คราวก่อนเรื่องข้าว คราวนี้เรื่องเงิน 7.5 ล้านอีก *************************************************** ป.ป.ช.เตรียมสรุป กรณี ครม.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จ่ายเงินเยียวยาให้เฉพาะกลุ่มนปช.เป็นไปตามกฏหมายหรือไม่ ภายในเดือนมี.ค.นี้ ประธาน ป.ป.ช.ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ บอกว่า อนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีครม.ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จ่ายเงินเยียวยาจำนวน 577 ล้านบาท ให้กับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปลายปี 2548 - พ.ค.2553 จำนวน 524 ราย ว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยการเลือกจ่ายเงินให้กับกลุ่มการเมืองใด เพียงกลุ่มการเมืองเดียวหรือไม่ คาดจะได้ข้อสรุปภายในเดือนมี.ค.นี้เพราะขณะนี้ สอบพยานครบหมดแล้ว สำหรับกรณีนี้มีผู้ถูกกล่าวหาคือครม.ชุดที่ 1 และ 2 สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีอดีตรองนายกฯ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอของ คอป.
สำหรับคนดวงตกหรือพวกบารมีตก บางคนความเลวร้ายมันมาเป็นแพ็คเกจ ประเภทว่าหมัดแรกไม่น๊อค ไปน๊อคเอาหมัดสี่หมัดห้า
ตอนที่แจก 7.5 ลบ. เอากฏหมาย ข้อระเบียบไหนเป็นบรรได เมื่อไม่ถูกต้อง ก้อต้องริบคืน ซื้อบ้านริบบ้าน ไม่มีก้อยึดทรัพย์ จนท. ที่เกี่ยวข้อง ก้อต้องโดน มีคำสั่งก้อรอด ทำตามสั่งก้อซวย!
ถ้าจำไม่ผิดมันอ้างรายงานของชุด คณิต ณ นคร แล้วออกเป็นมติ ครม. มติ ครม. ปกติก็ถือเป็นกฏหมายอยู่แล้ว แต่จะมีสถานะเหนือกว่า พรบ. กฏกระทรวงหรือไม่ อันนี้ขอฟังความเห็นผู้เชี่ยวชาญก่อน
จากรายงานทั้งฉบับ มันเลือกเอามาใช้เฉพาะที่เสื้อแดงจะได้ประโยชน์ ตั้งตัวเลขขึ้นมาตามใจชอบ มันไม่ใช่เงินเยียวยา แต่น่าจะเรียกว่า ค่าจ้างเผา
ทำไมมีความรู้สึกว่าเดียวซักพักจะมีคนมาโวยวายว่าอำมาตย์เผด็จการกลั่นแกล้ง, พวกสลิ่ม กปปส. ยังได้ จบลงด้วยถุย อะไรประมาณนี้
เค้าบอกว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยการเลือกจ่ายเงินให้กับกลุ่มการเมืองใด เพียงกลุ่มการเมืองเดียวหรือไม่ ไม่ได้จ่ายไปถึงกลุ่มการเมืองอื่นๆด้วย หัดอ่านแล้ววิเคราะห์บ้างนะ กินแต่หญ้าก็งี้ละ รีบกระโดดขึ้นงับเชียว
หาข่าวแหล่งอื่นนอกจากช่องควายแดงดูบ้างนะ จะได้ไม่ต้องหน้าด้านแถจนโดนด่าให้เป็นที่อับอายของผู้ใหญ่ที่บ้านที่สั่งสอนเลี้ยงดูมาไม่ดี ผมยังจำคำของนางปิ๊กกก ได้ตอนที่ถูกนักข่าวถามเรื่องเงินเยียวยาระหว่างไปร่วมงานศพเด็ก 2 พี่น้องที่โดน M-79 ที่หน้าบิ๊กซีราชดำริ ในฐานะผู้แลดู กระทรวงไม่พัฒนาสังคมและบ่อนทำลายความมั่นคงของมนุษย์ เทอว์บอกว่าได้สั่งการจ่ายเงินเยียวยาให้เรียบร้อยแล้ว แต่พอนักข่าวถามต่อไปว่า แล้วผู้ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตที่มีทั้งผู้หญิง เด็ก จากอาวุธสงครามและระเบิดที่จันทบุรีล่ะ เรื่องนี้เทอว์กลับสำรากออกมาหน้าตาเฉยว่า ไม่มี(ไม่อยู่ใน)อำนาจที่จะพิจารณา นี่คือโฉมหน้าที่แท้จริงของขี้ข้าสมุนไอ้เหลี่ยมที่ หน้าซื่อ ใจคด ชั่วช้า อำมหิต สามานย์ ไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกมันจะใส่หน้ากากเป็นหน้าอะไรก็ตาม แต่ถึงจุดหนึ่งความอัปลักษณ์โสมมที่เคยปิดบังไว้ก็ต้องเปิดเผยออกมาให้โลกได้รู้
อย่าเอาพฤติกรรมตัวเองมาเทียบคนอื่นสิครับ ว้า ควายแดงต้องคืนเงินสิ ถลุงไปหมดแล้วนี่ จะทำยังไง ก๊ากกกกกกกกก
ป่าช้าก็อย่าพาออกทะเลสิครับ ว่าเขาอคติบังตา แล้วป่าช้าไม่เคยคิดว่าตัวเองมีอคติเหรอครับ และแล้วป่าช้ายังคงโง่เหมือนเดิม อ่านรายละเอียดบ้างนะ
