ประธานองคมนตรี เงินเดือน 114,000 บาท องคมนตรี เงินเดือน 104,500 บาท ประธานศาลฎีกา เงินเดือน 75, 590 บาท เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท ผู้ช่วยผู้พิพากษา เงินเดือน 17,560 -18,950 บาท ประธานศาลปกครองสูงสุด เงินเดือน 75,590 บาท เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น เงินเดือน 67,560 บาท เงินประจำตำแหน่ง 30,000 บาท อัยการ 8 เงินเดือน 73,240 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42,500 บาท อัยการ 1 เงินเดือน 17,560 - 18,950 บาท
นายกรัฐมนตรี เงินเดือน 75, 590 บาท เงินประจำตำแหน่ง 50,000 รองนายกรัฐมนตรี เงินเดือน 74,420 บาท เงินประจำตำแหน่ง 45,000 บาท รัฐมนตรี เงินเดือน 73,240 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42,500 บาท โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เงินเดือน 47, 250 บาท ประธานสภาผู้แทนราษฎร เงินเดือน 75,590 บาท เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท
ประธานวุฒิสภา เงินเดือน 74,420 บาท เงิน เงินประจำตำแหน่ง 45,500 บาท รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เงินเดือน 73,240 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42,500 บาท รองประธานวุฒิสภา เงินเดือน 73,240 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42, 500 บาท ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เงินเดือน 73,240 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42,500 บาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เงินเดือน 71,230 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42,330 บาท สมาชิกวุฒิสภา เงินเดือน 71,230 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42,330 บาท ข้าราชการทหาร ระดับนายพล ระดับ น.9 ชั้น 9.5 เงินเดือน 70,930 บาท ต่ำสุด ระดับ 1 พ.1 -ระดับ 25 เงินเดือน 1,360- 6,050 บาท ข้าราชการพลเรือนสามัญ ขั้นสูง ระดับสูง เงินเดือน 69,810 บาท ข้าราชการพลเรือนสามัญ ประภททั่วไป ปฎิบัติงาน ขั้นต่ำ เงินเดือน 4,870 บาท
ข้าราชการครู ขั้นสูง คศ. 5 เงินเดือน 66,480 บาท ข้าราชการครูผู้ช่วย ขั้นต่ำชั่วคราว เงินเดือนเริ่มที่ 7,940 บาท บัญชีอัตราเงินวิทยฐานะ ครูเชี่ยวชาญพิเศษ 15,600 บาท ครูเชี่ยวชาญ 9,900 บาท ครูชำนาญการพิเศษ 5,600 บาท ครูชำนาญการ 3,500 บาท วิศวกร สาขาต่างๆ เงินเดือน เริ่มต้นที่ 12,000 บาท สูงสุดที่ 60,000 บาท โบนัสและสวัสดิการต่างหากแล้วแต่ระดับการจ่ายของบริษัท แพทย์ สาขาต่างๆ ขึ้นอยู่กับรายได้แต่ละแพทย์เฉพาะทาง ในส่วนของระบบราชการจะอยู่ในระดับโครงสร้างของข้าราชการ ซึ่งอาจเสริมรายได้จากการไปเป็นแพทย์พิเศษตามสถานพยาบาลต่างๆ อีก หรือคลินิก ขณะที่แพทย์ของเอกชน ก็ขึ้นอยู่กับรายได้ของเฉพาะทางนั้นๆ บางรายมีรายได้สูงสุดต่อเดือนนับล้านบาท งานด้านคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเมอร์, เจ้าหน้าที่ Network ,เว็บมาสเตอร์ เงินเดือน 12,000-50,000 บาท กราฟฟิก ดีไซน์เนอร์ เงินเดือน 15,000 บาท ขึ้นไป
ผู้สื่อข่าว-ช่างภาพหนังสือพิมพ์/วิทยุ/เว็บไซต์ เงินเดือน 7,000 - 25,000 บาท ระดับหัวหน้าข่าว 23,000-35,000 บาท ระดับบรรณาธิการบริหาร 30,000 บาท ขึ้นไป ผู้สื่อข่าว-ช่างภาพโทรทัศน์/ผู้ประกาศข่าว เงินเดือน 12,000 - 40,000 บาท ระดับหัวหน้าข่าว 30,000 - 50,000 บาท ระดับบรรณาธิการบริหาร 40,000 บาท ขึ้นไป คอลัมนิสต์,นักเขียน นิตยสาร เงินเดือน 9,000-50,000 บาท ขึ้นไป พนักงานบัญชี เริ่มต้นที่ 9,000 บาทขึ้นไป พนักงานบริษัททางด้านสายงานต่างๆ เริ่มต้นที่ 10,000 บาท ขึ้นไป สาวไซด์ไลน์ การขายวิวจะเริ่มที่ 90 หรือ 100 บาทขึ้นไป สูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท ต่อครั้ง ถ้าเป็นเดือน เฉลี่ย เดือนละ 3-4 หมื่นบาท พนักงานโรงแรม ในระดับทั่วไป เงินเดือน 4,000 บาท ขึ้นไป ไม่รวมค่า เซอร์วิส ชาร์ต พนักงานโรงแรม แผนกต้อนรับ เงินเดือน 10,000 บาทขึ้น ไม่รวมค่าเซอร์วิส ชาร์ต พนักงานขับรถลีมูซีน ประจําโรงแรมห้าดาว-สนามบิน เงินเดือน 16,600 บาท ขึ้นไป โชเฟอร์ขับแท็กซี่ เฉลี่ยรายได้วันละ 250 บาท ขึ้นไป (หักค่าเช่า+น้ำมันแล้ว) รถจักรยานยนต์รับจ้าง เฉลี่ยรายได้วันละ 300 บาท ขึ้นไป (หักค่าวิน+น้ำมันแล้ว) เกษตรกร รายได้ขึ้นอยู่กับผลผลิตสินค้าเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการทำไร่ ทำสวน ปลูกพืช ผัก ผลไม้ หรือแม้แต่การเลี้ยงสัตว์ การทำประมง สำหรับผู้ใช้แรงงานทุกประเภท ค่าแรงขั้นต่ำ เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 215 บาท ขึ้นไป นี่เป็นเพียงรายได้ส่วนหนึ่งจากหลากหลายอาชีพ ไม่ใช่ทั้งหมด ยังคงเหลือพวกทำอาชีพธุรกิจส่วนตัว ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า พ่อค้า แม่ขาย และ ฯลฯ จะเห็นได้ว่า รายได้ ระหว่างผู้มีการศึกษา ผู้ที่ได้รับการศึกษาระดับต่ำ เศรษฐี ชนชั้นกลาง รากหญ้า ผู้มีอำนาจ กับผู้มีสิทธิแค่ตอนเลือกตั้ง ล้วนมีมูลค่่าทางค่าตอบแทนที่แตกต่างกัน จึงทำให้ช่องว่างระหว่าง รวย และจน ห่างกันเยอะ จึงไม่น่าแปลกใจว่า เหตุใด ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย จึงไม่หมดสิ้นไปเสียที... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1301822960
อยากได้เงินเดือนเยอะๆ ตอนเด็กๆก็ขยันเรียน ขยันอ่านหนังสือ ให้เก่ง ขยัน อดทน รับผิดชอบ ไม่เรียน เอาแต่เล่นเกมส์ แว๊นส์ ขายยา ดูหนังโป๊ รับจ้างเผาบ้านเมือง รับจ้างประท้วง รับจ้างโพสต์เน็ตตามสั่ง แต่หวังรายได้สูงๆ คงจะได้นะ
ครับ ความเลื่อมล้ำไม่มีวันหมด ตราบใดที่มีคนเอาเปรียบ เช่น คนอื่นตายจากสงครามยาเสพติดช่างมัน คนอื่นประท้วงแทบเป็นแทบตายช่างมัน เพื่อนติดคุกช่างมัน เอาแต่ตัวเองรอดมาแอบอ้างชื่อชาวบ้านมาพิมพ์ใส่ร้ายชาวบ้านก็พอ
พูดถึงสื่อ นิตยสารก็แย่เหมือนกัน เจอสื่อออนไลน์เข้าไป ก็ต้องปิดตัวลง หรือปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ มันเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ค่าแรงเป็นไปตามทักษะอาชีพการงาน และ/หรือ วุฒิการศึกษา ไม่งั้นจะอยากเรียนสูงๆ กันไปทำไม บางคนอาจจะคิดว่า จบปริญญาตรีไม่พอแล้ว สำหรับยุคนี้ อาชีพหน้าที่การงานก็สำคัญ ค่านิยมเรื่องความมั่นคงในอาชีพก็ยังมีอยู่ นิยมสอบเข้าทำงานราชการกัน ตามสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันและค่านิยมที่คนรอบข้างปลูกฝัง (วันสอบ ก.พ. ถ้าไม่จำเป็น อย่าเข้าตัวเมืองที่มีสนามสอบตั้งอยู่ รถติดหนักมาก) รุ่นน้องบางคนเคยพูดให้ผมฟังว่า ที่อยากเป็นครูเพราะอยากได้สวัสดิการ บางคนเลิกเป็นมนุษย์เงินเดือน ไปทำเกษตรกรหรือธุรกิจส่วนตัวก็มี กล้าทิ้งโอกาส ทิ้งเงินเดือนสูงๆ ไปทำตามความฝันของตัวเอง มีความคิด มีพรสวรรค์ มีความพยายาม มีทักษะความรู้ ก็ดีสำหรับตัวเรา
วันหลัง HOT BOY ก็จ่ายค่าโดยสารมอเตอร์ไซด์เท่าค่ารักษาพยาบาล หรือจ่ายค่าผักที่ตลาดเท่าค่าออกแบบบ้านแล้วกัน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ... ส่วนแกนนำแดงทั้งหลายในรัฐบาลก็ไม่ต้องรับเงินเดือน
นึกได้อย่างนึง นักวิชาการที่สรรหากิจกรรมออกสื่อบ่อยๆ ให้ร้ายบ่อนเซาะประเทศบ้านเกิด พวกไฟในนำออก ไฟนอกนำเข้า บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร มีรายได้เท่าไหร่ ไม่เห็นเขียนถึงเลย
จะสื่ออะไรไม่ทราบ?..ตำแหน่งองคมนตรี เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย...มีอะไร? ตอบมาให้ชัดๆ..เยอะไปไหมว่ะ!.. จะเล่นอะไรระวังบ้างเหอะ.
ส.ส.ที่ “รับเงินตอบแทน” นอกจากเงินเดือนและสวัสดิการอื่น ๆ ที่พึงได้รับจากรัฐสภา มีความผิดทางกฎหมายหรือไม่ ! 18 กุมภาพันธ์ 2015 โดย blogger [อ่าน 96 คน , ยังไม่มีความเห็น , ID] ผมตั้งคำถามนี้หลังจากเห็นข้อความ ในคอลัมน์การบ้านการเมืองของโพสต์ทูเดย์ ฉบับวันจันทร์ที่ ๑๖ ก.พ.๕๘ แล้วอดสงสัยไม่ได้ เพราะผมไม่มีความรู้ทางกฎหมาย จึงใครถามผู้รู้ใน สนช.ครับ เนื้อข่าวมีว่า นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่พรรคเพื่อไทย งดจ่ายเงินสนับสนุนให้ สส.ไปทำกิจกรรมในพื้นที่หลังเหตุรัฐประหาร ๒๒ พ.ค. และเงินกองทุนสงเคราะห์ ส.ส.-ส.ว.ถูก คสช.ระงับไป ส่งผลให้ สส.หลายคนในพรรคเพื่อไทยประสบภาวะทางการเงิน บางรายต้องขายกล่องทีวีดิจิทัลหาเงินจุนเจือครอบครัว คำถามที่ผมอยากรู้ก็คือ ส.ส.ซึ่งมีสถานะเป็นผู้แทนราษฎร ได้รับเงินจากรัฐสภาและสวัสดิการต่าง ๆ หลายอย่างแล้ว “มีสิทธิ์” ไปรับเงินพิเศษจากพรรคการเมืองด้วยหรือ ? พรรคการเมืองสามารถจ่ายเงินสนับสนุนให้ ส.ส.ไปทำกิจกรรมในพื้นที่ได้ด้วยหรือ และเงินที่พรรคการเมืองอย่างพรรคเพื่อไทยนำไปแจกจ่าย ส.ส.ดังกล่าวเอามาจากไหน และการที่ ส.ส.รับเงินตอบแทนจากพรรค ถือเป็นการรับอามิสสินจ้างให้ทำงานหรือเปล่า และมีความผิดตามกฎหมายข้อใดบ้าง – เพราะเพิ่งได้ยินจากปาก ส.ส.เพื่อไทย คำโอดครวญของ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทำให้เป็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่งครับว่า ทำไมพรรคต้องจ้าง ส.ส.ไปทำกิจกรรมอะไรในพื้นที่ ปลุกปั้นอะไรหรือเปล่า หรือเอาเงินไปแจก เพราะในความเป็นจริง พรรคการเมืองไม่ใช่บริษัทห้างร้านหรือผู้ประกอบธุรกิจ จึงไม่น่าจะต้อง “ลงทุนจ้าง” ส.ส.ให้กิจกรรมในพื้นที่เหมือนบริษัทขายปุ๋ย ขายยาปราบศัตรูพืชนะครับ การที่พรรคเพื่อไทย มีเงินสนับสนุน ส.ส.ดูแล้วเหมือนพรรคนี้ลงทุนทำการค้า จึงมีเงินจ่ายให้ ส.ส.ของตัวเองทุกเดือนตามที่ นพ.เชิดชัย ให้สัมภาษณ์ครับ http://chaoprayanews.com/blog/thaiflag/2015/02/18/สสที่รับเงินตอบแทนนอกจ/ โชว์ใบเสร็จค่าชุบเลี้ยงส.ส. "ทุกวันนี้ผมไม่มีเงิน บัตรเครดิต หรือบัญชีธนาคารก็ถูกอายัดหมด ต้องหยิบยืมเงินคนอื่นชุลมุนวุ่นวายไปหมด ยังแปลกใจว่าทำไมผมจึงโดนด้วยเพราะมีเงินแค่ 1.8 ล้านบาทที่ได้มาจากเงินเดือน ส.ส. 1 แสนกว่าบาท และพูดอย่างไม่อายว่า พรรคเพื่อไทยให้เงินเดือนอีก 5 หมื่นบาทเท่านั้น" นั่นเป็นคำพูดด้วยความคับแค้นและซื่อๆ ของนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี เป็นการยืนยันว่าได้รับเงินเดือนจากพรรคเพื่อไทยเดือนละ 5 หมื่นบาท ส.ส.คนนี้อาจพูดแบบไม่อาย แต่ประชาชนที่ฟังแล้วจะต้องมีความรู้สึก "อายแทน" เป็นอย่างต่ำ เพราะ ส.ส.เหล่านี้อยู่ได้เพราะมีเจ้าของพรรคคอยชุบเลี้ยง จำนวน ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีทั้งสิ้น 189 คน แสดงว่าแต่ละเดือนจะต้องมีผู้จ่ายเงินเดือนให้ ส.ส.รวมเป็นเงิน 9,450,000 บาท รวมต่อปีเป็นเงิน 113,000,000 บาท เฉพาะช่วง 3 ปีที่ใช้ชื่อว่าเพื่อไทย พรรคการเมืองนี้มีคนควักจ่ายเงินเดือน ส.ส.แล้ว 339,000,000 บาท หากนับถอยหลังรวมไปถึงพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน 12 ปีที่ผ่านมา มีการจ่ายไปแล้วร่วม 2 พันล้านบาทเป็นอย่างต่ำ เพราะพรรคไทยรักไทยมี ส.ส.ถึง 376 คน อ่านต่อได้ที่ : http://www.beta.ryt9.com/s/tpd/925551
ผมเห็น จขกท. เรียกร้องหา โหยหา ประชาติ๊บตัย มาโดยตลอด ....แต่ในกระทู้นี้ สื่อออกมาว่า อยากให้ทุกคน ในประเทศไทยไม่มีความเลื่อมล้ำกันในเรื่องรายได้ต่อเดือน ตุ๊ดบอย ตอบได้หน่อยว่า อยากให้ทุกคนมีรายได้เท่ากันหมด เพื่อลดความเลื่อมล้ำในสังคม ใช่หรือเปล่า
ที่ไหนๆบนโลกใบนี้ก็มีความเหลื่อมล้ำแบบที่ จขกท.พูดถึง ไม่เว้นแม้แต่ อเมริกาที่ ร่าน ชาบู หากอยากได้ความเท่าเทียมกันของรายได้ ผมนึกถึง ระบบคอมมิวนิสต์นะ
ทุกคนมันจะรายได้เท่ากันได้ไงคิดโง่ๆ แค่ให้ลดช่องว่าง คนรวยมันก็รวยเกินมนุษย์มนา ไม่รู้จะสะลมไปใช้ในปรโลกด้วยหรือไง
เริ่มจากเงินเดือนองคมนตรีก็พอรู้ว่ามันคิดอะไร ??? แต่ก็เอาเถอะ อุดมการณ์ถึงแม้จะดี แต่ถ้าอยู่กับคนเลวๆมันก็ไม่มีค่าอะไร
ถ้างั้น hot boy ก็ด่าดูถูกคนจนซิ เพราะผมรายได้น้อยกว่าชาวนาที่จำนำข้าวได้ 15,000 ได้ประมาณเท่าลูกจ้างวันละ 300 hot boy คุณธรรมจอมปลอมดูถูกคนจนว่าโง่
