไปสู่ “ถอดถอน” หากยังลากดึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ตกเป็น “ผู้ต้องหา” ในคดีแพ่ง คดีอาญา ดับอนาคตทางการเมืองโดยสิ้นเชิง” ทำไมมันไม่บอกว่า "จำนำข้าว คือดาบ ที่เผาไทย ใช้เชือดคอตัวเองต่างหาก" http://chaoprayanews.com/blog/thaiflag/2015/04/19/ผู้บริหาร-หนังสือพิมพ์ม/
เดี๋ยวนี้ เสื้อแดงต่อสู้ โดยวิธีตีหน้ามึน แล้วครับ เมื่อก่อน ทำการบิดเบือน ความจริง แต่กั้นข่าวสารที่ถูกต้องไม่ไหว ถ้าไม่มีการยึดอำนาจ เวลานี้ ณ.ปัจจุบัน ชาวนาจะได้รับชำระค่าจำนำข้าว หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เหมือนจะใช้วิธีการ ให้ข้อมูล ข่าวสารแบบคอมมิวนิสต์ สมัยเก่า ไม่ได้แล้ว โลกไปไกลมาก สุดท้ายก็จนแต้ม แบบผู้ร้ายตีหน้ามึน โทษศาล โทษฝ่ายตรงข้าม ว่ากลั่นแกล้ง ทั้งๆที่ทำผิด
หมายถึงบทบรรณาธิการหรือเปล่าครับ ? บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับ จะแสดงจุดยืนที่มีต่อข่าวสารบ้านเมืองในช่วงเวลานั้น ของมติชิน ผมไม่ได้แปลกใจอะไรหรอก
ฐานันดรที่ 4 ที่รับจ้างเขียนเชลียร์อดีตฐานันดรที่ 3 ที่กระสันต์อยากขยับตัวเองเป็นฐานันดรที่ 1 เพื่อคงความมั่งคั่งให้ลูกหลานแบบไม่ให้คนอื่นลืมตาอ้าปาก พร้อมทำลายคนอื่นและบ้านเกิดเมืองนอน ทั้งจ้างคนเผาเมือง จ้างคนปาระเบิดทำร้ายผู้บริสุทธิให้กลัวและยอมสยบ เพราะคิดว่ารวยล้นฟ้าเก่งอยู่ตระกูลเดียว ทั้งที่ทำมาหากินผูกขาดและก้มกำไข่เลียไข่ให้เผด็จการขอธุรกิจ แต่ลูกหลานทำมาหากินไม่ได้เรื่องไร้ความสามารถ พร้อมโกงและเอาเปรียบคนอื่นเสมอ
ไม่ใช่บทบรรณาธิการครับ เส้นทาง ชาวนา โครงการ ข้าวลายจุด คิด ′นอกกรอบ′ วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 13:15:29 น. หากเทียบกับปริมาณ 10 กว่าล้านตันของข้าวที่เข้าสู่โครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 15 ตันของ "ข้าวลายจุด"ถือว่า "เล็กจ้อย" หากเทียบกับจำนวนเงินกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังออกมาระบุว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้โครงการรับจำนำข้าวขาดทุน ราคา "ข้าวลายจุด" ที่ขายถุงละ 200 บาท ถือว่า "จิ๊บ-จิ๊บ" เหมือนกับเอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง เหมือนกับเอาปลาซิว ปลาสร้อย ไปตกปลากะพงอันโอชะ โอชา กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่า "ข้าวลายจุด" เป็น "นวัตกรรม" เป็นนวัตกรรมเพราะว่ามีความหมายเท่ากับเป็นการแปร "นามธรรม" แห่งนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาเป็น "รูปธรรม" จากนามธรรม "ความคิด" เป็นรูปธรรม "ปฏิบัติ" เพราะว่าสนนราคาที่ "ข้าวลายจุด" ซื้อมาจากชาวนานั้นอยู่บนพื้นฐานเกวียนละ 15,000 บาท อันเป็นมาตรฐานเดียวกันกับโครงการ "รับจำนำข้าว" ตรงนี้ต่างหากที่ "แหลมคม" ต้องยอมรับว่านับแต่พรรคเพื่อไทยนำเสนอนโยบาย "จำนำข้าว" ทุกเม็ดด้วยราคาที่กำหนดไว้ตั้งแต่หาเสียงในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 