จากกรณี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และพวก ละเว้นไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกรณีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ทำให้เกิดความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวกว่า 600,000 ล้านบาท รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การยื่นฟ้องจะแบ่งเป็น 2 กรณี มีโจทก์ยื่นฟ้องคนละโจทก์โดยคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์กระทรวงการคลังจะเป็นโจทย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะยื่นฟ้องผ่านศาลใดเนื่องจากคดีมีความเกี่ยวข้องกันอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะยื่นฟ้องรวมที่ศาลปกครองได้หรือไม่ นายวิษณุ ระบุอีกว่า ภายใน 1-2 วันนี้ อาจจะมีการตั้งคณะกรรมการชุดแรก คือ คณะกรรมการพิจารณาข้อเท็จจริงและกำหนดจำนวนข้าวเสียหาย ต่อจากนั้นจะส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการพิจารณาเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่อยู่ในระเบียบว่าด้วยการเรียกค่าเสียหายทางแพ่งมีอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธานมีอัยการและคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นกรรมการคาดว่า คณะกรรมการฯ น่าจะใช้เวลาไม่นานโดยจะเร่งส่งฟ้องภายในปีนี้ เนื่องจากมีอายุความ 2 ปี สิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2560
รัฐบาลเตรียมฟ้องร้องคดีทางแพ่งเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง อดีตรัฐมนตรีที่รับผิดชอบโครงการ โดยจะตั้งกรรมการขึ้นมาพิจารณากำหนดจำนวนเงินค่าเสียหายทั้งหมด ******************************************** พาณิชย์ตั้งคณะทำงานเรียกค่าเสียหายจำนำข้าวเตรียมชงรองนายกฯด้านกม.พิจารณาต่อ วันนี้(11มี. ค.58) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รมว.พาณิชย์) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกันระหว่างรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย รมว.พาณิชย์ และ รมว.คลังเห็นชอบ ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ตั้งคณะทำงานพิจารณาร่วมกันในการเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวกรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้เกิดความเสียหาย ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ส่งหนังสือถีงกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ให้เร่งดำเนินการพิจารณาความเสียหายจากผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งผลหารือมีข้อสรุปให้ตั้งคณะทำงานพิจารณาเรียกค่าเสียหายของแต่ละฝ่าย ทั้งฝ่ายกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงคลัง ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานและประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมหารือแนวทางว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไร ก่อนจะเสนอกลับไปยังรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายเพื่อพิจารณาต่อไป
รอลุ้นวันที่ 19 มีนา กันนะครับ ********************************************** อัยการสูงสุดหอบเอกสาร 205 กล่อง กว่า 70,000 หน้า ยื่นฟ้องอาญา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกรวม 21 รายแล้ว ซึ่งข้อกล่าวทั้งหมดเป็นไปตามคำฟ้องกรณีกา รทุจริตต่อหน้าที่ในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ในโครงการรับจำนำข้าว ตามประมวลกฏหมายอาญาของ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และ พ.ร.บ. ปปช. ฐานใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบละเว้นการปฏิบัต ิหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยแบ่งผู้ถูกกล่าวหาเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน ซึ่งขั้นตอนจากนี้ ศาลฎีกาจะเลือกองค์คณะผู้พิพากษาจำนวน 9 คนมาพิจารณาคดีนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 14 วัน ก่อนนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ในวันที่ 20 เมษายนนี้ ทั้งนี้ความเสียหายที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการปี 47 ถึง ก.