ถ้าเทียบ เงินเดือนองคมนตรี กับค่าอาหารของนายก ก็กินขาดแล้วครับ ประธานองคมนตรี เงินเดือน 114,000 บาท วันนี้ 27 ส.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในโลกสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อมูล รายการอาหารของ "กองพิธีการ" สำนักเลขธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ที่ได้จัดตั้งงบเบิกจ่ายเป็น "งบรับรอง" สำหรับ ค่าอาหารเช้า-กลางวัน ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยตั้งงบไว้ วันละ 211,850 บาท เดือนละ 6,355,500 บาท เทียบกันไม่ติดเลยนะครับ
นี่แหละความคิดของพวกโง่ บรมขี้เกียจ ชอบแบมือขอ ชอบอวดฉลาด ด้วยเหตุผลโง่ๆ บ่นไปบ่นมาก็ด่านายใหญ่ตระกูลชินทั้งโคตรไปด้วย
ใช่ๆ เลย สงสัยไอ้นี่มันรวยเกินมนุษย์มนา คงจะสะสมไปใช้ที่นรกด้วย ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ในการจัดอันดับของฟอร์บส์ในปีนี้ ร่วงจากอันดับ 882 ของโลก สู่อันดับ 1,092 ของโลก แต่ยังคงเป็นอันดับ 6 ของไทยตามเดิม ด้วยทรัพย์สิน 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (52,200 ล้านบาท) จาก 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (55,400 ล้านบาท) เมื่อปีก่อน นั่นเท่ากับว่าปีที่ผ่านมา ทรัพย์สินหดหายไปกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3,200 ล้านบาท)
ผมมากระทู้นี้ ไม่ได้ มาตอบโต้อะไร เจ้าของกระทู้นะ มาอวดความจน ตัวเองหน่อย ผมอะ ทำงานเสมียนบัญชี ผมจบ ปวส นะ เอาจริง ๆ คือผมขี้เกียจเรียนต่อ ปริญญาตรี และก็ เนื่องจากตอนหนุ่ม ๆ ผมเป็นโรค กลัวการเข้าสังคม เงินเดือนปัจจุบัน ในวัย เกือบ 42 แล้วผมจึงอยู่แค่ 10500 ก่อนหักประกันสังคม หักแล้วยังไม่ถึงหมื่นเลย เหอะ ผมอะไม่นึกเสียใจ ถึงอดีต ที่ไม่ปรับปรุงตัวหรอก เพราะปัจจุบัน ผมเอง ก็ทำหลายอย่างให้ตัวเองอยู่ได้ ในสภาพนี้ได้แล้ว ผมใช้ประหยัดมากเลยนะ ผมใช้จ่ายส่วนตัว เดือนไม่ถึง 5000 ด้วยซ้ำ แต่ ผมมีแม่พ่อต้องเลี้ยง เงินเดือนมันหมด แหง ๆ ล่ะ แต่ผมอยากบอกว่า ผมไม่อิจฉาคนอื่นหรอก แม้แต่ก่อนจะเคยคิดนะ แต่ปัจจุบันไม่ละ คนเราก็แบบนี้ ความสามารถ ก็แตกต่างกัน ความขยัน ความตั้งใจ ก็ต่างกัน ผมเองเพราะแต่ก่อน ขี้เกียจ บวกกับ การมองโลกแคบ ๆ ไม่คิดพัฒนาตัวเอง ก็เลยได้แค่นี้ ผมก็ต้องยอมรับ แม้ปัจจุบัน ผมจะเรียนเพิ่มเติมบ้าง ผมเรียนเขียนโปรแกรม อย่างที่เพื่อน ๆ หลายคน อาจรู้แล้ว แต่ผมตั้งใจว่า ถ้าเขียนได้จริง ผมจะแจกฟรี ไม่คิดหาเงิน จากเรื่องทางนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมชอบ และเป็นงานอดิเรก ที่ใช้ความชอบในวิชา คณิตศาสตร์ ที่เด็ก ๆ ผมชอบเรียน รวมทั้งความคลั่งไคล้ ซอฟท์แวร์ ของผมเป็นทุน ผมเลิกคิดว่า ตัวเองจะหาเงินได้เยอะ ๆ แล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากพัฒนาตัวนะ แต่เพราะผมปลง ๆ น่ะ ตั้งแต่พี่ชายผมตายไป ผมไม่มองว่า ผมอยาก มีฐานะที่มั่นคงอะไร จริง ๆ ผมเพิ่งค้นพบว่า ผมแค่อยากมีครอบครัวที่อยู่กันอย่างอบอุ่น พ่อแม่ พี่น้อง (ผมไม่มี ภรรยา โสด) แล้วก็อยากให้คนในครอบครัว มีความสุข สมฐานะ แค่พอกินพอใช้ เท่านั้นเอง ดังนั้น เรื่องที่จะไปคิดเปรียบเทียบกับใคร ผมเลิกไปแล้วจริง ๆ แต่ผมไม่ได้มองข้ามนะ สำหรับคนที่คิดหาเงิน เยอะ ๆ ด้วยการเอาเปรียบคนอื่น ผมก็พร้อมต่อต้าน แต่ผมคงไม่ไปคิด ว่าคนในประเทศนี้ ที่ดำรงชีพ ด้วยความสุจริต จะได้เงินเกินความสามารถหรือเปล่า เพราะ มันสุดแต่คนจะมอง สำหรับผม ก็มองแค่ตัวเองล่ะ ตัวเองอยู่ได้ พอกิน ก็พอแล้ว
แต่ก่อนนี่ เห็นชอบดมขี้ทักษิณอยู่นี่ครับ มาวันนี้ ตุ๊ดบอยด่าทักษิณซะแล้ว อย่างนี้จะเบิกตังค์ได้หรือเปล่า
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000123184 ส.ส.เขตได้ 1 แสนบาท และ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ 5 หมื่นบาท แม้จะได้มากว่าเดิมเมื่อครั้งพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านที่ ส.ส.จะได้คนละ 5 หมื่นบาท แต่ ส.ส.ของพรรคก็ยังไม่พอใจกับจำนวนเงินดังกล่าว เพราะคิดว่าจะได้เดือนละ 2 แสนบาท
