“วิลาศ” จ่อ งัดหลักฐานแฉทุจริตกทม.ซ้ำ หลังพบ ร.ร.เขตเมืองกรุง อนุมัติซื้อเปีย โน 400 หลัง แต่ไม่มีครูสอนดนตรี เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในวันที่ 7 ธันวาคม ตนจะแถลงข่าวเรื่องความไม่ชอบมาพากลของกทม.ในการจัดซื้อจัดจ้างเปียโน 400 หลัง ให้กับโรงเรียนในสังกัดกทม.จำนวน 197 แห่ง เป็นเงินจำนวน 585 ล้านบาท โดยครั้งนี้มีการจัดซื้อจัดจ้างให้กับโรงเรียนขนาดเล็กที่มีเด็กนักเรียนต่ำกว่า 200 คน ซึ่งพบว่าเมื่อได้นำเครื่องดนตรีต่างๆที่จัดซื้อมาใช้ประโยชน์ เช่น คีย์บอร์ด กล้อง และกีตาร์ เป็นต้น ซึ่งปัญหาที่พบคือบางโรงเรียนมีเด็กนักเรียนแค่ 66 คน แต่ก็ยังได้เครื่องดนตรี เปียโน แต่โรงเรียนระดับนี้ ไม่มีครูสอนดนตรี ดังนั้นเมื่อเอาเครื่องดนตรีมาให้ ก็ไม่ได้ใช้ สุดท้ายก็ต้องเอาไปเก็บที่พิพิธภัณฑ์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1449224472
มีปัญญาตรวจสอบกันหรือเปล่า หวายๆๆๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวโหนไอ้วิลาศแล้วเหรอ เป็นชะนีไปแล้วเหรอ โหนจัง หวายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
งั้นขอถามเจ้าพระยาหน่อยว่าตอนจัดซื้อแท็บเล็ตแจกเด็กทั่วทั้งประเทศ มีครูอาจารย์หรือเด็กกี่คนที่ใช้เป็นหรือได้ใช้
ยังไม่เคยเห็นพวกควายแดง แม่งแฉการโกงของพรรคเพื่อทุยเลย นอกจากแฉกันเอง เรื่องอมเงินท่อน้ำเลี้ยงของไอ้แม้ว
แฉเลยครับ ทั้งจัดหาเครื่องดนตรี สร้างหลักสูตรทางดนตรี พัฒนาบุคคลากรทั้งคนสอน คนเรียน จัดคอนเสิร์ตให้เด็กๆได้แสดงออกอีก http://www.nationtv.tv/main/content/entertainment/378415340/ รุ้งกินน้ำคอนเสิร์ต" ส่งเสริมทักษะทางดนตรี ถือเป็นเวทีสำคัญที่จะช่วยพัฒนาทักษะทางดนตรี และสนับสนุนให้ศิลปินตัวน้อยได้แสดงความสามารถกันค่ะ สำหรับ"รุ้งกินน้ำคอนเสิร์ต"งานนี้จะสนุกสนานแค่ไหนไปดูกันผ่านไปแล้วกับงาน "รุ้งกินน้ำคอนเสิร์ต" โครงการดีๆจากทาง"กรุงเทพมหานคร" จับมือกับ"เคพีเอ็น"ร่วมสร้าง"มหานครแห่งความสุข" จัดโครงการ"พัฒนาทักษะทางดนตรีในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร" เพื่อพัฒนาทักษะด้านดนตรีสู่ความเป็นเลิศ งานนี้นอกจากจะได้เห็นศิลปินตัวน้อยมาแสดงความสามารถแล้ว ก็ยังมีศิลปินรุ่นใหญ่อย่าง //โก้ Mr.Saxman//กู๊ด เคพีเอน // คิง เดอะว้อยซ์ //แช่ม แช่มรัมย์ // และศิลปินอีกมากมายมาร่วมสร้างสีสันในครั้งนี้ค่ะโดยงานนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "รุ้งกินน้ำ" ที่มักเกิดหลังฝนกระหน่ำ เปรียบได้กับการฝึกฝนและการพัฒนาทักษะทางด้านดนตรีด้วยความตั้งใจและอดทนของนักเรียน จนมาถ่ายทอดอารมณ์และสีสันผ่านบทเพลงรวมถึงเครื่องแต่งกาย ส่วนสีทั้ง7ของสายรุ้ง เปรียบเหมือนอารมณ์ ความแตกต่างและความโดดเด่นของแนวเพลง โดย//สีม่วง คือเพลงแนวโซล ฟรั๊ง และดิสโก้ ให้ความรู้สึกสนุกสนานมีพลังและอำนาจ // สีคราม คือเพลงแนวแจ๊ส และบลูส์ เป็นแนวเพลงที่ไหลลื่น ถ่ายทอดความรู้สึกผ่อนคลายให้กับผู้ฟัง // สีน้ำเงิน คือ เพลงแนว ลูกกรุงให้ความรู้สึกสงบ และสง่างาม // สีเขียว คือ เพลงแนวป๊อป ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นด้วยท่วงทำนองที่ไพเราะ // สีเหลือง คือ เพลงแนว เร็กเก้ เป็นแนวเพลงที่สนุกสนาน ร่าเริงและเป็นเอกลักษณ์ // สีแสด คือ เพลงลูกทุ่งไทย ให้ความรู้สึกโรแมนติก มีความสดใสในตัวเอง // และสีแดง คือ เพลงร๊อค ที่ให้ความรู้สึกมีพลังอำนาจ และหนักแน่น โดยนำแนวเพลงต่างๆมาเรียบเรียงจัดวางให้เกิดเป็นปรากฎการณ์แห่งสีสันทางดนตรี ซึ่งศิลปินตัวน้อย ก็สามารถสะกดให้ผู้ชมตกอยู่ในห้วงของการแสดงได้อย่างดีเลยค่ะถือเป็นอีกหนึ่งเป็นโครงการดีๆที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาทักษะและความสามารถทางดนตรีให้กับน้องๆนักเรียน ว่าที่ศิลปินของประเทศไทยค่ะ http://www.dailynews.co.th/bangkok/245437 นางเพียงใจกล่าวว่าโครงการพัฒนาทักษะทางดนตรีในโรงเรียนสังกัดกทม.