เกวียนละ 15,000 บาท ทาง 1 สร้างความนิยมเป็นอย่างสูงทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับเลือก กำชัยเหนือพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเหมือนกระดานหกส่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน ทาง 1 ส่งผลให้เกิดการคัดค้านและต่อต้านอย่างเป็นระบบ อย่างเป็นกระบวนการ ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้ง "ภายใน" ประเทศและจาก "ภายนอก" ประเทศ ภายในประเทศก็ก่อรูปขึ้นอย่างกว้างขวางใหญ่โต มีบุคคลระดับอดีต "นายกรัฐมนตรี" ไม่น้อยกว่า 1 คนออกโรงทั้งอย่างลับและอย่างเปิดเผย ประสานกับเครือข่ายซึ่งเป็นอดีต "รองนายกรัฐมนตรี" ทั้งในระบบรัฐสภาและนอกระบบรัฐสภา ทั้งในสถาบันการศึกษา ผ่านองค์กรจัดตั้งในภาคธุรกิจ ผ่านองค์กรอิสระ กระทั่งในที่สุดเป็นชนวนนำไปสู่การบ่อนเซาะฐานะแห่งรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างทรงพลานุภาพ เป็น "ข้ออ้าง" สำคัญนำไปสู่ "รัฐประหาร" ตลอดระยะเวลานับจากหลังการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 กระทั่งรัฐประหารในเดือนพฤษภาคม 2557 ล้วนอาศัย "จำนำข้าว" มาเป็นอาวุธเป็นดั่ง "ปลายหอก" เจาะทะลวงเข้าโค่นล้ม ทำลาย และบดขยี้รัฐบาล และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างได้ผล ไม่เพียงแต่นำไปสู่ "ถอดถอน" หากยังลากดึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ตกเป็น "ผู้ต้องหา" ในคดีแพ่ง คดีอาญา ดับอนาคตทางการเมืองโดยสิ้นเชิง การปรากฏขึ้นของ "ข้าวลายจุด" จึงนับว่า "เหลือเชื่อ" เหลือเชื่อ 1 เพราะเท่ากับเป็นการแปรนโยบายไปสู่การกระทำที่เป็นจริงและมีลักษณะโต้กลับ ที่สำคัญก็คือ การยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ทำได้จริง เป็นผลดีกับชาวนาจริง เหลือเชื่อ 1 เพราะเป็นการริเริ่มโดย "เอกชน" เล็กๆ เริ่มจาก "ปริมาณ" ค่อยๆ พัฒนาไปสู่ "คุณภาพ" เป็นปริมาณเพียงจากข้าว 1-10 เกวียน ค่อยๆ ขยายเป็น 50 และ 100 เกวียนด้วยเวลาอันรวดเร็ว กระทั่งกลายเป็นคุณภาพที่มีการขานรับอย่างคึกคักจาก "ตลาด" ตลอดอันมีพื้นฐานจาก "ชาวนา" และย้อนกลับไปหา "ชาวนา" มีความพยายามจะสกัด ขัดขวาง มิให้ "ข้าวลายจุด" เข้าถึงมวลชน เข้าถึงผู้บริโภคได้โดยราบรื่น เป็นปฏิบัติการของทหาร เป็นปฏิบัติการของตำรวจ โดยการคุกคามไปยังร้านค้าย่อย แต่เจ้าของโครงการก็อาศัยเทคนิคในการหลบซ่อนแบบจรยุทธ์ด้วยกระบวนการการตลาดแบบใหม่ ยิ่งขัดขวาง ยิ่งยืนยันว่ามาถูกแนวทางแล้ว แนวทางชาวนา (ที่มา:มติชนรายวัน 17 เมษายน 2558) http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429250606
ของเจ้าอื่น อย่างน้อยก็ต้องบอกชื่อแซ่คนเขียน จะเป็นชื่อจริงหรือนามแฝงก็เถอะ หรือเขียนในนามทีมข่าวการเมือง ห้องข่าวการเมือง หรือโต๊ะข่าวการเมือง ฯลฯ ก็ว่าไป แบบนี้เข้าข่ายโฆษณาชวนเชื่อมากกว่าบทวิเคราะห์ข่าวมั้งครับ ??