เรื่องนี้ จริงเท็จประการใด Mongkhonrata Sukhasvasdi 5 มีนาคม 2015 · กราบนมัสการ พระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณสมเด็จช่วงฯ วัดปากน้ำ (ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระสังฆราช) ขอโอกาสกราบนมัสการเรียนถามมาด้วยความเคารพ ณ ที่แห่งนี้ครับว่า ตามที่ มีข่าวว่า อดีต ผอ.สำนักพุทธศาสนา นายนพรัตน์ฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ ไปเบิกเงิน จากกระทรวงการคลัง จำนวน23 ล้านบาท (ซึ่งเป็นเงินที่รัฐบาลจัดถวายในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช) เป็นประจำทุกปี เพื่อใช้สอยตามพระราชอัทธยาศรัย มิใช่เงินประจำตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเงินจำนวนนี้นั้น มีการถวายมาเป็นประจำทุกปี แต่ ครานี้ นายนพรัตน์ฯ ในตำแหน่ง ผอ.สำนักพุทธฯ ได้ยักย้ายเงิน ดังกล่าวนี้ ไปถวาย สมเด็จช่วง วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่ามกลางเสียงท้วงติง ในที่ประชุมของ สำนักพุทธฯ เมื่อมีเสียงท้วงติงและ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ไม่ยอมทำในสิ่งผิดนั้น นายนพรัตน์ฯ อดีต ผอ.สำนักพุทธ จึงนำไปถวายสมเด็จช่วงวัดปากน้ำ ด้วยตนเอง พร้อมพนักงานขับรถ และผู้ติดตาม (รวมจำนวน3ราย) หากแต่เงินจำนวน23ล้านบาทนี้ ได้อนุมัติจ่าย(เพื่อจัดถวาย)มาก่อนที่ สมเด็จพระสังฆราช ยังไม่สิ้นพระชนม์ ยังมีพระชนม์อยู่ และยังไม่ถวายพระเพลิงสมเด็จพระสังฆราช และ ยังไม่มีการสถาปนา พระสงฆ์รูปใด ขึ้นดำรงค์ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ทั้งนี้ หากท่านเจ้าคุณสมเด็จช่วง อยากได้เงินจำนวนนี้นั้น เห็นควรยิ่งที่ต้องนำส่งคืน ถวายสมเด็จพระสังฆราช ไปก่อน(ตามขั้นตอน) และเมื่อความจำเป็นต้องใช้เงินด้วยเหตุใดใดก็ตาม ควรทำหนังสือกราบบังคมทูล ขอเงินนี้ จาก สมเด็จพระสังฆราช ต่อไป เพื่อที่จักได้เป็นที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป หมายเหตุ ปัจจุบัน แม้จะดำรงค์ตำแหน่งผู้แทนพระองค์สมเด็จพระสังฆราช อยู่ก็ตาม แต่ ทุกเรื่อง ก็ยังต้อง ทำหนังสือกราบบังคมทูล สมเด็จพระสังฆราช ทุกครั้งไป (โดยต้องให้อดีตเลขาสมเด็จพระสังฆราช ลงนามก่อน จึงจะประทับตราได้นี่ขอรับพระคุณเจ้า) เพราะ ตราประทับ ยังอยู่วัดบวรนิเวศฯ ,พระนามเรียกขาน ก็ยังไม่ได้ใช้นะครับ ทั้งนี้ ข้าพเจ้าเองเป็นผู้มีสติปัญญาน้อย ไม่ทราบข่าว ว่าเรื่องดังกล่าวนี้เป็นมาเช่นใด จึงอยากให้ท่านเจ้าประคุณผู้แทนพระองค์สมเด็จฯ โปรดอธิบายให้เป็นที่ประจักษ์ชัดถ้อยทีเถิด เพราะเรื่องนี้ มีผู้กล่าวถึงกันมากแล้วนัก จึงไม่อยากให้เป็นที่เสื่อมพระเกียรติยศของพระคุณท่าน หากความทราบด้วยญาณวิถีใดใด ข้าพเจ้าขอกราบนมัสการขอขมาอภัยอันซึ่งโทษล่วงเกินมานี้ ณ โอกาสนี้ ก็เพราะด้วยความเคารพยิ่งนักในพระเกียรติ แห่งท่านเจ้าประคุณผู้แทนพระองค์สมเด็จฯ ส่วนตัวของอดีต ผอ.สำนักพุทธ ท่านก็จะได้ อธิบาย ข้อครหาต่างๆของท่าน ให้ ทุกคนเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งต่อไปด้วย
อ่านต่อได้ที่ : http://www.beta.ryt9.com/s/tpd/925551 ต้องจ่ายเงินเดือนให้สส.ที่สนับสนุนให้เป็นนายกฯ เดือนละเกิน 9 ล้าน แต่เงินเดือนบวกเงินประจำตำแหน่ง แค่แสนต้นๆ เท่ากับต้องควักเงินเพิ่มอีกเดือนละ 9 ล้านกว่า น่าสงสารนายกฯพรรคเพื่อไทยเนอะ ถ้าไม่หารายได้อื่นมาชดเชย ผมว่าไม่บ้าก็เมา
ศึกษาและทำความเข้าใจเนื้อหาในคลิบ แล้วจะได้รู้ผมตั้งกระทู้สื่อถึงอะไร ต้องการอะไร ทำไมถึงได้พูดว่า หลายคำถาม และหลายความคิด พากันบรมโง่มาก V V ส่วนวิธีลดช่องว่าง มีความรู้พื้นฐานเรื่องนี้ก่อนค่อยมาคุยกัน ไม่ใช่ออกความเห็นไม่รู้สี่รู้แปดกันแบบนี้
เอามาให้ดูก็ยิ่งแสดงถึงความเลื่อมล้ำ เสื้อแดงไม่มีเงินก็ติดคุกไป แกนนำก็สบาย ประกันตัว มีสิทธิคุ้มครอง มีเงินบินหนีคดีไปต่างประเทศ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แถมมีพวกใจดำอยู่บ้านสบายๆเอาผลงานที่เขาอุตส่าห์ไปประท้วงมาใช้ด่าใส่ร้ายชาวบ้านโดนไม่ลงทุนอะไรเลยแบบหน้าด้านๆ
ความเหลื่อมล้ำ ของสังคมไทย ความเหลื่อมล้ำด้านสิทธิและโอกาส เหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจฉบับพกพา ทำไมต้องมีกฏหมายปฏิรูปที่ดิน