เป็นนโยบายของกทม.ในการมุ่งพัฒนาศักยภาพนักเรียนเฉพาะด้านโดยความรู้ทางด้านดนตรีจะเป็นส่วนช่วยในการพัฒนาด้านสมองและจิตใจโดยกทม.ได้ดำเนินการเป็นโครงการนำร่องเมื่อปี51ใน10โรงเรียนและเพิ่มเติมอีก90โรงเรียนในปี54ซึ่งจากการประเมินผลสำเร็จด้านการเรียนการสอนพบว่านักเรียนมีประสิทธิภาพการเรียนที่ดีขึ้นมีความกล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้นดังนั้นในปี57กทม.จึงจะขยายผลโครงการในโรงเรียนสังกัดกทม.เพิ่มเติมอีก150โรงเรียนรวมเป็นทั้งหมด 250โรงเรียนโดยเปิดการสอนทักษะทางดนตรีทั้งสิ้น 6หลักสูตรคือ1.เปียโนและคีย์บอร์ด2.กีตาร์อะครูสติก3.กีตาร์ไฟฟ้า4.กีตาร์เบส5.ขับร้อง6.กลองทั้งนี้ยังมีการผสมผสานสื่อการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิ่งในระบบออนไลน์ให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วมากขึ้นอย่างไรก็ตามกทม.มีเป้าหมายในการขยายโครงการพัฒนาทักษะทางดนตรีให้ครบทั้ง438โรงเรียนในสังกัดซึ่งจะเร่งขยายผลไปยังโรงเรียนที่มีความพร้อมในด้านอุปกรณ์และบุคลากรต่อไป ด้านนายอรรถพร กล่าวว่า จากผลสำเร็จในโครงการพัฒนาทักษะด้านดนตรีกทม.จะมีการจัดงานแสดงศักยภาพของนักเรียนโดยจัดเป็นรูปแบบคอนเสิร์ตชื่อว่ารุ้งกินน้ำคอนเสิร์ตซึ่งจะมีการแสดงของนักเรียนสังกัดกทม.กว่า450คนพร้อมแสดงร่วมกับศิลปินรับเชิญอีกมากมายซึ่งงานจะจัดขึ้นในวันที่10ก.ค.นี้ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยเวลา13.00น.ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้ฟรีโดยถือเป็นการสร้างเวทีการแสดงออกให้แก่เด็กและเยาวชนในการแสดงศักยภาพของตนเอง https://blog.eduzones.com/magazine/137324 50ทุนกทม.ให้ครูเรียนปริญญาโทสาขาวิชาดนตรี
ส.ส.ประชาธิปัตย์ เก่งมากเป็นนักการเมืองน้ำดีจริงๆๆเลยกล้าแฉพวกเดียวกัน ต้องขอขอบคุณนายเวรที่ช่วยให้พวกเราในเวบรักพรรคปชป.ยิ่งขึ้น มีส.ส.น้ำดีอย่างนี้รักตายเลย
โอ๊ยเค้าซื้อเองกินก็ได้ คุณโอ๊คยังซื้อน้ำแข็งโลละประมาณ650000ได้เลยแกล้มด้วยโค้กกิโลละประมาณ3-5ล้านบาทได้เลย
คืออยากถามมันว่า มันซื้อเปียโนอะไร ไฟฟ้าหรือแกรนด์ ราคามันต่างกันมากจากหลักหมื่นถึงหลักล้าน ในรูปที่เห็นนั่นมันรุ่นที่ใช้แสดงคอนเสิร์ต ราคาหลายล้าน
บอกตามตรงครับไม่ค่อยเห็นด้วยที่ซื้อเปียโนไว้สอนเด็ก คาบเรียนดนตรีในแต่ละสัปดาห์มันก็น้อยพออยู่แล้ว แล้วซื้อเปียโนไปก็ใช่ว่าเด็กทุกคนจะได้จับมัน ถ้าจะให้เด็กฝึกเครื่องดนตรีประเภทลิ่มนิ้วมันก็มีหลายตัว ที่ราคาไม่สูงมาก สามารถช่วยฝึกทักษะเด็กได้ ส่วนเครื่องดนตรีที่ราคาแพงแบบเปียโน ถ้าอยากสนับสนุน ตัวเด็กจริงก็ควรจะมีไว้ที่บ้านไหม แถมครูที่สอนพวกนี้ค่าชั่วโมงก็ใช่จะถูก ๆ เหมือนเด็กอยากจะตีกอล์ฟ แต่โรงเรียนไม่มีไม้กอล์ฟไม่มีสนามกอล์ฟให้ แล้วไปร้องบอกว่าโรงเรียนไม่สนับสนุนให้เล่นกีฬา มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว ไม่เหมือนลูกนายทหารหรือลูกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้ไม้กอล์ฟเป็นของกำนันของฝากเก็บไว้จนเต็มห้อง
แปลว่าคนกลางนี้ไม่ได้ทำกิจกรรมโรงเรียนเลยหรือไง บางโรงเรียนมีครบทั้งอุปกรณ์ทั้งห้องแบบจัดมินิคอนเสิร์ตได้เลย เด็กเองก็ไม่ได้เรียนเฉพาะคราบเรียน แต่ยังคราบกิจกรรม หลังเลิกเรียน ขนาดโรงเรียนใกล้บ้านผม เสาร์-อาทิตย์ยังมาเลย เด็กชอบเพราะได้บันเทิง บางทีได้เงินจากออกงาน ถ้าเทียบกับแท็บเล็ตที่ใช้ไม่ได้เลย ที่ตั้งงบไว้ประมา่ณ 5,800 ล้านบาท ถือว่าคนละเรื่อง "ไม่เหมือนลูกนายทหารหรือลูกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้ไม้กอล์ฟเป็นของกำนันของฝากเก็บไว้จนเต็มห้อง" ขอหลักฐานด้วยครับ พ่อเด็กเลี้ยงแกะสารเลว
คาบเรียนมันมีน้อยแต่มันีหลายชั้นเรียนครับ เด็กทุกคนจะได้จับได้ยังไงครับ ก็มีตัวเดียว วิธีแก้คือ ใช้เปียโนไฟฟ้าที่ราคาถูกกว่า เด็กที่เขาจเรียนเขามีที่บ้านทั้งนั้น แล้วเด็กที่ฐานะปานกลางเขาจะได้ซ้อมที่โรงเรียนไงครับ ไอ้หลายประเภทที่ว่า มันคือประเภทเดียวนี่แหละครับ ที่เป็นเครื่องมาตรฐาน เอาเรื่องนี้ไปเทียบเรื่องกอล์ฟไม่ได้หรอกครับ เพราะดนตรีเป็นวิชาพื้นฐานสำหรับนักเรียน และแล้วก็ไม่วายกัด จะไม่ไปข้องแวะลูกนักธุรกิจหน่อยเหรอครับ
รอไอ้วิลาศแฉก่อนครับ ผมก็ไม่กล้าบอกว่า เอ๋อ โกง แต่สำหรับเปียโนแบรนด์นี้ แพงครับ แต่ขอดูรุ่น กับความสูง
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/677468 เมื่อซื้อมาแล้วใครจะสอน ทั้งยังไม่มีการสำรวจหรือให้แต่ละโรงเรียนเสนอว่าต้องการเครื่องดนตรีนั้นๆหรือไม่ การซื้อเปียโนก็มีเหตุผลความโง่เกิดขึ้น คือ เปียโนเมื่อตั้งที่ใดแล้วย้ายไม่ได้ เพราะต้องจูนเครื่องใหม่ เปียโน คีย์บอร์ด ระบุขนาดเอาไว้อย่างละเอียดโดยไม่มีเหตุผล เปรียบเทียบราคากลองชุดไฟฟ้ายี่ห้อเดียวกันกับที่กทม.จัดซื้อชุดละ 6.5หมื่นบาท ปรากฎว่าร้านขายปลีกราคาเพียง 3.8หมื่นบาท เห็นแล้วแปลก ๆ นะ เทียบแค่ยี่ห้อ ไม่เทียบรุ่น
“วิลาศ” แจงยิบ ปม กทม.ส่อโกงจัดซื้อเครื่องดนตรี ชี้ “เกินความจำเป็น-เข้าข่ายฮั้ว” ปัด จับมือ “มาร์ค” ไล่ “ชายหมู” พ้น ปชป. เสนอ รบ.ใช้ ม.44 ดำเนินการเรียกค่าเสียหายคืน เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 7 ธันวาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการบริหารงานของกทม.เกี่ยวกับโครงการพัฒนาทักษะทางดนตรีในโรงเรียนสังกัด กทม.ว่า ตนทำหน้าที่ตรวจสอบ ในฐานะอดีตประธานกมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและครูในสังกัดกทม.มาตรวจสอบ ซึ่งไม่ได้ขัดผลประโยชน์กับใคร หรือจับมือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าปชป.เพื่อขับไล่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ให้พ้นจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะการตรวจสอบการบริหารงานของรองผู้ว่าฯ กทม.ก่อนหน้านี้ 2 คน ก็เป็นการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และไม่เคยบอกกล่าวหัวหน้าพรรคหรือคนในพรรคมาก่อน ซึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากปรากฏข่าวว่า ตนจะตรวจสอบการจัดซื้อเปียโน และอุปกรณ์ดนตรีของกทม. ได้มีการสั่งการไปยังโรงเรียนกทม. เพื่อทำความสะอาดเครื่องดนตรีที่เคยกองสุมไว้ พร้อมทั้งสั่งห้ามไม่ให้ตนและทีมงานเข้าไปถ่ายรูปอุปกรณ์ดนตรีในกทม.