ย.57 รวม 13 ปี 5 รัฐบาล ส่งผลขาดทุนประมาณ 7 แสนล้านบาท เป็นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 4 โครงการ คิดเป็นผลขาดทุนประมาณ 5.36 แสนล้านบาท เฉพาะกรณีทุจริตระบายข้าวจีทูจีของนายบุญทรง สร้างความเสียหายประมาณ 70,000 ล้านบาท ด้านทีดีอาร์ไอ เห็นว่าไม่สามารถฟ้องร้องค่าเสียนหายได้ทั้งหมดเพราะบางส่วนเป็นเงินที่นำมาอุดหนุนชาวนาตามนโยบายรัฐบาล ส่วนคดีละเลยการปฏิบัติหน้าที่ไม่ระงับยังยั้งโครงการรับจำนำข้าว ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังศาลฎีกาได้คัดเลือกองค์คณะผู้พิพากษาแล้วได้นัดฟังคำสั่งว่าศาลจะรับไม่รับพิจารณาในวันที่ 19 มีนาคมนี้ **************************************************** ประเด็นร้อนทางการเมืองที่ต้องจับตามองในสัปดาห์นี้เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งก็คือคดีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว วันนี้ อัยการสูงสุด นำเอกสารสำนวนกว่า 200 ลัง ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก รวม 21 ราย ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีทุจริตต่อหน้าที่ในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ในโครงการรับจำนำข้าว ตามประมวลกฎหมายอาญา ของพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฐานใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ซึ่ง ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดไม่ได้เดินทางมาศาลในวันนี้ โดยตามกฎหมายแล้ว อัยการสามารถส่งสำนวนฟ้องศาลได้เลยเช่นเดียวกับกรณีการยื่นฟ้องสำนวนคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะ ที่คดีสำคัญอีกคดีหนึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 19 มีนาคมนี้ โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดรับฟังคดี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าจะรับฟ้องในคดีไม่ระงับยับยั้งในโครงการรับจำนำข้าว จนทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่ ซึ่งหากศาลประทับรับฟ้อง ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการนัดผู้ถูกกล่าวหามาไต่สวนข้อเท็จจริงนัดแรก โดยในวันนั้นอดีตนายกรัฐมนตรี จะต้องเดินทางมาศาลด้วยตัวเอง ขณะที่ย้อนกลับไปดูความเป็นมาของคดีนี้ เริ่ม จาก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลและะคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งขณะนั้น มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวหาว่าการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐมีความไม่ชอบมาพากล โดยพบว่าบริษัทเอกชนที่อ้างว่ามาจากรัฐบาลจีน เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวกับรัฐบาลไทย เป็นการกระทำเพื่อหวังหลีกเลี่ยงการประมูลข้าว ทำให้สามารถซื้อข้าวได้ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดของไทย รัฐขาดทุนมหาศาล ก่อนยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบกรณีนี้ รวมทั้งให้ตรวจสอบคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ด้วย ทั้ง นี้ ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายบุญทรง กับ พวก เมื่อวันที่ 16 ม.ค 2557 เนื่องจากพบมูลเหตุของการทุจริตจริง และขยายผลไปถึงการชี้มูลความผิด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ด้วย โดย ป.ป.ช. ได้ใช้เวลา 1 ปีในการไต่สวนคดีนี้ ก่อนจะมีมติชี้ความผิดคดีอาญา นายบุญทรง พร้อมพวก รวม 21 คน เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้ถูกชี้มูลทั้งสิ้น 21 คน มีนักการเมือง 3 คน คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว และ พันตรี วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ที่ เหลือเป็นอดีตข้าราชการ และ เอกชน อาทิ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี่ยง ที่มีความใกล้ชิดกับบริษัท สยามอินดิก้า โดย พบว่าผู้ถูกชี้มูลทั้งหมด กระทำการช่วยเหลือ เอื้อผลประโยชน์ให้บริษัท จีเอสเอสจี กับ บริษัท ไห่หนาน เกรน แอนด์ ออยล์อินดัสเตรียล เทรดดิ้ง ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจากรัฐบาลจีนทั้งที่ไม่ได้รับมอบหมายจริงเข้ามาทำสัญญา ซื้อขายข้าวกับรัฐบาลไทยแบบรัฐต่อรัฐโดยไม่ต้องแข่งขันกับรายอื่น สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประเทศ ซึ่ง การทำสัญญามีจำนวน 4 ครั้ง รวมกว่า 6.3 ล้านตัน คิดเป็นเงินกว่า 70,000 ล้านบาท ผ่านผู้รับมอบอำนาจชำระเงินจากบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ทั้งนี้ ยังมีบริษัทเอกชนอีก 100 กว่าราย ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.เพื่อชี้มูลความผิดต่อไป
รัฐบาลตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุดเพื่อติดตามเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ของอดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากศาลฏีกานักการเมืองรับฟ้อง และนัดไต่สวนครั้งแรก 19 พ.ค.นี้ รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย วิษณุ เครืองาม บอกว่า ได้ส่งรายชื่อคณะกรรมการติดตามเรียกค่า เสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาแล้วประกอบด้วยคณะกรรมการ 2 ชุด คือ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและกำหนดจำนวนค่าเสียหาย ที่มีนายจำเริญ ยุติธรรมสกุล รองปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และคณะกรรมการว่าด้วยการรับผิดทางแพ่ง ที่มีนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธาน คาดว่านายกฯ น่าจะลงนามแต่งตั้งในอีก 1-2 วันนี้ จากนั้นจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาว่ามูลค่าความเสียหายจะเป็นเท่าใด และตัวบุคคลที่ต้องรับผิด ซึ่งตอนนี้รู้อยู่แล้วว่าเป็นใครบ้าง เพียงแต่ว่าจะมีใครเพิ่มเข้ามาอีกหรือไม่เท่านั้น รองนายกฯ ย้ำว่า หากการประชุมคณะกรรมการทั้งสองคณะได้ข้อยุติแล้ว จะมีการยื่นเรื่องให้อัยการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป ซึ่งการฟ้องจะต้องดำเนินการก่อนหมดอายุภายใน 2 ปีแน่นอน แต่เรื่องใหญ่คือมูลค่าความเสียหายที่จะต้องกำหนดว่าใครรับผิดเท่าใด และใครต้องเป็นคนจ่าย ส่วนจะเสียหายยังไม่ทราบตัวเลขที่ชัดเจน แต่หากสมมติเอา 6 แสนล้านบาทมาให้คนใดคนหนึ่งรับผิดขอบคงเป็นไปไม่ได้ ต้องไปดูตาม ความรับผิดชอบของแต่ละคน ก่อนหน้านี้มีหมายศาลจากศาลฎีกาเเผนกดดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง มาเเปะไว้ที่หน้าบ้านพักคุณ ยิ่งลักษณ์ ที่ซอยโยธินพัฒนา 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหมายควาว่า คุณยิ่งลักษณ์ รับทราบวันที่ศาลฏีกานัดไต่สวนครั้งแรก 19 พฤษภาคม นี้ โดยคุณยิ่งลักษณ์ ต้องไปศาลด้วยตัวเอง เพื่อต่อสู่คดีอาญา จากโครงการปลอ่ยปะละเลยให้มีการทุจริตรับจำนำข้าว ********************************************** เจ้าหน้าที่บุกหน้าบ้าน“ยิ่งลักษณ์” ปิดประกาศหมายนัดพิจารณาคดีจำนำข้าวครั้งแรก19พ.ค.นี้ วันนี้ (24มี.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และเจ้าหน้าที่จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เดินทางไปบ้านของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อปิดประกาศหมายนัดพิจารณาคดีครั้งแรก ในวันที่ 19 พ.