ไปๆมาๆ ดันเป็นรัฐบาลเผด็จการทหารกะลาแลนด์ซะอีก ที่ตั้งกองทุนยุติธรรมขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีเงินในการต่อสู้คดี รัฐบาลประชาธิปไตย ดันไม่มีใครใส่ใจเรื่องนี้ เฮ้อ พรบ.กองทุนยุติธรรม http://library2.parliament.go.th/giventake/content_nla2557/law102-271058-1.pdf รัฐบาลเร่งส่งเสริมกองทุนยุติธรรม ช่วยเหลือผู้ยากไร้ในกระบวนการยุติธรรม เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม กองทุนยุติธรรม ซึ่งตั้งขึ้นตามร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม ภายใต้สังกัดของกระทรวงยุติธรรม ที่มีหลักการและเหตุผล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม โดยได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 จนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2559 หรือเป็นเวลา 1 ปี 3 เดือน มีผู้ขอความช่วยเหลือจากกองทุนแล้วทั้งสิ้น 5,983 ราย โดยกองทุนได้ให้เงินช่วยเหลือไปแล้ว 2,552 ราย โดยส่วนที่เหลือเป็นเรื่องที่ไม่เข้าเกณฑ์ บางเรื่องยุติไปแล้ว และบางเรือง อยู่ระหว่างดำเนินการ ที่ผ่านมา แม้กองทุนจะมีหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุน สำหรับใช้จ่ายเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชน ในการดำเนินคดี ทั้ง ค่าจ้างทนายความ ค่าธรรมเนียมศาล หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับคดี รวมไปถึง การขอปล่อยตัวชั่วคราว และการช่วยเหลือ ผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ยังมีผู้ที่เข้าไม่ถึงกองทุนดังกล่าว อันเนื่องจากไม่ผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณา พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในปี 2559 นี้ รัฐบาลจะทบทวน เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย พร้อมวางระบบสารสนเทศให้รองรับการทำงานระดับจังหวัดกระจายอำนาจให้กองทุน ทั้ง 76 จังหวัด มีความเท่าเทียม เพื่อสามารถช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยผู้ที่จะขอรับการสนับสนุนจะต้องมีฐานะยากจน มีความประพฤติดี ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และไม่ซ้ำซ้อนกับการช่วยเหลือตามกฎหมายอื่น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ต้องการลดความเลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในสังคมทุกมิติ โดยเฉพาะการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ที่ทุกคน สามารถต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองไม่ว่าจะมีสถานะทางสังคมอย่างไรต้องได้รับความยุติธรรมที่เท่าเทียม
เรื่องลดความเลื่อมล้ำ ทั้งภาษีที่ดิน ภาษีมรดก ก็เป็นรัฐบาลเผด็จการทหารกะลาแลนด์อีกที่เป็นคนผลักดันจนสำเร็จ ภาษีมรดก ประกาศใช้เรียบร้อยแล้ว พรบ.ภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 http://www.rd.go.th/region12/fileadmin/web_internet2555/news/2558/Inheritance_Tax_Act_2015.pdf ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างยังรอสรุป คาดว่าประกาศใช้ปี 2560 http://news.mthai.com/hot-news/infographics/464630.html
ส่วนเรื่องความมั่นคงของชีวิตหลังเกษียณการทำงาน ก็ดันเป็นรัฐบาลเผด็จการทหารกะลาแลนด์อีกเช่นกัน ที่ออกมาจัดการให้ประชาชน ความจริงกฎหมายนี้ได้ผ่านเป็น พรบ. ตั้งแต่สมัยมาร์คแล้ว แต่พอมารัฐบาลอีโง่ดันไม่ตั้งกองทุนซะงั้น รัฐบาลเผด็จการทหารกะลาแลนด์จึงต้องมาทำให้เป็นรูปเป็นร่างอีกที พรบ.กองทุนการออมแห่งชาติ ลงในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 11 พฤษภาคม 2554 http://www.fpo.go.th/FPO/member_profile/it-admin/upload/file/1(10).pdf ************************************************** แต่พอมารัฐบาลนังโง่ กลับมาดองกฏหมายนี้ซะ 2 ปีกว่า ไม่ประกาศใช้ จนหลายฝ่ายต้องออกมาทวงกันใหญ่ 'กรณ์'อัด'พท.'ไม่ยอมตั้งกองทุนการออม http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/578814?view=desktop นักวิชาการนิด้า จี้คลังเร่งเดินหน้ากองทุนการออมแห่งชาติ http://www.isranews.org/thaireform-news-labor-quality/item/34394-thaireform161157.html ยุบ "กองทุนการออมแห่งชาติ" "บำนาญประชาชน" ต้องรอกันต่อไป? http://www.naewna.com/scoop/66808 ************************************************** แต่ล่าสุด ลุงตู่ได้เดินหน้าโครงการณ์นี้ต่อแล้ว ต่อไปประชาชนในยามแก่ชราจะได้มีเงินสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มขึ้น รัฐบาลเตรียมตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ดูแลคนไทยในวัยเกษียณที่ไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญราชการ หวังสร้างนิสัยการออมทุกช่วงวัย แนะออมเร็วออมมาก ยิ่งสบายยามชรา เริ่ม 18 ส.