และที่ เลวร้ายที่สุดคือมีการสั่งให้นักเรียนถ่ายรูปขณะเล่นเปียโนและอุปกรณ์ดนตรี เพื่อมาเผยแพร่ต่อสื่อเพื่อเป็นการแก้ข่าวด้วย นายวิลาศกล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อปี 2551 เป็นการเริ่มต้นทำโครงการเพื่อนำร่อง10 โรงเรียน จาก 437 โรงเรียน โดยใช้เงินเฉลี่ยโรงเรียนละ 4.7 แสนบาท ซึ่งยังพอรับได้ จากนั้น ในปี 2552 มีการอ้างโครงการเดิมเพื่อของบประมาณอีก 250 ล้านบาท จัดซื้อให้อีก 90 โรงเรียน แบ่งเป็นค่าจัดหาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง อุปกรณ์การเรียนดนตรีพร้อมติดตั้ง รวมไปถึงเครื่องดนตรี ประกอบด้วย เปียโน 1 หลัง คีย์บอร์ด 15 ตัว กีตาร์อะคูสติก จำนวน 10 ตัว กีตาร์ไฟฟ้าพร้อมแอมป์ 10 ชุด กีตาร์เบสพร้อมแอมป์ 10 ชุด กลองชุด 2 ชุด และอุปกรณ์สำหรับสอนขับร้อง 1 ชุด และเป็นค่าอบรมครูผู้สอน และจัดกิจกรรมดนตรีในโรงเรียนด้วย และในปี 2555 เพิ่มอีก 150 โรงเรียนอีก 480 ล้านบาท โดยได้อ้างโครงการดังกล่าวเป็นงบผูกพัน จากนั้น ในปี 2557 ก็มีการจัดงบประมาณซื้ออุปกรณ์ดนตรีให้กับ 187 โรงเรียนที่เหลือ และซื้อให้กับ 10 โรงเรียนนำร่องเดิมด้วย รวมเป็น 197 โรงเรียน เป็นงบประมาณอีก 585 ล้านบาท รวมทั้งหมดของโครงการดังกล่าวเป็นเงินกว่า 1,300 ล้านบาท และยังมีการตั้งงบใหม่เพื่ออบรมครูอีกโรงเรียนละ 2 คนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านดนตรีอีก 114 ล้านบาท “การตั้งงบเพื่ออบรมครู จึงเท่ากับเป็นการยอมรับว่าที่ผ่านมากทม.ไม่มีความพร้อมและไม่มีครูสอนดนตรี แล้วจะซื้ออุปกรณ์ดนตรีล่วงหน้าไปเก็บไว้ทำไม ยิ่งการจัดซื้อครั้งหลังสุดปี 2557 ใน 197 โรงเรียน มีมากถึง 69 โรงเรียนที่มีนักเรียนต่ำกว่า 200 คน บางโรงเรียนมี ป.5-ป.6 ซึ่งเป็นช่วงวัยที่สามารถเล่นเครื่องดนตรีใหญ่ได้ไม่ถึง 10 คนเท่านั้น แต่กลับซื้อเครื่องดนตรีเพิ่มให้อีกเป็น 10 ชิ้น โดยที่ไม่มีการสำรวจว่า โรงเรียนใดมีความต้องการเครื่องดนตรีแบบใด รวมไปถึงความพร้อมทั้งครูและห้องสอนดนตรีด้วย โดยเฉพาะเปียโน 437 หลัง ที่ใช้จริงไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซ้ำร้ายในสัญญายังต้องจัดงบประมาณในการบำรุงดูแลรักษาอุปกรณ์ดนตรีปีละ 20,000 บาทต่อโรงเรียนทุกปี เป็นการโกงชัดๆ เพราะเครื่องดนตรีส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้แต่กลับมีอนุมัติเบิกจ่ายให้ซ่อมบำรุงไปแล้ว จึงถามว่า จะซื้อไปสร้างพิพิธภัณฑ์หรืออย่างไร อีกทั้งการจัดซื้อต้องผ่านความเห็นชอบและเป็นอำนาจของผู้ว่าฯกทม.แต่ปรากฏว่า ผู้ว่าฯกทมได้มอบอำนาจดังกล่าวให้กับผอ.สำนักการศึกษาของ กทม.เซ็นแทนได้ทุกอย่าง จนทำให้มีข้าราชการประจำดีๆของกทม.ลาออกไปถึง 3 คนแล้ว” นายวิลาศ กล่าว นายวิลาศ กล่าวอีกว่า การที่ผอ.สำนักการศึกษา กทม.คนปัจจุบันออกมาชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวเป็นการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีออกชั่น) ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลปัจจุบันได้ยกเลิกระบบดังกล่าวไปแล้ว เพราะสามารถฮั้วกันได้ ทีโออาร์ในสัญญาก็ส่อว่าทุจริต เพราะมีเพียง 3 บริษัทที่จัดอุปกรณ์ดนตรีเป็นชุดๆ ตรงตามสเปกที่กทม.สั่งซื้อได้ คือ1.กิจการร่วมค้าเคพีเอ็น-ที 2.กิจการร่วมค้า นานาภูวน และ 3.กิจการร่วมค้า จีซอฟท์มิวสิค เพราะมีการเขียนสเปกกำหนดกว้างยาวสูง พร้อมบอกน้ำหนักของเปียโน ถามว่ากำหนดสเปกไว้ทำไม และที่สำคัญยังมีค่าลิขสิทธิ์ตำราในการสอนที่แต่ละโรงเรียนต้องจ่าย 330,000 บาท รวมเป็นเงิน 144 ล้านบาท ซึ่งตำราดังกล่าวก็ถูกเก็บใส่กล่องไว้เป็นอย่างดีไม่มีการใช้งานแต่อย่างใด ตนลงพื้นที่ไปตรวจสอบกว่า 10 โรงเรียน เด็กก็เล่นไม่ได้ทั้ง 10 โรงเรียน เป็นการหลับหูหลับตา เหวี่ยงแห ซื้อแจกไปทั้งหมด โดยใช้งบประมาณไปกว่า 1,300 ล้านบาท และยังต้องศูนย์งบประมาณที่เกี่ยวเนื่องผูกพันตามมาอีกไม่สิ้นสุด “ถ้าสตง.ไปตรวจก็ผิดแน่ๆ เพราะมีการล็อคสเปกถือว่าเป็นการส่อทุจริต หลังจากนี้ ผมจะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.และให้ สตง.เป็นคนกลางในการตรวจสอบ เพราะเอกสารบางรายการตนไม่สามารถใช้คำสั่งเรียกเอกสารตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ได้ เพราะมีการปกปิดไม้ให้ข้าราชการให้ความร่วมมือ ครู อาจารย์ ในโรงเรียน กทม.ถูกคำสั่งห้ามจนเกร็งกันไปหมด ขณะเดียวกัน จะขอเสนอให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 เพื่อบังคับใช้ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เช่นเดียวกับ โครงการจำนำข้าว เพื่อดำเนินการเรียกความเสียหายคืนจากบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย และหลังจากนี้ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาส่งให้ผมด้วย จึงขอให้ข้าราชการกทม.ให้ความร่วมมือ มิเช่นนั้นมีความผิดตามกฎหมายป.ป.จึงอยากให้ดูคดียาฆ่าแมลง กับคดีสนามฟุตซอลเป็นตัวอย่าง” นายวิลาศ กล่าวทิ้งทาย http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1449474641
ในใจพระยาคงบอก "สลิ่มอกแตกตายซะ" แต่ผมไม่อะครับ ยิ่งคิดว่าดียังมีตรวจสอบกันเองในพรรค ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่เหมือนบางพรรคนะครับ ซื้อแท็บเล็ตเซิ้นเจิ้น หมดไปเป็นล้าน ใช้ไม่ได้ แล้วเงียบทั้งพรรคเลย
"หลังจากนี้ ผมจะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.และให้ สตง.เป็นคนกลางในการตรวจสอบ" ต้องการแค่นี้แหล่ะ... ไม่ใช่ตั้งโต๊ะแถลงรายสัปดาห์ไปเรื่อยๆ
เปียนโนผมว่าเกินจำเป็นสำหรับโรงเรียน กอทอมอ แต่จำเป็นสำหรับศูนย์เยาวชนที่มีจำนวนน้อย แต่ก่อนผมเคยขอไปเรียนกระบี่กระบองที่ศูนย์เยาวชนยังเต็มเลย ควรขยับขยายสำหรับ กศน.ของ กอทอมอ โดยตรง เพื่อที่ผู้สนใจไม่จำกัดวัยมาเรียน
เรื้อนดูตัวอย่างแล้วจำใส่กระโหลกหนา ๆ ไว้นะ นักการเมือง ตัวแทนประชาชนที่ดีควรทำแบบนี้ แม้ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสวัสดิการ ก็ยังคงทำงานรักษาผลประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติไว้ เพราะฉะนั้น เรื้อนก็เลิกเลียตีน เลียตูด นักโกงเมืองอัปรีย์จัญไรอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ได้แล้วนะ วิญญาณปู่จะได้เลิกมาเข้าฝันร้องเพลง ไอ้ลูกหลานจัญไร ให้ฟังทุกคืน
ขนาดปชป.โกงยังเพลียหนัก ถ้าเจอพท.โกงสงสัยเจ้าพระยาเป็นลมตายหรือครับ ไงครับ หลักฐานโกงไทยเข้มแข็งที่ขอ อีกไม่นานก็จะข้ามปีแล้วผมยังไม่ได้หลักฐานเลย พอดีมีคนพูดสะกิดว่า คนฉลาดต่างจากพวกไร้สมองหัวกลวงก็ตรงนี้แหละ เขาจะไม่เชื่ออะไรแบบไม่คิด ต้องคิดก่อนว่าเขาพูดเพราะอะไร ที่ไหน เมื่อไร ไม่ใช่โง่เอาเรื่องนั้นไปโยงเรื่องนี้
http://www.isranews.org/investigative/invest-slide/item/43215-inves_43215.html#.VmQ9wGaMrAg.facebook เบื้องหลัง! โครงการจัดซื้อเครื่องดนตรี กทม. 'เคพีเอ็น' คว้า 3 สัญญารวด 732 ล. วันอาทิตย์ ที่ 06 ธันวาคม 2558 เวลา 20:00 น. ดูชัดๆ ข้อมูล 3 สัญญาจ้างโครงการพัฒนาทักษะทางด้านดนตรี กทม. 732 ล้าน ตั้งแต่ช่วงปี 51- 60 พบชื่อบริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด รับงานรายเดียวทั้งหมด ก่อน"วิลาศ จันทร์พิทักษ์" เปิดแถลงข่าว 7 ธ.ค.นี้ เขย่าเก้าอี้ ผู้ว่าฯ กทม. 'ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์' เก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ของ 'หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร' กำลังถูกเขย่าอีกครั้ง! เมื่อ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดประเด็นว่าตรวจสอบพบปัญหาความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินงานโครงการของกทม. หลายโครงการ โดยหนึ่งในนั้นคือ โครงการจัดซื้อเครื่องดนตรีให้กับโรงเรียนต่างๆ ภายใต้ชื่อโครงการพัฒนาทักษะทางด้านดนตรี และเตรียมที่จะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 ธ.ค.2558 นี้ ไม่ว่าโครงการจัดซื้อเครื่องดนตรีให้กับโรงเรียนต่างๆ ของกทม.จะมีปัญหาเกิดขึ้นทั้งในเรื่องสเปคและความคุ้มค่าในการใช้งานตามที่ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรค ประชาธิปัตย์ ออกมาระบุจริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบเกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการนี้ คือ นับตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการศึกษา ได้ใช้งบประมาณในการดำเนินงานโครงการนี้ ไปแล้วทั้งหมด 732,100,000 บาท และปรากฎชื่อ 'บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด' เข้ามาเป็นผู้รับจ้างในการจัดหาเครื่องดนตรีเพียงรายเดียว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลของสำนักข่าวอิศรา พบว่า โครงการพัฒนาทักษะทางด้านดนตรี เป็นโครงการที่จัดทำมาต่อเนื่อง โดยสำนักการศึกษา แบ่งเป็น 3 สัญญา ดังนี้ สัญญาที่ 1 จ้างดำเนินการตามโครงการพัฒนาทักษะทางด้านดนตรี ปรากฎชื่อ บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด เป็นคู่สัญญา วงเงิน 14,000,000 บาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 51 สิ้นสุด 2 มิ.ย. 52 สัญญาที่ 2 ซื้อเครื่องดนตรีและอุปกรณ์ตามโครงการพัฒนาทักษะทางดนตรีในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 150 โรงเรียน ปรากฎชื่อ บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด เป็นคู่สัญญา วงเงิน 150,300,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 17 ก.ย. 55 สิ้นสุด 16 มี.ค. 56 สัญญาที่ 3 จัดหาเครื่องดนตรีพร้อมอุปกรณ์ (ระยะที่ 2) ปรากฎชื่อ บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด เป็นคู่สัญญา วงเงิน 567,800,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 30 ต.ค. 57 สิ้นสุด 17 พ.ค. 60 รวมวงเงินว่าจ้างทั้ง 3 สัญญา อยู่ที่ 732,100,000 บาท ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจ ระบุว่า บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2533 ทุนปัจจุบัน 25 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 719 อาคารเคพีเอ็น ทาวเวอร์ ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจการเรียนการสอนด้านดนตรีและจำหน่ายหนังสือวิชาการดนตรีให้บริการเป็นผู้จัดตั้งและหรือรับจ้างจัดงานรื่นเริงและประกวดร้องเพลง ปรากฎชื่อ นาย ณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ และ นาย กิตณรงค์ ติระขจร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 29 เมษายน 2558 บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 249,998 หุ้น มูลค่า 24,999,800 บาท ล่าสุดนำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบธุรกิจ ปี 2557 แจ้งว่า มีรายได้รวม 160,063,117 บาท แยกเป็น รายได้จากการขาย 15,137,112 บาท รายได้จากการบริการ 37,245,863 บาท รายได้ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 21,047,996 บาท รายได้จากการให้ใช้สิทธิ 51,401,869 บาท รายได้เงินสนับสนุนและรายได้อื่น 20,000,000 บาท กำไรจากการขายสิทธิการเช่า 12,063,675 บาท รายได้อื่น 3,166,602 บาท มีรายจ่ายรวม 113,379,995 บาท กำไรสุทธิ 34,655,473 บาท เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2558 นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรค ประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า ข้อมูลที่มีอยู่ในมือของตนขณะนี้ คือ ผลการประกวดราคาจ้างจัดหาเครื่องดนตรีพร้อมอุปกรณ์ (ระยะที่ 2) วงเงิน 567,800,000 บาท ซึ่งปรากฎชื่อ บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด เป็นผู้ชนะ ในนามกิจการร่วมค้า เคพีเอ็น-ที มีการกำหนดขอบเขตงานให้จัดหาเครื่องดนตรีได้แก่ เปียโน 1 ตัว กีฬาประเภทต่างๆ รวม 30 ตัว กลอง 1 ชุด เป็นต้น ให้กับโรงเรียนทั้งหมด 437 แห่ง ส่วนข้อสังเกตอื่นๆ จะมีการเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 ธ.ค.2558 นี้ ------------------------------------------------------------------------- มีต่อ
http://www.isranews.org/investigative/investigate-procure/item/43225-ืnews02_43225.html ใช้ชื่อกิจการร่วมค้ายื่นซอง แต่ลงนามบ.เดียว! 'วิลาศ' ชงป.ป.ช.สอบ เปียโน 'สุขุมพันธุ์' วันจันทร์ ที่ 07 ธันวาคม 2558 เวลา 09:00 น. กรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด ปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญาในการจัดหาเครื่องดนตรีให้กับสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาทักษะทางด้านดนตรี จำนวน 3 สัญญา เพียงรายเดียว นับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา รวมวงเงินว่าจ้างทั้งหมด 732,100,000 บาท ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในการจัดหาเครื่องดนตรีพร้อมอุปกรณ์ (ระยะที่ 2) สัญญาที่ 3 ซึ่งปรากฎชื่อ บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด เป็นคู่สัญญา วงเงิน 567,800,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 30 ต.ค. 57 สิ้นสุด 17 พ.ค. 60 ซึ่งเกิดขึ้นในยุคที่หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม. ในขั้นตอนการเสนอราคางาน บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด ได้ใช้ชื่อกิจการร่วมค้า เคพีเอ็น-ที เข้ายื่นซองเสนอราคา แต่ปรากฎว่า เมื่อได้รับการคัดเลือก กลับปรากฎชื่อ บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด ในการลงนามสัญญาว่าจ้างเพียงแห่งเดียว จากการตรวจสอบยังพบว่า ผู้เสนอราคาอีก 2 ราย ที่เข้าแข่งขันกับ กิจการร่วมค้า เคพีเอ็น-ที ก็เสนอราคาในนามกิจการร่วมค้าเช่นกัน รายแรก ใช้ชื่อว่า กิจการร่วมค้า นานาภูวน ส่วนรายที่สอง คือ กิจการร่วมค้า จีซอฟท์มิวสิค อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกิจการร่วมค้า นานาภูวน มาร่วมแค่ซื้อซอง แต่ไม่ได้ยื่นเสนอราคาด้วย ส่วนกิจการร่วมค้า จีซอฟท์มิวสิค เสนอราคาอยู่ที่ 569 ล้านบาท สูงกว่าราคาที่ กิจการร่วมค้า เคพีเอ็น-ที เสนอไปประมาณ 2 ล้านเศษ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรค ประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า ในช่วงเวลา 10.30 น. วันที่ 7 ธ.ค.2558 จะเปิดแถลงข่าวถึงความไม่ชอบมาพากล ในการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะทางด้านดนตรี ของกทม.