คสช เคยเรียกเข้าไปปรับทัศนคติครั้งหนึ่งแล้วนี่ครับ แต่ตอนนั้นอ้างว่าเปื่อยนอนโรงบาล โต้งหลานรักเลยเข้าไปพบแทน
บทความใหม่ แต่ความ"เชี่ย" ยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิม ระเบิด ความคิด โครงการ ข้าวลายจุด ฤทธิ์ทะลุ ทะลวง วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 14:25:20 น. ไม่ว่าโครงการ "ข้าวลายจุด" ของ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ จะเดินไปข้างหน้า หรือสะดุดหยุดลง ผลสะเทือนก็ "แรง" จนถึงขั้น "แรงส์" ยิ่ง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ประกาศยุติการผลิตในลักษณะ "ชั่วคราว" ยิ่งก่อให้เกิดคลื่นแตกกระจายในวงกว้าง จาก "มูลฐาน" แห่งความ "สงสัย" ไม่ว่าจะมองจากมุมของ ฟิลิป ค็อตเลอร์ ไม่ว่าจะมองจากมุม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประสานเข้ากับ นายสุวิทย์ เมษิณทรีย์ นี่คือ "นวัตกรรม" ยิ่งหากมองจากมุมของ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ยิ่งประจักษ์ในผลสะเทือนแห่งสิ่งที่เรียกว่า ครีเอทีฟ อีโคโนมี นี่คือ เศรษฐกิจ "สร้างสรรค์" ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ได้สรุปตั้งแต่เบื้องต้นว่า "ผมไม่ได้ขายข้าว แต่ขายความคิด" "ความคิด" ต่างหากคือ "เป้าหมาย" ต้องยอมรับว่า นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ใช้งบประมาณน้อยมาก ไม่น่าจะเกิน 100,000 บาท ในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ กำลังคนในขั้น "ปฏิบัติการ" มีเพียง 2 คน แม้จะมีปริมาณข้าวประมาณกว่า 5-6 ตันเข้ามามีส่วนร่วมอันหมายถึงชาวนาจำนวนหนึ่ง โรงสีจำนวนหนึ่ง คนร่วมในการบรรจุหีบห่อจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่มาก ข้อสำคัญ เรื่องเหล่านี้ล้วนดำเนินไปอย่าง "ปิดลับ" ไม่มีใครรู้ว่าชาวนาเป็นใครไม่มีใครรู้ว่าโรงสีอยู่ที่ไหน ไม่มีใครรู้ว่าผู้มีส่วนในการบรรจุหีบห่อเป็นใคร ตัวเปิดมีเพียง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ กับผู้ช่วยอีก 1 ถามว่าทำไม "ข้าวลายจุด" จึงอึกทึกครึกโครม ได้รับความสนใจในวงกว้างอย่างรวดเร็ว กระทั่งกลายเป็น "ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์" คำตอบ คือ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด คำตอบก็คือ การรุกเข้าไปคุกคามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหารจำนวนหนึ่งในการสืบหาข้อมูลจากร้านค้าย่อย ไม่ว่าในเรื่องซื้อมาจากไหน ไม่ว่าในเรื่องสีมาอย่างไร "อำนาจรัฐ" จึงมีส่วนในการ "ประชาสัมพันธ์" ยิ่งระยะหลังเครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์ออกมาต่อต้าน ยิ่งระยะหลังเครือข่ายที่เคยมีส่วนในการบดขยี้โครงการรับจำนำข้าวออกมาร่วมบดขยี้ ยิ่งทำให้ "ข้าวลายจุด" ดัง "เปรี้ยง" การยุติกระบวนการผลิตในลักษณะ "ชั่วคราว" จึงกลายเป็นผลดี ทำให้ "สังคม" ได้มีโอกาสครุ่นคิด พิจารณา ประเด็นก็คือ ขบวนการ "ทำร้าย" ชาวนาอย่างเหี้ยมโหด ความเป็นจริงที่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ พิสูจน์จากการลงมือทำก็คือ การรับซื้อข้าวจากชาวนาเกวียนละ 15,000 บาทมิได้เป็นเรื่องเกินจริง มิได้เป็นการทำลาย "กลไกราคา" หรือ "กลไกตลาด" เพราะว่าภายในกระบวนการผลิต "ข้าวถุง" ออกมาขายผ่านโครงการสามารถทำกำไรได้ในราคาเกวียนละเกือบ 5,000 บาท หากรับซื้อจากชาวนา "ต่ำ" กว่าเกวียนละ 15,000 บาทยิ่งได้กำไร แสดงว่า "ชาวนา" ถูก "ทำร้าย" มาอย่างยาวนาน นี่เป็นเพียงในปริมณฑล "ข้าวถุง" ยังไม่ก้าวล่วงไปยังการส่งออกข้าวไปขายในตลาดต่างประเทศ การขวางราคาข้าวเกวียนละ 15,000 บาทจึง "เหี้ยม" อย่างยิ่ง เมื่อเป้าหมายของ "ข้าวลายจุด" คือการเสนอความคิด ถามว่าความคิดนี้มีผลเป็นอย่างไร คำถามจึงเสนอไปยังกระบวนการค้าข้าวโดยองค์รวม คำถามจึงเสนอไปยังแผนช่วยเหลือชาวนาที่ดำเนินการไปเหมือนกับเป็นการอนุรักษ์ นั่นก็คือ อนุรักษ์ "ความยากจน" ให้กับ "ชาวนา"
ไม่มีความพยายามจะสกัด ขัดขวาง มิให้ "ข้าวลายจุด" เข้าถึงมวลชน เข้าถึงผู้บริโภค แต่จะค้าขายต้องตรงไปตรงมา ใครผลิต ผ่าน อ.ย. มั๊ย ไม่ใช่แอบเอาข้าวจำนำข้าวที่มีแต่สารเคมีกันมดกันมอด ปริมาณสูงมาใช้หรือป่าว แอบขโมยมาป่าว อย่าให้เหมือนมติชนแอบรับงบสองร้อยกว่าล้าน จดทะเบียนการค้าไหม กินแล้วตายใครรับผิดชอบ จะได้ตามตัวถูก เรื่องทำตามกฏหมายไม่ชอบทำ ถนัดนักเรื่องทำผิดกฏหมายแล้วอ้างบกพร่องโดยสุจริตเป็นสันดานเลวๆที่ชอบทำกัน แถมขายได้ห้าตันก็โปรโหมตเป็นสิบห้าตัน กะสร้างเครดิตให้จำนำข้าว ดิสเครดิตรัฐบาล สร้างเรื่องหลอกศาลช่วยยิ่งลักษณ์ แต่ลืมไปเขาขึ้นศาลเรื่องโกงครัชชชชชชชชชชชชชชชชชช เอายังงี้มติชน ร่วมหุ้นกะลายจุด ขายบ้านขายรถขายบริษัทฯขายทรัพย์สินทั้งหมด กู้หนี้ยืมสินมาซื้อข้าวที่รัฐรับจำนำไว้ เดี๋ยวไปกระซิบพี่ตู่ขายราคาทุนรับซื้อ 15,000 ให้รัฐขาดทุนค่าบริหารจัดการ พวกเพ่เอาไปขายเบยยยยยย สองร้อย กำไรยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์เห็นๆ ลงหมื่นล้านกำไรสองพันห้าร้อยล้าน ดีกว่าทำหนังสือพิมพ์อีก กล้ามั๊ยยยยยยยยยยยย หนทางร่ำรวยเลยนะครัชชชชชช นวัตกรรมระดับโลก ทำก่อน รวยก่อนเบย
สมกับเป็น"ขี้ข้า"จริงๆ มันเชียร์ได้ทุกวัน • ยุกติ มุกดาวิจิตร: เมื่อนักต่อต้านทำการตลาด (กรณี ข้าว บก.ลายจุด) • ด่วน! บก.ลายจุด ประกาศพักผลิตข้าวชั่วคราว ปรับมาตรฐาน หันขาย "มะนาวต่างดุ๊ด" แทน • จับเข่าคุย ′สมบัติ บุญงามอนงค์′ ปรากฏการณ์′ข้าวลายจุด′ ระเบิด ความคิด โครงการ ข้าวลายจุด ฤทธิ์ทะลุ ทะลวง
มติชิน มันไม่อายแล้วล่ะครับ นับวันยิ่งเสื่อม มันคงยอมรับในตรงนี้แล้ว ว่ามันไม่ใช่สื่อ แต่เป็นขี้ข้าตระกูลชิน
ถ้าเขียนชื่อก็เอาชื่อเขามาด่าว่าขี้ข้า พอไม่เขียนหาว่าตุ๊ดอีก ... ยอมรับความเห็นต่างไม่ได้ น่าจะเรียกว่า ขี้ข้าเผด็จการเข้าเส้นเลือด อีกอย่างหนังสือพิมพ์มติชน คือหนังสือพิมพ์ที่รอบรู้เรื่องการเมืองไทยที่ดีที่สุดในบรรดาหนังสือพิมพ์ทุกยี่ห้อ คนในมติชน ก้ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการทำรัฐประหารมาทุกยุค เจอทุกเหตุการณ์ พวกวิจารณ์เขา ก็เหมือนพวกฟันน้ำนมทางการเมือง
มติชน วางแผงฉบับแรก เมื่อปี 2521 เอง ผ่านร้อนผ่านหนาวน้อยกว่าผมอีก พวกที่รอบรู้ทางการเมืองจริงๆในมติชน แยกออกไปหลายรายละครับ
มติชิน ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน เลยรู้ว่า อุดมการณ์กินไม่ได้ เงินเท่านั้นที่ข้าต้องการ ดูไอ้โล้นขันชัย เมื่อก่อนแต่งกลอนด่าไอ้แม้ว ตอนนี้กราบตีนอีปู น่าสมเพชไอ้แก่ใกล้ตายจริงๆ
เด็ก1ขวบตั้งมติชนได้ไหมครับ กว่าจะมาเป็นมติชน เขาผ่านมามากกว่าคุณลุงอีก อย่าพูดเรื่องรอบรู้ออกไปเลย น่าจะใช้คำว่า พวกหมดไฟออกไป พวกคนมีไฟเข้ามาแทนเสียมากกว่า
มติชนมีหน้าเดียวเหรอพ่อคุณทูลหัว.. พูดถึงปูถึงแม้ว ไม่พอหน้า ก็หาว่าเขาไม่มีอุดมการณ์ เลียชินวัตร หน้าที่เขียนแขวะก็มีไม่เอามาพูดบ้าง ข่อยซิเพลีย...
ไอ้นี่ในไทยรัฐ ก็วิเคราะห์ออกทะเล ------------------------------------------------------------ ชักศึกเข้าบ้าน โดย หมัดเหล็ก 21 เม.ย. 2558 05:01 การสืบสวนสอบสวน คดีระเบิดห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทำงานด้วยความฉับไวและรวดเร็ว เริ่มสอบตั้งแต่บุคคลในกล้องวงจรปิด ไปถึง รปภ.ของห้างดังกล่าว จนกระทั่งไปจับกุมตัว บุคคลต้องสงสัยในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีการเล็งเป้าไปที่ นักการเมืองอาวุโส โดยระบุว่าอยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุน จะว่า เป็นการเมือง ก็ไม่ผิด สร้างสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง โยงนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง เป็นข้ออ้างในการชิงอำนาจทางการเมืองไปอีกพักใหญ่ กลบเกลื่อน ข้อหาการสลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากหรือไม่เป็นอีกเรื่อง ข้อหาผู้ก่อการร้ายไม่เข้าใครออกใคร http://www.thairath.co.th/content/493959
หน้าไหนเอามาดูหน่อย อย่าดีแต่เห่า หน้าปกก็โครตเชลียร์แล้ว ตั้งหัวข้อข่าวบิดเบือนแล้วก็ขอโทษมากี่ครั้งแล้ว มาตอบหน่อยเร้ว
เหรอ เขาเรียกฮุบมากกว่า อยู่มานานเลยรู้ว่า อุดมการณ์เอาตัวรอดไม่ได้เลยต้องอุดมกินด้วย รอบรู้อะไรบ้างเนี่ยเอ็ง อยู่เฉยๆเอาตระกร้อครอบปากเหอะ
มติชิน ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน แต่ทำไมใจตุ๊ด ที่เขาว่า มติิชิน ในอดีตไม่เคยต้านการรัฐประหาร เพราะเงินถุงขนมไม่มี ก็ไม่ต้านการรัฐประหาร แต่พอปัจจุบันได้เงินถุงขนม ก็ออกมาต้านการรัฐประหาร อุดมการณ์สู้อุดมกินไม่ได้