ค.นี้ ล่าสุดขณะนี้ได้จัดเตรียมระบบรองรับใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งในวันเปิดโครงการ นายกรัฐมนตรีจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกคนแรก เพื่อส่งเสริมให้ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระที่มี อยู่กว่า 30 ล้านคน ได้ออมเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ โดยที่รัฐจะช่วยจ่ายสมทบให้ส่วนหนึ่ง และเมื่อผู้ออมมีอายุครบ 60 ปีก็จะได้รับเงินบำนาญพร้อมดอกเบี้ยเป็นรายเดือนตลอดชีพ ซึ่งผู้สนใจสามารถยื่นสมัครได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และที่ ธกส. โดยใช้หลักฐานเพียงบัตรประชาชนอย่างเดียว ทั้งนี้เงินสะสมขั้นต่ำสามารถส่งได้ตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี โดยภาครัฐจะจ่ายเงินสมทบให้ตามสัดส่วนของอายุ คืออายุตั้งแต่ 15 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี รัฐจ่ายสมทบให้ร้อยละ 50 ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน 600 บาทต่อปี แต่ถ้าอายุ 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี รัฐสมทบให้ร้อยละ 80 แต่ไม่เกิน 960 บาทต่อปี และอายุ 50 ปีขึ้นไป รัฐสมทบ 100 % แต่ไม่เกิน 1,200 บาท เกณฑ์การจ่ายเงินสมทบภาครัฐ 1.อายุ 15-30 ปี รัฐสมทบให้ 50 % แต่ไม่เกิน 600 บาท/ปี 2.อายุ 31-50 ปี รัฐสมทบให้ 80 % แต่สูงสุดไม่เกิน 960 บาท/ปี 3.อายุ 51 ปีขึ้นไป รัฐสมทบให้ 100 % แต่สูงสุดไม่เกิน 1,200 บาท/ปี ********************************************** ล่าสุดได้ขยายโครงการให้ครอบคลุมพนักงานเงินเดือนบริษัทและรัฐวิสาหกิจด้วย กระทรวงการคลังเดินหน้าฟื้นกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพื่อให้ครอบคลุมกับพนักงานบริษัทที่ไม่มีสวัสดิการ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กฤษฎา จีนะวิจารณะ บอกว่า เพื่อดูแลประชาชนวัยเกษียณให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม จึงฟื้นแนวคิดการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ หรือ กบช. เพื่อให้เป็นกองทุนรองรับการดูแลประชาชนให้มีสวัสดิการวัยเกษียณให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม เพราะกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกบข. ดูแลข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพดูแลพนักงานรัฐวิสาหกิจและบริษัทจดทะเบียน ขณะที่กองทุนประกันสังคมดูแลพนักงานบริษัท กองทุนการออมแห่งชาติ หรือกอช. ดูแลผู้มีอาชีพอิสระ แต่พนักงานบริษัทบางกลุ่มไม่มีสวัสดิการดูแลในเรื่องบำนาญและยังไม่ครอบคลุม จึงต้องการรื้อฟื้นแนวคิดดังกล่าว เพื่อให้กองทุนประกันสังคมสามารถดึงกลุ่มพนักงานที่ต้องการรับเงินบำนาญนำส่งเงินสะสมเข้ากองทุนเพิ่มจากปัจจุบัน โดยขณะนี้กำลังเร่งสรุปแนวทางการศึกษาทั้งหมด เพื่อเสนอปลัดกระทรวงการคลังพิจารณา สำหรับแนวทางการดำเนินงานของ กบช.เตรียมมอบหมายให้ กอช.บริหารจัดการกองทุน ขณะนี้ต้องศึกษาอีกหลายด้าน ทั้งแนวทางการนำส่งเงินสะสมเข้ากองทุนของนายจ้างและลูกจ้าง หลังจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเคยศึกษามาแล้วในช่วงปี 2550 โดยช่วงนั้นเสนอให้สมาชิกลูกจ้างและนายจ้างส่งเงินสะสมเข้ากองทุนอัตราร้อยละ 3 ของเงินเดือน แต่ปัจจุบันปัจจัยหลายด้านได้เปลี่ยน จึงต้องศึกษาแนวทางการนำส่งเงินสมทบให้ชัดเจน ข่าวดีมนุษย์เงินเดือน และพนักงานรัฐวิสาหกิจ วันนี้ กระทรวงการคลัง เตรียมจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพื่อให้คนกลุ่มนี้ มีเงินใช้เพิ่มยามเกษียณอายุ เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจาก นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค.ว่า ขณะนี้ กำลังเร่งสรุปการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ หรือ กบช.เพื่อดูแลสวัสดิการทุกคนให้มีโอากาสได้รับเงินบำนาญเมื่อเกษียณอายุเพียงพอต่อการยังชีพอย่างเท่าเทียมเช่นเดียวกับสวัสดิการของข้าราชการที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. โดยกองทุน กบช.จะดำเนินการแบบภาคบังคับ ครอบคลุมพนักงานรัฐวิสาหกิจ และ พนักงานบริษัทขนาดใหญ่ โดยการส่งเงินสมทบเข้ากองทุน กบช.จะมีลักษณะเดียวกับกองทุน กบข. แต่จะไม่มีภาระเพิ่มเติมกว่าที่เคยจ่ายในปัจจุบัน เช่น ปัจจุบันพนักงานส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 10% นายจ้างจะสมทบให้ 10% แต่หากมีกบช.ภาคบังคับ พนักงานจะลดเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 7% และ แบ่งไปสมทบในกบช. 3% โดยนายจ้างจะแบ่งสมทบในลักษณะเดียวกัน และ เมื่อเกษียณ จะนำเงินดังกล่าวจ่ายคืนให้เป็นบำนาญแบบรายเดือน โดยจะสรุปหลักเกณฑ์ และ เสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาในเร็วๆ นี้ **************************************** สรุป : เรื่องกองทุนดูแลหลังเกษียณ ข้าราชการ => กบข. (กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ) พนักงานรัฐวิสาหกิจ,พนักงานเอกชน => กบช. (กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ) ประชาชนทั่วไป => กอช. (กองทุนการออมแห่งชาติ)
ทำดีก็ขอชม ??? แล้วหมาที่ไหน มันมาแสดงความเห็นเหน็บแนมอยู่ที่กระทู้นี้นะ วานบอก ??? https://xn--12c4db3b2bb9h.net/threa...จากพี่มาร์ค-และได้รับการสานต่อโดยลุงตู่.2615/
เขาเรียกว่าตอบแก้เกี้ยวกันขายขี้หน้า โง่โดนจูงจมูก เน็ตก็มีให้ค้นหา แต่โตมาแบบขี้เกียจ ไม่ใฝ่รู้ แบมือขอ หรือไม่คิดทำมาหากินแบบสุจริตชน คงคิดว่าพ่อนักโทษเขาดีที่หนึ่งลดความเหลื่อมล้ำ ที่ไหนได้ตัวปั่นความเหลื่อมล้ำให้โคตรเหง้าลูกหลานมันสามารถมีควายแดงมาเป็นทาส ทั้งที่เลิกทาสกันมานานแล้ว
กระทู้พูดถึงเรื่องอะไรก็ตาม... ถ้าสามารถโยงทักษิณเข้ามาเกี่ยวข้องได้... คุณจะกลายเป็น "นักแถนอกเรื่อง" ในตำนาน!!
บิ๊กตู่ใช้ ม.44 รื้อ "บอร์ดประกันสังคม" - โพสต์ทูเดย์ ข่าวการเมือง หน.คสช. ใช้ ม.44 เลิก คกก.ประกันสังคม-กองทุนเงินทดแทน-คกก ... บอร์ด สปส.ปล่อยกู้รัฐบาล 2 แสนล้าน ค้าน มติ บอร์ดประกันสังคม ปล่อยกู้รัฐ 2 แสนล้าน สร้างรถไฟ - Kapook ลูกจ้างค้าน สปส.ปล่อยกู้รัฐ 2 แสนล้านบาท กสทช.อนุมัติให้ ก.คลังยืมเงิน 1.4 หมื่นล้าน 3 ปีไม่คิดดอก บิ๊กตู่ งัด ม. 44 เปิดช่อง ใช้เงินกองทุนสลากกินแบ่งฯ สนองนโยบายรัฐ ที่มา มติชน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1439216049 ช่างขรรมจริงกับข่าว รัฐเดินหน้ากองทุนการออมแห่งชาติ
สปส. มีเงินบำนาญชราภาพนะใช่ แต่เงื่อนไขนะคนละเรื่อง ไปศึกษาก่อนดีกว่านะ ก่อนจะโชว์โง่ เงื่อนไขการเกิดสิทธิกรณีบำนาญชราภาพ - จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม - มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ - ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง http://www.sso.go.th/wpr/category.jsp?lang=th&cat=873 คำถามต่อมามี สปส. แล้วทำไมบริษัทเอกชนใหญ่ๆ ถึงได้ออกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้พนักงานมาอีกละ ??? เพราะมันทำให้ลูกจ้างได้ผลประโยชน์เพิ่มเติมไงละ จากที่มีอยู่แล้วใน สปส. ไปศึกษาต่อที่นี่นะ https://www.set.or.th/education/th/begin/mutualfund_content14.pdf แล้วถ้ารัฐตั้ง กบช. แล้วมันดียังไง ??? กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนี่มันไม่ได้มีทุกบริษัทนะ รัฐวิสาหกิจหรือบริษัทไหนใหญ่ๆ เค้าก็ตั้งให้พนักงานเค้า บริษัทเล็กๆ ไม่มีหรอกนะ ถ้าตั้ง กบช. ขึ้นมา พนักงานบริษัทเล็กๆ ก็ได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นมาด้วย พูดง่ายๆ ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างพนักงานบริษัทขนาดเล็กกับพนักงานรัฐวิสาหกิจหรือพนักงานบริษัทขนาดใหญ่ไงละ
แล้วเวลาเอาข่าวมาอ้างนะ เคยอ่านเนื้อหาข่าวที่ตัวเองเอามาอ้างบ้างหรือเปล่า ค้าน มติ บอร์ดประกันสังคม ปล่อยกู้รัฐ 2 แสนล้าน สร้างรถไฟ http://hilight.kapook.com/view/121641 รัฐบาลออกเป็นพันธบัตรให้ สปส. ซื้อ แล้วเอาเงินที่ได้จากการขายพันธบัตรไปลงทุน ไม่ใช่จู่ๆ รัฐบาลจะเอาเงิน สปส. มาเฉยๆ ซะเมื่อไหร่ และปกติ สปส. ก็ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอยู่แล้วด้วย http://www.sso.go.th/wpr/content.jsp?lang=th&cat=959&id=4404
ยิ่งถ้าพูดถึงการเอาเงินกองสลากมาใช้ ให้ไปถามไอ้แม้วได้เลย ไอ้นั่นละตัวต้นแบบที่เอาเงินกองสลากมาใช้เล่นแร่แปรธาตุเป็นคนแรก มูลนิธิสำนักงานสลากฯ “ตู้เอทีเอ็ม-เครื่องมือ” นักการเมืองแจกเงินผ่านโควตาหวย – พนักงานยันลูกจ้างสำนักสลากฯรับเงินสดไม่หักภาษีส่งสรรพากร http://thaipublica.org/2015/05/lottery-12/