อย่างเป็นทางการ ซึ่งประเด็นเรื่องการที่ บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด เข้าเสนอราคาในใช้ชื่อกิจการร่วมค้า เคพีเอ็น-ที แต่เมื่อถึงเวลาลงนามกลับใช้ชื่อ บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด ลงนามในสัญญาเพียงบริษัทเดียว เป็นหนึ่งในข้อสังเกตสำคัญที่ตนตรวจสอบพบและนำเอกสารหลักฐานไปยืนยันต่อสื่อมวลชนด้วย ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายจรูญ มีธนาถาวร ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม. ออกมายืนยันว่า การจัดซื้อจัดจ้างของ กทม.ทุกโครงการ ต้องจัดซื้อด้วยวิธีเปิดประมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อีออคชั่น) รวมถึงการจัดซื้อเครื่องดนตรีนี้ด้วย โดยก่อนจะเปิดประมูลได้มีการสืบราคามาก่อน และในขั้นตอนการประมูลก็มีบริษัทเข้ามาแข่งขัน 7-8 ราย เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้ ต่อมานายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ เปิดแถลงข่าวกรณีการตรวจสอบการทุจริตในโครงการเพิ่มทักษะทางดนตรีแก่นักเรียนโรงเรียนในสังกัดของกรุงเทพมหานครว่า โครงการดังกล่าวไม่ได้เลวร้ายและมีประโยชน์ แต่ต้องพิจารณาความเหมาะสมของโรงเรียน ไม่ใช่ซื้อทุกโรงเรียน โดยใช้งบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมามีการจัดซื้อให้กับโรงเรียนนำร่อง 10 แห่ง โดยใช้งบประมาณ 14 ล้านบาท แบ่งเป็นงบจัดซื้ออุปกรณ์โรงเรียนละ 470,000 บาท ล่าสุดได้มีการจัดซื้อให้กับโรงเรียนในสังกัด กทม. เพิ่มเติมจำนวน 197 แห่ง และสังเกตว่าโรงเรียนในสังกัด กทม. นำร่อง 10 แห่ง มีการเพิ่มเติมเครื่องดนตรีอีก 585 ล้านบาท อีกทั้งยังมีการใช้งบประมาณในการนำเอาครูจากโรงเรียนในสังกัด กทม. ไปอบรมจำนวน 90 แห่งด้วย อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมข้อมูลจากครูและนักเรียน พบว่า โรงเรียนในสังกัด กทม. เกินครึ่งไม่มีครูดนตรีสากล โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีนักเรียนต่ำกว่า 200 คน รวมถึงไม่มีการสำรวจก่อนจัดซื้อเครื่องดนตรีว่าโรงเรียนแต่ละแห่งมีความต้องการเครื่องดนตรีหรือไม่ ตลอดจนการจัดซื้อแบบเหมาจ่ายให้กับโรงเรียนทุกแห่ง และชุดเครื่องดนตรีเปียโนนั้นยังไม่มีการใช้งานถึง 437 เครื่อง ซึ่งมีโรงเรียนที่ใช้งานเปียโนเพียงร้อยละ 50 เท่านั้น ซึ่งตนก็ได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาแสดงให้ผู้สื่อข่าวทราบด้วย นายวิลาศ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นคาดว่าประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากนี้ ตนจะยื่นหนังสือให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบในรายละเอียดต่อไป พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 ดำเนินการให้ใช้ พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่. พ.ศ. 2539 เช่นเดียวกับโครงการรับจำนำข้าว เรียกชดใช้ค่าเสียหาย อีกทั้ง การที่ตนแถลงข่าวในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับกรณีที่ตนผิดใจหรือขัดผลประโยชน์ และไม่ได้ต้องการไล่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกจากสมาชิกพรรคแต่อย่างใด
กิจการร่วมค้ามันก็ต้องไปดูในสัญญาระหว่างบริษัทว่าใครมีหน้าที่ตามที่แบ่งไว้อะไร เกิด KPN ได้รับมอบอำนาจให้สามารถลงนามนี่จะว่าอย่างไร
ข่าว 3มิติ วันที่6มิถุนายน 2555 ออกข่าวโกงฉาวโฉ่ รายการคุรุภัณฑ์ ของโครงการ " ไทยเข้มแข็ง " ยุคอภิสิทธิ ราคาจริง4ล้านแต่บอกไป29ล้าน โรงเรียนไม่ได้ขอ แต่จัดให้ http://www.thairath.co.th/content/newspaper/248539 เอาน้ำจิ้มให้แถ