ค.58 เวลา 9.30 น. ที่ศาลฎีกาฯ พร้อมแนบสำนวนคำฟ้องในคดีดังกล่าว กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวมาด้วย รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่จาก อสส. ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อขอให้ออกมารับหมายนัดพิจารณาคดีครั้งแรก แต่ปรากฏว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้อยู่ในบ้าน เนื่องจากเดินทางออกไปทำงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ช่วงเช้า พร้อมกับการ์ดรักษาความปลอดภัยจำนวนหนึ่ง ส่วนจะกลับมาเวลาไหนนั้นไม่สามารถทราบได้ เจ้าหน้าที่จาก อสส. จึงต้องปิดประกาศหมายนัดดังกล่าวไว้ที่ประตูหน้าบ้าน เลขที่ 38/9 ซอยนวมินทร์ 111 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. ทั้งนี้ หมายนัดพิจารณาคดีครั้งแรกของศาลฎีกาฯ ระบุว่า อสส. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยคดีเรื่องนี้ศาลฎีกาฯ ได้นัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 19 พ.ค. 2558 เวลา 9.30 น. ณ ห้องพิจารณาคดีแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยศาลฎีกา ชั้น 1 และได้ส่งสำเนาคำฟ้องมาพร้อมหมายเรียกฉบับนี้แล้ว เพราะฉะนั้น ให้ท่านไปศาลตามกำหนดนี้ ลงชื่อ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ผู้พิพากษา นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ผู้พิพากษา และนายธนสิทธิ์ นิลกำแหง ผู้พิพากษา ***************************************************** ศาลฎีกาฯเลือกองค์คณะ9คนพิจารณาคดี “บุญทรง-พวก” ทุจริตระบายข้าวจีทูจี นัดประชุม20เม.ย.นี้ วันนี้ (25มี.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ ในวันนี้ นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานประชุมใหญ่ศาลฎีกา ได้นัดประชุมใหญ่ศาลฎีกา เพื่อเลือกองค์คณะ ผู้พิพากษา 9 คน ทำหน้าที่พิจารณาคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กับพวก 21 คน กรณีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือ ฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ทั้งนี้ มีผู้พิพากษาร่วมประชุม จำนวน 170 คน ซึ่งมติการลงคะแนน มีผู้พิพากษาในศาลฎีกาที่ได้รับเลือกเป็นองค์คณะจำนวน 9 คน คือ นายธนกฤษ์นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ นายวิรุฬห์ แสงเทียน นางทัศนีย์ จั่นสัญจัย ธรรมเกณฑ์นายชีพ จุลมนต์ นางพฤษภา พนมยันตร์ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ นางนวลน้อย ผลทวี และ นายอภิรัตน์ ลัดพลี อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะต้องแจ้งให้องค์คณะทั้ง 9 คน รับทราบว่าเป็ผู้ถูกพิจารณารับเลือกให้พิจารณาคดีดังกล่าว ก่อนที่องค์คณะจะมีการประชุมเลือกเจ้าของสำนวน รวมถึงประชุมพิจารณาว่าจะประทับรับฟ้องคดีตามที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องมาหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นมีกำหนดนัดวันประชุมในวันที่ 20 เม.ย.นี้
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ส่ง "วิชา มหาคุณ" แถลงเปิดคดีถอดถอน "บุญทรง เตริยาภิรมย์" และ "ภูมิ สาระผล" ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันนี้ (1เม.ย.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติมอบหมายให้ นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ในระดับผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ทำหน้าที่แถลงเปิดคดีต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในการพิจารณาถอดถอนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ,นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ ที่มีพฤติกรรมส่อว่าทุจริตต่อหน้าที่และกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ
